24 กุมภาพันธ์ 2022
14 K

เจมมี่เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ นัดเราที่บาร์ Cinema Club BKK ใจกลางอารีย์

บาร์ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม Josh Hotel ตั้งแต่หน้าโรงแรม เราเห็นป้ายร้านที่เหมือนโรงภาพยนตร์ยุค 80 กลิ่นอายไล่ไปจนถึงทางขึ้นบาร์ ประตูทางเข้า และการตกแต่งภายใน ที่ทำให้เราเหมือนหลุดเข้าไปในภาพยนตร์ฮอลลีวูดย้อนยุค

บาร์แห่งนี้เป็นธุรกิจใหม่ของเขา

หลายคนคงคุ้นเคยกับ เจมมี่เจมส์ หรือ เจมส์ ในฐานะนักแสดงที่เข้าวงการด้วยการคัดตัวในโครงการ Hormones The Next Gen จนได้รับบทในซีรีส์ Hormones วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 และ 3 บางคนติดตามเขาจากซีรีส์ SOS skate ซึม ซ่าส์, เลือดข้นคนจาง, Great Men Academy สุภาพบุรุษสุดที่เลิฟ ภาพยนตร์อย่าง ฉลาดเกมส์โกง, Homestay หรือ เทอม 2 สยองขวัญ ที่กำลังจะเข้าฉายเร็ว ๆ นี้ รวมถึง Thirteen Lives ที่เจมส์ได้ร่วมงานกับกองถ่ายภาพยนตร์ฮอลลีวูดของผู้กำกับ Ron Howard

นอกจากการแสดงที่ทุ่มเทกับทุกบทบาท จนกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงรุ่นใหม่ที่มีความสามารถน่าจับตามองในไทยแล้ว ตอนนี้เจมมี่เจมส์กำลังเริ่มบทบาทใหม่ในฐานะนักธุรกิจด้วยเช่นกัน Cinema Club BKK เป็นบาร์คอนเซ็ปต์ Oldies ที่เปิดครั้งแรกเมื่อต้น ค.ศ. 2021 ด้วยเลนส์ใหม่ เจมส์ศึกษาการทำธุรกิจอย่างจริงจังด้วยหนังสือเป็นตั้ง แต่ของจริงก็ไม่เหมือนในหนังสือเสมอไป เพราะเพียง 2 วันหลังเปิด บาร์ก็ต้องปิดตัวลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 

ในวันนี้ที่บาร์เปิดได้แล้วอย่างตั้งใจ เราชวนเจมมี่เจมส์คุยถึงแนวคิด ที่มา แรงบันดาลใจ จนกลายเป็นธุรกิจแรกของเขา รวมถึงความฝันในวัย 24 ปี กับ 8 ปีที่ผ่านมาในวงการบันเทิง และประสบการณ์การเติบโตในทุกบทบาทของชีวิต 

เจมมี่เจมส์ ธีรดนย์ กับบทบาทนักแสดง คนรักแฟชั่น และเจ้าของบาร์เปิดใหม่ใจกลางอารีย์

ตอนนี้เจมส์ชอบทำอะไร

ชอบทำหลายอย่างเลย หลัก ๆ ที่ผมทำตอนนี้คือการศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ สำหรับผม คำว่า ‘ธุรกิจ’ ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านหรือบริษัท แต่ชีวิตเองก็เป็นเรื่องของธุรกิจ เช่นผมที่เป็นนักแสดงอิสระ ก็ต้องมองตัวเองเป็นแบรนด์หนึ่งแบรนด์ที่จะไปร่วมงานกับแบรนด์และบริษัทอื่น ๆ ซึ่งตอนนี้ผมเองก็กำลังสร้างธุรกิจที่จับต้องได้มากขึ้นอย่าง JMJ Label ที่เหมือนเป็นโปรดักชันเฮาส์เล็ก ๆ ของผมเอง กับบาร์ Cinema Club BKK ที่เพิ่ง Soft Opening ไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และกำลังจะมี Grand Opening เร็ว ๆ นี้ ส่วนอีกที่จะเป็น Beach Bar ที่สมุย คาดว่าจะเสร็จช่วงเดือนพฤษภาคม

แล้วถ้าจะอธิบายตัวเองในฐานะแบรนด์ ‘เจมมี่เจมส์’ คืออะไร

ผมว่าสิ่งที่ทำให้คนจำผมได้มากที่สุด น่าจะเป็นบทบาทนักแสดงและความชอบแฟชั่น แต่อย่างที่บอกว่าผมชอบทำหลายอย่าง สิ่งที่ผมสนใจเลยค่อย ๆ แสดงออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ 

