“เรารู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้คลุกคลีกับการแสดง เราจึงอยากจะรักษาสิ่งนี้ไว้”

ขณะที่หลายคนต่างชื่นชมเสน่ห์ในตัว จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน หรือ จูเน่ BNK48 ที่ฉายชัดเป็นพิเศษกับการแสดง จูเน่เองก็ได้สัมผัสเสน่ห์ของการแสดงที่ไม่ได้มีแค่เรื่องของภาพ และไม่มีสูตรตายตัวอย่างที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเข้าใจ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล เราและแฟนคลับจูเน่อีกหลายคนจึงไม่ตกใจเท่าไรนัก เมื่อทราบข่าวว่าเธอตัดสินใจจบการศึกษาจากเส้นทางไอดอล เพื่อหันมาเอาจริงกับการแสดง

แม้ว่า จูเน่ เพลินพิชญา จะเพิ่งก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงได้ไม่นานนัก แต่ตอนนี้โปรไฟล์ของจูเน่ก็ประกอบไปด้วยผลงานหลากหลายแนว มากพอจะทำให้เธอเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของคนในวงกว้าง ขึ้นอยู่กับว่าคุณเริ่มรู้จักเธอในแง่มุมใด

หากคุณติดตามวง BNK48 มามากกว่า 2 ปี คุณจะเริ่มรู้จัก จูเน่ เพลินพิชญา ในฐานะสมาชิกวง BNK48 รุ่นที่ 2 ที่ได้ติดเซ็มบัตสึในเพลงเปิดตัวสมาชิกรุ่นที่สองอย่าง ฤดูใหม่ และอีก 4 เพลงหลังจากนั้น

หากคุณติดตามวงการซีรีส์ไทย คุณจะเริ่มรู้จัก จูเน่ เพลินพิชญา ผ่านบทบาท ตะวัน สาวครุฯ ลุคเปรี้ยวซ่าจากเรื่อง One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ เป็นการเดบิวต์ในสายงานแสดงของจูเน่และสมาชิก BNK48 อีกหลายคน

หากคุณเป็นคนชอบฟังเพลง หรือใช้เวลาเลื่อนดูฟีดในยูทูบบ่อยๆ คุณจะเริ่มรู้จักจูเน่จากการเป็นนางเอกมิวสิกวิดีโอ อยากมีแฟนแล้ว เพลงฮิต 26 ล้านวิวของ Lipta feat. Lazyloxy

ถ้าคุณเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง ฉลาดเกมส์โกง (2560) และได้ยินข่าวการรีเมกในเวอร์ชันซีรีส์ คุณจะเริ่มรู้จักจูเน่ในฐานะผู้รับบท ลิน ในซีรีส์ ฉลาดเกมส์โกง ที่กำลังออนแอร์อยู่ ณ ขณะนี้

“คุณครูสมัยประถมเคยเขียนในสมุดพกเราว่า ห้าอาชีพที่เราฝันอยากจะเป็นในตอนนั้น คือนักร้อง นักแสดง นักเต้น อันที่สี่เราจำไม่ได้ แต่อันสุดท้ายคือนักธุรกิจ” คำบอกเล่าของจูเน่ทำให้เราเชื่อในความชัดเจนต่อตัวเองของเธอตั้งแต่เด็กจนโต

ในวัย 19 ปี จูเน่ทำความฝันของตัวเองสำเร็จไปแล้วถึง 3 ข้อ

ในวัย 20 ปี จูเน่ปล่อยมือจาก 2 อาชีพในฝันตัวเอง ทั้งการร้องและการเต้น

แม้จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่เราก็ยังมีคำถามมากมายที่รอให้เธอมาตอบ

จูเน่นั่งลงตรงหน้าเราในท่าขัดสมาธิ ก่อนจะเริ่มต้นบทสนทนาว่าด้วยเส้นทางชีวิตจากวัยเด็กถึงวันนี้

จูเน่ BNK48 เด็กสาวผู้ชัดเจนต่อตัวเอง ออกจากวงไอดอลมาสานฝันข้อที่ 3 ใน 5 ในวัย 19 ปี, เพลินพิชญา โกมลารชุน

