ต่างหูเรียบๆ คู่นี้ ใช้เทคนิคเดียวกับการวาดลายตกแต่งดาบซามูไร
ภาพ : www.karafuru.jp
ส่วนสร้อยคอไข่มุก 3 เส้นนี้ เลือกใช้สีโบราณของญี่ปุ่น
ภาพ : www.karafuru.jp
ทั้งกล่องไม้ ทั้งต่างหูด้านล่างนี้ มีที่มาจากลวดลายญี่ปุ่นและสีโบราณของญี่ปุ่นเช่นกัน
ภาพ : www.karafuru.jp
ทั้งหมดนี้ คือสินค้าของแบรนด์ ‘KARAFURU’
มาจากคำว่า Colorful ซึ่งแปลว่า สีสันสดใส หากสลับคำเล็กน้อย จะกลายเป็น ‘ฟุรุคาระ’ ซึ่งแปลว่า ตั้งแต่อดีต อีกด้วย
สิ่งที่ KARAFURU สร้าง มิใช่แค่เครื่องประดับที่สีสันสดใสเพียงอย่างเดียว แต่แบรนด์นี้เกิดขึ้นเพื่อมากอบกู้ชีวิตช่างฝีมือญี่ปุ่นไม่ให้หายไป
ยุกิ คุโรดะ อดีตคอลัมนิสต์ผู้หลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น เห็นปัญหาเรื่องช่างฝีมือรุ่นก่อนเริ่มมีอายุมากขึ้น ไม่มีผู้สืบทอด ขณะเดียวกันตลาดก็เล็กลงทุกวัน
เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่สนใจของโบราณเหล่านี้ เธอจึงตัดสินใจสร้างแบรนด์เล็กๆ เพื่อช่วยช่างฝีมือ
ด้วยการเป็นตัวเชื่อมระหว่างช่างฝีมือญี่ปุ่น ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญาโบราณกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ให้อยู่ร่วมกันได้
สินค้าชิ้นแรกของ KARAFURU คือชุดเดรสที่ใช้วิธีการย้อมผ้าแบบโบราณของเกียวโต
ภาพ : https://greenz.jp
แต่ละชุดจะมีลวดลายสีสันที่แตกต่างกัน ในวันออกแสดงผลงานนั้น มีผู้สื่อข่าวและบริษัทเอกชนให้ความสนใจมาก แต่คุโรดะกลับรู้สึกว่า สินค้าชิ้นนี้เป็นความล้มเหลวของเธอ
“คุณภาพงานดีมาก มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แต่นี่ไม่ใช่สินค้าที่ดีค่ะ ช่างฝีมือได้ทำทุกกระบวนการเอง ไม่ว่าจะเป็นการมัดย้อม การเย็บผ้า แถมเราสั่งผลิตน้อย ทำให้สินค้าชิ้นหนึ่งมีราคาสูงมาก แม้เราจะทำสินค้าดี แต่หากราคายังแพงเกินกว่าที่ผู้บริโภคจะซื้อไหว ก็คงไม่ต่างอะไรกับการทำธุรกิจเพื่อตอบสนองความสุขของตัวเองฝ่ายเดียว และไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับสังคมเลย”
หากสินค้าราคาแพงเกินไป ขายไม่ได้ ช่างฝีมือก็ไม่มีรายได้ สุดท้ายไม่เกิดประโยชน์อะไรอยู่ดี
ขณะที่คุโรดะยังไม่รู้ว่าจะทำสินค้าอะไรขายดีนั้น วันหนึ่งเพื่อนชวนเธอไปพิพิธภัณฑ์ปิ่นปักผมโบราณในโตเกียว คุโรดะได้ไอเดียว่าปิ่นปักผมสมัยโบราณใช้ศิลปะญี่ปุ่นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ การแกะสลัก ตลอดจนการฝังลายเคลือบทอง
หากปิ่นปักผมเป็นเครื่องประดับของคนสมัยก่อน อะไรคือเครื่องประดับของคนสมัยนี้
สินค้ารุ่นถัดมาของ KARAFURU จึงกลายเป็นสร้อยคอ ต่างหู นั่นเอง
สินค้าชิ้นเล็กๆ แม้ผลิตน้อยก็ไม่กระทบกับต้นทุนมาก
คุโรดะสนใจเทคนิคที่ใช้ในเครื่องประดับโบราณอย่างหนึ่ง คือเทคนิคมาซาเอะ หรือการแกะสลักไม้เป็นลวดลาย ลงยา แล้วโรยผงทองเพื่อให้สีติดลวดลายที่สลักไว้
ตัวอย่างสินค้าที่ใช้เทคนิคมาซาเอะ
ภาพ : http://buyee.jp
คุโรดะเห็นว่าหากใช้เทคนิคนี้ทำเครื่องประดับสีดำลงลายสีทองจะดูโบราณเกินไป สีที่น่าจะเหมาะกับสีทองอีกสี คือสีขาวไข่มุก เครื่องประดับ KARAFURU น่าจะสวยโดนใจคนรุ่นใหม่ทีเดียว
ทว่าไอเดียนี้ทำให้เกิดปัญหาประการหนึ่ง คือช่างฝีมือไม่สามารถวาดลายและลงยาบนไข่มุกได้ คุโรดะปรึกษาช่างฝีมือหลายคน จนเจอท่านหนึ่งที่สนใจไอเดียของเธอ เขาลองแก้ปัญหาด้วยการเคลือบไข่มุกด้วยน้ำยาพิเศษ แล้วจึงค่อยวาดลาย
ภาพ : https://greenz.jp
นอกจากนี้ คุโรดะยังขอความร่วมมือจากช่างออกแบบลาย หากใช้ลายโบราณ เช่น ลายดอกไม้ เครื่องประดับอาจดูเชย นักออกแบบจึงออกแบบลายทรงเรขาคณิตเพื่อให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น
ภาพ : www.karafuru.jp
แหวน (ราคาประมาณ 15,000 บาท)
ภาพ : www.karafuru.jp
ต่างหูที่ใช้เทคนิคการฝังมุก
ภาพ : www.karafuru.jp
แม้แต่กล่องใส่เครื่องประดับก็ดูมีสีสัน ขณะเดียวกันยังคงความเป็นญี่ปุ่น
ภาพ : www.karafuru.jp
แบรนด์ KARAFURU ได้รับความนิยมจากวัยรุ่นด้วยความน่ารัก
คุโรดะรู้สึกดีใจมากเมื่อมีเด็กสาววัยรุ่นมาดูสินค้าและบอกว่า “เทคนิคโบราณมาซาเอะเหรอคะ แต่แบบนี้น่ารักจังเลย”
หรือเด็กสาววัยสิบกว่าปีบางคนก็บอกว่า “หนูจะพยายามเก็บเงินแล้วมาซื้อให้ได้นะคะ”
ผู้บริโภคมีความสุขเนื่องจากได้รับสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยความใส่ใจและความประณีตของช่างฝีมือญี่ปุ่น
ตัวช่างฝีมือเองก็ได้เห็นศักยภาพของฝีมือพวกเขา และได้ค้นพบการประยุกต์ศิลปะโบราณให้เข้ากับความต้องการของคนรุ่นใหม่
เทคนิคโบราณต่างๆ เหล่านี้จึงยังสืบทอดต่อไปได้ แม้จะเปลี่ยนรูปแบบก็ตาม
KARAFURU และคุโรดะ กำลังค่อยๆ ส่งมอบภูมิปัญญาจากโบราณสู่อ้อมกอดของคนรุ่นใหม่ได้อย่างกลมกลืน