เดือนมีนาคมนี้ ดิฉันต้องไปทำงานที่เกาะคิวชู และตั้งใจอยู่เที่ยวต่อเล็กน้อย
ทริปหนึ่งที่ดิฉันอยากไปมากๆ คือ รถไฟ 7 ดาว หรือ Seven Stars in Kyushu ขบวนรถหรูที่วิ่งในเกาะคิวชู
รถไฟขบวนนี้ให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2013 …4 ปีมาแล้ว
ขณะที่ดิฉันกำลังหวังว่า ยอดจองจะซาลงไปบ้างแล้ว ณ ตอนนี้ เมื่อไปที่หน้าเว็บของรถไฟ JR Kyushu ดิฉันก็พบกับข้อความว่า
‘ทางบริษัทได้เปิดให้จองขบวนรถไฟ 7 ดาวช่วงเดือนมีนาคมถึงกันยายนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ขณะนี้ ยอดจองเต็มหมดแล้ว ขออภัยในความไม่สะดวก และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ท่านกรุณาสนใจ’
ร้านอาหารมิชลินสามดาวนี่จองยากแล้ว รถไฟเจ็ดดาวนั้นจองแสนยากยิ่งกว่า
ภายใน 1 เดือน…ยอดจองขบวนรถไฟขบวนนี้เต็มยาวไปถึงเดือนกันยายนของปีถัดไป และดิฉันก็ไม่แน่ใจว่า เขาจะเปิดให้จองรอบถัดไปเมื่อใด
รถไฟขบวนนี้พิเศษอย่างไร
ที่มาของ ‘เจ็ดดาว’
รถไฟขบวนนี้มีเพียง 14 ห้อง รับแขกได้สูงสุด 28 คน ขบวนรถไฟวิ่งรอบเกาะคิวชู ผู้โดยสารสามารถเลือกได้ว่าจะขึ้นแบบ 2 วัน 1 คืน หรือ 4 วัน 3 คืน ราคามีตั้งแต่ 1.5 ถึงเกือบ 4 แสนเยน
www.cruisetrain-sevenstars.jp
ที่มาของชื่อ ‘7 ดาว’ ไม่ได้หมายถึงระดับความหรู แบบโรงแรมห้าดาว หกดาว แต่เลข 7 หมายถึง ทั้งเจ็ดจังหวัดในเกาะคิวชู และยังหมายถึงทรัพยากรการท่องเที่ยว 7 อย่างของเกาะ ตลอดจนจำนวนของขบวนรถที่มี 7 ขบวน
เจ้าของคือ บริษัท JR Kyushu
ทำไมบริษัทที่เหมือนการรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องมาทำรถไฟท่องเที่ยว
สาเหตุคือ การขาดทุนนับพันล้านเยน คิวชูต่างจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้า จำนวนประชากรลดลงเรื่อยๆ ทุกปี ประกอบกับเจอคู่แข่งอย่างรถประจำทางและสายการบินราคาถูกเข้ามาตีตลาด ทำให้คนขึ้นรถไฟน้อยลง การหวังพึ่งรายได้จากค่าโดยสารเพียงอย่างเดียวจึงไม่ได้
บริษัท JR Kyushu จึงหันมาใช้ทรัพยากรที่ตนเองมี คือรถไฟ และแปลงเข้าสู่ธุรกิจใหม่… จากการขนส่งโดยสาร สู่การท่องเที่ยว
คอนเซปต์ในตอนนั้นมีแค่สร้าง ‘Cruise Train’ รถไฟที่สร้างประสบการณ์เหมือนนั่งเรือสำราญได้
www.1101.com
ความท้าทายของดีไซเนอร์
บุคคลสำคัญผู้แปลงคอนเซปต์บนแผ่นกระดาษให้กลายเป็นรถไฟของจริง คือ เอจิ มิโตะโอะกะ ดีไซเนอร์ชื่อดังของญี่ปุ่น
มิโตะโอะกะ ต้องเผชิญกับ 4 โจทย์สำคัญด้วยกัน
