เราจะพูดถึงความขี้เกียจปีละครั้ง

ปิดหมู่บ้านรอบสองได้หนึ่งเดือนเต็มๆ จนความรู้สึกของการหยุดนิ่งเอ่อล้นออกมามากมาย สองเท้าชักคันจนต้องหยิบกระเป๋าเป้ใบเก่า น้ำและเสบียงเท่าที่จำเป็นสำหรับการเดินป่าหนแรกของปี มีโชค กระดิกหางให้สัญญาณว่าพร้อมแล้วเช่นกัน วันนี้เราตั้งใจจะไปเยี่ยมเขาลูกหนึ่งที่ห่างเหินกันมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ได้ข่าวว่าต้นกุหลาบพันปีกำลังบานสะพรั่ง

ผมอยากเดินเท้าสำรวจป่าและสภาพร่างกายตัวเองที่แก่ขึ้นอีกหนึ่งปี และระหว่างทางอาจจะคิดอะไรออก เอาเข้าจริงความคิดที่เหมือนลิงกระโจนเข้าใส่เรามากมายในแต่ละวัน การเดินแล้วเอาความคิดออกไปก็น่าสนใจเช่นเดียวกัน พวกพรานป่าเคยเล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่เขาชอบเข้าป่าเพราะมันสงบ ถึงแม้ไม่ได้ลั่นไก แต่ช่วงเวลาที่ได้เดินเหินไปตามภูเขาช่วยทำให้พวกเขามีความสุขไม่น้อยทีเดียว

เดินเท้าขึ้นยอดเขาไปดูดอกกุหลาบพันปีบาน ฟังตำนานความขี้เกียจแบบปกาเกอะญอ

เดินช้าๆ จึงเดินได้ไกล

ยังไม่ทันได้อบอุ่นร่างกาย ความชันมากกว่า 40 องศา คือจุดเริ่มต้นการเดินทางที่อ้าแขนต้อนรับเราด้วยความยินดี ในอดีตสันเขาตรงนี้เคยถูกแผ้วถางทางเผื่ออำนวยความสะดวกต่อการสัมปทานป่า ร่องรอยกว้างขวางขนาดทางรถยนต์จึงเห็นชัดเจน

เมื่อเดินสูงขึ้น มองลงไปด้านล่าง เราเห็นการมาถึงของฝุ่นควันได้ชัดเจน ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว มันมาเร็วกว่าเดิมถึงแม้ยังไม่มีไฟป่าเกิดขึ้น และยังไม่ถึงเดือนเมษายนเลย นั่นหมายความว่าไฟป่าอาจไม่ใช่สาเหตุหลักของ PM 2.5 ตอนนี้

เดินเท้าขึ้นยอดเขาไปดูดอกกุหลาบพันปีบาน ฟังตำนานความขี้เกียจแบบปกาเกอะญอ

เราเดินขึ้นไปอีก ทางเรียบบนเนินเขาสลับกับขึ้นและลง รอทดสอบความสามารถของปอดได้เป็นอย่างดี สักครู่ใหญ่รถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนๆ ชาวม้งผ่านมา ผมได้รับเชิญให้ซ้อนท้าย มีโชควิ่งนำหน้าไปก่อน ระยะทางเพียง 50 เมตร ด้วยความเร็วของเครื่องยนต์ที่ทรงพลังกว่าหนังหุ้มกระดุกของมนุษย์ ผมคาดหมายว่ามันจะเป็น 50 เมตรที่สบาย

