ตอนแรกว่าจะเขียนเรื่องพิซซ่า แต่การเขียนเรื่องอาหารติดกัน 3 ตอนนี่ เสี่ยงต่อการเกิดความเข้าใจผิดอย่างน้อย 2 ประการ คือ นี่คือคอลัมน์อาหารหรือไร หรือคนเขียนวันๆ ไม่คิดอะไรบ้างหรือนอกจากเรื่องกิน
เอาเถอะ ถึงประการหลังจะใกล้เคียงความเป็นจริงอยู่มาก แต่ก็ควรเปลี่ยนแนวบ้าง
วันนี้จะมาในแนวสายมู นั่นคือเรื่องความเชื่อถือโชคลางของคนอิตาเลียน
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่า เรื่องความถือโชคลางนี้เป็นเรื่องส่วนตัวมาก เรามิอาจเหมาได้ทั้งชนชาติได้ คนเชื่อก็เชื่อเลย คนไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่มีคติพจน์ประจำใจว่า “ไม่เชื่อ แต่ไม่ลบหลู่”
ในบทความก่อนว่าด้วยเรื่องความเชื่อบางประการบนโต๊ะอาหาร คราวนี้ออกนอกโต๊ะอาหารกันบ้าง

เลขไม่ดี

13 เหรอ ไม่ นั่นมันไม่ดีเฉพาะตอนนั่งโต๊ะอาหาร เลขไม่ดีของอิตาเลียนคือเลข 17 ต่างหาก ไม่ดีแค่ไหน ก็แค่ในหลายๆ ตึกไม่มีชั้น 17 โรงแรมหลายแห่งไม่มีห้องเบอร์ 17 สายการบินประจำชาติอิตาลีไม่มีที่นั่งเลขที่ 17 ฯลฯ ก็แล้วกัน

เหตุใดเลข 17 ถึงเป็นเลขน่ากลัวไปเสียได้ นั่นเป็นเพราะเลข 17 เวลาเขียนด้วยตัวอักษรแบบโรมันก็จะออกมาเป็น XVII ซึ่งถ้าเอาไปสลับกันไปมาก็จะได้คำว่า VIXI ซึ่งเท่ากับคำว่า VISSI อันแปลว่า ฉันเคยมีชีวิตอยู่ หรือแปลว่า ฉันตายไปแล้วนั่นเอง ส่วนที่ว่าทำไมไม่อยู่เฉยๆ เอามันไปสลับเล่นทำไมนั้น ก็เพราะว่าคำนั้นมักพบอยู่บนหินหลุมศพชาวโรมันนั่นเอง

สิ่งที่ไม่ควรทำในบ้าน

‘กางร่ม’ ว่ากันว่า เพราะในสมัยก่อนนั้น การ (ต้อง) กางร่มในบ้านนั้นเป็นเพราะบ้านนั้นยากจนจนหลังคารั่วก็ไม่มีปัญญาซ่อม การกางร่มในที่ร่มจึงอาจนำความจนมาสู่บ้านหลังนั้นก็ได้

ตรงนี้มีเกร็ดเรื่องเล่า ครั้งหนึ่งอาจารย์อิตาเลียนคนใหม่มาสอนที่คณะฯ วันนั้นฝนตก พออาจารย์ลงมาจากห้องสอนตั้งท่าจะกลับบ้าน เจอนิสิตกางร่มบานเป็นเห็ดหลากสีสันอยู่เต็มล็อบบี้ อาจารย์ตาเหลือก ถามว่า ทะ..ทะ.. ทำไมเขาทำกันอย่างนี้ บอกเขาไปว่า ก็แค่ให้ร่มแห้งแหละ สำหรับบ้านเขามันมีกระป๋องใส่ร่มเปียกไง

ชนแก้วต้องมองตา วันเกิดต้องดึงหู แตะเกือกม้าล้างซวย และสารพัดความเชื่อโชคลางของอิตาลี
หมวกบนเตียง
ภาพ : www.corriere.it/tecnologia/cards

‘วางหมวกบนเตียง’ อันนี้บ้างก็ว่าเป็นเพราะตามปกติแล้วเราก็ควรจะแขวนหมวกไว้ในที่แขวนหมวก จะมีเหตุอันใดทำให้เราเร่งรีบจนไม่แขวนหมวกเล่านอกจากเรื่องความเป็นความตาย บ้างก็ว่าเป็นธรรมเนียมทางทหารที่จะวางหมวกของทหารที่เสียชีวิตไว้บนโลงของเขา แต่หากจะอธิบายแนวแม่บ้านสมองไวก็ต้องบอกว่า เป็นการสอนลูกให้วางของให้เป็นที่เป็นทางนั่นเอง