คิดดีแล้วใช่ไหม

“เมื่อจูเน่ชัดเจนกับสิ่งที่ตัวเองอยากทำตั้งแต่เด็ก คุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมยังไงบ้าง” เราถาม

“เขาไม่ใช่พ่อแม่ประเภทที่ช่วยหาเส้นสายเพื่อดันเราเข้าวงการ แต่จะส่งเสริมให้เราได้ไปเรียน สมัยก่อนเคยไปเรียนที่สถาบัน Star Maker กับ ครูอ้วน (มณีนุช เสมรสุต) เคยเรียนการแสดงกับ ครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) เรียนเต้น เรียนดนตรี เรียนกีฬา เรียนหลายอย่างมาก เพราะเขาอยากให้เราได้ลองอะไรเยอะๆ” นอกจากการฝึกฝนในห้องเรียน จูเน่ยังค่อยๆ สะสมประสบการณ์ทีละนิดผ่านการประกวดเต้นและทำคัฟเวอร์กับเพื่อน

เมื่อเห็นประกาศรับสมัคร BNK48 รุ่นที่ 2 จูเน่ก็ตัดสินใจสมัคร

“ตอนนั้นเราไม่จริงจังเลย ความคิดตอนอายุสิบเจ็ดก็แค่อยากรู้ว่าหน้าตาแบบเรานี่เขาจะรับหรือเปล่า ไปลองสมัครดูคงไม่เสียหายอะไร” จูเน่เล่าติดตลก ก่อนเสริมต่อ

“อีกเหตุผลหนึ่งคือ ถ้าสมัครแล้วได้ขึ้นมาจริงๆ นอกจากจะได้เรียนเต้นฟรี เรียนร้องเพลงฟรีแล้ว เราอาจจะดัง แถมยังได้เงินตั้งสี่พันบาทต่อเดือนแน่ะ” ด้วยสายเลือดนักธุรกิจที่สืบทอดมาจากคุณแม่ จูเน่ไม่ลืมคำนวณความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งเงิน 4,000 บาทต่อเดือนถือว่าไม่น้อยเลยสำหรับเธอในวัยมัธยมปลาย

ด้วยคุณสมบัติทุกด้านของจูเน่ประกอบกัน ทำให้เธอผ่านเข้ารอบลึกขึ้นเรื่อยๆ จนผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้ายในที่สุด

“วันก่อนจะเซ็นสัญญา บริษัทเรียกผู้ปกครองไปคุย กลับมาคุณแม่ก็ถามว่า คิดดีแล้วใช่ไหม ตอนนั้นเราตอบไปว่าคิดดีแล้ว ทั้งที่เราไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอก พอใจมันอยากมากๆ ก็ไม่ได้ฟังแม่ด้วยซ้ำ เราก็ เยส เยส เยส หนูทำได้ หนูปรับตัวได้

“แต่หลังจากนั้นก็มีหลายครั้งที่ย้อนกลับไปคิดว่า เอ๊ะ ทำไมตอนนั้นเราถึงพูดอย่างนั้นไปวะ” จูเน่หัวเราะแห้งๆ เมื่อย้อนนึกถึงการตัดสินใจของตัวเองในวันนั้น

จูเน่ BNK48 เด็กสาวผู้ชัดเจนต่อตัวเอง ออกจากวงไอดอลมาสานฝันข้อที่ 3 ใน 5 ในวัย 19 ปี, เพลินพิชญา โกมลารชุน

เราจะเป็นแบบไหนก็ได้

“อย่างที่ใครหลายคนน่าจะรู้ว่า เราเป็นคนที่ชัดเจนในตัวเองมากๆ เราไม่ได้เข้า BNK48 เพราะติดตาม AKB48 มาก่อน เราไม่ใช่คนงุ้งงิ้ง ไม่เคยคอสเพลย์ ไม่ได้มาสายญี่ปุ่นเหมือนคอนเซปต์ของวง เราไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคน Stereotype วงการไอดอลญี่ปุ่นเอาไว้” จูเน่เล่าถึงกำแพงด่านแรกที่เธอต้องเผชิญ

