ด้วยความที่คลุกคลีกับพี่น้องเกษตรกรโดยตรง สยามคูโบต้าจึงมองเห็นและเข้าใจปัญหาที่เกษตรกรพบเจอมาตลอด ทั้งผลผลิตไม่ได้ตามที่หวัง ต้นทุนสูงกว่ารายได้ หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ทำให้ต้องคอยลุ้นว่าจะส่งผลต่อเรือกสวนไร่นาของตัวเองยังไงบ้าง
บริษัทเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่โดดเด่นเรื่องแทรกเตอร์ จึงตัดสินใจสร้างฟาร์มต้นแบบของตัวเองขึ้น โดยเริ่มต้นจาก KAS หรือ KUBOTA (Agri) Solutions ที่ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับเกษตรกรไทย มุ่งแก้ปัญหาแบบครบวงจร เพื่อยกระดับการเกษตรไทยให้ทันสมัยและยั่งยืน มีความแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพ เกษตรกรก็ได้รับผลผลิตอย่างคุ้มค่าตามมา ซึ่งต้องยกนิ้วให้กับทีมพัฒนาโซลูชันของคูโบต้าที่ศึกษาและทำงานเรื่องนี้อย่างจริงจังมากว่า 10 ปี ผนวกกับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์ชาวบ้าน คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่มีความรู้ด้านเกษตร ทั้งพืชสวน พืชไร่ ไปจนถึงเรื่องปศุสัตว์และความรู้จากต่างประเทศ เก็บเล็กผสมน้อยผสานกับเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรของคูโบต้า ต่อยอดมาเป็นบทพิสูจน์ที่นำวิธีการต่าง ๆ มาทำให้เห็นจริงภายในคูโบต้าฟาร์ม
The Cloud ได้รับเกียรติจาก คุณวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกเล่าถึงที่มาและความตั้งใจของคูโบต้าฟาร์ม ที่อยากช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
“เราอยากทำให้เกษตรกรได้เห็น จึงเป็นที่มาและความตั้งใจของการพัฒนาฟาร์มแห่งนี้ขึ้นมา ฟาร์มที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ทั้งคนรุ่นเก่า หรือว่าเกษตรกรที่เป็น Smart Farmer นำไปต่อยอดขยายผล และเพิ่มรายได้ตัวเองขึ้นมาได้ เราเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ เกษตรกรที่มาดูและสนใจ กลับไปทำของตัวเองแล้ว ปรากฏว่าได้ผลจริง” คุณวราภรณ์อธิบายถึงคอนเซ็ปต์ของคูโบต้าฟาร์ม
คูโบต้าฟาร์ม (KUBOTA FARM) มีเนื้อที่ทั้งหมด 220 ไร่ เป็นพื้นที่สร้างประสบการณ์เกษตรสมัยใหม่ให้กับเกษตรกรและผู้สนใจแห่งแรกในอาเซียน ด้วยวิธีการแบบ Smart Farming หรือเกษตรอัจฉริยะ ที่นำเอาเทคโนโลยีล้ำสมัย มาปรับใช้กับวิธีการทำเกษตรแบบดั้งเดิม เพื่อให้ได้ผลผลิตออกมาดีขึ้น
พื้นที่ทั้งหมด 9 โซน เต็มไปด้วยโซลูชัน นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการเกษตรมากมายที่ช่วยให้เกษตรกรได้เลือกหยิบนำไปลองใช้ในเรือกสวนไร่นาของตนเองถึง 60 โซลูชัน (และจะทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต)
คอลัมน์ Share Location ครั้งนี้ เราขอพาไปสำรวจสัก 3 โซนพอเรียกน้ำย่อย หากผู้อ่านสนใจ อยากลองนำโซลูชันต่าง ๆ กลับไปใช้กับพื้นที่ของตัวเอง ลองแพลนทริปติดต่อเข้ามาเที่ยวชมกันได้
ถ้าพร้อมแล้ว ไปสัมผัสวิถีเกษตรกรฉบับคูโบต้าด้วยกัน
01 โซนปรึกษาเกษตรครบวงจร (KAS Consultant Zone)
รู้จักที่มาที่ไปของคูโบต้าฟาร์ม ชมวีดิทัศน์แบบ 360 องศา และดูโซลูชันต่าง ๆ ผ่านจอ Interactive สุดเจ๋ง