ผมซ้อนท้ายเพื่อนผู้ใจดี ขึ้นไปบนทางที่ต้องเลาะซ้ายที ขวาที บนไหล่เขา ล้อหน้าลอยขึ้นมาจากพื้นหลายครั้งให้หวาดเสียว ทางเป็นฝุ่นละเอียดเพราะนักบิดขึ้นมากันบ่อย ทำให้ล้อหมุนไม่สะดวกนักจนผมต้องโดดลงเพื่อช่วยเข็น ฝุ่นคลุ้ง เหงื่อไหลโชก และความหอบระดับพอดี คือสิ่งที่ผิดคาดอย่างมาก มีโชคขึ้นไปรอห้อยลิ้นอยู่ข้างบนแล้ว ความเร็วของเครื่องยนต์พ่ายแพ้ให้กับสัตว์สี่เท้าจนได้ ยังมีรถวิบากอีก 2 คันที่ล้มไม่เป็นท่า ถ้าในความเร็วมีความทุลักทุเล และมีความไม่แน่นอน การเดินเท้าช้าๆ เหมือนเต่าตลอดเส้นทางที่เหลือจึงน่าจะดีกว่า

เดินเท้าขึ้นยอดเขาไปดูดอกกุหลาบพันปีบาน ฟังตำนานความขี้เกียจแบบปกาเกอะญอ

มองลงไปด้านล่าง แปลงกะหล่ำและแปลงดอกไม้ของชุมชนพี่น้องม้งกำลังรอการเก็บเกี่ยว จากความหวังจะได้เงินก้อน หลายคนบ่นด้วยเสียงเดียวกันว่า ปีนี้ชาวสวนต่างบาดเจ็บกันไม่เบา ผักทั้งลำรถขายได้ไม่กี่พัน 

เดินเท้าขึ้นยอดเขาไปดูดอกกุหลาบพันปีบาน ฟังตำนานความขี้เกียจแบบปกาเกอะญอ

ผมว่าจะไม่คิดอะไรแล้ว แต่อยู่ดีๆ เรื่องของคนขี้เกียจก็เข้ามาทักทาย จอเกอะโดะ ผู้ไม่ขยันในนิทานของปกาเกอะญอ สำหรับผมแล้วเขาคือฮีโร่ ถึงแม้เขาดูจะช้าจนน่าอึดอัดใจเวลาผู้เฒ่าเล่าให้ฟัง

วันหนึ่งในฤดูฝน ต้นข้าวและพืชผักอื่นๆ ในไร่กำลังเติบโต เช่นเดียวกับหญ้าที่โตแข่งกับพืชไร่ แม่และภรรยาของจอเกอะโดะล่วงหน้าไปไร่ตั้งแต่เช้า จอเกอะโดะพึ่งตื่นและตามหลังไป กว่าจะถึงก็ใกล้เที่ยง เมื่อไปถึงกระท่อม แทนที่จะรีบจับคราดไปดายหญ้า จอเกอะโดะก็เอนกายลงนอนและเผลอหลับไปอย่างรวดเร็ว ตื่นขึ้นมาอีกที แม่และภรรยาก็กลับบ้านไปแล้ว

เย็นแล้ว ฝนยังตกปรอยๆ แดดสุดท้ายส่องมาที่กระท่อมของเขา จอเกอะโดะกระหายน้ำแต่ขี้เกียจไปตักกินในกระบอกไม้ไผ่ เขาตั้งใจเคลื่อนกายโดยยื่นหัวไปที่ชายคา หวังจะดื่มน้ำจากฝนที่ไหลลงตามชายคา

ขณะที่จอเกอะโดะอ้าปากและเม็ดฝนกำลังจะตกใส่ปาก รุ้งกินน้ำก็แย่งหยดน้ำของเขา เป็นอยู่แบบนั้นหลายครั้ง จนสุดท้ายจอเกอะโดะใช้ท่อนฟืนในกระท่อมฟาดเข้าไปที่สายรุ้ง มีเสียงอะไรบางอย่างตกลงพื้น เขาหยิบขึ้นมาดู มันคือเขี้ยวของรุ้งกินน้ำนั่นเอง

เดินเท้าขึ้นยอดเขาไปดูดอกกุหลาบพันปีบาน ฟังตำนานความขี้เกียจแบบปกาเกอะญอ

เขามองดูสิ่งโค้งที่อยู่ในมืออย่างสนใจ และคิดออกว่าน่าจะใช้ดายหญ้าได้ จอเกอะโดะออกจากกระท่อมเข้าไปในไร่ เขาลองดายหญ้าด้วยเขี้ยวของรุ้งกินน้ำ ปรากฏว่าเขาทำงานได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

