ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนกีฬาหรือไม่ ต้องมีสักครั้งแหละที่คลิปของ จิมมี่-พิฆเนศ สุขหยิก ไหลผ่านหน้าไทม์ไลน์

เปล่า เราไม่ได้หมายถึงคลิปเตะต่อยตามประสานักกีฬาคิกบ็อกซิ่งทีมชาติไทย แต่เป็นคลิปที่จิมมี่รับเหรียญรางวัลแล้วถอนสายบัว ก่อนหมุนตัวด้วยท่า Slow-mo Turn บนเวที SEA Games ปีล่าสุดจนกลายเป็นไวรัล โด่งดังไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน

แน่นอนว่าจิมมี่ไม่ใช่นักกีฬา LGBT+ คนแรกที่แสดงความเป็นตัวเองอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชในสนามกีฬาสากล และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ แต่อาจเพราะจริตรับเหรียญที่น่ารัก และความภาคภูมิใจในตัวเองที่ฉายชัดผ่านสีหน้าและแววตา สิ่งเหล่านี้ขโมยหัวใจคนดูได้อย่างไม่คาดคิด

แม้แต่ตัวจิมมี่เองก็ไม่คาดคิด – เขายืนยันกับเราในวันที่เจอกัน อันที่จริง ชีวิตที่ผ่านมาของจิมมี่ก็เผชิญกับเรื่องไม่คิดฝันมานับไม่ถ้วน

จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก

ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก LGBT+ คนเดียวในโรงเรียนที่แทบไม่โดนบูลลี่ เคยกลัวเจ็บตัวในกีฬาเตะต่อย แต่สุดท้ายก็กลายเป็นนักกีฬาคาราเต้ทีมชาติ หรือแม้กระทั่งการสโลว์โมเทิร์นด้วยจริตนางงามอันโด่งดัง ซึ่งสุดท้ายโดนสมาพันธ์คิกบ็อกซิ่งแห่งเอเชียห้ามไม่ให้ทำอีก

บ่ายวันนี้ที่ศูนย์ฝึกกีฬาในร่ม การกีฬาแห่งประเทศไทย ท้องฟ้ากำลังสดใส แต่รอยยิ้มของคนตรงหน้าเราสดใสกว่า เราชวนจิมมี่คุยเรื่องชีวิตวัยเด็ก เส้นทางนักกีฬา ความบ้านางงาม ไปจนถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ตระหนักได้ว่าโดนจำกัดเสรีภาพ และการเรียนรู้ว่าคุณค่าของตัวเองไม่ได้ถูกจำกัดเหมือนเสรีภาพที่ถูกริดรอน

เด็ก LGBT+ คนเดียวในโรงเรียน

เด็กชายจิมมี่โตมาแบบไหน แล้วรู้ตัวเมื่อไหร่ว่าเป็น LGBT+ 

เป็นเด็กซน ยิงนก ตกปลา เล่นหมากเก็บ เหมือนเด็กทุกคน แต่หนูรู้ว่าหนูเป็นตุ๊ดตั้งแต่ช่วง ป.1 ที่เราเริ่มชอบผู้ชาย ชอบเล่นวอลเลย์บอล หรือตอนมีงานวันเด็กก็ชอบเต้น บนเวทีหนูเต้นสะบัดเลย

ถือว่ารู้ตัวเร็วนะ

รู้เร็วมาก (ตอบทันที) อาจเพราะถูกบังคับให้ตัดผมสั้นด้วย หนูอยากมีผมยาว ๆ เพราะคิดว่าถ้าผมยาวผู้ชายคงจะชอบ (หัวเราะ) แต่โตมาก็มีจุดเปลี่ยนที่คิดว่าอยากลองคบผู้หญิงเหมือนกัน เพราะตอนนั้นเล่นคาราเต้แล้วต้องคีปลุคในสนามแข่ง ออกจริตไม่ได้ เลยมีผู้หญิงมาชอบบ้าง แต่ข้างในก็รู้สึกว่าไม่ใช่ มันไม่ได้ 

จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก

ครอบครัวยอมรับหรือเปล่า

ทางบ้านเขายอมรับ เพราะคุยกับแม่ตลอดว่าหนูเป็นแบบนี้ จริง ๆ เขาน่าจะรู้ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เพราะเพื่อนสนิทก็ไปเล่าให้แม่ฟังว่า ไอ้จิมมันเป็นตุ๊ด (หัวเราะ) ผู้ปกครองเขาก็คุยกันว่าจิมมี่มีนิสัยคล้ายผู้หญิง พ่อแม่น่าจะรู้เนิ่น ๆ แล้ว แต่ด้วยความที่เราเด็ก ผู้ใหญ่มองว่าช่วงนั้นฮอร์โมนยังขึ้น ๆ ลง ๆ หรือเปล่า 

