เคยมีคนบอกว่า “หมาทุกตัวล้วนต้องตาย แล้วก็มีคนถามว่า ทำไมหมาถึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อายุสั้นนักและต้องตายก่อนเจ้าของเสมอ
มีคนตอบว่า เพราะหมาเข้ามาในชีวิตเพื่อสอนให้คน (เจ้าของ) ได้รู้จักกับความรักอันแท้จริง เมื่อทำหน้าที่เสร็จมันจึงจากไป
ที่สำคัญคือคนสามารถทุเลาความเศร้าที่หมาต้องจากไปได้ ด้วยการปลอบประโลมซึ่งกันและกัน
แต่หมานั้น หากเจ้าของต้องจากไปก่อน หัวใจของมันจะแตกสลายจนไม่สามารถทนได้…”
นานมาแล้ว หนังโรแมนติกเรื่องหนึ่ง มีประโยคอมตะที่ผู้คนจดจำได้แม่นยำว่า
“หากจะรัก ต้องลืมคำว่าเสียใจ”
ผู้เขียนนึกถึงคำพูดนี้อีกครั้ง เมื่อได้ข่าวว่า หมาลูกรักที่อยู่ด้วยกันมานานจากไปแล้ว
“หากจะรักหมาลาบราดอร์ ต้องลืมคำว่าเสียใจ”
เมื่อ 15 ปีก่อน เพื่อนเคยถามว่า อยากได้ลูกหมาลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ไหม เพื่อนบอกว่า คิดให้ดีๆ นะ หมาพันธุ์นี้ไม่เหมือนพันธุ์อื่น
“พี่จะรักเขามากกว่าหมาตัวใดที่พี่เคยเลี้ยงมา และเมื่อมันจากไป พี่จะโศกเศร้ามากๆ”
คำเตือนของเพื่อนยิ่งกระตุ้นให้ผู้เขียนอยากเลี้ยง และเมื่อแรกเห็นเจ้าตัวน้อยแสนน่ารัก เหมือนกับรักแรกพบจริงๆ ลูกหมาเกือบทุกตัวน่ารัก แต่สำหรับลูกหมาพันธุ์นี้ หากใครเห็นคงเหมือนโดนสะกดจิต ต้องเข้าไปกอด
เราตั้งชื่อว่า ‘หมีขาว’ จากอุ้งเท้าใหญ่แบบหมีและสีขนตอนเล็กๆ ออกไปทางสีขาว เจ้าหมีขาวตัวน้อยหลับตาพริ้ม ช่างน่าฟัดจริงๆ ราวตุ๊กตาหมี
ภรรยาจำได้แม่นว่า หมีขาวจุติลงมาเยือนโลก 16 กันยายน ค.ศ. 2005 เพราะเป็นวันที่แม่หมีขาวคลอดลูกออกมา แล้วเพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่า อยากได้หมาพันธุ์ลาบราดอร์ไปเลี้ยงบ้างไหม
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นหมาขนาดใหญ่ มีความซื่อสัตย์ ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจ มีแหล่งกำเนิดดั้งเดิมในคาบสมุทรแลบราดอร์ทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศแคนาดา แต่เดิมชาวประมงใช้หมาพันธุ์นี้ไปตามเก็บปลาที่หลุดออกจากเบ็ดหรือแห หรือใช้ไปคาบเป็ดป่าที่ถูกยิงร่วงตกลงบนผืนน้ำมาให้เจ้าของ
ต่อมาใน พ.ศ. 2378 มีการนำลาบราดอร์ไปแพร่หลายในประเทศอังกฤษ ได้รับความนิยมมากจากรูปร่างหน้าตา ความซื่อสัตย์อดทนและขี้เล่น จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้สามารถล่าเหยื่อ จากทักษะดมกลิ่นยอดเยี่ยม และเคลื่อนที่ได้เร็วแม้ในภูมิประเทศที่ขรุขระหรือปกคลุมด้วยน้ำแข็ง จึงพัฒนามาเป็นหมากู้ภัยช่วยเหลือผู้คน กู้ระเบิด และนำทางคนตาบอด
พอหมีขาวอายุได้หลายเดือน ความขี้เล่นและซุกซนก็ปรากฏทันที เขาจะวิ่งเล่นทั้งวัน แทะขาเก้าอี้ ขาโต๊ะ คาบรองเท้าไปซ่อน หลายครั้งที่เราตามไปพบว่า กำลังใช้ขาคุ้ยดิน เอาอาหารที่กินเหลือไปซ่อน
แต่พอร้องเรียกหมีขาว ก็จะวิ่งมาหาแทบจะกระโดดให้พ่อแม่สวมกอด พร้อมเลียหน้าเลียตาทันที
หมีขาวสัมผัสได้ถึงความรักของพ่อแม่จริงๆ ขณะที่พ่อแม่ก็สุขใจทุกครั้งเมื่อได้กลับบ้านมาเล่นกับหมีขาว
ตอนหมีขาวอายุได้ 2 ขวบ ผู้เขียนเพิ่งกลับมาบ้านจากงานศพพี่สาว มด-วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ และนั่งซึมเศร้าโศกเสียใจอยู่คนเดียวบนโซฟา ทันใดนั้น หมีขาวก็เดินเข้ามาใกล้ๆ และยกสองขาขึ้นมาสวมกอด ราวกับปลอบประโลมใจของผู้เขียน
มีคนบอกว่า สัตว์สี่เท้ามักจะสื่อสารกับเจ้าของ เมื่อรู้ว่าเจ้าของไม่สบายใจ หมีขาวแสนรู้สัมผัสได้ถึงความทุกข์ใจของพ่อจริงๆ เขาคงอยากจะกอดพ่อมากๆ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้รู้สึกได้ว่า เป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ เราเข้าใจความรู้สึกต่อกันได้จริงๆ
ตอนที่หมีขาวยังแข็งแรง หากพ่อแม่กลับบ้านดึก เขาจะออกมานั่งรอพ่อแม่ที่หน้าประตูบ้าน แม้ดึกดื่นอย่างไรช่วงไหนที่พ่อแม่ไปทำงานต่างจังหวัดนานๆ พอเข้าบ้านลูกหมีขาวจะวิ่งหางกระดิก กระโจนใส่ เลียหน้าเลียตาพ่อแม่ กอดกันด้วยความคิดถึง
การสวมกอดกัน ทำให้สบายใจ ความเหน็ดเหนื่อย ความไม่สบายใจคลี่คลายลง และรู้สึกได้ว่า หมีขาวเป็นทั้งเพื่อนยากและลูกรัก
แต่หากพ่อนั่งกินข้าวอยู่ จะเดินมาข้างๆ ทำหน้าตาละห้อยแสนเศร้า จนพ่อทนไม่ไหวต้องเอาอาหารใส่ปาก ส่วนแม่จะไม่ยอม เพราะทำให้ลูกนิสัยเสีย พอได้กินอิ่มแล้วลูกหมีขาวจะทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ราวกับว่าได้ตีหน้าเศร้าจนพ่อใจอ่อน ร้ายจริง ๆ
บางครั้งหมีขาวก็เห่าโวยวาย เมื่อพ่อแม่ทำไม่ถูกใจ เพราะมีเพื่อนมาที่บ้านและเอาแต่คุยกับเพื่อน ไม่สนใจลูก
หมีขาวเห่าแต่ละทีเสียงดังมาก เสียงทุ้มหนักแน่น ดังสนั่นน่าเกรงขาม จนคู่สนทนาบนโต๊ะต้องหันมาสบตากันและเอาเท้าลูบตัวหมีขาวที่นอนอยู่ใต้โต๊ะเป็นการแสดงว่า รักนะ รักนะ
ลาบราดอร์เป็นพันธุ์ที่ต้องการเอาใจใส่จากพ่อแม่มาก ต้องการให้พ่อแม่กอดจูบเรื่อยๆ และเขาจะตอบแทนให้ด้วยความรัก ความซื่อสัตย์ และหึงหวงพ่อแม่เมื่อมีคนมาแย่งการเอาใจใส่อย่างสุดๆ เช่นกัน
ขณะเดียวกันก็เป็นหมาที่มีสมองฉลาดยอดเยี่ยม การฝึกคำสั่งพื้นฐาน เขาเรียนรู้ได้ไวมากๆ จากการสอนสองสามครั้งเท่านั้น หากฝึกตั้งแต่เป็นลูกหมาสามสี่เดือน ไม่ว่าหัดนั่ง หัดหมอบ หัดให้หยุด ยกขาทีละข้าง ก่อนจะได้กินอาหาร
ความสนุกของหมีขาววัยเด็ก คือการได้คาบสิ่งของต่างๆ ที่พ่อแม่โยนออกไปข้างนอก เขาจะวิ่งไปคาบและเอามาคืนพ่อแม่ด้วยความสนุก
หมาพันธุ์นี้ตัวใหญ่ พละกำลังเหลือล้น ต้องพาออกวิ่งเล่นแทบทุกวัน ตามประสาดีเอ็นเอที่ติดตัวมาจากบรรพบุรุษ จากการเป็นหมาดมกลิ่นคาบเหยื่อในอดีต
แต่การวิ่งเล่นของหมีขาวเมื่อออกนอกบ้านเมื่อวัยหนุ่ม จะได้รับบาดแผลกลับมาหลายครั้ง เมื่อไปกัดกับหมาข้างบ้าน แต่ไม่เคยชนะ เพราะลาบราดอร์แม้จะมีเขี้ยว แต่กัดไม่เก่ง แค่งับๆ คู่ต่อสู้อย่างเดียว วิ่งกลับบ้านเลือดโชกเป็นแผลเหวอะหวะตามขา หรือใบหูโดนกัดเป็นรูจากคมเขี้ยว
เวลาผ่านไปได้ประมาณ 10 ปี หมีขาวย่างสู่วัยชราแล้ว โรคประจำตัวของหมาพันธุ์นี้คือโรคข้อสะโพกเสื่อมก็เริ่มปรากฏ ขาหลังหมีขาวเริ่มอ่อนแรง สายตาก็เริ่มฝ้าฟาง เป็นต้อกระจก เราต้องหมั่นพาไปโรงพยาบาลสัตว์ทุกเดือน และยิ่งตรวจก็พบโรคเพิ่มขึ้นตามอายุ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ เกล็ดเลือดต่ำ เนื้องอกกระจายขึ้นตามที่ต่างๆ โรคอัลไซเมอร์ และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ทำให้ไม่สามารถลุกเดินได้ถนัด
ช่วงสุดท้ายของหมีขาว แม้จะอ่อนล้าเพียงใด แต่ทุกค่ำลูกหมีก็จะขยับตัวช้าๆ มานอนใกล้ๆ พ่อแม่ เพื่อแสดงความรัก ครางเบาๆ ให้พ่อแม่ปลอบประโลม
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพ่อแม่กลับมาจากต่างจังหวัด หมีขาวลุกไม่ได้ ข้าวปลาป้อนให้ก็ไม่กิน ร้องครางงือๆ ดีใจที่พ่อแม่กลับมา และมีน้ำตาไหลออกมา
หมีขาวรอพ่อแม่กลับมากอดจูบลูกเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ
แม่บอกกับหมีว่าถ้าสังขารไม่ไหวและหนูต้องไปก็ไปนะลูก ไม่ต้องทรมานรอแม่
เพราะหัวใจเราคุยกัน สื่อสารต่อกัน ส่งความรักห่อหุ้มกัน ขอให้หมีสัมผัสได้ว่าความรักแม่อยู่กับหนู
แล้วแม่ก็ป้อนข้าวป้อนยาหมีกับมือ แม่รู้ว่าหมีเข้าใจแม่และให้อภัยแม่
หมีขาวไปสบายแล้วนะลูกรัก
อยู่กันมา 15 ปี กลับคืนสู่สวรรค์ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2020
พ่อแม่ไม่เคยรักใครเท่าลูกหมีขาวเลย
เราจูบหัวและบอกว่าไปสบายๆ นะลูกรัก อย่าทรมานเลย หมีขาวไปอยู่บนดาวหมาบนฟ้าแล้ว
ส่วนร่างของหมีขาวจะนอนบนสนามหญ้าใต้ต้นลั่นทมที่หนูชอบนอนเป็นประจำ
เราจะคุยกันไปตลอดนะลูกรัก