‘เดินลอดใต้บันไดที่พาดอยู่’ อันนี้เหมือนทางไทยจะห้ามหนักแน่นเฉพาะคนท้อง แต่เหตุผลที่มาคงมาจากเรื่องเดียวกันคือเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง ถามว่าแล้วเหตุผลสายอื่นล่ะ ก็มีบ้างที่บอกว่า รูปทรงสามเหลี่ยมนั้นคือพระตรีเอกภาพ การเดินฝ่าไปนั้นคือการไม่แสดงการนับถือ ก็ว่ากันไป

ดอกไม้กับความเชื่อ หรือธรรมเนียมนิยม

ให้ดอกไม้ใคร ควรเป็นเลขคี่ ยกเว้นจำนวน 12

ไม่ให้ดอกคาร์เนชั่นแก่นักแสดง

สำหรับศิลปินที่แสดงงานครั้งแรก นิยมให้ดอกกล้วยไม้

เมื่อยืมหนังสือหรือของใครมา นิยมให้ดอกการ์ดีเนีย 2 ดอกหรือไวโอเล็ต 1 ช่อเล็กแปะคืนไปด้วย

ความเชื่อทั่วๆ ไป

สีม่วง ไม่ดีต่อศิลปินที่แสดงครั้งแรก

ชนแก้วกับใครให้มองตา ถ้าไม่มอง จะมีเซ็กส์อันแสนสลดไปจรด 7 ปี อันที่จริงเขาบอกว่า ที่ให้มองตากันอย่ามองไปทางอื่นเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะใส่ยาพิษให้กัน แต่ดูเหมือนความหวังดีนี้ได้ผลดีไม่เท่าคำขู่ข้างต้น

ชนแก้วต้องมองตา วันเกิดต้องดึงหู แตะเกือกม้าล้างซวย และสารพัดความเชื่อโชคลางของอิตาลี
ชนแก้วต้องมองตา
ภาพ : www.pinterest.com/pin

ห้ามทำกระจกแตก จะซวยไป 7 ปีอีกเช่นกัน แต่หากไม่ได้ทำตก แต่มันตกลงมาเอง เจ้าของบ้านจะสูญเสียเพื่อนรัก หากตกข้างๆ รูปคน คนคนนั้นจะอายุสั้น ความเชื่อนี้แรงไปถึงในวงการละคร บางคณะละครไม่เอากระจกจริงขึ้นเวทีเพราะกลัวจะทำกระจกแตกนี่ล่ะ

ของขวัญที่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงคือ หวี ผ้าเช็ดหน้า กรรไกร เข็มกลัด และของมีคมทุกชนิด ขนนก โคมไฟ

ของขวัญที่นิยมคือ น้ำหอมและกระปุกเกลือ (อย่าลืม เกลือเป็นของมีค่า)

แมวดำเดินตัดหน้า ไม่ดี

หากซวยเสียแล้ว ทำยังไงดี

ชนแก้วต้องมองตา วันเกิดต้องดึงหู แตะเกือกม้าล้างซวย และสารพัดความเชื่อโชคลางของอิตาลี
เขานำโชค
ภาพ : www.casanapoli.net/

ชนแก้วต้องมองตา วันเกิดต้องดึงหู แตะเกือกม้าล้างซวย และสารพัดความเชื่อโชคลางของอิตาลี
เครื่องรางเป็นรูปการทำมือเป็นสัญลักษณ์เขา
ภาพ : www.casanapoli.net/
  1. เขาแดง เขาที่ว่าคือเขาสัตว์ ไม่ใช่ภูเขา ดูเผินๆ จะนึกว่าพริก ของแท้ควรจะทำด้วยปะการัง แต่สมัยนี้พลาสติกก็ได้ เขาที่ว่านี้ ว่ากันว่าจะให้ขลังต้องไม่ซื้อมาด้วยนะ แต่ควรจะต้องได้รับเป็นของขวัญมาหรือไม่ก็ขโมยมา (แต่ไม่แนะนำอย่างแรง) บางคนไม่มีเขาที่ว่าก็ใช้มือทำแทน กล่าวคือ กำหมัดแล้วปล่อยนิ้วออกมาแค่นิ้วชี้กับนิ้วก้อย แต่อย่าทำท่านี้พร่ำเพรื่อนะ เพราะการทำใส่ท่านี้ใส่คน อาจหมายถึงว่าคนคนนั้นถูกสวมเขาด้วย
  1. เกือกม้า จะเยียวยาได้ทุกสิ่ง ไม่ทราบว่าเป็นด้วยเหตุผลกลใด เกือกม้าเป็นเครื่องรางกันภัยของคนอิตาเลียน คุณจึงจะได้พบแขวนอยู่ตามบ้านทั่วไป รวมทั้งบางคนห้อยกระเป๋าก็มี เวลาไม่อยากให้ความซวยเข้าตัว คนอิตาเลียนก็จะแตะเกือกม้านี้ หากหาไม่เจอก็แตะเหล็ก ซึ่งต่างจากคนอังกฤษที่แตะไม้

