‘ถ้าแฟนฝ่าไฟแดง จะท้องมั้ย’
‘หนูผิวขาว แต่น้องสาวคล้ำมาก เป็นเพราะอะไรคะ’
‘มีอะไรกับแฟนแล้วไม่เคยฟินเลย ทำยังไงดี’
‘ผู้หญิงช่วยตัวเองจะบาปมั้ยคะ’
สารพันปัญหาเรื่องเพศของสาวเล็ก-สาวใหญ่ ที่เจอได้ตามเว็บบอร์ดชื่อดัง บางกระทู้ก็ได้คำตอบดีงามพร้อมใช้งานกลับไป บางกระทู้ก็มีผู้เชี่ยวชาญไม่จริงมาตอบทีเล่นทีจริง ทำเอาปวดใจกว่าเดิม หันซ้ายหันขวาถามใครไม่ได้ จะถามเพื่อนก็เขินตัวบิด ยิ่งปรึกษาครอบครัวก็แล้วใหญ่ ใครจะกล้าพูดเรื่องแบบนั้น จนต้องเลือกหมอกูเกิลเป็นคำตอบสุดท้าย แต่จะเชื่อสนิทใจไม่ได้ บางทีแค่ปวดหัวหนักมาก แต่กูเกิลบอกว่าเราเป็นมะเร็ง! เอากับเขาสิ
แต่กำแพงความเขินอายก็ถูกทำลายด้วยนารีขี่ลูกพีชอย่าง น้ำอ้อย-ขวัญชนก หอมแสงประดิษฐ หมอเวชศาสตร์ครอบครัวเจ้าของเพจน้องสาว เพจที่ตั้งใจสื่อสารเรื่องความสุขทางเพศของผู้หญิงและสุขภาพทางกายของน้องสาว แถมยังเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้หญิงคุยกันอย่างถึงพริกถึงขิง จนมีผู้ติดตามมากถึงหลักแสน
ถ้าอยากรู้ว่าหมอครอบครัวคุยเรื่องจิ๋มยังไงให้สนุกและเป็นมิตร ขอชวนสาวสาวสาวมานั่งฟังด้วยกัน
จิ๋ม = น้องสาว
หมอน้ำอ้อยเริ่มสนใจเรื่องจุ๋มจิ๋ม ตั้งแต่ตอนเรียนต่อเฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัวและไปดูงาน Sexual Health Clinic เธอตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเพิ่มเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศของผู้หญิง จนสังเกตว่าหญิงไทยแทบไม่มีพื้นที่ให้พูดเรื่องเพศเลย
“ตลอดระยะเวลาหกปีที่เรียนแพทย์ เราแทบไม่เคยรู้จักว่ามีการดูแลเรื่องเพศแบบนี้อยู่ เราเรียนแค่ว่าผู้ชายไม่แข็งตัวเป็นโรคอะไร ผู้หญิงเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ต้องใช้เจลนะ ส่วนผู้ชายก็มีคลินิกดูแลสุขภาพเพศชาย แต่พอเรามาย้อนดู กลับพบว่าผู้หญิงแทบไม่มีพื้นที่เรื่องเพศเลย เราไม่เคยเห็นคลินิกสุขภาพเพศหญิงที่ไหน ไม่เคยเห็นสังคมที่พูดคุยเรื่องเพศได้อย่างเปิดเผย เราเลยมองว่ามันเป็นความรู้ที่ควรได้รับการเติมเต็ม
“เลยตั้งความฝันอันยิ่งใหญ่ว่า อยากจะพัฒนาสุขภาพทางเพศของหญิงไทยให้เจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง”
จากความสนใจและความฝันก้อนใหญ่เมื่อ 5 เดือนก่อน พาเธอมารู้จักกับคนมากถึง 2 แสน!
