ชาไข่มุกน้ำตาลทรายแดงก็โปรด ตอนเย็นเพื่อนชวนสังสรรค์ด้วยปิ้งย่างเนื้อ A5 นำเข้าก็ชอบ ใครจะอดใจไหว
เรื่องวิ่งรอบสวนสาธารณะขอเก็บไว้ก่อน โยคะร้อนก็ขอบาย ขยับนิ้วเลื่อนฟีดเฟซบุ๊กแบบนี้สิถูกใจ ใครเป็นเหมือนกันบ้าง น้ำตาลตัวร้าย หมูสามชั้นตัวดี กับดักล่อสุดหิน กว่าจะผ่านด่านบอสไปออกกำลังกายได้ ยากเหลือเกิน
จริงๆ ความหมายของคำว่า สุขภาพ มีรากศัพท์จาก สหภาพของความสุข แน่นอนว่าสุขย่อมตรงข้ามกับทุกข์

“แพตเทิร์นของความสุข-ความทุกข์ของทศวรรษนี้มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง” ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บอกเหตุผลว่าทำไมต้องเกิดแคมเปญ ‘ชีวิตดี เริ่มที่เรา (Live Healthier)’
เป็นการรวมทุกกระบวนท่าจากทุกแคมเปญของ สสส. จากประสบการณ์ที่คอยดูแลคนไทยมาตลอด 18 ปี เสมือนหนุ่มสาววัยรุ่น วัยแห่งการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ด้วยการชวนคนไทยดูแลพฤติกรรมสุขภาพผ่าน 8 เรื่องใกล้ตัว ทำได้ง่ายในชีวิตประจำวัน ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยการจุดประกาย กระตุ้น เสริมและสร้างพลังให้คนไทย
“เราอยากเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพ ทักษะของผู้คนในการดูแลตัวเอง ด้วยการชักชวนให้เขามีวิถีชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพที่ดี กระตุ้นสติ ให้ความรู้ ให้เครื่องมือ ให้กำลังใจและเป็นหนึ่งในตัวช่วยให้เขาลุกขึ้นมามีชีวิตดี”
ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มทำชีวิตดีด้วย 8 วิธีสุดง่ายกัน

กินให้พอดี ขยับกายให้มีพลัง
ตอนเป็นเด็กเราถูกสอนมาว่าให้กินอาหารครบ 5 หมู่ สุขภาพและร่างกายจะได้แข็งแรง แต่สำหรับยุคสมัยปัจจุบันดูเหมือนการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่จะไม่เพียงพอ ด้วยอัตราเด็กอ้วนเยอะขึ้น คุณหมอท่าทางใจดีเลยแนะว่า ควรกินอาหารแบบ 2:1:1 เป็นการกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสมในแต่ละมื้อ แถมช่วยลดพุงกลมและลดโรคได้ด้วย
หลักการง่ายมาก! ด้วยการแบ่งสัดส่วนจานอาหารเป็น 4 ส่วน ผัก 2 ส่วน แป้ง 1 ส่วน และเนื้อสัตว์ 1 ส่วน
เมื่อกินถูกสัดส่วนแล้วต้องขยับแขน ขยับขาร่วมด้วย เพราะพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย อดีตเน้นทำอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ต้องออกแรงเสริมกำลัง ถือเป็นการออกกำลังกายขยับแข้งขาไปในตัว แต่ปัจจุบัน สสส. บอกว่าคนไทยมีพฤติกรรมเนือยนิ่งเพิ่มขึ้นจากการติดคอมพิวเตอร์ มือถือ การนั่งเรียน และเข้าประชุม หากทำสิ่งเหล่านั้นต่อเนื่องนานเกิน 2 ชั่วโมง จะส่งผลต่อระบบทำงานของลำไส้ ประสิทธิภาพการย่อยอาหารลดลง ต่อด้วยโรคร้าย
การขยับร่างกายเลยสำคัญไม่แพ้การออกกำลังกาย สสส. เลยเปลี่ยนจากคำว่า ออกกำลังกาย มาเป็น กิจกรรมทางกาย ชวนคนเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เดินใกล้ แกว่งแขน ปั่นจักรยาน ทำสัก 150 นาที ต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ
เพราะไขมันส่วนเกินจะเริ่มสลายเมื่อออกกำลังกายตั้งแต่ 10 นาที ขึ้นไป จับพุงกลมของตัวเองแล้วฮึดสู้ในใจ
มาขยับกายให้มีพลังกันเถอะ