พอขึ้นมัธยมต้นหนูต้องย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำ กลัวว่าเพื่อนผู้ชายจะแกล้ง กลัวเข้ากับสังคมไม่ได้ หนูก็แอ๊บแมนสุดฤทธิ์สุดเดช ชายแท้ครับผม แต่ก็ได้แค่นิด ๆ หน่อย ๆ สุดท้ายพอมีงานเกษียณ ผอ. ทางครูเขาก็เฟ้นหาเด็กขึ้นไปเต้นบนเวทีทั้งชายและหญิง พวกผู้ชายไม่เอาเพราะอาย แต่หนูอยากเต้น! เอา! แล้วก็เต้นไลน์ผู้หญิงไปเลย เพื่อนก็เลยรู้กันหมด

โดนบูลลี่บ้างไหม

ไม่ เพื่อนบอกว่า ฉันว่าแล้วว่าแกต้องเป็น สุดท้ายก็แฮปปี้ ทุกคนไม่มีปัญหา ไม่มีใครแกล้งหรอก หนูกลัวไปเองมากกว่า เป็นคนขี้กลัว

เรื่องกีฬาก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้หนูไม่ได้อยากเล่นคาราเต้หรือคิกบ็อกซิ่งเลย เพราะหนูกลัวกีฬาต่อสู้ จริง ๆ อยากไปสายแต่งหน้า บิวตี้บล็อกเกอร์ เล่นวอลเลย์บอลมากกว่า (ยิ้ม) แต่ด้วยแม่ ด้วยครอบครัวที่หนูอาจต้องเป็นเสาหลัก ความรัก อยากช่วยเหลือครอบครัว อยากให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้นมันชนะ

เริ่มเล่นกีฬาตั้งแต่ตอนไหน

อายุ 13 ปี ก่อนหน้านั้นหนูเล่นกีฬาโรงเรียน กีฬา อบต. แต่ยังไม่เคยไปถึงระดับจังหวัด เล่นแบบสนุก ๆ เฮฮา อย่างวอลเลย์บอลก็ไปเป็นคู่ซ้อมให้เพื่อนผู้หญิง เพราะที่โรงเรียนไม่มีวอลเลย์บอลชาย ผู้ชายไม่เล่น ทั้งโรงเรียนมีหนูเป็นตุ๊ดอยู่คนเดียว

คนเดียวเลยเหรอ

คนเดียวในโรงเรียน ตั้งแต่มัธยมจนโรงเรียนประจำที่เป็นโรงเรียนกีฬา จนมาอยู่สมาคมคิกบ็อกซิ่งก็เป็นตุ๊ดคนเดียวในสมาคม

รู้สึกโดดเดี่ยวไหม

ไม่ เพราะหนูอยู่กับเพื่อนผู้ชายและเพื่อนผู้หญิงได้ หนูไม่มีเพื่อนที่เป็น LGBT+ เลยนะ มีเพื่อนน้อยมากที่จะมาแชร์ประสบการณ์ตะแลดแต๊ดแต๋ แต่เพื่อนทุกคนให้พลังบวกกับเราสุด ๆ

จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก

กลับมาที่เรื่องเส้นทางนักกีฬา ที่บอกว่าการเป็นนักกีฬาจะช่วยแม่และครอบครัวได้ ตอนนั้นคุณแม่มองเห็นอะไรในเส้นทางนี้ ทำไมแม่ถึงอยากให้จิมมี่เป็นนักกีฬา

เขาไม่ได้มองเห็นอะไรเป็นพิเศษ แค่เห็นว่าถ้าเราไปเรียนไกลจากบ้านก็น่าจะมีอนาคตที่ดี เพราะสังคมแถวบ้านหนู ถ้าเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เมียก่อนวัยอันควรก็มักจะติดยาและแว้นมอเตอร์ไซค์อยู่แถวบ้าน ซึ่งแม่อยากให้เราหลุดพ้นจากตรงนั้น ถ้าไปไกลจากบ้านแล้วมีทางที่ดีเราก็จะไป

ตอนแรกคิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะไปดีไหม เพราะโรงเรียนกีฬาเป็นโรงเรียนประจำ แต่หนูคิดว่าน่าจะมีโอกาสได้เจอสังคมกว้าง เจอโลกใหม่ ๆ มากกว่าอยู่บ้าน เลยตัดสินใจได้ ตอนแรกดูไว้ 4 โรงเรียนในตัวเมืองนครศรีธรรมราช สุดท้ายไปลงตัวที่โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง เพราะทุ่งสงไกลจากบ้านที่สุด (หัวเราะ) 

ตอนแรกอยากมาสายวอลเลย์บอล แต่ที่โรงเรียนไม่มี หนูเลยเลือกเป็นตะกร้อก่อน เพราะเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม ไม่ต้องสู้รบตบตีกับใคร ช่วงนั้นซ้อมตะกร้อทุกเย็นเพื่อไปสอบเข้า หนูเดาะตะกร้อได้แค่ 3 – 6 ที มากขึ้นคือได้ 12 ที รู้สึกว่าตัวเองต้องสอบไม่ผ่านแน่ ๆ เพราะการจะเข้าโรงเรียนกีฬาได้ต้องเดาะได้เป็นร้อย ๆ ครั้ง

สุดท้ายเลยยอมเลือกคาราเต้ เพราะตอนนั้นโค้ชบอกว่ามี 2 ประเภท คือต่อสู้กับร่ายรำ หนูก็โอเค เดี๋ยวไปลงร่ายรำ สุดท้ายสรีระ ณ ตอนนั้นหนูผอมมากจึงต้องไปทางต่อสู้ ก่อนเล่นกลัวเจ็บมาก แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด

พอซ้อมไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มชำนาญ หนูชอบจินตนาการว่าอยู่ในเกมเอาตัวรอด คิดอย่างเดียวเลยว่านี่คือการแข่งขัน ถ้าเราไม่ต่อยมัน มันต่อยกู แล้วกูเจ็บแน่นอน เพราะฉะนั้น กูต่อยแม่งก่อนเลย (หัวเราะ)

พออยู่ในสนามที่ต้องต่อสู้ ฟังดูเป็นสิ่งที่เป็นผู้ชายมาก ในฐานะ LGBT+ รู้สึกต่อต้านบ้างไหม

ไม่ เพราะในจุดที่ต้องเข้าแข่งขัน Mindset ของหนูจะเป็นอีกแบบ หนูไม่ได้คิดเรื่องเพศเลย คิดแค่ว่าคู่ต่อสู้เป็นคนคนหนึ่งที่จะเล่นเกมยังไงถึงจะชนะเขา บางทีเจอผู้ชายตัวใหญ่ ๆ สูง ๆ ก็กลัวนะ แต่เขามีสองมือสองเท้าเหมือนหนู ใจก็จะคิดว่า มา! เรามาลองกันสักตั้ง

เวลาหนูกลัว หนูจะไม่มองตาเขา แค่มองจุดต่าง ๆ บนร่างกายที่ต้องต่อย ต้องเตะเท่านั้น คิดกับตัวเองว่า ฉันต้องชนะ เพราะฉันมาในนามทีมชาติไทย ธงชาติไทยติดอยู่บนอกฉัน ชนะหรือแพ้นั่นคือผลลัพธ์ที่ต้องมาดูกัน แต่หนูต้องทำเต็มที่

จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก
จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก

นักกีฬาทีมชาติผู้ไม่เคยร้องไห้

เส้นทางของตัวแทนทีมชาติเริ่มต้นยังไง

ตอนอายุ 15 มาคัดตัวนักกีฬาคาราเต้ระดับยุวชนแล้วติดทีมชาติ พอไปแข่งแล้วติด Top 10 ของโลก 

คิดว่าประสบความสำเร็จเร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันไหม

ไม่นะ หนูรู้สึกว่าสำเร็จช้าและยากกว่าเพื่อน เพื่อนหรือรุ่นพี่บางคนเขาไปซ้อม ไปแข่งรายการแรกเขาก็ได้เหรียญทองเลย แต่กว่าหนูจะติดทีมชาติ กว่าจะได้แต่ละเหรียญมันยากมาก ๆ เพราะหนูเริ่มได้จากทองแดง มาเป็นเหรียญเงิน แล้วค่อยเป็นเหรียญทอง แต่ละเหรียญเป็นบันไดให้ก้าวทีละขั้น เป็นบททดสอบการฝึกความอดทนในตัวว่าจะทำมันต่อไหม ถ้าผิดหวังจะล้มเลิกไหม

หนูใช้เวลา 3 ปีกว่าจะได้เหรียญทองกีฬายุวชนทีมชาติ ตัดภาพไปที่คนอื่นทำได้ในปีเดียว เหมือนหนูต้องทำมันซ้ำ ๆ จนเห็นผลในระยะยาว แต่หนูก็ได้บทเรียนที่ดีเหมือนกันนะ มันสอนให้หนูทำทุกวันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ สอนหนูให้มีความเชื่อในใจว่าสักวันหนึ่งฉันต้องสำเร็จกับสิ่งที่ลงแรงไป

ในวันที่แพ้ คิดไหมว่าสิ่งที่ลงแรงไปมันสูญเปล่า

ไม่ เพราะหนูทำเต็มที่ในพาร์ตของหนูแล้ว ถามว่ามีท้อไหม ท้อนะ จริง ๆ ก่อนมาคัดทีมชาติ หนูเคยเกือบจะเลิกเล่นกีฬาตอน ม.3 แล้วออกไปเรียนสายอาชีพ เพราะตอนนั้นแข่งกับใครก็ไม่ชนะเลย แต่ ครูกร-ยุทธนา ศรีประพันธ์ โค้ชของหนูบอกว่า ขออีก 1 ปี เดี๋ยวปีหน้าครูจะทำให้ติดทีมชาติเลย ไม่รู้เขาเห็นอะไรในตัวหนู แต่เขาทำให้หนูติดทีมชาติได้จริง ๆ