แน่นอน จูเน่พยายามปรับตัวเพื่อหาจุดที่พอดีระหว่างความเป็น BNK48 และตัวเธอเอง

“ด้วยคาแรกเตอร์เราที่อาจดูไม่แคร์แฟนคลับเท่าไหร่ เพราะเราไม่ใช่คนพูดจาหวานๆ วิธีการพูดของเรามันเป็นกันเองมาก ช่วงแรกก็เลยฝืน” คุยกับจูเน่มาถึงตรงนี้ เราพอจะเข้าใจลักษณะการพูดที่เธอหมายถึง เพราะหลายครั้ง ศัพท์แสลงบนโลกออนไลน์ก็ถูกหยิบมาใช้เพื่ออรรถรสในการสนทนา

“ไม่ไมีใครมาบอกให้เราปรับนะ แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ด้วยความที่เราอยากเป็นที่พูดถึงบ้าง เห็นเพื่อนลงไอจีสตอรี่คุยกับแฟนคลับเยอะๆ ก็รู้สึกว่าต้องทำบ้าง เพราะพื้นฐานเราตั้งแต่เด็กคือเราชอบให้ทุกคนมาสนใจอยู่แล้ว อยู่บ้านก็ชอบเต้น ชอบให้พ่อแม่ถ่ายคลิป เพราะชอบความรู้สึกเป็นที่ยอมรับ

“เราพยายามปรับจูนกับความเป็นวงอยู่นานเหมือนกัน จนสุดท้ายถึงได้รู้ว่า ไม่มีใครผิดใครถูกเลย แต่มันคือความเชื่อของเรา ณ ตอนนั้นเอง ที่คิดไปว่าเราต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วก็ไม่มีใครมาจำกัดเรานี่ เราจะเป็นแบบไหนก็ได้แหละ” ในวันที่เธอเข้าใจอะไรๆ รอบตัวมากขึ้น จูเน่ก็สรุปบทเรียนของเธอออกมาได้อย่างครบถ้วนตรงประเด็น

ไอดอล 24 ชั่วโมง

การปรับตัวในช่วงแรกผ่านไปไม่ทันไร จูเน่ก็ต้องเจอกับด่านถัดไปที่เป็นโจทย์พื้นฐานของคนทำงานในวงการบันเทิงแทบทุกคน นั่นก็คือการจัดการเวลาและการเรียน

“ด้วยกฎระเบียบที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวงญี่ปุ่นเดิม ว่าเราจะต้องซ้อมอยู่ตลอด ซึ่งกินเวลาเรียนหนังสือไปเยอะพอสมควร สมาชิกที่ยังเรียนอยู่ก็ประสบปัญหา เพราะไม่สามารถทำทั้งสองอย่างได้ดีทั้งคู่จริงๆ ตัวเราเองก็ดร็อปมหา’ลัยมาสองปีแล้ว” การตัดสินใจพักการเรียนโดยไม่รู้กำหนดว่าเมื่อไรจะได้กลับมาเรียนต่อนั้นยากลำบากแน่นอน จูเน่คือคนหนึ่งที่ก้าวเข้าสู่ BNK48 ในจังหวะเดียวกับที่เธอก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

“ช่วงแรกที่เข้าวง เราเริ่มเรียนมหาลัยไปได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้วคิดว่าไปต่อไม่ไหว เลยถอนรายวิชาแล้วก็ดร็อปเลยในปีแรก ปีที่แล้วคือเราถ่ายซีรีส์สองเรื่องติด มันก็แทบจะไม่มีทางจัดเวลาได้อยู่แล้ว

“เราเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ใน BNK ต่างก็ต้องผ่านตรงนี้กันมาหมด มันเทียบกับอย่างอื่นข้างนอกได้ยากนะ อย่างที่หลายคนมักจะบอกว่าเป็นวงที่ต้องขายวิญญาณ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยระบบทำให้เราต้องเต็มที่กับมัน จนแทบจะทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“ทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงแปลว่าอะไร” เราสงสัย ลำพังแค่ตารางงานและการซ้อมไม่น่าโหดร้ายขนาดนั้น