ใช่ เธอสร้างเพจน่าเอ็นดูชื่อ ‘น้องสาว’
“น้องสาวเป็นคำที่เราใช้เรียกแทนคำว่าจิ๋ม มันเป็นคำที่ดูน่ารัก พูดได้แบบไม่เขินอาย แล้วยังมีอารมณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะมอบความรักและความดูแลเอาใจใส่ให้กับน้องสาวตัวเอง” พี่สาวเล่าที่มาของ ‘น้องสาว’
ทำความรู้จักน้องสาว
“ตอนแรกเราอยากทำเพจให้ความรู้เรื่องความสุขทางเพศของผู้หญิง เสร็จ ไม่เสร็จ เสียว ไม่เสียว แต่พอลงมือทำก็รู้ว่าความสุขกับสุขภาพ สองเรื่องนี้มันแยกจากกันไม่ได้ เช่น ผู้หญิงบางคนไม่มีอารมณ์ทางเพศเพราะมีตกขาว ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์แล้วเจ็บเพราะอาจติดเชื้อบางอย่าง เลยกลายเป็นเพจรวมเรื่องสุขภาพทางเพศของผู้หญิงแทน
“เพจเราแบ่งเนื้อหาเป็นสามจิ๋ม จิ๋มแรกคือ จิ๋มสุข พูดเรื่องความสุขทางเพศ จิ๋มที่สองคือ จิ๋มสะอาด พูดถึงการดูแลตัวเองขั้นพื้นฐาน การล้างจิ๋มให้ถูกวิธี และจิ๋มปลอดภัย ทั้งทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์”
นอกจากสารพัดความรู้ที่หมอน้ำอ้อยตั้งใจสื่อสารกับผู้หญิงด้วยภาษาที่อ่อนโยน เป็นมิตรกับน้องสาว ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่เห็นแล้วต้องอุทาน So Cute! นั่นคือภาพประกอบที่ใช้สัญญะแทนน้องสาว (จิ๋ม) และน้องชาย (จู๋)
“เราพยายามทำให้ภาพดูเป็นกันเอง สบายๆ ตอนแรกก็วาดเองบ้าง ตอนหลังก็มีเพื่อนมาช่วย เราอยากให้มันดูน่ารักเข้ากับทุกคน ไม่ใช่กำลังอ่านตอนอยู่บนรถไฟฟ้าแล้วต้องปัดทิ้ง ส่วนตัวเราไม่ชอบแบบนั้น เลยใช้ภาพเชิงสัญลักษณ์แทน ให้คนได้ลองตีความกัน” ภาพประกอบเนื้อหาในเพจเลยเป็นผักผลไม้บ้าง ดอกไม้กำเบ่งบานบ้าง เช่น ภาพกล้วยกับส้มแทนการเล่าเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิง ภาพดอกไม้สีชมพูแทนน้องสาว ฯลฯ
น้องสาวเม้ามอย
จากเพจที่มีจุดประสงค์ในการคืนความสุขให้น้องสาวด้วยเนื้อหาที่ให้ความรู้เรื่องความสุขทางเพศ กลับกลายเป็นพื้นที่ให้ความรู้เรื่องสุขภาพเพศหญิงแบบครอบคลุม แล้วเป้าหมายหลักของเพจคืออะไร เราถาม
“ตอนเริ่มต้นแค่ต้องการให้ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่พอทำไปเหมือนเราได้ Reflection กลับมาตกตะกอนกับตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ จนได้จุดประสงค์หลักอีกอันของเพจ คืออยากให้เพจเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร เช่น แชร์โพสต์เราแล้วแท็กแม่ให้พาไปฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก เหมือนเป็นการพูดแทนกันระหว่างพี่สาวน้องสาว แล้วเรารู้สึกมีความสุขมากตอนที่ข้อมูลของเรามีประโยชน์ต่อคนอื่นและเขาได้รับความรู้ที่ถูกต้อง”
นอกจากเพจน้องสาวจะเป็นแหล่งความรู้ในการแบ่งปันข้อมูลเรื่องความสุขทางเพศและสุขภาพน้องจิ๋ม ยังมีกลุ่มลับที่คุยเรื่องไม่ลับ อย่าง ‘น้องสาวเม้าท์มอย’ เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้หญิงคุยเรื่องเพศได้อย่างเปิดเผย
“กลุ่มน้องสาวเม้าท์มอยเริ่มจากลูกเพจคนหนึ่งเสนอว่าอยากได้กลุ่มที่มีแค่ผู้หญิงไว้สำหรับพูดคุย เราเลยตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาและมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อมีกลุ่มลับ ตอนนี้มีสมาชิกทั้งหมดประมาณเจ็ดพันกว่าคนที่มาแลกเปลี่ยน ปรึกษาเรื่องราวทางเพศ แต่เราอยากให้เกิดการพูดคุยเรื่องเพศกับคนใกล้ตัวมากกว่าคนแปลกหน้า”