สร้างพื้นฐานใจให้เข้มแข็งนำไปสู่ชีวิตดีทุกด้าน
“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว เป็นเรื่องจริงนะ” ดร.สุปรีดา บอกเราด้วยประสบการณ์จริง
“เพราะคนในสังคมปัจจุบันมีชีวิตซับซ้อนขึ้น เราไม่ได้มีชีวิตเรียบง่ายเหมือนอย่างเก่า กว่าจะเป็นคนที่พอใช้ชีวิตในสังคมได้ต้องเรียนเยอะ ศึกษาเยอะ ต้องต่อสู้แข่งขัน ไหนจะการแข่งขันข้ามพรมแดนอย่าง e-commerce ทุกอย่างเป็นชนวนความเครียดไปเสียหมด สุขภาพจิตเลยเป็นหัวใจสำคัญ ทำให้เรามีชีวิตอย่างมีความสุข ช่วยลดความเครียดด้วยนะ”
นอกจากรอยยิ้มและแววตาเปล่งประกายสดใส “มีระดับวัดความสุขหรือเปล่าคะ” เราถามด้วยความสงสัย
“มีเส้นกราฟความสุขเหมือนกันนะ ส่วนหนึ่งสัมพันธ์กับวัย การให้หมอวัดชีพจรหรือเจาะเลือดไปตรวจเพื่อหาระดับความสุข ไม่แม่นยำเท่าเครื่องมือมาตรฐานอย่างการถามเจ้าตัว มีระดับความสุข 0 – 10 ระดับ 0 หมายถึงชีวิตทุกข์ระทมปวดร้าวแสนสาหัส ระดับ 10 หมายถึงความสุขเต็มอิ่ม …แล้วตอนนี้ความสุขอยู่ระดับไหน”
“ระดับ 7” เราตอบด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“ปีหน้าลองถามตัวเองแบบเดียวกันนะ ว่าระดับความสุขเพิ่มขึ้นหรือลดลง” ชายเบื้องพูดจบพร้อมส่งยิ้มหวาน
แล้วตอนนี้ความสุขของคุณอยู่ระดับไหน
คุยกับลูกเรื่องเพศ คือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกตัดสินใจไม่พลาด
การเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ของเด็กสาวจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทุก 10 ปี ตามการเปลี่ยนแปลงของโภชนาการ
ปัจจุบันวัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิงเริ่มราว 10 ขวบ อนาคตอันใกล้จะมีเกณฑ์ต่ำกว่านั้น
หลายคนคงเห็นข่าวคุณแม่วัยใสเกลื่อนเต็มโซเชียลมีเดีย จนแอบนึกตำหนิในใจ สาเหตุมาจากการขาดความรอบรู้เรื่องเพศ การพูดคุยเรื่องเพศกับครอบครัวไม่ได้ นับเป็นอุปสรรคหลัก รวมถึงการถูกปิดกั้น มองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องหยาบ สมควรถูกปกปิด เพราะการกระตุ้นความสนใจเรื่องเพศให้ลูกสาว-ลูกชายกับกลายเป็นการชี้โพรงให้กระรอก