“ทุกวันนี้เราต้องทำงานกับโซเชียลมีเดีย สำหรับคนอื่นๆ อาจจะเป็นการผ่อนคลาย การอัปเดตข่าวสารกับเพื่อนๆ แต่สำหรับเราคืองานนะ สมมติเราเลิกงานอีเวนต์กลับบ้านเสร็จ เราก็ยังต้องจัดการโพสต์ ต้องลงสตอรี่ ต้องคุยกับแฟนคลับ เพื่อให้ตัวเรายังอยู่ในกระแส พวกนี้ถือเป็นงานนอกเวลาหมดเลย เป็นงานที่ไม่มีกำหนดเวลาเข้างานหรือเลิกงานเหมือนการทำงานอื่นๆ”

ด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัดและอิสระที่ถูกจำกัด เราสงสัยเหมือนกับที่คนรอบตัวจูเน่เองก็สงสัย

“ทำไมจูเน่ถึงยอมขนาดนั้น”

“เรารักอิสระมากๆ จนไม่มีใครคิดว่าเราจะอยู่ในกฎระเบียบแบบนี้ได้ ดูเป็นคนที่จะไม่ยอมด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องบอกว่า ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่เราเลือกตัดสินใจเข้ามาทำด้วยตัวเอง และเราก็ได้เรียนรู้หลายอย่างจากตรงนี้”

จูเน่ BNK48 เด็กสาวผู้ชัดเจนต่อตัวเอง ออกจากวงไอดอลมาสานฝันข้อที่ 3 ใน 5 ในวัย 19 ปี, เพลินพิชญา โกมลารชุน
สูตรชีวิตอิสระของ จูเน่ BNK48 หรือจูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน กับสูตรการแสดงแบบปล่อยจอยในบทลินแห่งซีรีส์ฉลาดเกมส์โกง

มันยังดีได้มากกว่านี้

บทเรียนและประสบการณ์ที่จูเน่ได้รับจากการเป็น BNK48 มีเยอะเกินกว่าจะยกมาคุยได้หมด เราตัดสินใจถามถึงบทบาทหนึ่งของเธอที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน คือการเป็น Show Director ในคอนเสิร์ต BNK48 2nd Generation Blooming Season Concert ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปลายปีก่อน

“เราตลกมากกับงานนี้ เอาจริงมันไม่ได้มีหน้าที่นี้ด้วยซ้ำในตอนแรก” จูเน่หัวเราะกับตำแหน่งที่ได้รับ

“มันเริ่มจากตอนที่เรารู้ว่า ในคอนเสิร์ตจะมีช่วงละครเวทีสั้นๆ พอเห็นบทเราก็ติดเรื่องการจัดหน้ากระดาษก่อน เพราะช่วงนั้นเราเริ่มถ่ายทำ One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ แล้ว ทำให้เริ่มรู้จักบทละครมากขึ้น คือบทที่ได้มาตอนแรกมันจะเป็นชื่อคนตามด้วยบทพูดในบรรทัดเดียวกัน แล้วก็ไม่ค่อยเปลี่ยนซีน ทำให้อ่านแล้วงง

“ก็เลยถามเขาไปว่า มีใครมีคอมฯ บ้างคะ ตั้งใจจะจัดหน้ากระดาษให้เขาใหม่” ก้าวแรกของการเป็นผู้กำกับละครเวทีขนาดสั้นครั้งแรกของจูเน่ เริ่มต้นขึ้นแบบจับพลัดจับผลูทีเดียว

“ในระหว่างที่แก้ เราก็รู้สึกว่าบทบางจุดมันแปลกๆ ลองปรับหน่อยดีกว่า แต่พอปรับเสร็จมาอ่านทั้งเรื่องแล้วก็ยังไม่ค่อยลงตัว สุดท้ายเลยจบที่รื้อใหม่หมดเลย” จูเน่เล่าด้วยท่าทีสบายๆ สวนทางกับข้อจำกัดโหดหินในการทำงานที่เธออธิบายให้เราฟัง

จากวันที่จูเน่ตัดสินใจรื้อบทละคร เหลือเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันแสดง นอกจากต้องเขียนบทใหม่ จูเน่และเพื่อนรุ่นสองทุกคนยังต้องจำบท ต้องซ้อม และไม่ใช่ว่าทุกคนจะเคยผ่านงานแสดงมาก่อน ดังนั้น จูเน่จึงตั้งใจสร้างคาแรกเตอร์ที่ใกล้เคียงกับเจ้าของบท เพื่อให้การแสดงออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุดภายใต้ระยะเวลาจำกัด