ภาพสะท้อนจากน้องสาว
ไหนจะต้องรับฟังปัญหาหลังไมค์ คอยแก้ไขความเข้าใจผิดจากความเชื่อ เขาว่ากันว่า เขาบอกมาแบบนี้ บ้างพอมีปัญหาก็โทษการศึกษา มันสะท้อนอะไรบ้างในมุมมองหมอเวชศาสตร์ครอบครัวที่เป็นแอดมินเพจน้องสาว
“อย่างแรกมันสะท้อนว่าที่ผ่านมาไม่มีช่องทางอะไรให้เขาถามได้เลย หรือการที่เขาไม่รู้สิทธิ์ในการรักษาตัวเอง บอกว่าแพง ไม่มีเงิน แต่ทุกคนมีสิทธิ์การรักษาสามสิบบาท บางคนกลัวพ่อแม่รู้ เลยให้เราบอกชื่อยา เขาจะไปหาซื้อเอง ภาพรวมปัญหาหลักๆ ที่เรารับรู้คือผู้หญิงไม่เข้าใจปัญหาเรื่องทางเพศเลย”
จะว่าไปก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ผู้หญิงขาดความรู้เรื่องเพศ ทั้งที่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งใกล้ตัวผู้หญิงเรามากที่สุด “คุณหมอคิดว่าอะไรคือสาเหตุให้ผู้หญิงขาดความเข้าใจเรื่องเพศ” เราถามด้วยความสงสัย
“เรามองว่า หนึ่ง เพราะผู้หญิงโตมาในสังคมที่ไม่ให้พูดเรื่องนี้ อย่างครอบครัวไม่มีใครมาสอนเรื่องใส่ถุงยาง ยาคุมกำเนิดกินยังไง สอง เรื่องกลุ่มเพื่อนผู้หญิงไม่เหมือนกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่จะพูดตลกโปกฮา ถุงยางไซส์เท่าไหร่ อวดช้างน้อยกันหน่อย ผู้หญิงจะพูดกันแค่ ขอยืมผ้าอนามัยหน่อย สาม เรื่องการศึกษา จะสอนเรื่องอสุจิผสมกับไข่แล้วท้อง สอนเรื่องการใช้ถุงยาง แต่ไม่ได้สอนละเอียดในเรื่องคุมกำเนิดแบบไหนถึงจะเหมาะสม
“จนถึงเรื่อง Sexual Consent หากเราไม่อยากมีเซ็กส์ปฏิเสธอย่างไร ดังนั้นเมื่อผู้หญิงขาดการพูดคุย ก็ขาดการแลกเปลี่ยนความรู้กัน สุดท้ายเลยหันหน้าไปพูดคุยกับคนแปลกหน้าในโลกอินเทอร์เน็ต แล้วหันหลังให้กับคนใกล้ตัว ความเชื่อผิดๆ เลยเริ่มต้นขึ้นจากการขาดพื้นที่พูดคุย” เธอคลายความสงสัยให้เราจนกระจ่าง
เรื่องขำที่ไม่ขำ
คำถามยอดฮิตที่มักเจอในเพจเป็นเรื่องแบบไหน
“คำถามยอดฮิตของเราจะวนเวียนอยู่กับเรื่องเซ็กส์เป็นส่วนใหญ่ เพราะคนส่วนมากที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายจะกังวลเรื่องท้องมากที่สุด ไม่มีใครมาถามว่าแบบนี้จะติดเอดส์ไหม ติดเชื้ออะไรไหม ถ้าเป็นคำถามยอดฮิตจะมี
“ฝ่าไฟแดงท้องไหม”
“แค่ถูไถภายนอกจะท้องไหม”
“ใช้ยาคุมกำเนิดยี่ห้อนี้แล้วท้องเพราะอะไร”
“ยาคุมฉุกเฉินกินได้แค่สองครั้งในชีวิตจริงหรือเปล่า”
“ตั้งท้องอยู่แล้ว มีเซ็กส์จะท้องไหม”
“บางคำถามหากมองผิวเผินดูเป็นเรื่องที่ตลก แต่พอลองวิเคราะห์แล้วมันกลับเป็นเรื่องที่ไม่ขำเลย เรามองว่าปัญหาเรื่องเพศเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าได้มีช่องทางการเรียนรู้ด้านสุขภาพทางเพศที่ถูกต้อง เรื่องเพศก็จะพัฒนาได้ ตอนนี้เรากำลังทำหนังสือ Sister to Sister พูดคุยเรื่องจุ๋มจิ๋มของน้องสาว เป็นหนังสือรวบรวมบทความในเพจมาตีพิมพ์เป็นเล่ม
“การทำหนังสือ การทำเพจของเรา มันเป็นเพียงแค่ฟันเฟืองเล็กๆ ที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้ แต่ถ้าคนเหล่านั้นไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กหรือหาซื้อหนังสือไม่ได้ เขาก็เข้าถึงข้อมูลความรู้ในส่วนนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราควรเริ่มตั้งแต่รากฐานเลย คือสถาบันการศึกษาและสถาบันครอบครัว”