เล่าถึงที่มาของธุรกิจล่าสุดอย่าง Cinema Club BKK ให้ฟังหน่อย

เคยมีคนบอกผมว่าความชอบมักไม่ค่อยทำเงิน สิ่งที่ทำเงินมักไม่ตรงกับความชอบ เพราะฉะนั้น ถ้าเราเอาความชอบมาทำเงินได้จะเป็นสิ่งที่ดีมาก ตัวผมเองเป็นคนชอบดื่ม ชอบสังสรรค์มาก เลยคิดในใจมานานแล้วว่าอยากเปิดบาร์ เพื่อทำสิ่งที่ชอบให้เป็นเงินได้

วันหนึ่ง ผมมานั่งดื่มที่ Josh Hotel ได้พูดคุยกับ General Manager พี่เขาก็ชวนผมว่าพี่เจ้าของโรงแรมอยากทำบาร์ สนใจมาเปิดบาร์ด้วยกันไหม ผมก็ตอบไปว่า เอาดิพี่ ๆ ๆ ๆ เอาเลย ตื่นเช้ามาคิดว่าคงเป็นบทสนทนาตอนเมา คงไม่มีใครจำได้ ปรากฏพี่เขาทักมาจริง ๆ ประจวบกับผมอยากเริ่มต้นทำธุรกิจอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำธุรกิจบาร์อย่างจริงจัง

เจมมี่เจมส์ ธีรดนย์ กับบทบาทนักแสดง คนรักแฟชั่น และเจ้าของบาร์เปิดใหม่ใจกลางอารีย์

มองคอนเซ็ปของบาร์อย่างไร

พอผมทำบาร์กับ Josh Hotel เราเลยเริ่มคิดทุกอย่างจากสถานที่ก่อน ต่อมาคือมองหาคอนเซ็ปต์ของร้าน ร้านตั้งอยู่ชั้น 2 ของอาคาร ดูเหมือนสถานที่ตั้งของโรงหนังเล็ก ๆ ตัวผมกับพาร์ตเนอร์ถึงอายุต่างกัน แต่ผมพบว่าสิ่งที่เราชอบตรงกันคือ เพลงจากภาพยนตร์เก่าและเพลงแนว Oldies เลยเอาจุดนี้มาพัฒนาเป็นคอนเซ็ปต์ของร้าน คือ Stylish Bar ที่ชวนทุกคนย้อนเวลาไปกับกลิ่นอาย 80 

แล้วชื่อบาร์มาจากไหน

พอเราพัฒนาคอนเซ็ปต์มาว่าอยากทำให้มีกลิ่นอายของยุค 80 และภาพยนตร์เก่า เลยนึกถึงคำว่า Cinema ที่แปลว่าภาพยนตร์ขึ้นมา ผมศึกษาที่มาของคำแล้วพบว่า คำนี้ถูกใช้ครั้งแรกตอน ค.ศ. 1895 ที่พี่น้อง Lumière ฉายหนังครั้งแรก พวกเขาเรียกเครื่องฉายหนังว่า Cinématographe ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า Kinema แปลว่าการเคลื่อนไหว (Movement) และ Gràphein ที่แปลว่าการบันทึก (To write, Record) 

พอเจอรากศัพท์ ผมเลยมองว่าการบันทึกการเคลื่อนไหวหรือ Cinématographe ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพยนตร์อย่างเดียว มันเป็นการแสดง ดนตรีสด ค็อกเทล หรือคนที่มีความสนใจเดียวกันมารวมตัวกัน เลยกลายเป็นชื่อ Cinema Club BKK ที่คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูเรื่องราวของคนอื่นเท่านั้น แต่ทุกคนที่มาที่นี่ ในคืนนี้ คือนักแสดงหลักเช่นกัน

การทำงานกับหุ้นส่วนต่างวัยกันเป็นอย่างไรบ้าง

พอมันต่างเจเนเรชันกัน หุ้นส่วนผมมีความเป็นผู้ใหญ่ ส่วนผม Gen Y เลยมีประสบการณ์ร่วมหลายอย่างที่หายไป บางอย่างอาจคิดไม่ตรงกัน ซึ่งผมมองว่าเป็นจุดดีมากกว่าจุดด้อยนะ เพราะเราจะมองเห็นธุรกิจในหลายมุมกว่าการทำงานกับคนรุ่นเดียวกัน อย่างพี่หุ้นส่วนมีประสบการณ์ทำร้าน การตกแต่งภายใน การบริหาร ส่วนผมมีประสบการณ์การตลาด ในร้านเลยจะแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันชัดเจน เอาจุดที่แต่ละคนทำได้ดีมารวมกัน