“พอถึงหน้างานจริงๆ ตอนซ้อมก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เรารู้สึกขัดใจ เราก็ลุกขึ้นมาบอกว่า บทตรงนี้น่าจะมาจากความรู้สึกแบบนี้นะ หรือเราลองเพิ่มท่าทางต่างๆ ให้มันสนุกขึ้นดีไหม”

ทั้งหมดที่จูเน่เล่าให้เราฟังนั้น ดูจะเกินขอบเขตหน้าที่ของเธอในฐานะสมาชิกวงไปมาก จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรทำให้เธอทุ่มเททั้งแรงและเวลาให้กับงานเบื้องหลังมากขนาดนี้

“เพราะด้วยมาตรฐานของเรา เรามองว่ามันยังดีได้มากกว่านี้ แค่ความคิดที่จะเปลี่ยนมันนิดเดียวเอง คงไม่ทำให้อะไรยากขนาดนั้น”

สูตรชีวิตอิสระของ จูเน่ BNK48 หรือจูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน กับสูตรการแสดงแบบปล่อยจอยในบทลินแห่งซีรีส์ฉลาดเกมส์โกง

อยากทำให้ดีได้เหมือนกัน

แม้จะไม่ได้ตั้งใจกำหนด แต่จูเน่ก็มีมาตรฐานของตัวเองในทุกเรื่อง ซึ่งเป็นไปโดยธรรมชาติ

“เราคิดว่ามาตรฐานมาจากความเชื่อและประสบการณ์ของเรานั่นแหละ สิ่งที่เราซึมซับระหว่างทางมาตลอด อย่างเช่น มาตรฐานในการแสดง ถ้าเราเคยเห็นคนที่แสดงแนวนี้แล้วออกมาดี มันก็จะเป็นทั้งแรงผลักดัน แล้วก็อาจจะเป็นแรงกดดันของเราด้วยในขณะเดียวกัน”

แต่กับบางมาตรฐาน แม้จะมีอยู่ แต่ก็นำมาเป็นมาตรวัดไม่ได้ อย่างบทบาท ลิน จากเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง ซึ่ง ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง เคยแสดงไว้ในเวอร์ชันภาพยนตร์ ก่อนที่จูเน่เข้ามารับไม้ต่อในเวอร์ชันซีรีส์

“ด้วยความที่เราเป็นคนแสดงที่เคยเป็นคนดูมาก่อน และเราก็รู้ว่ามันเป็นหนังที่ดีแค่ไหน ดังนั้น เมื่อเราต้องกลายมาเป็นคนแสดง จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากทำให้ดีเหมือนกัน ความรู้สึกตรงนี้กลายเป็นปัญหาอย่างที่สุดเลย เพราะเรามัวแต่ไปโฟกัสว่าจะทำให้ดี จนสมาธิของเราไม่ได้อยู่ที่ความรู้สึกลินในแต่ละซีน

“กลายเป็นว่าคำว่าดีที่เรานิยามในตอนแรกคืออะไรไม่รู้ที่เราสร้างขึ้นมาเอง คิดไปเองว่ามันคงจะต้องเหมือนพี่ออกแบบในหนังหรือเปล่า ต้องหน้านิ่งๆ หลังตรงๆ เฟียร์ซๆ นั่นคือสิ่งที่เราคิดโดยอัตโนมัติ”

“จูเน่พาตัวเองออกมาจากมาตรฐานเดิมได้อย่างไร” เราถาม

“ตอนนั้นนอกจากเรื่องมาตรฐานแล้ว เรามีปัญหาเรื่องความไม่มั่นใจด้วย เพราะปกติเราจะมั่นใจแค่กับมุมซ้ายของตัวเอง เวลาทำงานก็จะเปิดหน้ามุมซ้ายตลอดเลย เพราะมันมีข้อบกพร่องเยอะมากในหน้ามุมขวา เช่น หางตาตก จมูกตก ปากตก แต่ซีนที่ผู้กำกับเขาบล็อกช็อตมามันเป็นมุมขวาของเราไปแล้วประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์

“ช่วงแรกเราเครียดมาก ทะเลาะกับตัวเองข้างในตลอดเวลา ว่าปวกเปียกจังเลย งี่เง่ามากนะถ้าเราจะมายึดติดกับเรื่องแบบนี้ พอทะเลาะกับตัวเองบ่อยเข้าเราก็เริ่มชิน หลังจากนั้นเลยเหมือนกับเราปล่อยจอย โยนทุกอย่างทิ้ง ทั้งเรื่องมุมกล้องแล้วก็เรื่องที่อยากจะทำให้ดี แล้วตั้งใจทำให้เต็มที่ก็พอ”

เป็นที่มาของลินในเวอร์ชันจูเน่ ที่ทั้งไม่เฟียร์ซ หลังไม่ตรงตลอดเวลา และเปิดหน้ามุมขวาอยู่บ่อยๆ

“สุดท้ายการแสดงมันสอนเราว่า ทุกอย่างมันไม่ได้อยู่ที่ภายนอกหรอก It’s not depends on how you look but depends on what do you feel, actually feel”

ทำไมลินถึงต้องทำแบบนี้

เราถามต่อไปถึงกระบวนการทำงานเบื้องหลัง และวิธีการที่ผู้กำกับอย่าง พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ใช้พาจูเน่เข้าไปสู่โลกของลิน

“พี่พัฒน์เป็นผู้กำกับที่ช่วยไกด์เราด้วยคำถาม เขาจะคอยถามว่า เราคิดว่าทำไมลินถึงต้องทำแบบนี้ หรือตอนนั้นที่เล่นเราคิดอะไรอยู่ จนเราได้เข้าใจตัวละครจริงๆ บางครั้งเราก็เอากระบวนการคิดแบบนี้มาใช้ กลับมานั่งถามตัวเองในชีวิตจริงเหมือนกัน เวลาที่เราไม่เข้าใจตัวเองหรือไม่เข้าใจคนอื่น

“สิ่งสำคัญที่สุดคือทำให้เราเห็นคุณค่าของครอบครัวมากขึ้นจากการแสดง” แม้ลักษณะนิสัยของจูเน่และลินจะแตกต่างกันจนหาจุดร่วมแทบไม่ได้ แต่ในแง่ภูมิหลังครอบครัวกลับคล้ายกันมาก ซีรีส์เรื่องนี้จึงทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนตัวจูเน่ในชีวิตจริงได้เป็นอย่างดี

“พ่อกับแม่ของเราในชีวิตจริงมีความคล้ายกับพ่อแม่ของลินมาก คือพ่อจะมีความตลก เล่นมุกแป้ก ส่วนแม่ก็จะมีความทะเยอทะยาน และเฟมินีนหน่อยๆ ซึ่งมันเป็นกลิ่นอายที่เราคุ้นเคยมาก ยิ่งตอนเข้าซีนกับ พี่แท่ง (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) และ พี่ออร์แกน (ราศี ดิศกุล ณ อยุธยา) มันมีเคมีที่เหมือนกับพ่อแม่ของเราจริงๆ

“ในเรื่องจะมีซีนอารมณ์ในครอบครัวของลิน ซึ่งช่วยปลดล็อกตัวเราในชีวิตจริงอีกทีหนึ่ง เพราะ ณ ขณะที่ถ่ายทำ ความสัมพันธ์ของเรากับที่บ้านก็ไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไหร่ แต่เพราะการเล่นเป็นลินทำให้เรารู้ว่า การได้กลับไปคุยกับเขามันดีมากขนาดไหน เราเลยตัดสินใจทำสิ่งที่เราไม่กล้าทำมาก่อน นั่นคือการกลับไปดีกับเขา”

สูตรชีวิตอิสระของ จูเน่ BNK48 หรือจูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน กับสูตรการแสดงแบบปล่อยจอยในบทลินแห่งซีรีส์ฉลาดเกมส์โกง
สูตรชีวิตอิสระของ จูเน่ BNK48 หรือจูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน กับสูตรการแสดงแบบปล่อยจอยในบทลินแห่งซีรีส์ฉลาดเกมส์โกง

ถ้าแม่ได้ผ่านมาอ่านบทความนี้

ถึงตอนนี้ซีรีส์ ฉลาดเกมส์โกง ปิดกล้องไปแล้วและกำลังจะจบการโปรโมตในอีกไม่กี่สัปดาห์ ส่วนภารกิจในฐานะ BNK48 ของเธอก็เหลือแค่กิจกรรมออนไลน์ที่ใช้ทดแทนงานจับมือของซิงเกิลล่าสุด