แต่หากหาอะไรไม่ได้แล้ว แนวสัปดนก็คือ ผู้ชายก็จะแตะอัณฑะตัวเอง ผู้หญิงก็จะแตะปทุมถันของตัวเอง

ห้ามไปมั่วแตะของคนอื่นแล้วอ้างว่า ช่วยด้วย ฉันกำลังซวย แต่นัยน์ตาอิ่มสุข

เอาความเชื่อที่ดีๆ บ้าง

วันเกิด เด็กๆ หรือคนสนิทกันก็จะดึงหูเป็นจำนวนอายุ อาจมีบวกหนึ่งด้วย

ไหนๆ ก็ใกล้วันปีใหม่แล้ว ในคืนวันสิ้นปีหรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่าวันของนักบุญซิลเวสเตอร์ (San Silvestro) บางคนก็จะเขวี้ยงจานให้แตกตอนเที่ยงคืน อันนี้เคยร่วมประสบการณ์ที่เมืองเนเปิลส์เมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนเช้าตื่นมา เจอเศษจานเกลื่อนกลาดไปหมด บางทีก็เจอของอย่างอื่นโยนออกมาจากหน้าต่างบ้านด้วย

ชนแก้วต้องมองตา วันเกิดต้องดึงหู แตะเกือกม้าล้างซวย และสารพัดความเชื่อโชคลางของอิตาลี
ถั่วที่นิยมกินกันในคืนข้ามปี
ภาพ : www.deabyday.tv/cucina-e-ricette/piatti-unici 

มื้อเย็นวันสิ้นปี กินซุปถั่ว เพราะเชื่อว่าจะร่ำรวยมีเงินมากมายเหมือนจำนวนถั่วในจาน

แนวติดเรตหน่อย ก็ว่ากันว่า นิยมที่จะประกอบการอันสุนทรีในคืนวันนั้น เพราะเชื่อว่าจะได้ทำกิจกรรมนี้ไปตลอดทั้งปี

คืนปีใหม่อีกเช่นกัน บางคนเชื่อว่า ถ้าใส่ชุดชั้นในสีแดงในวันข้ามปี ชีวิตก็จะมีแต่พลังโชติช่วงเหมือนเปลวไฟก็มิปาน

แถม : รวบรวมความเชื่อเกี่ยวกับหญิงโสด

  • ห้ามให้ใครเอาไม้กวาดมากวาดเท้าเป็นอันขาด อันนี้น่าจะเพราะคุณแม่จะกวาดบ้านแล้วต้องการให้ลูกหดเท้าขึ้นนั่นเอง
  • ห้ามนั่งมุมโต๊ะ อันนี้เดาว่า ท่านั่งคร่อมเสาโต๊ะ คงเป็นท่าที่ไม่งามนัก
  • วางไม้กวาดกลับหัวจะได้ผัวแก่

เอิ่ม คุณแม่คะ จะเอาอะไรกับหนูมากมาย

สรุปว่า ความเชื่อก็คือความเชื่อ คนจะเชื่อมันก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ แล้วความเชื่อนั้นบางทีก็แย้งกันเอง เช่น ในเช้าวันปีใหม่นั้น บางคนเชื่อว่า ตื่นมาหากเจอเพศตรงกันข้ามเป็นคนแรกของปีก็จะโชคดี ในขณะที่บางแคว้นนั้น ห้ามผู้หญิงออกจากบ้านในตอนเช้าวันปีใหม่

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนโชคดี

// ชนแก้ว…จ้องตาเขม็ง

ข้อมูลอ้างอิง 

Writer

Avatar

สรรควัฒน์ ประดิษฐพงษ์

‘ครูก้า’ ของลูกศิษย์และลูกเพจ ผู้เชื่อ (ไปเอง) ว่าตัวเองเป็นครูสอนภาษาอิตาเลียนมือวางอันดับหนึ่งของเอเชียอาคเนย์ หัวหน้าทัวร์ผู้ดุร้าย นักแปลผู้ใจเย็น ผู้เชิดหุ่นกระบอกมือสมัครเล่น และนักเขียนมือสมัครเล่นเข้าไปยิ่งกว่า