งานดายหญ้าเสร็จสิ้นลงในเวลาอันสั้น เขากลับบ้านด้วยหน้าตาที่อิ่มเอิบ เพราะจะมีเวลาพักผ่อนไปอีกหลายวัน แต่แม่และภรรยาของเขาไม่เชื่อ โอกาสที่จอเกอะโดะจะทำงานสำเร็จนั้นเท่ากับศูนย์ในความคิดของทั้งคู่ แต่มันก็คือความจริงที่ปรากฏให้เห็นในไร่

บังเอิญเกินไปที่คนที่ช้าและขี้เกียจอย่างจอเกอะโดะ จะได้รับของขวัญวิเศษอย่างไม่ตั้งใจ เพราะในโลกความเป็นจริง ช้าและขี้เกียจอาจมีมูลค่าเท่ากับศูนย์ นอกเสียจากโลกใบนี้ตั้งเป้าว่าเราจะค่อยๆ เดินไปด้วยกัน

ผู้เป็นใหญ่คือผู้ที่เป็นหนึ่งเดียวกับผืนป่า

ยอดเขาสูงโผล่ให้เห็นไกลๆ ผมพยายามไม่มองไปนั่น การมองไปที่เป้าหมายบ่อยๆ นอกจากจะทำให้เท้าคู่นี้อ่อนแรงได้แล้ว มันทำให้ลืมดูอะไรระหว่างทาง เช่น ต้นเฟิร์นป่าที่กำลังเปลี่ยนสี นกแซงแซวที่บินเฝ้าดูผู้มาเยือน หรือดินสีขาวที่เผยตัวเองออกมาจากการพังทลายของหน้าดินเมื่อฤดูฝนปีก่อน สิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีค่าอะไรกับผู้ที่รีบเร่ง

ต้องขึ้นเนินอีกแล้ว มีโชคอาเจียนออกมา มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องเจ้าตูบบอกว่า เป็นไปได้ที่สุนัขจะอ่อนไหวต่อสภาพอากาศที่แย่ได้ง่าย ความสามารถการรับกลิ่นของสุนัขนั้นมากกว่ามนุษย์ถึงหนึ่งแสนเท่า มันจึงเป็นไปได้ว่าขณะที่เดินอยู่นี้ผมกำลังหายใจเอา PM 2.5 เข้าไปเต็มๆ

เดินเท้าขึ้นยอดเขาไปดูดอกกุหลาบพันปีบาน ฟังตำนานความขี้เกียจแบบปกาเกอะญอ

ก่อนสุนัขจะถูกเรียกขานด้วยชื่อแบบทุกวันนี้ พวกมันเคยมีชื่อว่า เส่อ ลู ทู แปลว่า ขันทอง ทุกครั้งที่มันได้ยินพระเจ้าเรียก มันทำทีเป็นไม่ได้ยิน เพื่อที่พระเจ้าจะเรียกมันว่าขันทอง หลายๆ ครั้ง จนกระทั่งพระเจ้าเริ่มรำคาญและสบถคำว่า ฉุ่ย ออกมา กลายเป็นชื่อเรียกเพื่อนแสนดีสี่ขาของมนุษย์จนถึงทุกวันนี้

ถึงแม้พยายามไม่มองยอดเขาที่เป็นจุดหมายปลายทาง แต่ผมก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องไปให้ถึงตอนบ่าย 2 โมง ดูเหมือนเท้าทั้งสองข้างจะต้องป่ายปีนภูเขาอีกหลายลูก ก้อนเมฆช่วยบังแดดให้ทำให้ไม่ร้อนมาก การฝึกกลั้นหายใจ 1 นาทีช่วยในการหายใจในการเดินขึ้นเขาสูงชันได้ดีทีเดียว

บ่ายโมงกับ 59 นาที คือเวลาที่ใกล้เคียงมากกับเวลาที่คิดไว้ มียายคนหนึ่งเคยเล่าว่า ภูเขาที่นี่เคยมีคนพบเห็นฝูงม้าที่ควบด้วยมนุษย์ แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร มาจากไหน

อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าว่า เคยมีนายพรานหลงเข้าไปในป่า รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในหมู่บ้านแล้ว บ้างเล่าว่ามีคนเดินป่าเข้าไปตัดไม้ ครั้นจะออกมาก็หาทางกลับไม่เจอ กระทั่งขอโทษขอโพยต่อเจ้าป่าเจ้าเขาตรงนั้นจึงกลับออกมาได้

ผู้เฒ่ารุ่นก่อนเวลาเข้าป่าจะไม่กระทืบเท้า โยนก้อนหิน หรือพูดคุยเสียงดัง เพื่อแสดงความเคารพต่อผืนดินผืนป่าตรงนั้น บางทีเจ้าป่าเจ้าเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนกหนูที่ท่องเที่ยวไปมาในบ้านของพวกเขา การอยู่เงียบมองดูนกนางแอ่นบินโฉบไปมาบนหน้าผา เป็นของขวัญวันพักผ่อนที่ดีมาก

โชคดีที่บนนี้ไม่มีใครขึ้นมาส่งเสียงดัง นอกจากมีโชคที่ตอนนี้นอนสลบอยู่บนความสูงเกือบ 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ผมได้ใช้เวลากับภูเขาตลอดช่วงบ่าย ราวกับได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของภูเขาลูกนี้ หากแต่เป็นการครอบครองเพียงขณะหนึ่ง ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย

ดอกกุหลาบพันปีสีแดงกำลังบานสะพรั่งจริงๆ บางดอกโรยราไปแล้วหลังจากทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากฤดูหนาวอย่างสมบูรณ์แบบ

เดินเท้าขึ้นยอดเขาไปดูดอกกุหลาบพันปีบาน ฟังตำนานความขี้เกียจแบบปกาเกอะญอ

หลังจากใช้เวลาอยู่บนยอดดอยอันสงบที่สุดที่หนึ่งเท่าที่เคยเดินทางมา ก็ได้เวลากลับบ้าน การลงเขาเป็นช่วงเวลาที่เราจะรู้ตัวเองมากที่สุดว่าเราผ่านโลกมาเท่าไหร่แล้ว และทุกคนก็รู้ว่าความโรยราจะมาถึง แบบดอกกุหลาบพันปีดอกนั้นแน่นอน

แต่ผมสงสัยว่าทำไมนิทานคนขี้เกียจ ไม่มีตอนที่จอเกอะโดะจากโลกนี้ไป

หรือเป็นไปได้ไหมว่าความขี้เกียจคืออมตะ ถ้ามนุษย์บนโลกไม่ขยันอย่างที่เป็นเหมือนทุกวันนี้ โลกของเราอาจจะสงบสุขกว่าที่ควรจะเป็น ผมไม่ได้คิดเล่นๆ นะครับ ผมคิดมาตลอดและยังคิดต่อไป

แต่ถ้าเป็นแบบนั้น เราจะพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้อย่างไร ถ้ามีแต่คนขี้เกียจ

ผมไม่รู้เลยครับ ผมรู้แต่จะโอกาสพาพวกเราเข้าป่าอีกนะครับ ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เดินป่าด้วยกันจริงๆ สักวัน

ขอบคุณผาแง่มที่ต้อนรับพวกเราเสมอ

เดินเท้าขึ้นยอดเขาไปดูดอกกุหลาบพันปีบาน ฟังตำนานความขี้เกียจแบบปกาเกอะญอ

Writer & Photographer

Avatar

โอชิ จ่อวาลู

นักการภารโรงที่ Lazy man College ผู้กำลังหัดเขียนเล่าเรื่อง