เจมมี่เจมส์ ธีรดนย์ กับบทบาทนักแสดง คนรักแฟชั่น และเจ้าของบาร์เปิดใหม่ใจกลางอารีย์

ถ้ามาร้านนี้อยากให้ลองอะไรเป็นพิเศษ

อยากให้ลองค็อกเทลซิกเนเจอร์ของร้าน เพราะเราสร้างขึ้นโดยมีแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์แต่ละประเภท (Genre) อย่าง Burn Book จากภาพยนตร์เรื่อง Mean Girls แทนภาพยนตร์ประเภท Comedy, This is a gift from Mathilda จากภาพยนตร์เรื่อง Léon: The Professional แทนภาพยนตร์ประเภท Action, Dear Allie จากภาพยนตร์เรื่อง The Notebook แทนภาพยนตร์ประเภท Romance และ Alien Kiss จากภาพยนตร์เรื่อง Alien แทนภาพยนตร์ประเภท Sci-Fi ซึ่งแต่ละเมนูมีส่วนผสมเป็นเรื่องราวตามในภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ

ได้เป็นเจ้าของบาร์แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

กังวลสิครับ กดดันด้วย ยิ่งเราทำให้มันหรูหรา ลงทุนไม่น้อยเลย มีความยากหลายอย่าง ของจริงมันไม่เหมือนในตำรา ได้มาเรียนรู้การแก้ปัญหาหน้างานเยอะ อย่างตอนแรกที่นี่เปิดตั้งแต่เมษายน ค.ศ. 2021 นะ เปิดได้ 2 วันโควิดระลอกใหม่มาต้องปิดไปเกือบปี ก็ต้องมาจัดการมาแก้ปัญหากัน แต่ที่สำคัญคือ ผมมาลงทุนลงแรงกันมันแล้ว มันต้องดี ทุกอย่างที่ผมทำมา ผมมีทัศนคติว่าต้องพยายามทำมันออกมาให้ดีที่สุด สิ่งนี้ก็เช่นกัน

จัดการกับความรู้สึกกังวลและกดดันอย่างไร

กังวลก็ต้องทำร้านให้มันดี (หัวเราะ) พอเริ่มทำแล้วมันมีทางเลือกเดียวเอง 

เจมมี่เจมส์ ธีรดนย์ กับบทบาทนักแสดง คนรักแฟชั่น และเจ้าของบาร์เปิดใหม่ใจกลางอารีย์

สำหรับเจมมี่เจมส์ บาร์ที่ ‘ประสบความสำเร็จ’ คืออะไร

‘ความสำเร็จ’ ที่จับต้องได้ที่สุดในฐานะธุรกิจ คือต้องคืนทุนและทำกำไร แต่อีกอย่างคือทุกคนมีความสุข ทั้งผมเอง หุ้นส่วน พนักงาน และลูกค้า ที่นี่เป็นธุรกิจแรกของผม เลยขอตั้งเป้าหมายความสำเร็จไว้เท่านี้ก่อน ถ้าในอนาคตมันทำถึงเป้าหมายได้แล้ว คำว่าความสำเร็จอาจขยายออกไปอีกก็ได้

แล้วการประสบความสำเร็จในการเป็นนักแสดงล่ะ

พูดยาก (นิ่งคิด) ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่านักแสดงที่ประสบความสำเร็จคืออะไร แต่ที่แน่ ๆ สำหรับผม นักแสดงที่ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดที่ความดัง แต่ดูกันที่ผลงาน คือความสามารถ คือการไม่ดูถูกคนดู คือการที่ผู้ชมรู้สึกถึงสิ่งที่นักแสดงถ่ายทอดออกมา ผมว่าบทละครหรือภาพยนตร์เองก็มีส่วนมาก ๆ ผมเลยไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเล่นละครหรือภาพยนตร์กี่เรื่องต่อปี แต่จะเลือกรับจากบทเป็นหลัก

เจมมี่เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ กับทุกบทบาทของชีวิต และบทบาทใหม่ เจ้าของบาร์ Cinema Club BKK ใจกลางอารีย์

เล่าประสบการณ์การร่วมงานกับกองภาพยนตร์ฮอลลีวูด Thirteen Lives ของผู้กำกับ Ron Howard ให้ฟังได้ไหม