- รถไฟต้องสวยงาม มีความเป็นเรือสำราญ ทั้งที่พื้นที่มีจำกัด ขบวนรถกว้างเพียง 2.7 เมตร เมื่อหักลบกำแพงหน้าต่างออกแล้ว เขาเหลือความกว้างเพียง 1.9 เมตรเท่านั้น ในพื้นที่เล็กๆ นี้ เขาต้องออกแบบห้องอาบน้ำ อ่างล้างหน้า และพื้นที่ที่วางเตียงได้ 2 เตียง
- ต้องสร้างประสบการณ์อันสุดยอดให้ลูกค้า ลูกค้าต้องทานอาหาร ใช้ชีวิต และพักอยู่ในรถไฟได้ โดยไม่รู้สึกอึดอัด
- ต้องออกแบบภายใต้งบประมาณอันจำกัด เพราะ JR Kyushu ในขณะนั้นประสบปัญหาขาดทุนอยู่ ไม่สามารถใช้เงินลงทุนเยอะเกินตัวได้
- ต้องชูเสน่ห์ของคิวชูให้โลกรู้
เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารรู้สึกอึดอัด มิโตะโอะกะออกแบบหลังคาทรงโค้ง และใช้วัสดุที่ทำจากไม้ ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น
เพื่อไม่ให้งบประมาณสูงเกินไป เขาใช้รถไฟขบวนเก่ามาตกแต่งใหม่ ทำให้ไม่ต้องสร้างขบวนรถไฟตั้งแต่ต้น
เหลืออีกสองโจทย์… คือสร้างประสบการณ์สุดยอดให้กับลูกค้า และชูเสน่ห์ของคิวชู
“มันยากกว่าออกแบบรถไฟขบวนอื่นๆ เป็นสิบเท่าเลย” มิโตะโอะกะถึงกับเปรยออกมา
www.japantimes.co.jp
ดีไซน์ที่ทำให้ช่างฝีมืออยากแสดงฝีมือ
ว่ากันว่า รถไฟ 7 ดาวขบวนนี้ ทำให้ใครหลายต่อหลายคนประทับใจจนน้ำตาไหล …ทั้งผู้โดยสารรวมถึงตัวพนักงานเอง
เครื่องประดับแต่ละชิ้น เฟอร์นิเจอร์แต่ละอย่าง ล้วนเกิดจากช่างฝีมือระดับสุดยอดของญี่ปุ่นทั้งนั้น
เคล็ดลับของ ‘งานศิลปะ’ ชิ้นนี้ อยู่ที่การออกแบบ
“รถไฟขบวนนี้เป็นผลงานของ JR Kyushu และช่างฝีมือทุกคน แต่การจะแค่ขอความร่วมมือจากทุกคนเพื่อสร้างรถไฟขบวนนี้อย่างเดียวนั้นคงไม่พอ ผมและทีมต้องออกแบบแบบที่ช่างฝีมือเห็นแล้วรู้สึกว่าอยากแสดงฝีมือ (อยากโชว์ของ) ของตัวเอง ต้องเป็นงานออกแบบที่ปลุกวิญญาณของศิลปินแต่ละคนขึ้นมา”
ดีไซน์แบบไหนกันที่ทำให้ช่างอยากโชว์ฝีมือ
ยกตัวอย่าง …ประตูและหน้าต่างไม้ในรถไฟแกะสลักโดยช่างไม้จากเมืองโอกาวะ จังหวัดฟุกุโอกะ ลวดลายบางแห่งเป็นเส้นเล็กบางละเอียดถึง 0.1 มิลลิเมตร
minkara.carview.co.jp
หรืออ่างล้างมือ โคมไฟ ลูกบิดประตู ทั้งหมด ใช้ช่างฝีมือจากเมืองอาริตะ จังหวัดซากะ เป็นผู้วาดลาย
nanatsuboshi-in-kyushu.jp
ส่วนเพดานไม้แกะสลักปิดทอง มาจากฝีมือของช่างแกะสลักและปิดทองเมืองไซตามะ
www.cruisetrain-sevenstars.jp
รถไฟที่ทุกคนรักและภูมิใจ
