5 กุมภาพันธ์ 2020
13 K

ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต บอกว่า ชีวิตเขามีฝันอยู่แค่ 3 อย่าง คืออยากมีอัลบั้ม อยากมีคอนเสิร์ต และอยากเล่นหนัง

ภาพเด็กชายพาริสในชั้นมัธยม คือการสนุกที่ได้เล่นดนตรี เดินสายประกวดกับเพื่อน และสาวเท้าตามความฝันที่คิดไว้ทีละก้าว

 “ผมมีความเชื่อว่า มนุษย์ควรที่จะเกิดมาแล้วหาความชอบของตัวเองให้เจอ และทำมันไปเรื่อยๆ จนหมดลมหายใจ”

หมดลมหายใจ

ในวันที่จังหวะชีวิตขยับใกล้ความฝันกลับมาพร้อมกับการสูญเสียอันเป็นจุดเปลี่ยนที่เร่งเร้าให้เขาเดินมุ่งตรงสู่วงการบันเทิง

ไอซ์-พาริส, รักติดไซนเรน

ระยะเวลาเพียง 3 ปี เขาก้าวสู่บทบาทพระเอกช่องในละคร เรื่อง หนี้เสน่หา ไม่ใช่แค่การแสดง ทั้งร้อง ทั้งเต้น ต่างเป็นผลลัพธ์ของการทำมันอย่างเต็มที่ด้วยความสนุก

และมันยังเปลี่ยนภาพเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่ตรงหน้า ให้มีทัศนคติต่อชีวิตที่ผ่านมา งานทุกอย่างที่เขาทำ จนสัมผัสได้ถึงความคิดความอ่านที่โตกว่าอายุ

สำหรับเราไอซ์ก็เป็นเหมือนน้ำแข็งที่ภายนอกแข็งกร้าว เข้มแข็ง แต่ก็โอนอ่อนแปรรูปร่างไปตามภาชนะ ในขณะเดียวกันเมื่อเติมลงไปในแก้ว ก็ทำให้น้ำเย็นชุ่มฉ่ำ ได้จิบทีก็สดชื่นสว่างไสว

ไม่ว่าคุณจะรู้จักเขาในบทบาทอาฉี ในละครโทรทัศน์เรื่อง เลือดข้นคนจาง จากซีรีส์ Great Men Academy สุภาพบุรุษสุดที่เลิฟ นักร้องเพลง รักติดไซเรน ประกอบละคร รักฉุดใจนายฉุกเฉิน (My Ambulance) ที่ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง ศิลปินหนึ่งในโปรเจกต์ 9×9 หรือกระทั่งโปรเจกต์ Human Error 3 หนังสั้น 3 เพลง จาก 3 ศิลปิน ของ Nadao Music ร่วมกับ เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม และ กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง และการเป็นหนึ่งในนักแสดงชุดใหม่ของ ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์

บทสนทนาต่อไปนี้คือ ความฝัน ชีวิต ความคิด และเรื่องจริงของเด็กหนุ่มวัย 21

เขาถอดเสื้อคลุมตัวสวยออก เผยให้เห็นเสื้อยืดสีขาวธรรมดา แล้วนั่งลงด้วยท่าทางสบายๆ

เขายิ้มกว้าง

ก่อนคุยกับเราแบบไม่มีหลบตา

ไอซ์-พาริส, รักติดไซนเรน

เพลง รักติดไซนเรน 158 ล้านวิวแล้ว ดังก่อนละครอีกนะ 

บอกก่อนว่าเพลงนี้มันเกินความคาดหมายแทบทุกอย่างเลยนะ คือมันเป็นเพลงประกอบละคร เราคิดอย่างมากเลยว่าคนดูละคร My Ambulance เสร็จค่อยมาติดเพลง เป็นไงล่ะ โอ้โห เพลงประกอบละครไปที เกินเบอร์ไปหลายเบอร์เลย

จนตอนนี้ชีวิตผมเหมือนทุกอย่างมันเกินความคาดหมายไปหมดเลย เริ่มตั้งแต่ 9×9 (ไนน์ บาย ไนน์) เราไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เข้าไปอยู่ในวงบอยแบนด์ แบบเออเราไม่คิดเลย (หัวเราะ) ทั้งละครเรื่อง เลือดข้นคนจาง เองก็ด้วย คือเราดูฮอร์โมนฯ มาตั้งนาน ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เล่นละครของพี่ย้งจริงๆ (น้ำเสียงตื่นเต้น)

ที่บอกว่าเกินความคาดหมายไปหมดเลย แล้วความคาดหมายนั้นของไอซ์คืออะไร

ก่อนเข้าวงการ ความฝันของผมมีอยู่แค่สามอย่าง คืออยากมีอัลบั้ม อยากมีคอนเสิร์ต แล้วก็อยากเล่นหนัง มันเป็นเป้าหมายตั้งแต่แรก ทุกวันนี้ที่เราทำอยู่ คือระหว่างทางที่จะไปตรงถึงนั้นให้ได้ ปีนี้ นอกจากละคร ซีรีส์ ไอซ์จะข้ามมาทำเพลงมากขึ้นแล้วครับ

ความฝันที่อยากจะเป็นนักดนตรีเริ่มจากตอนไหน

มันเริ่มตอนประมาณ ม.2 ผมไป Big Mountain ครั้งแรก ภาพที่จำได้แม่นคือตอนดูจอใหญ่ แล้วกล้องตัดไปข้างหลังศิลปิน เห็นคนดูเยอะๆ เป็นภาพที่อยากเห็นมันเกิดกับตัวเองมากๆ อยากรู้ความรู้สึกว่าเป็นยังไง หลังจากนั้นผมเลยตั้งเป้าหมายขึ้นมา ตอนแรกอยากมีแค่เพลงก่อน แล้วมีอัลบั้มกับคอนเสิร์ต