ตอนเขาติดต่อมาให้ไปคัดตัวนักแสดง ผมตื่นเต้นมาก แต่ก็ทำการบ้านกับตัวละครเต็มที่เหมือนเวลาทำงานปกติ ตอนนั้นคิดว่าแค่นี้ก็คุ้มแล้ว ปรากฏผมได้รับบท อาจจะยังลงรายละเอียดของบทมากไม่ได้ เพราะภาพยนตร์ยังไม่ออกฉาย แต่หลัก ๆ คือดีใจมาก ถือว่าเป็นโอกาสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ทำงานการแสดงมาเลย ซึ่ง Thirteen Lives จะมีกำหนดเข้าฉายช่วงปลายปีนี้ อีกอย่างคือการทำงานกองนี้ทำให้ได้เห็นมาตรฐานการทำงานของกองภาพยนตร์ระดับโลก และอยากเห็นวงการบันเทิงในไทยพัฒนาไปถึงจุดนั้นเหมือนกัน

จากวันแรกที่เป็นนักแสดงจนวันนี้ เจมส์มองการแสดงเปลี่ยนไปไหม

เปลี่ยน ผมไม่ได้แสดงเพื่อชื่อเสียงอีกแล้ว ทุกวันนี้ผมแสดงเพื่อสื่อสารกับคน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครที่ได้รับ ผมอยากเป็นหนึ่งส่วนที่ดีที่สุดในภาพยนตร์ มันจะไม่เหมือนวันแรก ๆ ที่ความรู้สึกอยากดังมีมากกว่า ถามว่าตอนนี้ยังมีไหม ก็มีบ้าง แต่ผมไม่ได้มองแค่นั้นแล้ว ผมอยากเป็นนักแสดงที่เก่งจริง ซึ่งผมก็ยังต้องศึกษาและพัฒนาอีกมาก

ซึ่งส่วนหนึ่งของเจมส์ที่ ‘จริงกับตัวเอง’ คือแฟชั่นด้วย ทำไมถึงชอบแฟชั่น

การแต่งตัวทำให้ผมมั่นใจ เวลาเราแต่งของที่ชอบแล้วรู้สึกดูดี มั่นใจว่ามันจะเป็นวันที่ดี ก็จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เคยมีช่วงที่ผมเกือบจะไม่แต่งตัวแบบที่ชอบไปเลย เพราะโดนคนเต้าข่าวเรื่องเพศสภาพหรือเรื่องส่วนตัวต่าง ๆ นานา ยังดีที่ผมมีคนรอบข้างสนับสนุนสิ่งที่ผมชอบและการแต่งตัวของผม จนผมเจอจุดที่ไม่สนใจคนอื่นที่ไม่ได้แคร์ผม ทำไมเราต้องแต่งตัวแบบอื่นที่คนบอก พอก้าวข้ามจุดนั้นมาได้ก็สบายใจขึ้นเยอะ

เจมมี่เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ กับทุกบทบาทของชีวิต และบทบาทใหม่ เจ้าของบาร์ Cinema Club BKK ใจกลางอารีย์

เจมส์คิดว่าอะไรทำให้การตามความฝันมันยาก

(นิ่งคิด) มันคือเรื่องเงิน ถ้าพูดตรง ๆ นะ สิ่งที่เราชอบหลายอย่างมันอาจไม่ทำเงิน เราเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้เยอะ แต่เท่าที่เห็น มันคือปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่ได้สนับสนุนคนตัวเล็ก ๆ ให้มีเงิน ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและเลี้ยงชีพได้

ตอนนี้ความฝันของเจมส์คืออะไร

ผมอยากเห็นวงการบันเทิงไทยทุกภาคส่วนมีมาตรฐานที่ต่างประเทศทำได้ ผมอยากทำให้วงการบันเทิงไทยไปสู่สายตาโลกได้จริง ๆ ครับ

เจมมี่เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ กับทุกบทบาทของชีวิต และบทบาทใหม่ เจ้าของบาร์ Cinema Club BKK ใจกลางอารีย์

Writer

ภาสินี ประมูลวงศ์

ภาสินี ประมูลวงศ์

ภาสินีอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ก เธอทำงานในทีมการศึกษาที่ Alice Austen House พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับภาพถ่าย LGBTQIA+ กิจกรรมและคลาสของเธอพูดถึงเพศสภาพ อัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์ และการเรียนรู้ตัวเองผ่านสิ่งเหล่านั้น ในเวลาว่าง ภาสินีจะทำงานที่หอจดหมายเหตุประชาชน Lesbian Herstory Archives ซึ่งเธอเป็นผู้ดูแลหลักของคอลเลกชันโปสการ์ดและสติกเกอร์

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล