20 กุมภาพันธ์ 2020
4 K

ประเทศญี่ปุ่นนอกจากจะมีอาหารอร่อยๆ ธรรมชาติที่สวยงาม พิพิธภัณฑ์ดีๆ และของให้ช้อปอย่างเพลิดเพลินแล้ว ยังมีแหล่งความรู้ที่สนุกมากและเข้าชมฟรีอีกด้วย นั่นคือการเยี่ยมชมโรงงานการผลิตหรือสถานที่ทำงานของแบรนด์ต่างๆ

หากใครชอบการบินแนะนำให้ชม JAL Factory Tour Sky Museum หรือ ANA Maintenance Facility Tour เราจะได้ฟังความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบิน ชมโมเดลเครื่องบินจำลองและเครื่องแบบของพนักงานยุคต่างๆ ไปจนถึงการได้เข้าชมถึง Hangar หรือโรงเก็บเครื่องบิน ที่จะได้เห็นการตรวจเช็กและซ่อมบำรุงจริงๆ

หากใครเป็นสายกินสายดื่มจะต้องยิ่งปลื้ม เพราะหลากหลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น Kewpie Suntory และ Kirin ก็เปิดโรงงานให้เข้าชม

วันนี้เราจะพาไปเที่ยวชมโรงงานที่คิดว่าน่าจะเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยมากที่สุดแบรนด์หนึ่งคือ คิคโคแมน (Kikkoman) ซึ่งขอเล่าที่มาที่ไปของการเปิดให้ชมโรงงานของคิคโคแมนกันก่อนเล็กน้อย

คิคโคแมนเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่หยิบวาระของชาติเรื่องการให้ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการ หรือโชคุอิคุ (Shokuiku) มาปลูกฝังกับกลุ่มเยาวชนตั้งแต่วัยที่เริ่มเลือกอาหารเอง เพราะสินค้าและบริการต่างๆ จากผู้ผลิตมีบทบาทต่อคุณภาพชีวิตเราไม่น้อยไปกว่านโยบายและสวัสดิการจากภาครัฐ บ่อยครั้งเราจึงเห็นการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจในประเทศพัฒนาแล้ว

ก่อนที่จะไปดูว่าคิคโคแมนทำอะไรเพื่อช่วยส่งเสริมนโยบายรัฐบ้าง เราชวนย้อนดูที่มาของการออกนโยบายเรื่องโชคุอิคุนี้กันสักหน่อยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และทำไมถึงสำคัญถึงขั้นถูกหยิบขึ้นมาเป็นวาระระดับชาติ

ขุดบ่อน้ำก่อนที่จะกระหาย

ถึงแม้ ‘Dig the well before you are thristy’ จะเป็นสุภาษิตจีน แต่ก็สะท้อนภาพการทำงานของรัฐบาลญี่ปุ่นในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

รัฐบาลญี่ปุ่นผลักดันการให้ความรู้ด้านโภชนาการอย่างจริงจังด้วยหลายสาเหตุ เช่น สัดส่วนประชากรที่มีภาวะโรคอ้วนมากขึ้น หรือประชาชนพึ่งพาอาหารจากร้านสะดวกซื้อจนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต รวมถึงคนวัยทำงานและประชากรวัยเรียนเริ่มไม่ (มีเวลา) รับประทานอาหารเช้า ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงความเป็นคนเมืองที่วิถีชีวิตเร่งรีบจนสมาชิกในบ้านไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกันอย่างในอดีต

ทางการญี่ปุ่นเล็งเห็นว่าหากปล่อยให้พฤติกรรมเหล่านี้ดำเนินต่อไปจะนำมาซึ่งความเจ็บป่วยจำนวนมหาศาล และลุกลามไปถึงงบประมาณด้านสาธาณสุข รวมถึงความมั่นคงด้านวัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่นคงมีอนาคตที่ไม่ค่อยดีแน่นอน จึงเกิดการให้ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการเป็นวาระสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน

Shokuiku

สำหรับญี่ปุ่น ประชาชนควรมีสิทธิเข้าถึงอาหารที่ดี และเป็นความรับผิดชอบของประชาชนที่จะเลือกกินอาหารที่ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพจนเป็นภาระของชาติ

โชคุอิคุถูกหยิบขึ้นเป็นวาระแห่งชาติเมื่อ ค.ศ. 2005 เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นเล็งเห็นวิกฤตด้านอาหารของประชาชนในประเทศ และวัฒนธรรมอาหารอันลึกซึ้งก็กำลังถูกสั่นคลอนด้วยอาหารตะวันตกที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ

Shokuiku แปลว่า ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการ ใจความสำคัญคือให้ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการ และสร้างความสามารถในการเลือกกินได้อย่างเหมาะสม รวมถึงมารยาทบนโต๊ะอาหาร การเห็นคุณค่าของอาหาร ดังที่เราคุ้นเคยกับธรรมเนียม อิตะดะคิมัส (Itadakimasu) ที่เตือนให้สำนึกรู้คุณธรรมชาติที่ให้อาหารรวมถึงผู้ที่ปรุงอาหารให้เรา ซึ่งนำไปสู่การกินอาหารอย่างรู้คุณค่า ไม่เหลือทิ้ง

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
Japanese Food Guide ภาพ : www.maff.go.jp

ทางการญี่ปุ่นได้พัฒนา Japanese Food Guide ขึ้นมาอย่างรอบด้าน นอกจากบอกประเภทอาหารที่ควรทานแล้ว ยังบอกด้วยว่าแต่ละวันควรกินกี่ส่วน ในปริมาณเท่าใด โดยใช้วิธียกตัวอย่างชนิดอาหารที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยกันอย่างดีเป็นตัวอย่าง ทำให้ง่ายต่อความเข้าใจและจดจำ

ที่สำคัญ ไกด์ไลน์นี้อนุญาตให้กินขนม ลูกอม และเครื่องดื่มต่างๆ ได้ แต่ในปริมาณที่เหมาะสม จึงเป็นแนวทางที่มีความเข้าใจ (Empathy) และสมเหตุสมผล (Realistic) ในการนำไปทำจริง แล้วก็ยังครอบคลุมไปถึงการออกกำลังกายและดื่มน้ำ เป็นแนวทางในองค์รวมที่ไม่ค่อยเห็นใน Food Guideline หลักๆ ที่ทั่วโลกใช้กัน

ร่วมด้วยช่วยกัน

ตัวแปรหนึ่งที่สำคัญมากต่อความสำเร็จนี้ก็คือแบรนด์ที่ผลิตสินค้าป้อนสู่ผู้บริโภค

รัฐบาลญี่ปุ่นเชิญชวนให้แบรนด์ต่างๆ ผนวกโชคุอิคุเข้าไปในการดำเนินธุรกิจของตัวเองในส่วนที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ชมโรงงาน สอนทำอาหาร หรือให้ความรู้ด้านอาหารในเว็บไซต์ของแบรนด์

การเปิดให้ผู้บริโภคชมโรงงานรับฟังข้อมูลโภชนาการและการผลิตต่างๆ ยังถือเป็นการประชาสัมพันธ์แบรนด์ไปในตัว และได้โอกาสรับความคิดเห็นจากผู้บริโภคโดยตรงโดยไม่ต้องเสียงบประมาณทำไปวิจัยตลาด

คิคโคแมน… มากกว่าโชยุ

คิคโคแมนเป็นแบรนด์โชยุที่มียอดขายอันดับ 1 ในญี่ปุ่น คนไทยบางคนเรียกซีอิ๊วญี่ปุ่นว่า ‘คิคโคแมน’ มากกว่า ‘โชยุ’ ด้วยซ้ำ คิคโคแมนก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1917 มีอายุครบ 103 ปีในปีนี้ เป็นแบรนด์ที่ส่งผลกระทบต่อคนวงกว้าง เพราะคนญี่ปุ่นกินโชยุเฉลี่ยคนละ 2.1 ลิตรต่อปี หรือบ้านละ 6 ขวดครึ่ง

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้

ปัจจุบันคิคโคแมนมีแบรนด์ในเครืออีกหลายแบรนด์ รวมสินค้าหลายร้อยชนิด เช่น มิริน น้ำเต้าหู้ ซอสมะเขือเทศ และอื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้แนวคิด ‘Seasoning your life’

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
สินค้าบางส่วนภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของคิคโคแมนที่จัดแสดงที่โรงงาน

คิคโคแมนมีสินค้าที่หลากหลายและใช้ได้ทุกเพศทุกวัย การให้ความรู้ด้านโภชนาการจึงสำคัญต่อความเข้าใจและการใช้สินค้าของแบรนด์เอง คิคโคแมนตอบรับนโยบายโชคุอิคุอย่างจริงจัง จนนำมาพัฒนาเป็น 6 กิจกรรม ทั้งการสอนให้เด็กๆ ลองทำซอสถั่วเหลือง การเดินสายไปบรรยายเรื่องเกี่ยวกับซอสถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ ปลูกมะเขือเทศ และโภชนาการตามโรงเรียนและบริษัท รวมถึงการเปิดโรงงานให้เยี่ยมชมการผลิตโชยุ ซึ่งโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองโนดะ (Noda) จังหวัดชิบะ (Chiba) เป็นสถานที่เริ่มต้นแบรนด์เมื่อร้อยกว่าปีก่อน

ไปโรงงานกัน

บริเวณทางเข้าหน้าโรงงานมีคุณลุงยามที่พูดอังกฤษได้ดีมากๆ ดูแลอยู่ แค่แจ้งว่ามา Factory Tour คุณลุงยามจะโทรประสานเจ้าหน้าที่ภายในเพื่อเตรียมต้อนรับเรา เจ้าหน้าที่ทำงานกันเป็นทีมมาก โดยเราเดินตามทางเดินเขียวๆ แล้วเข้าที่ทางเข้าบริเวณหลังคาส้มๆ ได้เลย

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
นานิจังต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู

เมื่อเข้ามาด้านในอาคาร เจ้าหน้าที่รีบเดินมาต้อนรับแล้วแจ้งว่า รอบนำชมต่อไปจะเริ่มในอีกไม่ช้า โดยมอบอุปกรณ์ฟังบรรยายไว้ให้ด้วยพร้อมสาธิตวิธีการใช้ เนื่องจากการบรรยายจะเป็นภาษาญี่ปุ่น

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
อุปกรณ์ฟังบรรยาย เพียงแค่กดหมายเลขเมื่อถึงจุดต่างๆ ก็จะได้รับข้อมูลไม่ต่างจากที่เจ้าหน้าที่บรรยายสดๆ

 เจ้าหน้าที่เริ่มต้นการทัวร์โรงงานด้วยการเปิดวิดีโอบอกเล่าความเป็นมาของคิคโคแมนและเรื่องราวเกี่ยวกับโชยุ มีห้องฉายวิดีโอภาษาอังกฤษแยกต่างหากสำหรับชาวต่างชาติ จากนั้นก็พาไปชมขั้นตอนแรกของการทำโชยุ คือการเตรียมวัตถุดิบตั้งต้น ระหว่างทางมีภาพแสดงข้อมูลที่ใหญ่มากและมีภาษาอังกฤษให้เราอ่านด้วย

ส่วนผสมของโชยุของคิคโคแมนประกอบด้วยถั่วเหลือง ข้าวสาลี เกลือ กล้าของเชื้อราที่ใช้ในการหมัก ยีสต์ และแบคทีเรียแลคติก

หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการหมัก โชยุที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ใช้เวลาหมัก 6 เดือน ถั่วเหลืองจะค่อยๆ ถูกย่อย มีสีเข้มขึ้นและหอมขึ้นเรื่อยๆ ทางโรงงานได้นำตัวอย่างถั่วเหลืองที่หมักในระยะเวลาต่างๆ กันมาให้เราได้ดูสีและดมกลิ่น เด็กๆ ชอบกิจกรรมนี้มากเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงทีละนิดจากเม็ดถั่วเหลืองมาเป็นซีอิ๊วที่เราคุ้นเคยกันบนโต๊ะอาหาร

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้

หลังจากได้ฟังบรรยายเกี่ยวกับการหมักแล้ว เราเดินผ่านปล่องที่ใช้หมักถั่วเหลืองด้วย โดยมีการเจาะหน้าต่างไว้ให้ดู ทำให้เราเห็นพื้นผิวชั้นบนของถั่วเหลืองที่กำลังถูกหมักอยู่ในปล่องได้ แต่น่าเสียดายที่ทางโรงงานไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพในส่วนการผลิต

เมื่อครบ 6 เดือน โชยุหมักได้ที่ก็ถึงเวลาบรรจุขวด โชยุที่ผ่านการหมักจนได้ที่จะถูกนำไปกรองผ่านผ้าไนลอนที่ทบไปทบมาความยาว 2.8 กิโลเมตร หรือ 4 เท่าของความสูงโตเกียวทาวเวอร์! บริเวณนี้มีตัวอย่างผ้าไนลอนให้ได้สัมผัส และมีกากถั่วเหลืองที่คั้นโชยุออกไปแล้วให้ได้ดม รวมถึงมีตัวอย่างโชยุหลังจากการหมักได้ที่ ซึ่งจะมีน้ำมันถั่วเหลืองลอยอยู่ข้างบนด้วย

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้

ต่อไปเป็นขั้นตอนการบรรจุขวดก่อนนำออกขาย มีการแสดงบรรจุภัณฑ์แบบต่างๆ ที่แบรนด์เคยทำมา ตั้งแต่ถังไม้ในอดีต แบบกระป๋อง ขวดแก้ว มาจนถึงขวดพลาสติกในปัจจุบัน ถึงตรงนี้ก็จะจบการนำชมโรงงาน แต่ระหว่างทางมีป้ายความรู้และข้อมูลให้เดินย้อนมาอ่านได้อีกมาก

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้

เมื่อจบการทัวร์โรงงาน นอกจากเราจะได้ความรู้เต็มอิ่มเกี่ยวกับซอสถั่วเหลือง ทางคิคโคแมนยังมีของฝากแจกให้ผู้เยี่ยมชมทุกคน (นอกจากเข้าชมฟรีแล้วยังมีสินค้าแจกให้ด้วย!) หากจะแจกโชยุธรรมดาคงไม่ตื่นเต้น เราได้รับชิโบริตาเตะ นามา โชยุ [Freshly Pressed Nama-shoyu (Raw Soy Sauce)] มันคือซีอิ๊วสดๆ ที่ไม่ผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ ทำให้คงรสชาติของซีอิ๊วแบบสดใหม่ตามธรรมชาติ ใส่มาในขวดชนิดพิเศษมีระบบสุญญากาศที่เทซีอิ๊วออกจากขวดได้โดยไม่มีอากาศกลับเข้าไปในขวด ทำให้รักษาความสดของและปลอดภัยของซีอิ๊วได้นานถึง 90 วันหลังเปิดใช้

เท่านั้นยังไม่พอ เรายังได้รับซีอิ๊วผงรสวาซาบิอีกซอง เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้พกพาซีอิ๊วติดตัวได้ง่ายไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะ กินกับอาหารได้เลยหรือจะใช้ผสมเพื่อปรุงรสอาหารก็ได้

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
ชิโบริตาเตะ นามา โชยุและโชยุผงรสวาซาบิ

จากประสบการณ์ที่ได้เยี่ยมชม Factory Tour ของแบรนด์อื่นๆ ในญี่ปุ่นมาบ้าง ที่นี่พูดถึงแบรนด์ตัวเองน้อยมาก แต่เน้นให้ความรู้เรื่องโชยุและขั้นตอนการผลิต และในเว็บไซต์คิคโคแมนก็มีข้อมูลโภชนาการของสินค้าแต่ละตัวอย่างละเอียด สอดคล้องกันไปทั้งระบบโดยมีโชคุอิคุเป็นหัวใจ

ชิม & ช้อป

หากไม่รีบไปไหน ที่นี่ยังมี Mame Cafe รอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เปิดประสบการณ์ชิมความอร่อยจากโชยุในรูปแบบต่างๆ โดยมีอาหารและของหวานให้ลิ้มชิมรสโชยุได้ในราคาย่อมเยา

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้

เราเลือกชิมเต้าหู้สดที่เสิร์ฟพร้อมถ้วยเปล่าเล็กๆ 3 ถ้วย ให้เราเลือกชิมโชยุและซอสนานาชนิดที่ตั้งเรียงรายไว้อย่างละลานตา ทำให้รู้สึกว่าเต้าหู้ชิ้นเล็กไปมากเลยทีเดียวเพราะไม่พอชิม

เราเลือกชิม Soy Sauce Soft Serve ซึ่งก็คือไอศกรีมโชยุ หากใครเคยชิ้มไอศกรีมซีอิ๊วดำของหยั่นหวอหยุ่นก็จะคล้ายๆ กัน เพียงแต่รสซีอิ๊วของคิคโคแมนเบากว่าและไม่ชัดเท่าของหยั่นหวอหยุ่น

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้

หลังจากเอร็ดอร่อยกันเสร็จแล้ว หากติดใจในรสชาติหรือยังเที่ยวไม่จุใจ ก่อนกลับบ้านยังแวะร้านขายสินค้าในเครือคิคโคแมนได้ บางชิ้นก็เป็นสินค้าหายากที่ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เช่น โชยุขวดเล็กน่ารัก สินค้าบางตัวก็จะมีโปรโมชันลดราคาพิเศษ และยังมีของที่ระลึกต่างๆ เช่น พวงกุญแจหรือกระดาษโน้ตนานิจังแสนน่ารักให้ซื้อกลับบ้านอีกด้วย

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้

Goyogura โชยุสูตรพิเศษสำหรับพระราชวังอิมพีเรียล

ขอแอบกระซิบว่านอกจากโชยุสูตรหมัก 6 เดือนที่พวกเราคุ้นเคยกัน คิคโคแมนยังมีซีอิ๊วสูตรพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในพระราชวังอิมพีเรียลโดยเฉพาะมีชื่อว่า Goyogura Shoyu ต้องขออธิบายเพิ่มว่าปกติแล้วถั่วเหลืองที่ใช้ในการผลิตโชยุของคิคโคแมนมาจากแคนาดาและอเมริกา เพราะเป็นแหล่งผลิตถั่วเหลืองรายใหญ่ แต่โชยุชนิดนี้ใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่นทั้งหมด และหมักยาวนานถึง 12 เดือน ทำให้มีรสและกลิ่นพิเศษกว่าโชยุทั่วไป

โชยุสูตรนี้ผลิตขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1939 มีอาคารผลิตแยกส่วนออกไปต่างหาก ทางคิคโคแมนจำหน่ายโชยุรสพิเศษนี้ให้คนทั่วไปได้ชิมด้วย แต่เนื่องจากผลิตจำนวนจำกัด จึงอาจจะไม่ได้เห็นวางขายทั่วไปบ่อยนัก ถ้าพบโชยุในกล่องกระดาษสีเหลืองแบบนี้เมื่อไหร่ก็ให้รีบซื้อหากันได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าที่นี่มาขายและไม่ควรพลาดซื้อกลับบ้าน

เมื่อ Kikkoman เปิดให้คนเข้าชมโรงงานของแบรนด์โชยุที่รักของชาวญี่ปุ่นซึ่งอายุครบ 103 ในปีนี้
Goyogura shoyu
ภาพ : www.tradbras.com.br

หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วใครสนใจเข้าเยี่ยมชมโรงงานของคิคโคแมน อดใจรออีกนิด เนื่องจากตอนนี้กำลังปิดปรับปรุงและจะเปิดให้เข้าชมได้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้


สถานที่ : Kikkoman Soy Sauce Museum

การเดินทาง : สถานี Nodashi Station สาย Tobu Urban Park Line

วันทำการ : หยุดทุกวันจันทร์ที่ 4 ของเดือน, Golden week, Bon holiday และช่วงปีใหม่

เวลาเปิด : 09.00 – 15.00 น.

ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย

การจอง : เข้าชมได้เลยโดยไม่ต้องจองล่วงหน้า แต่ถ้าอยากชมเป็นหมู่คณะหรือชมในนามองค์กรต้องติดต่อก่อน ดูรายละเอียดที่ www.kikkoman.com/en/shokuiku/factory.html

แนวทางการกินอาหารที่ดีตามนโยบาย Shokuiku ที่ถูกปรับปรุงล่าสุดเมื่อ ค.ศ. 2016

  1. มีความสุขกับมื้ออาหาร
  2. รักษาท่วงทำนองที่เหมาะสมให้กับร่างกายในการรับอาหาร หรือกินอาหารเป็นเวลา
  3. รักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ และกินอาหารหลากหลายอย่างสมดุล
  4. จัดสัดส่วนสารอาหารในมื้ออาหารให้เหมาะสม
  5. กินธัญพืชให้เพียงพอ เช่น ข้าว และธัญพืชต่างๆ
  6. อย่าลืมกินผัก ผลไม้ นม ถั่วต่างๆ และปลา
  7. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด รวมถึงระวังปริมาณไขมันที่กินเข้าไป
  8. เห็นคุณค่าและใช้ประโยชน์จากโภชนาการที่ดีซึ่งมีอยู่ในอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว ช่วยกันรักษาอาหารดั้งเดิมเอาไว้
  9. รักษาแหล่งอาหาร รวมทั้งระมัดระวังการกินไม่ให้มีอาหารเหลือทิ้ง
  10. หมั่นใส่ใจความรู้ด้านอาหารและดูแลการกินของตัวเองอยู่เสมอ

อ้างอิง

www.maff.go.jp/e/pdf/shokuiku.pdf

www.maff.go.jp/e/policies/tech_res/shokuiku.html

www.maff.go.jp/e/policies/tech_res/attach/pdf/shokuiku-3.pdf

www.youtube.com/watch?v=U1jxZgTNFAA

www.kikkoman.com/en/news/2011news/06.html

www.kikkoman.com/en/shokuiku/factory.html

Write on The Cloud

Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer & Photographer

Avatar

สุธาสินา เชาวน์เลิศเสรี

นักกลยุทธ์การตลาดที่มีความสนใจเรื่อง Healthcare ผู้ไม่ถนัดขายของ แต่ถนัดชวนมองว่าสังคมแบบไหนที่เราจะสร้างขึ้นจากสินค้าและบริการของเรา