เชื่อไหมว่าทุกครั้งที่แพ้ หนูไม่เคยร้องไห้เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หนูไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยอ่อนไหวกับการแพ้มาตั้งแต่เด็ก บางทีหนูถามตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมแพ้แล้วกูไม่ร้องไห้เหมือนคนอื่นเขาวะ พยายามเค้นให้ตัวเองร้องไห้ ให้รู้สึกว่าเสียใจนะ เพราะข้างในหนูเสียใจ แค่มันไม่มีน้ำตาออกมา

เอาจริง ๆ ทรมานนะ ทรมานกว่าร้องไห้ตาบวมอีก ต้องหาอะไรทำถึงจะสลัดมันออกไปได้ 

จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก
จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก

ไม่มีเรื่องที่ทำให้ร้องไห้ได้เลยเหรอ

จริง ๆ มี คือจะร้องไห้กับเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับแม่ หนูสนิทกับแม่มาก เวลาเจอโฆษณา สื่อบันเทิงที่เกี่ยวกับแม่ก็จะร้อง อย่างเช่นเพลง อยากขอบคุณฟ้าให้เรามาเป็นลูกแม่… หนูร้องสะบัด เมื่อก่อนมีเรื่องเดียว แต่ตอนนี้เริ่มมีเรื่องผู้ชายเข้ามาแล้ว (หัวเราะ) เพิ่งจะมาเซนซิทีฟกับเรื่องความรัก เพราะแฟนอยู่ต่างประเทศ บางทีก็ร้องไห้เพราะความคิดถึง

เวลาจิมมี่เศร้า ระบายยังไง

เต้นในห้องน้ำ อาบน้ำแล้วเปิดคอนเสิร์ต ร้องเพลงแล้วเต้นกับตัวเอง มีความสุขมากที่สุดเพราะเหมือนเราทิ้งทุกอย่างไปกับน้ำ (หัวเราะ)

ฟังดูเป็นคนละคนกับตอนอยู่ในสนาม

นอกสนามหนูเป็นคนเฮฮาปาร์ตี้ ชอบเล่นตลก ชอบให้กำลังใจคน มีหลายคนบอกว่าหนูเหมือนแบตเตอรี่ให้เขา อาจเพราะหนูเป็นคนคิดบวก แต่ในขณะเดียวกันก็มองโลกด้วยความเป็นจริงนะ หนูชอบทำให้คนรอบข้างมีความสุข ไม่ชอบให้ใครมาเครียด ร้องไห้ เพราะอย่างที่บอก หนูไม่ร้องไห้ พอเป็นแบบนี้เลยรู้วิธีจัดการตัวเองว่าต้องมูฟออนยังไง หนูเป็นคนที่มูฟออนจากเรื่องแย่ ๆ ได้ง่ายมาก ไม่เกินวันหนึ่งก็มูฟออนได้ วันนี้มีเรื่องเศร้าก็ไปนอน อีกวันตื่นเช้ามาวันใหม่ ยิ้มให้ตัวเองในกระจกแล้วชมว่าตัวเองสวย สวยจังวะจิมมี่ (หัวเราะ)

อาจเพราะมีซ้อมกีฬาทุกวัน ซ้อมเสร็จก็เหนื่อย มันเลยไม่มีเวลาให้มานั่งเสียใจ หนูเคยเจอบางคนที่ผ่านเรื่องแย่ ไม่มีแรงซ้อมจนชีวิตพัง ถ้าเป็นเพื่อนสนิทหน่อยก็จะพูดตรง ๆ ว่า เสียใจได้ แต่มึงก็ต้องทำงานต่อไปค่ะ เพราะมึงยังต้องกินข้าวค่า สวยขนาดนี้จะมาโอดครวญไรคะ (หัวเราะ) นี่คือเคสที่เขาอกหัก หรือถ้าเป็นเรื่องงานก็จะบอกว่า อย่าไปบั่นทอนตัวเองถ้าทำงานนี้ไม่ได้ เพราะยังมีอีกหลายงานบนโลกนี้ให้เราทำ ได้ค้นหาตัวเองว่ามีความสามารถ หนูก็จะให้พลังงานแบบนี้กับคนอื่น