หากเข้ามาตามถนนหลักของคูโบต้าฟาร์ม จะเห็น ‘อาคารเกษตรชัยพัฒน์’ ตั้งเด่นมาแต่ไกลอยู่ปลายทาง
ที่นี่ถือเป็นอาคารหลักของคูโบต้าฟาร์ม และยังเป็นโซนปรึกษาเกษตรครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการเกษตรผ่านการนำเอาโซลูชันต่าง ๆ ที่ทางคูโบต้าพัฒนาให้เราเลือกไปใช้ให้เหมาะตามแต่ละพื้นที่
นอกจากนี้ยังมีห้องนิทรรศการที่ถือเป็นจุดสตาร์ทแรกก่อนจะได้เข้าไปเยี่ยมชมด้านในฟาร์ม ซึ่งไฮไลต์คือห้องนิทรรศการวีดิทัศน์แบบ 360 องศา ช่วยปูพื้นให้เราทำความรู้จักคูโบต้าฟาร์มแห่งนี้มากยิ่งขึ้น บอกเล่าตั้งแต่ความเป็นมา ความตั้งใจในการสร้าง รวมถึงเห็นภาพรวมของพื้นที่ทั้งหมด
คูโบต้าฟาร์มริเริ่มพลิกฟื้นผืนดินที่แทบไม่น่าจะเชื่อว่าจะกลายเป็นพื้นที่สีเขียวอุดมสมบูรณ์ได้อย่างทุกวันนี้ ผ่านการวิเคราะห์ผืนดินทั้งหมด ออกแบบการจัดการน้ำทั้งฟาร์ม และวางแผนการทำเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่แต่ละส่วน
น้อมนำเอาโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ มาเป็นหลักคิดใช้กับทุกโซนของฟาร์ม ที่น่าสนใจอย่างเรื่องของการปรับพื้นที่ หากไม่สังเกตจะไม่รู้ว่า พื้นที่ของฟาร์มมีลักษณะลาดจากภูเขาด้านหลัง ดังนั้นเมื่อทีมคูโบต้าเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ จึงนำเอาโคกหนองนาโมเดลมาใช้ วางแผนให้พื้นที่แต่ละส่วนเหมาะกับการทำเกษตรที่ต่างกัน
ซึ่งแต่เดิมอาณาบริเวณทั้งหมดของคูโบต้าฟาร์มเกือบครบองค์ประกอบของโคกหนองนาแล้ว คือ มีโคกที่สูงเพื่อไว้ปลูกพืชสวนพืชไร่ด้านหลัง หนองที่ปัจจุบันขุดไว้ทั่วบริเวณกว่า 9 บ่อ เพื่อใช้จัดการน้ำในพื้นที่ ขาดแต่นาเท่านั้น ทางทีมออกแบบจึงขุดนาข้าวเพิ่มขึ้นบนพื้นที่ราบด้านล่างสุดใกล้กับทางเข้า เสมือนเป็นโคกหนองนาโมเดลขนาดมหึมา
ก้าวเท้าต่อเข้าไปอีกนิดจะพบกับจอ Interactive แสดงภาพพื้นที่ทั้งหมดของฟาร์มเป็นแอนิเมชันน่ารักสดใส ขนาดยาวยึดผนังฟากหนึ่งของห้อง ผู้มาเยี่ยมชมสามารถทำความรู้จักทุกโซนของฟาร์ม และโซลูชันต่าง ๆ หากใครสงสัยอยากรู้จักตรงไหนให้มากขึ้น ก็เพียงจิ้ม Interactive Pen ไปที่จอ ข้อมูลก็จะขึ้นมาอย่างครบถ้วน ชิมลางเตรียมพร้อมไปดูที่จริงต่อไป
ตรงข้ามกันเป็นส่วนแสดงอุปกรณ์ที่ช่วยให้ทำการเกษตรได้สบายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสารพัดเซนเซอร์ เครื่องวัดปัจจัยต่าง ๆ ทั้งสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ ความชื้น ฯลฯ ใช้ร่วมกับ ‘KAS Crop Calendar Application’ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยทางคูโบต้า รวบรวมเอาโซลูชันต่าง ๆ มาใส่ไว้ สะดวกและง่ายต่อการนำไปใช้ ชนิดที่ว่าใคร ๆ ก็ทำเกษตรได้
รู้จักกับคูโบต้าฟาร์มคร่าว ๆ แล้ว ก็ขึ้นรถนำชมเดินทางไปโซนด้านนอกกันต่อ
02 โซนเกษตรแม่นยำข้าวและพืชหลังนา (Precision Rice Farm and Crop Rotation Zone)
เรียนรู้การปลูกข้าวที่นำนวัตกรรมสุดล้ำเข้ามาช่วยสร้างความแม่นยำและใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ย้อนกลับมาทางเข้า จะพบกับนาข้าวสีเขียวขจี โซนนี้ใช้เป็นพื้นที่นำเสนอการปลูกข้าวครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน เพาะกล้า เพาะปลูก ดำนา เก็บเกี่ยว จนถึงปลูกพืชหลังนา มีทั้งส่วนที่เป็นนาแห้งและนาน้ำ
หากมองจากภาพถ่ายทางอากาศ จะพบว่านาผืนนี้ของคูโบต้าฟาร์มไม่ได้วางเป็นแนวตรงเหมือนกับที่เคยเห็นกัน แต่วางเป็นแนวคอนทัวร์ยาวโค้งไปตามลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ เวลาข้าวสลับกันออกรวงตามที่ผู้ปลูกวางแผนไว้ จะเห็นเป็นสีเหลืองทองสลับสีเขียวอย่างสวยงาม แถมยังเป็นตัวอย่างของวิธีการทำเกษตรให้เข้ากับพื้นที่ที่มีอยู่เดิมได้อย่างน่าสนใจ
และถ้ากลับมาสังเกตในระดับพื้น จากตรงที่เรายืนอยู่จะเห็นว่าต้นข้าวจะเรียงเป็นแถว เว้นช่องไฟเท่ากันอย่างเป็นระเบียบ เพราะเกิดจากการทำนาดำไม่ใช่นาหว่าน เป็นส่วนหนึ่งของ ‘เกษตรปลอดนาหว่าน’ (Zero Broadcast) ที่ส่งเสริมวิธีการทำนาเป็นนาดำ นาหยอดน้ำตม และนาหยอดแห้ง เป็นอีกวิธีแก้ไขปัญหาฉบับ KAS เมื่อต้นข้าวเรียงกันดูสวยงามตา การดูแลก็ง่ายขึ้น กำจัดวัชพืชก็ง่ายตามมาด้วย ช่วยลดต้นทุนแต่ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดอย่างสม่ำเสมอ
ตรงคันนาก็ใช่ว่าจะทำแบบส่ง ๆ แต่ผ่านการทดลองทำความสูง-ความกว้างที่ขนาดต่างกัน นำไปเปรียบเทียบกับคันนาของภาคอีสาน เพื่อหาขนาดที่ลงตัวที่สุด
เดินเข้ามาในส่วนของห้องนิทรรศการ จะพบกับจอที่คอยสอดส่องดูแลข้าวผ่านกล้องวงจรปิด นวัตกรรมนี้คือกล้องตรวจวัดสีของใบข้าว เพื่อเตรียมพร้อมให้ปุ๋ย เพราะพืชพรรณต่าง ๆ ก็มีเวลาที่เหมาะสมในการบำรุงให้อาหาร ถ้ากล้องจับได้ว่าใบข้าวเริ่มสีอ่อนไปจากระดับปกติ ก็ถึงเวลาที่สมาชิกข้าวในนาเริ่มต้องได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น วิธีนี้ช่วยให้ข้าวได้ปุ๋ยเมื่อถึงเวลาเหมาะสม และเจริญเติบโตอย่างเต็มที่
เพื่อเพิ่มความแม่นยำเข้าไปอีกขั้น ทางคูโบต้ายังพัฒนา ‘ปฏิทินการเพาะปลูกข้าว (KAS Crop Calendar)’ องค์ความรู้ที่ได้มาจากประเทศญี่ปุ่น เพียงแค่กรอกข้อมูลพันธุ์ข้าว วันที่เริ่มปลูก และขนาดพื้นที่ ก็ประมวลผลออกมาเป็นรายละเอียดขั้นตอนการปลูกในแต่ละเดือน ทำให้ภาพที่เราเห็นว่าข้าวเป็นพืชที่ยุ่งยากมากขั้นตอน กลายเป็นของที่ดูง่ายดายเพียงแค่ทำตามคำแนะนำ
หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาคือการเตรียมดินเพื่อให้พร้อมฤดูกาลเพาะปลูกครั้งใหม่ คูโบต้าเห็นถึงปัญหาที่อยู่คู่การทำนาแบบดั้งเดิม คือ การเผาตอซังข้าวเมื่อหมดหน้านา ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากทำนาเสร็จ นอกจากนำไปทำเป็นฟางอัดก้อนโดยไม่เผาให้เปล่าประโยชน์แล้ว พื้นที่นายังสามารถปลูกพืชหลังนาจำพวกปอเทืองและถั่วเขียว เพื่อเพิ่มรายได้ระหว่างรอฤดูกาลใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการ Zero Burn หรือ ‘เกษตรปลอดการเผา’
แม้ภายนอกอาจจะดูเหมือนท้องนาทั่วไป แต่ท้องทุ่งสีเขียวตรงหน้ากลับอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว
03 โซนเกษตรทฤษฎีใหม่ (New Theory Agriculture Zone)
ปลูกพืชสวนพืชไร่ตามศาสตร์พระราชา เรียนรู้การจัดการน้ำให้คุ้มค่าทุกหยด
ไปต่อกันที่โซนเกษตรทฤษฎีใหม่ พื้นที่ทำเกษตรที่อิงกับศาสตร์พระราชา ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยการจัดการที่ดินตามอย่างเกษตรทฤษฎีใหม่ คูโบต้าฟาร์มวางห้องนิทรรศการอยู่บนพื้นที่สูงในตำแหน่งที่ตั้งบ้านเรือนอาศัย ที่ต่ำลงมาขุดแหล่งน้ำไว้ใช้และเลี้ยงปลา ขณะที่ราบแบ่งที่บางส่วนไว้ปลูกพืชสวนครัวไว้กินภายในครัวเรือน หากมีเหลือก็มีแนะนำแนวทางไปจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้
อีกเรื่องที่เราแอบเห็น คือ หญ้าแฝกที่ขอบบ่อและเนินดิน ไม่เพียงแต่โซนนี้เท่านั้น แต่เจออยู่ทั่วพื้นที่ในคูโบต้าฟาร์ม ได้คำตอบว่าเป็นการนำเอาโครงการตามแนวพระราชดำริเรื่องหญ้าแฝกมาใช้ เพราะหนึ่งในปัญหาที่เจอคือ ธรรมชาติของพื้นที่นี้เป็นดินทรายที่ง่ายต่อการพังทลาย ดังนั้นหญ้าแฝงที่มีรากยึดเกาะดินได้ดีจะช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรดินของฟาร์มด้วย ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ฟาร์มนึ้แสดงให้เห็นว่าทำได้จริง
และที่เจ๋งแจ๋วกว่านั้นคือการจัดการน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่โซนนี้ตั้งใจนำเสนอ ด้วยแนวคิดอยากให้ใช้น้ำทุกหยดเกิดประโยชน์สูงสุด จึงต้องการกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้ได้ทั้งพื้นที่ตลอดปี ผ่านการคำนวณปริมาณน้ำจากในบ่อและน้ำฝน หักลบกับปริมาณน้ำใช้ในแปลงเพาะปลูก เพื่อเตรียมพร้อมให้มีน้ำใช้ในฤดูฝนทิ้งช่วง
ได้ยินมาว่าในฟาร์มแห่งนี้มีบ่อน้ำด้วยกันถึง 9 บ่อทั่วพื้นที่ ด้วยเพราะคิดมาแล้วว่า ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการระเหยของน้ำ ทางฟาร์มจึงใช้วิธีต่าง ๆ ที่ช่วยรักษาน้ำให้มากที่สุด ทั้งการวัดขนาดของบ่อให้เหมาะสม ใช้เครื่องมือวัดค่าความชื้นและปริมาณน้ำที่หายไปในแต่ละวัน ซึ่งถึงแม้รอบข้างจะดูแล้ง แต่ภายในฟาร์มกลับมีน้ำใช้ทำเกษตรได้ตลอดปี
เดินมาที่ในส่วนของแปลงผักสวนครัว ริมขอบแปลงมีตู้แสดงการวางท่อใต้ชั้นดินเป็นตัวอย่าง เพื่อแสดงการวางระบบหมุนเวียนน้ำใต้ดินด้วย ‘ท่อระบายน้ำซึมใต้ดิน’ ที่เดินระบบมาแต่แรกเริ่ม คุณประโยชน์คือช่วยให้ระบายน้ำได้เร็ว ช่วยให้เกษตรกรทำงานได้ง่ายขึ้นมากเพราะน้ำจะไม่ขัง
ส่วนพืชในแปลงดูแลด้วย ‘ระบบน้ำพืชอัจฉริยะ’ หรือระบบน้ำหยดที่นำเอาโมเดลจากประเทศอิสราเอล ที่ทำสำเร็จมาแล้วเรื่องการปลูกพืชในทะเลทราย นอกจากจะช่วยประหยัดน้ำ แถมยังสั่งการทางไกลผ่านแอปพลิเคชันได้ ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน จะในหรือต่างประเทศ ก็สั่งรดน้ำพืชได้จากปลายนิ้ว
ใกล้ ๆ กัน ทำเป็นส่วนของพืชสวนพืชไร่พืชในโรงเรือน Green House สำหรับปลูกพืชต่างประเทศที่มีมูลค่าสูง และหากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าฟาร์มนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเกษตรกรเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วกลุ่มเป้าหมายของฟาร์มแห่งนี้คือคนทุกสาขาอาชีพ โรงเรือนที่ว่าก็เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาฟาร์มในร่ม เพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกพืชในอาคารที่เราสามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ทั้งแสงแดด ก๊าซ น้ำ และอุณหภูมิ จะตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบคนเมืองด้วยเช่นกัน
นอกจาก 3 โซนที่เราพาไปชมอย่างละเอียดแล้ว ยังมีอีกหลายโซนสนุกน่าสนใจ ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมาก ซึ่งสรรค์สร้างคิดค้นมาเพื่อยกระดับวงการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น โซนพื้นที่สร้างประสบการณ์นวัตกรรมการเกษตร (Innovation Experience Zone) เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้ลองมีประสบการณ์ใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรที่เหมาะกับการเพาะปลูกของแต่ละคน
โซนวิจัยเกษตรครบวงจร (KAS Research Zone) ส่วนนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทดลอง วิจัย และพัฒนาการทำการเกษตร ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีของคูโบต้า ซึ่งจะก่อให้เกิดโซลูชันใหม่ ๆ ตามมาอีกเพียบในอนาคต
โซนอบรมเกษตรครบวงจร (KAS Training Zone) พื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้แบบองค์รวมให้กับผู้ที่สนใจ ตั้งแต่ขั้นบีกินเนอร์เพิ่งจับจอมเสียมได้พัฒนาทักษะในการทำเกษตร หรือเกษตรกรมือฉมังก็มาเพิ่มองค์ความรู้ให้มากขึ้นได้ เพื่อจะได้นำกลับไปใช้ในไร่นาของตนเอง
โซนระบบโครงสร้างพื้นฐาน (Construction Zone) เป็นการนำเสนอรูปแบบการใช้งานรถขุดของคูโบต้าที่ใช้ในภาคการเกษตรและการก่อสร้าง
โซนเกษตรสมัยใหม่พืชไร่ (Modern Field Crops Farm Zone) โซนนี้จะเน้นพืชเศรษฐกิจในบ้านเรา เพราะเป็นพื้นที่ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด แบบปลอดการเผา (Zero Burn) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ที่สำคัญยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เข้ากับเทรนด์รักษ์โลกในช่วงนี้
และโซนสุดท้ายคือ โซนยางพารา ปาล์มน้ำมัน (Para Rubber Oil Palm Zone) อีกกลุ่มพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ทางคูโบต้าเสนอการปลูกพืชแซมระหว่างแถวปลูก ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และลดต้นทุนให้กับเกษตรกร
ทางคูโบต้าฟาร์มบอกว่า อนาคตยังมีโซนใหม่ที่นำเอาโคกหนองนาโมเดลมาปรับใช้เข้ากับภูมิสังคม ปรับเปลี่ยนบางส่วนจากโคกหนองนาที่เราเคยรู้จักกัน ปรับตำแหน่งบางส่วน พัฒนาให้เข้ากับวิถีชีวิตของเกษตรกรที่แตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น กำลังจะเปิดให้เข้าชมเร็ว ๆ นี้
หลังจากกลับออกมาจากคูโบต้าฟาร์ม เชื่อว่าทั้งชาวนาชาวไร่ เกษตรกรรุ่นเก๋า หรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์รุ่นใหม่ ถ้ามีโอกาสได้มาคูโบต้าฟาร์มแห่งนี้เหมือนเรา จะได้องค์ความรู้ใหม่ ๆ นำไปพัฒนาใช้ในสวนของตัวเองได้อย่างยั่งยืน รวมถึงคนเมืองธรรมดาอย่างเรา ๆ ที่ไม่มีสกิลล์การปลูกพืชใด ๆ น่าจะคันไม้คันมืออยากลงไปย่ำดินปลูกผัก มีต้นไม้แสนรักไว้ดูแลในบ้านหรือริมระเบียงคอนโดฯ สักแปลง เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการทำเกษตรแบบดั้งเดิมไปแน่นอน
KUBOTA FARM
ที่ตั้ง : 789 หมู่ที่ 7 ตำบลหนองอิรุณ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 20220 (แผนที่)
โทรศัพท์ : 0-2029-1747
Facebook : Siam Kubota Club
อ่านข้อกำหนดและลงทะเบียนก่อนเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ Website : www.siamkubota.co.th