เมื่อขบวนรถสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ พนักงานที่ให้บริการต่างรู้สึกถึงความพิเศษของขบวนรถ ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกพิเศษในงานของตนเอง และมุ่งมั่นให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่
“ในเมื่อ ‘เวที’ ของพวกเราพิเศษขนาดนี้ พวกเราก็ต้อง ‘แสดง’ กันอย่างเต็มที่”
การดูแลของพนักงานรถไฟ 7 ดาวนั้น ไม่ได้เริ่มแค่ที่เลานจ์ในห้องพักรับรอง แต่เริ่มตั้งแต่ตอนโทรศัพท์ไปหาลูกค้า
“ท่านชอบหมอนแบบไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ แบบนิ่มหรือแบบแข็ง”
“ในรถมีการแสดงดนตรีด้วย มีเพลงไหนที่อยากขอเป็นพิเศษไหมคะ”
“เดินทางมาที่สถานีฮากาตะอย่างไรคะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ”
พนักงานพูดคุยและใส่ใจความชอบของลูกค้าละเอียดจนในวันออกเดินทาง ถึงกับมีผู้โดยสารบางคนซื้อของฝากมาฝากพนักงานดูแลเลยทีเดียว
ในวันเดินทาง พนักงานทุกคนรู้สึกว่าพวกเขากำลังจะร่วมสร้างเรื่องราวแห่งความประทับใจไปพร้อมๆ กับผู้โดยสาร
สำหรับเด็กๆ ในท้องถิ่นนั้น พวกเขาพร้อมใจกันโบกมือให้จนกลายเป็นธรรมเนียมกันไปแล้ว
สำหรับคนในท้องถิ่น พวกเขาขอบคุณที่ขบวนรถไฟสายนี้พาคนที่สนใจในเกาะคิวชูมา ขอบคุณที่รถไฟซื้อวัตถุดิบจากท้องถิ่นไปปรุงอาหารรสเลิศ ขอบคุณโอกาสที่ให้พวกเขาได้แสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นให้แก่ผู้โดยสาร ขอบคุณที่ให้โอกาสพวกเขาได้เล่าเรื่องท้องถิ่นที่พวกเขาภูมิใจ
สุดท้ายนี้ ขอจบเรื่องราวของรถไฟขบวนนี้ด้วยเรื่องราวของผู้โดยสารท่านหนึ่งค่ะ
“ดิฉันมาเที่ยวรถไฟขบวนนี้กับคุณยาย ตอนคุยกับพนักงานทางโทรศัพท์ ดิฉันก็เผลอเล่าไปว่า คุณยายไม่ค่อยสบาย อาจทานอาหารไม่ได้เยอะมาก พอถึงวันที่ขึ้นรถไฟจริงๆ พนักงานดูแลก็มาถามคุณยายว่า ปริมาณอาหารพอดีไหม จะให้ลดหรือเพิ่มสิ่งใดหรือเปล่า คุณยายของฉันรู้สึกประทับใจจริงๆ ตัวฉันเองก็ไม่นึกว่าพนักงานจะสื่อสารกันขนาดนี้
“ส่วนตอนที่เราแวะลงสถานีหนึ่ง มีเด็ก ๆ ในเมืองมาเต้นรำแสดงให้พวกเราดู ดิฉันได้มีโอกาสคุยกับคุณแม่เด็กคนหนึ่ง ดิฉันชมว่า ‘เด็กๆ เต้นเก่งจังเลยนะคะ’ คุณแม่ท่านนั้นบอกว่า เด็กๆ ตื่นเต้นและรอวันนี้มานานมาก พวกเขาตั้งใจซ้อมกันใหญ่เลยค่ะ
“ดิฉันเพิ่งเข้าใจความหมายของการเดินทางในครั้งนี้ว่า มันไม่ใช่แค่ทริปหรูราคาแพง มิใช่แค่อาหารดี หรือรถไฟนั่งสะดวกสบาย แต่เป็นประสบการณ์และความทรงจำที่จะคงอยู่ไปในตลอดชีวิตดิฉัน“