จิมมี่เรียนรู้วิธีดีลกับความทุกข์แบบนี้มาจากไหน

ไม่รู้ แฟนหนูเคยบอกว่าสิ่งนี้พิเศษ แต่ในความคิดหนูมันเป็นเรื่องปกติที่จะทำให้ตัวเองไม่ทุกข์ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตนี้ได้อย่างมีความหมาย มีคุณค่าให้สมกับที่เราได้เกิดมา

จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก

เดอะวันแอนด์โอนลี่ มิสคิกบ็อกซิ่ง

จากนักกีฬาคาราเต้ จิมมี่เข้าสู่วงการคิกบ็อกซิ่งได้ยังไง

ช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย หนูได้เข้าไปเป็นนักกีฬาคาราเต้แบบร่ายรำก่อน ตอนนั้นมาคัดทีมชาติเพื่อไปแข่ง Asian Games โค้ชเห็นแววว่าเรานำมาปั้นต่อได้ เลยได้ไปเก็บตัวฝึกซ้อมต่อเพื่อคัดอีกครั้ง แต่คัดภายในแล้วไม่ได้ไป หนูเลยไปปรึกษา พี่น้ำผึ้ง-มนสิชา สกุลรัตนธารา นักกีฬาคาราเต้ประเภทร่ายรำที่ได้เหรียญทองแดงใน Asian Games บอกแกว่าอยากเป็นนักกีฬาร่ายรำชายคนแรกของไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ แกก็ไปคุยกับ พี่ปุ้ย-ญาณิศา ต่อรัตนวัฒนา ที่เป็นโค้ช พี่แกก็รับสอนหนูเลย

ไม่รู้ว่าเพราะพรสวรรค์หรือพรแสวง แต่หนูฝึกได้ไม่ถึงปีก็ได้เป็นตัวทีมชาติ หนูได้เป็นแชมป์คาราเต้ทั้งแบบต่อสู้และแบบร่ายรำของไทย และได้ที่ 2 ของ SEA Games มา

ส่วนคิกบ็อกซิ่ง หนูเข้ามาเพราะอยากชาเลนจ์ตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรสวรรค์หรือพรแสวงอีกเหมือนกัน แต่ด้วยความที่หนูตั้งใจอะไรไว้ หนูจะไปสุด ต้องเอาให้ได้ พอสมาคมคิกบ็อกซิ่งให้โอกาสเลยรับไว้

อะไรหล่อหลอมให้เป็นคนมุ่งมั่นแบบนี้

น่าจะครอบครัวมั้งคะ หนูคิดว่าถ้าหนูทำสำเร็จ ครอบครัวก็จะสำเร็จด้วย ก่อนหน้านี้ทางบ้านไม่ได้สนับสนุนหนูเยอะ ซึ่งหนูเข้าใจ ไม่ได้โทษเขาเลย แต่พอไม่มีแรงสนับสนุนเยอะ มันก็ผลักดันให้เราโตและสู้ ทำทุกวิถีทางให้ได้ เรียนรู้ให้เร็ว

แล้วพอเราทำสำเร็จ เราได้เหรียญ ได้เงินมา มันก็จุนเจือตัวเองและครอบครัวได้ แม้ว่ากีฬาจะเป็นความฝันของคุณแม่มากกว่าของตัวหนูเอง แต่มันก็กลายเป็นความสุข ความรัก และเป็นอาชีพของเราไปแล้ว หนูเลยอยากให้ความรักกับอาชีพนี้มาก ๆ เพราะเหมือนที่ พี่โบกี้ไลอ้อน บอกว่า ถ้ารักสิ่งไหนมาก ๆ แล้วเราทำด้วยใจรัก สุดท้ายสิ่งนั้นมันจะรักเราตอบ แล้วมันจะตอบแทนมหาศาล เหมือนตอนนี้ที่มันตอบแทนหนูเยอะจนหนูไม่คาดคิดว่าจะมาถึงตรงนี้

จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก

กว่า 10 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่กับกีฬามา บทเรียนสำคัญที่กีฬาสอนคืออะไร

ความอดทน การรับฟังผู้อื่น และการไม่ทำตัวว่าเราเป็นผู้รู้ตลอดเวลา

กีฬาสอนว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะกติกาในสนามโลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา กีฬาสอนให้หนูเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ที่สำคัญคือเรื่องวินัยที่ต้องมีมาก ๆ ไม่ว่าจะทำงานในวงการไหน เช่นเดียวกับความขยันและการฝึกฝนตั้งใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเราไม่ได้ทำเป็นมาตั้งแต่เกิด เราต้องมาเรียนรู้ใหม่อยู่ตลอด 

เช่น ตอนนี้หนูมีงานในวงการบันเทิงเข้ามา สิ่งที่หนูเอามาปรับใช้ได้ คือหนูไม่ได้เป็นนักแสดงมาตั้งแต่เกิด สิ่งที่ต้องทำคือการฝึกฝน เรียนรู้จากนักแสดงรุ่นพี่เรื่องการเข้าฉาก คิว และการถ่ายงาน นี่คือสิ่งที่กีฬาหล่อหลอมหนู

นางงามในสนามแข่ง

คุณชอบดูนางงามด้วยใช่ไหม

ชอบดู ดูหมดทุกเวทีด้วย แล้วเอาการดูนางงามไปป้ายยาให้รุ่นพี่ที่ซ้อมด้วยกันด้วย นางงามคนที่ชอบสตอรี่ที่สุดคือ พี่ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น เพราะพี่เขาเป็นนางรองมาตลอด แล้วสุดท้ายก็มง เหมือนหนูที่กว่าจะได้เป็นทีมชาติก็แพ้มาตลอด แต่ไม่เคยทิ้งมัน

ติดจริตนางงามมาใช้ในชีวิตประจำวันหรือเปล่า

ที่สุด อย่างทางเดินไปซ้อมคิกบ็อกซิ่งทุกวันนี้ หนูใช้มันเป็นรันเวย์ ทุกวันหนูจะใส่เฮดการ์ด พันมือ สะพายเป้แล้วเดินบิดซ้าย-ขวา ในจินตนาการของหนู ฉันคือมิสควีนออฟคิกบ็อกซิ่ง มีมอเตอร์ไซค์ตามทางเป็นคนดูเตรียมจะถ่ายรูป (หัวเราะ)

คุณว่านางงามกับนักมวยมีอะไรเหมือนกัน

หนูว่ามันคนละขั้วเลย นางงามต้องโชว์ความอ่อนช้อย แต่มวยต้องแข็งแรง หนึ่งอย่างที่หนูคิดว่าเหมือนกัน คือความอดทนในการฝึกซ้อมเพื่อที่จะได้ทำการแสดงหรือแข่งขัน นางงามไม่ใช่ว่าจะเดินกันง่าย ๆ นะ ใส่ส้นสูงส้นใจ การหมุนตัวก็ต้องใช้กล้ามเนื้อ ต้องฝึกฝนมาอย่างดีจนเป็นกิจวัตร ทำมันจนกว่าจะชิน นี่คือสิ่งที่หนูว่าเหมือนนักมวย

จริตกรีดกรายสุดปลายนวมของ จิมมี่ พิฆเนศ นักมวย LGBT ทีมชาติไทยที่ไปหมุนตัวโชว์บนเวทีโลก

จริตของนางงามที่ติดมาหรือแม้กระทั่งตัวตนที่เป็น LGBT+ เคยส่งผลต่อการเป็นนักมวยบ้างไหม

ไม่ส่งผลต่อการทำงานเลย สำหรับหนูไม่มีปัญหา เพื่อนร่วมงานก็ไม่มีปัญหา หนูไม่รู้ว่ามีคนที่มีปัญหาหรือเปล่า แต่ถ้าเขามีก็เป็นเรื่องของเขา เพราะในบทบาทที่หนูได้รับ หนูทำมันเต็มที่ ทำให้ดีที่สุด หนูรู้ว่าหนูทำอะไรอยู่ รู้ว่าอยู่ในบริบทไหน และหนูไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ 

เท่าที่อยู่ในวงการนี้มา ไม่เคยเจอเรื่องการกีดกันทางเพศเลย

ไม่เลย อาจจะโชคดีด้วยที่สังคมที่หนูอยู่เขาซัพพอร์ต ไม่เคยกีดกัน อีกอย่างอาจเป็นเพราะฝีมือหนูค่อนข้างเคลียร์ด้วย เคยมีคนพูดเหมือนกันว่า เดี๋ยวหนูก็หลุด หนูก็คิดในใจว่า หลุดเหรอคะ ไม่ค่ะ ฉันต้องชนะให้ขาด แล้วจะชนะแบบใสสะอาด ขาวและเคลียร์ที่สุด โค้ชต้องเลือกฉัน

หนึ่งในโมเมนต์ที่ทำให้จิมมี่ถูกพูดถึง คือการไปทำท่าสโลว์โมเทิร์นที่ SEA Games อะไรทำให้ตัดสินใจทำท่านั้น

จริง ๆ หนูทำมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่ SEA Games คือหนูรู้สึกว่าคิกบ็อกซิ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่จะทำอย่างนี้ได้โดยไม่มีใครมาด่า หนูเลยทำมัน เพราะตอนที่ได้แชมป์เอเชีย หนูก็เดินสับ ๆ ออกจากประตู ตอนรับเหรียญก็ถอนสายบัวเป็นปกติ   

ตอน SEA Games ก็เหมือนกัน หนูคิดแค่ว่า Look at me! ฉันสวยที่สุดในสนาม แล้วก็จะถอนสายบัวแล้วหมุนหนึ่งที ปรากฏว่าร่างกายมันจะเทิร์นให้อัตโนมัติ กลายเป็นสโลว์โมเทิร์นไปเลย (หัวเราะ) หนูทำปกติ ทุกคนก็กรี๊ด หนูก็อ๊าย เย่ I’m Gay! เย่ I’m กะเทย from Thailand! จากนั้นก็กระโดดกอดโค้ช

คลิปนี้เป็นไวรัลมากเลยนะ กระแสบนอินเทอร์เน็ตมีผลกับจิมมี่แค่ไหน

มีผลมาก เพิ่งรู้ว่ามีมากขนาดนี้ เพราะปกติหนูไม่ค่อยมีพื้นที่หรือคนรู้จักเยอะ แต่พอหลังจากเป็นไวรัลขึ้นมาก็มีคนไปขุดว่าหนูเคยได้ Top 10 ของโลก ไปขุดรูปหนูที่แบ๊ว ๆ หัวเกรียน เป็นอีกี้เมื่อก่อนขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว ทำให้คนอยากรู้จักเรามากขึ้น อยากรู้ว่าเราเป็นใคร หนูไม่รู้ว่ามันมีด้านเสียด้วยไหม แต่ตอนนี้หนูได้รับแต่ด้านดี ๆ และโอกาสต่าง ๆ เข้ามา 

สมาพันธ์คิกบ็อกซิ่งเอเชียห้ามจิมมี่ออกสาวหลังจากเหตุการณ์นี้จริงไหม

ใช่ ๆ เขาเดินมาหาหนูตอนแข่งเสร็จแล้ว บอกว่าทำแบบนี้ไม่โอเคนะ อย่าทำแบบนี้อีกในแมตช์ต่อไป เพราะเขารู้สึกว่าไม่มีมารยาท เหมือนการเยาะเย้ยฝั่งคู่ต่อสู้ ซึ่งหนูก็ขอโทษเขาไป แต่คิดว่าน่าจะมาจากความไม่ชอบส่วนตัวของเขาหรือเปล่า เพราะในกฎไม่ได้ระบุว่าเราแสดงอารมณ์ความดีใจแบบนั้นไม่ได้

ตอนแรกหนูนึกว่าเคลียร์กันแล้วจบ แต่เหมือนเขาไปเดินเรื่องกับกรรมการจะตัดสิทธิ์ไม่ให้หนูแข่งต่อ ทางสมาคมของไทยก็ไม่ยอม ทำไมจะไม่ให้หนูแข่งต่อทั้งที่หนูไม่ได้ทำอะไรผิด มันเป็นการดีใจของนักกีฬา และการดีใจของแต่ละคนก็มีรูปแบบต่างกัน หนูแค่แสดงออกไม่ถูกใจเขา ทางสมาพันธ์ของเราก็ไปต่อสู้ให้

สมาพันธ์ของไทยยื่นเรื่องว่าถ้าไม่ให้หนูแข่งต่อ ทั้งสตาฟ โค้ช ผู้บริหาร และเพื่อน ๆ ในทีมจะไม่แข่งต่อเหมือนกัน ไทยก็กลับบ้าน เหรียญไม่เอา สุดท้ายสมาพันธ์เอเชียก็ยอมให้แข่งต่อ แต่ให้หนูเซ็นขอโทษและยืนยันว่าครั้งต่อไปจะไม่ทำแบบนี้แล้ว

แต่หนูก็เชิด แมตช์ต่อไปที่หนูแข่งแล้วแพ้ หนูก็ไปย่อถอนสายบัวทีหนึ่ง แล้วเหมือนกรรมการจะกระชากมือและพูดกับหนูว่า You can’t do that. หนูก็บอกเขาว่าโอเค ก็โค้งเคารพให้แค่นั้น

สำหรับจิมมี่ การได้แสดงออกในสนามอย่างที่ใจต้องการสำคัญยังไง

สำคัญ หนูรู้สึกว่าถ้าเป็นตัวเองได้จะทำให้แข่งโฟลว์ขึ้น มีกำลังใจต่อยมากขึ้น เพราะเราไม่ต้องแอบ เวลาต้องแอ๊บแมน หนูมักจะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี แต่พอหนูเป็นอย่างนี้ หนูไม่ได้สนใจว่าใครจะมองยังไง มันเป็นพลังงานที่สร้างความมั่นใจให้เรา พอหนูแสดงออกว่าเป็นตัวเองได้ หนูไม่กลัวใครเลย

การได้เป็นตัวของตัวเองกับการคว้าชัยชนะ สิ่งไหนสำคัญกว่า

การเป็นตัวของตัวเอง เพราะในการแข่งขัน จะชนะหรือแพ้เดี๋ยวคนก็ลืม เดี๋ยวจะมีแมตช์ใหม่เข้ามาแล้ว ความสุขของการได้รับการชนะมันอยู่แค่ช่วงเวลาหนึ่ง เป็นแค่ความทรงจำหนึ่งในอดีต 

แต่การเป็นตัวของตัวเองอยู่กับเราในทุกวัน อยู่กับเราทุกลมหายใจ อยู่กับเราไปตลอดเวลา ซึ่งมันสำคัญกว่าชัยชนะและเหรียญรางวัลเยอะมาก

ระหว่างสู้กับคนที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของเรากับสู้ในสังเวียนมวย สู้แบบไหนยากกว่ากัน

หนูมองว่าต่อสู้กับคนที่มีกรอบคิดแบบปิดกั้นยากกว่า เพราะเราแก้ไขอะไรไม่ได้เลย เราทำได้แค่เคารพในความคิดของเขา ในขณะเดียวกัน หนูก็จะมีจุดยืนของตัวเองเหมือนกัน คุณอาจไม่ยอมรับและฉันเคารพในสิทธินั้น แต่คุณก็ต้องเคารพความเป็นมนุษย์ของฉันเหมือนกัน เพราะฉันก็คือฉัน คือคนคนหนึ่งที่เลือดสีเดียวกับคุณ มีลมหายใจที่ใช้ร่วมกันเหมือนทุกคนบนโลก

หนูลบล้างความคิดใครไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือทำให้ตัวเองมีคุณค่า ทำให้คนที่เขาเห็นคุณค่าของเรามองเห็นว่าการเป็น LGBT+ เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการการยอมรับ เราไม่ได้ไปดูถูกหรือบั่นทอนความเป็นมนุษย์ของใคร แค่มนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการความเท่าเทียมเท่านั้น ซึ่งถ้าเปรียบกับมวย หนูบอกเลยว่ามวยง่ายกว่ามาก ๆ

ถ้าย้อนเวลากลับไปพูดกับตัวเองตอนเด็กได้ จิมมี่อยากบอกอะไรกับเด็ก LGBT+ คนเดียวในโรงเรียนคนนั้น 

อยากบอกเขาว่า ขอบคุณที่ตัดสินใจอยากสู้ อยากลองอะไรใหม่ ๆ ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ตัวเองและไม่เคยยอมแพ้กับคำดูถูกของใคร ขอบคุณที่โชว์ให้คนที่เกลียดเราเห็นว่าเรามีดี เป็นคนมีคุณค่า หนูยังจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ มีคนแถวบ้านปรามาสว่า ไปเรียนโรงเรียนกีฬายังไงก็ไปไม่ถึงไหน ยังไงก็ต้องกลับมาตัดยางอยู่บ้าน ขอบคุณเด็กคนนั้นมาก ๆ ที่อดทนและรักตัวเองมากพอ

จริง ๆ หนูคุยกับน้องคนนี้ทุกวันเลยในกระจก บอกรักเขาตลอด แล้วสิ่งที่เขาทำคือส่งความรักมหาศาลกลับมาในหนู แล้วตอนนี้มันได้ส่งต่อให้พี่น้องชาว LGBT+ ทั่วโลกที่เขารู้จักหนู การเป็นตัวเองของเราทำให้เขามั่นใจ กล้าใช้ชีวิต และรู้สึกว่าจะมีคนยืนข้าง ๆ ตลอดเวลา หนูเลยอยากขอบคุณเด็กคนนั้นมาก ๆ ที่เป็นพลังงานบวกให้กับคนอีกหลายคน

การได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะในสนามมวยหรือในสนามชีวิต และส่งต่อพลังงานนี้ให้กับใครอีกหลายคน มีความหมายกับตัวจิมมี่ยังไง

หนูว่าการเป็นตัวของตัวเองทำให้คนอื่นเห็นอีกหลายมุมของตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ได้ เพราะ LGBT+ หลายคนเขามีความสามารถหลากหลายมาก อาจไม่ใช่นักมวย แต่เป็นช่างแต่งหน้า บิวตี้บล็อกเกอร์ ผู้กำกับ เป็นได้หมดเลย หนูรู้สึกดีที่หลายคนเห็นเราเป็นตัวอย่าง

หนูก็จะรักษาความเป็นตัวเองแบบนี้ต่อไป และส่งต่อมันให้น้อง ๆ รุ่นหลัง ให้พวกเขามีความมั่นใจ มีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่ได้ผิดปกติ ไม่ได้ต่ำต้อยกว่าใคร เราเป็นคนเท่ากัน

Writer

พัฒนา ค้าขาย

พัฒนา ค้าขาย

นักเขียนชาวเชียงใหม่ผู้รักทะเลและหนังสุขซึ้ง สนใจประเด็น gender ความสัมพันธ์ และเรื่องป๊อปทุกแขนง

Photographer

Avatar

ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ

ช่างภาพที่โตมาจากเมืองทอง รักแมว ชอบฤดูฝน และฝันอยากไปดูบอลที่แมนเชสเตอร์