แต่ความเป็นจริงเรื่องเพศอยู่ในชีวิตประจำวันของเรานับแต่เกิดจนตาย เด็กสมควรได้รับความรู้เรื่องเพศครบทุกด้าน เพื่อการมีสุขภาวะทางเพศที่ดี แน่นอนว่าสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีตามไปด้วย แต่การพูดคุยและเปิดใจกับลูกเรื่องเพศสำหรับบางครอบครัวไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก สสส. เข้าใจดี เลยมีช่องทางให้ความรู้สุดทันสมัยและสะดวกรวดเร็วผ่าน www.คุยเรื่องเพศ.com แถมมีสายด่วน 1663 สำหรับทุกช่วงวัยในการปรึกษาปัญหาท้องไม่พร้อมและเอดส์
“เราทำงานเยอะมากเพื่อแก้ปัญหาและผลักดันกฎหมายป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น มีช่วงหนึ่งสถิติสูงมาก แต่ 6 ปีหลังจำนวนลดลง ส่วนสำคัญไม่ใช่การบอกให้เขายับยั้งชั่งใจ รักนวลสงวนตัว แต่ต้องบอกให้รู้จักการ Safe Sex เข้าใจปัญหาและรับมือกับเรื่องเพศได้ด้วย ขณะเดียวกันครอบครัว โรงเรียน สังคม ต้องตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวร่วมกันด้วย”
ความสัมพันธ์ในครอบครัว องค์กร และชุมชน คือองค์ประกอบสำคัญของการเสริมสร้างความสุข
วันจันทร์ถึงวันศุกร์นับรวมแล้วเราใช้เวลาครึ่งหนึ่งของการตื่นนอนอยู่ในที่ทำงาน ไม่นับหนุ่ม-สาวที่ต้องทำงานวันเสาร์และวันอาทิตย์ สสส. เลยไม่ได้ใส่ใจเพียงสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพใจ ชวนเจ้านายคนเก่งของเราทำ ‘Happy Workplace 8 ประการ’ เน้นความสุขอย่างยั่งยืน ถ้าคนทำงานมีความสุข งานก็ย่อมมีประสิทธิภาพ
เริ่มด้วย Happy Body, Happy Heart, Happy Society, Happy Relax, Happy Brain, Happy Soul Happy Money ปิดท้ายด้วย Happy Family เพียงบริหารความสุขทั้งแปดประการ เชื่อเลยว่าความสัมพันธ์องค์กรกระชับแน่นอน
สร้างพลังจิตอาสา เสริมพลังสร้างสังคม
“พลังจิตอาสาเป็นมิติทางจิตตปัญญา เป็นขั้นกว่าของคำว่าสุขภาพจิต บางคนใช้คำว่าคนมีจิตใหญ่ เขาพ้นจากเรื่องความสุขและความทุกข์ของตัวเองไปสู่สังคมและคนอื่น ถ้าสังคมจะดีได้ ความสำคัญด้านจิตอาสาสำคัญมาก”
ดร.สุปรีดา เล่าว่า สสส. มีการกระตุ้นและมีเครื่องมือสำคัญ อย่างธนาคารจิตอาสา เป็นพื้นที่ให้คนมาประกาศความตั้งใจดีพร้อมแบ่งปันเวลาว่างให้กับสังคม ความพิเศษของเจ้าธนาคารจิตอาสา จะมีฟังก์ชันแนะนำงานจิตอาสาที่เหมาะกับความสนใจ ความสามารถ ทักษะ ความเข้าใจ และเวลาว่างของอาสาสมัคร น่าสนุกจนอยากขอสมัครด้วยคน!
อุบัติเหตุบนท้องถนน เรื่องร้ายที่เริ่มแก้ได้ที่ตัวเรา
ความเสี่ยงในชีวิตมีเยอะมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นอุบัติเหตุ ขอบอกเลยว่าเป็นการเสียชีวิตติดอันดับ 3 ของคนไทย
ปี 2561 คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากถึง 20,169 ราย ประมาณวันละ 55 คน จนอนามัยโลกต้องมอบแชมป์ ‘ประเทศที่มีประชากรเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากที่สุดในภูมิภาคอาเชียน’ การทำงานของ สสส. แยกสำนักอุบัติเหตุออกมาดูแลเฉพาะ ด้วยการทำงานที่มีความสัมพันธ์กับคน รถ และถนน แต่! ความสูญเสีย หยุดได้ด้วยการควบคุมพฤติกรรมเสี่ยง
การดื่มเหล้ากับผลกระทบต่อสังคมคนไทย
เอ้า ชน! เสียงแก้วบรรจุเครื่องดื่มสีอำพันพุ่งเข้าหากันตรงกลางพร้อมเสียงเฮฮาของกลุ่มเพื่อน
เรามักคุ้นกับแคมเปญ ‘งดเหล้าเข้าพรรษา’ ไหนจะคำฮิตติดหูอย่าง ‘ให้เหล้า = แช่ง’
หนึ่งในวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนไทยสมัยก่อนแม้จะกินเหล้าหนักหน่วงขนาดไหนก็ตาม พอเข้าพรรษาจะหยุดทันที วัฒนธรรมนั้นเกือบเลือนลาง แต่ สสส. ฟื้นชีพกลับมาใช้กระตุกสติเพื่อให้คนลด ละ เลิก ด้วยการพูดถึงงานบุญปลอดเหล้า งานศพปลอดเหล้า แม้กระทั่งการรับน้องปลอดเหล้า เพราะคนในสังคมมองว่าการดื่มเหล้าเป็นการเข้าสังคม เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไม่กินเหล้าก็เป็นพวกไก่อ่อน สสส. ต่อสู้กับความคิดเหล่านี้หนักมาก!
พวกเขาเลยทำงานด้านวัฒนธรรมควบคู่กับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในการเอื้อไม่ให้ดื่มเหล้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น การขึ้นภาษีเครื่องดื่มเหล้าและแอลกอฮอล์ จำกัดเวลาห้ามดื่ม ห้ามขาย รวมถึงการจำกัดสถานที่ขาย

ความร่วมมือของสังคมไทยที่ไม่ทำร้ายกันด้วยควันบุหรี่
เพียงสูบบุหรี่ก็ทำให้คุณเป็นโรคได้สามสิบกว่าโรค เป็นมะเร็งได้ถึง 9 ชนิด ยังไม่รวมการลดสมรรถนะในการทำงาน
“เวลาเราลงพื้นสำรวจคนสูบบุหรี่ จำนวนเก้าสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ ทราบพิษภัยของบุหรี่ เขารู้ยิ่งกว่าคนอื่นอีกนะ เพราะหน้าซองบอกชัดเจน แถมรู้วิธีเลิกอีกเจ็ดวิธีด้วย” คุณหมออธิบายด้วยเสียงหัวเราะ แต่เป็นที่น่าดีใจ เพราะคนสูบบุหรี่ในไทยลดลง
“การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้คนไทยสูบบุหรี่ลดลง ผมยกตัวอย่าง สถานที่สูบหายากขึ้น ราคาบุหรี่แพงขึ้น คนในสังคมเริ่มเหล่ด้วยสายตา ตรงข้ามกับตอนคนสูบบุหรี่พุ่งจำนวน ตอนนั้นสังคมหนุน เป็นค่านิยม
“ฉะนั้น สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ทางสังคม มันผลักพฤติกรรมหมู่ เวลาเราทำงานเลยต้องทำสวนกัน ต้องผลักสิ่งแวดล้อมให้กลับมาอีกข้าง พร้อมกับกระตุ้นตัวบุคคลให้มีสำนึก และเขาต้องมีทักษะในการพาตัวเองไปถึงจุดนั้นได้ด้วย”