“หลังจากนี้จูเน่วางเป้าหมายในอนาคตอย่างไร” จูเน่ฟังคำถามของเราแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบ

“แปลกเหมือนกัน เมื่อก่อนเราจะจดโน้ตตลอดว่าสิ่งที่เราจะทำมีอะไรบ้าง แต่เพิ่งมานึกได้ว่าช่วงนี้ไม่ได้ทำเลย ตั้งแต่เริ่มมีการแสดงเข้ามาในชีวิต ส่วนหนึ่งคือตอนนี้เรารู้สึกว่าชีวิตมันคาดเดาอะไรไม่ได้” จูเน่อธิบายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“กับอีกส่วนคือ เราชัดเจนกับตัวเองมากขึ้นด้วยมั้ง มันชัดเจนขนาดที่ว่าพอมีอะไรเข้ามาแล้วเราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ว่าสิ่งนี้ใช่หรือไม่ใช่สำหรับเรา” จากคนที่ชัดเจนกับเส้นทางในอนาคตของตัวเองมาตลอดตั้งแต่เด็ก จูเน่ในวันนี้ก็ยิ่งชัดเจนและซื่อสัตย์กับตัวเองมากกว่าที่เคยเป็นมา

“เป้าหมายที่แน่นอนก็คงเป็นการแสดง เราชอบการแสดง เราอยากจะยึดสิ่งนี้เป็นหลักต่อไป” จูเน่สรุป

“ได้ยินว่าจะกลับไปเรียนมหา’ลัยด้วย”

“ใช่ เพราะเราสัญญากับแม่ว่าจะกลับไปเรียน” แม้จะดร็อปไป 2 ปี แต่ครอบครัวของจูเน่ก็ไม่ได้กดดัน และยอมปล่อยให้เธอตัดสินใจเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง

“เราคิดว่าว่าที่บ้านเขาก็คงเชื่อใจเราอยู่บ้างแหละ จากการที่เขายอมปล่อยให้เด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปดในตอนนั้นได้โลดแล่นทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เราอยู่คอนโดฯ คนเดียว ขับรถไปไหนมาไหนเองตลอด โดยที่เราไม่ได้ให้สิทธิ์เขาในการตัดสินใจเรื่องชีวิตของเราสักเท่าไหร่ คิดว่าเขาก็คงไว้ใจเราพอสมควร” จูเน่พูดถึงครอบครัวได้อย่างสบายใจ หลังจากที่ได้กลับมาคืนดีกับพ่อแม่แล้ว

“แล้วกับตัวเอง จูเน่รู้สึกกดดันไหมที่ต้องหยุดเรียนไปสองปีเต็ม” เราถาม

“ไม่ เราไม่ได้อยากเรียน ตอนนี้อินกับการทำงานมากกว่า” จูเน่ตอบในทันที เธอยิ้มกวนๆ เมื่อพูดต่อ

“ถ้าแม่ได้ผ่านมาอ่านบทความนี้ หนูพูดตรงนี้เลยนะว่าหนูเรียนเพื่อความสบายใจของแม่ล้วนๆ”

สูตรชีวิตอิสระของ จูเน่ BNK48 หรือจูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน กับสูตรการแสดงแบบปล่อยจอยในบทลินแห่งซีรีส์ฉลาดเกมส์โกง

Writer

Avatar

สาริศา เลิศวัฒนากิจกุล

เด็กนิเทศ เอกวารสารฯ กำลังอยู่ในช่วงหัดเขียนอย่างจริงจัง แต่บางครั้งก็ชอบหนีไปวาดรูปเล่น มีไอศครีมเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในยามอ่อนล้า

Photographer

Avatar

ธีรพันธ์ ลีลาวรรณสุข

ช่างภาพ นักออกแบบกราฟิก นัก(หัด)เขียน โปรดิวเซอร์และผู้ดำเนินรายการพอดแคสต์ และอื่นๆอีกมากมายแล้วแต่ว่าไปเจออะไรน่าทำ IG : cteerapan