จริงๆ ผมมีพี่ยอด Bodyslam (ธนชัย ตันตระกูล) เป็นไอดอลด้วย ผมอยากขึ้นเวทีแล้วสะบัดผมแบบเขา มี Smoke Machine อยู่ข้างๆ มันเท่มาก เลยเริ่มฟอร์มวงกับเพื่อนที่โรงเรียน แล้วก็ไปประกวดร้องเพลงที่นู้นที่นี่ จนมีครั้งหนึ่งผมไปแข่งที่สยาม พอแข่งจบ คนจัดเขาอยากสร้างวงดนตรีของเขาขึ้นมาเอง เขาเลยหยิบเด็กจากทุกๆ วง มารวมตัวกันชื่อ Yellow Mustard มีแจ็คกี้ (จักริน กังวานเกียรติชัย) อยู่ในวงด้วย ตอนนั้นผมกับแจ็คกี้อยู่ม.4 ม.5 ยังใส่เหล็กดัดฟันทั้งคู่อยู่เลย เป็นวงที่มีผู้จัดการจริงจัง มีเดินสายไปเล่นที่ต่างๆ แต่ตอนนั้นไม่ได้เงินนะ (หัวเราะ)

แล้วความฝันเรื่องการแสดงล่ะ

พอขึ้นมัธยมปลายก็สนใจการแสดงด้วย เริ่มจากเราชอบดูหนังมาก ขนาดที่ว่าตอนกลับจากโรงเรียนต้องซื้อดีวีดีหนึ่งแผ่นเรื่องอะไรก็ได้เพื่อกลับไปดู จนมีเต็มบ้านเลยครับ เยอะมาก

ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ฝันอย่างอื่นเลยเหรอ

มีๆ ก่อนหน้านี้ผมเลือกเรียนสายวิทย์ เพราะรู้สึกว่าอยากเป็นวิศวกรให้พ่อ อย่างที่บ้านเขาเรียนจุฬา ธรรมศาสตร์กันหมด เซนส์บางอย่างเลยทำให้เรารู้ว่าเขาคาดหวัง แต่เขาก็ไม่เคยพูดนะ อีกอย่างพี่สาวก็เรียนเศรษฐศาสตร์ ผมลองพยายามหาว่าอะไรที่มันน่าจะดูเท่ขึ้นมาบ้าง ตอนนั้นคิดแค่ว่าเป็นผู้ชายก็ต้องวิศวะสิ แต่ระหว่างนั้นก็ทำวงดนตรีไปด้วยเรื่อยๆ

ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต

แล้วภาพวิศวกรหนุ่มหล่นหายไปตอนไหน

ช่วงที่คุณพ่อป่วย ตอนนั้นเราออกไปเล่นดนตรี กลับมาหาพ่อบ้าง แล้วพอคุณพ่อเสีย เลยรู้สึกว่า เฮ้ย ชีวิตมันสั้นมากเลยว่ะ แล้วก็คิดว่าเรานั่งทำอะไรอยู่ เรามานั่งทรมานตัวเองทำไม พยายามเรียนในสิ่งที่เราไม่ได้ชอบขนาดนั้น ชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่จะมานั่งทำหรือเป็นอะไรในสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น เหมือนทำให้เราเปลี่ยนความคิด ก่อนหน้านั้นเรากลัวความตาย แต่ตอนนี้กลัวไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง มันคงเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวกว่ากันเยอะเลย

พอคิดอย่างนี้ก็เลยช่างแม่ง! สายวงสายวิทย์ วิศวะอะไรช่างมัน เปลี่ยนมาเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ คือเรารู้ว่าชอบดนตรีกับหนัง ตอนนั้นมีวงอยู่เลยทำต่อไป ส่วนการแสดงก็เป็นสิ่งที่เราชอบมากเหมือนกัน 

ที่บอกว่าชอบมาก ไอซ์พาตัวเองเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงได้ยังไง

พอคุณพ่อเสีย คุณแม่ก็ต้องหาเงินแทน เขาเลิกทำงานมายี่สิบปีแล้วตั้งแต่มีพี่สาวผม อยู่ๆ ต้องมาพยายามหางานทำใหม่ ทั้งชีวิตเราไม่เคยต้องเห็นแม่ทำงาน แค่ผมเห็นภาพนั้นผมก็ไม่ชอบแล้ว ผมรู้ว่าเวลาแม่มีความสุขหรือว่ากำลังหยุดตัวเองไม่ให้เสียหลักเขาเป็นยังไง ผมรับไม่ได้ที่จะเห็นเขาทำงานจริงๆ นะ มันดูไม่ใช่แม่เรา เลยแบบโอเค เดี๋ยวเราทำเอง จากนั้นผมไปลองแคสทุกที่ ไปแบบพยายามหางานเลยครับ จนได้เข้าไปเด็กฝึกของค่ายๆ หนึ่ง

เข้านาดาว บางกอกเลยเหรอ

ยังครับ ค่ายอื่น แต่ว่ายังไม่ได้เซ็นสัญญานะครับ แค่ไปฝึกเรียนการแสดงบ้าง ระหว่างนั้นนาดาวมาเห็นเข้าแล้วติดต่อมา เราเลยเลือกอยู่กับนาดาวจนมาถึงวันนี้

ไม่ได้อยากถามแต่แค่อยากรู้ว่า ที่ร้องเพลงได้ เต้นได้ ฝึกจากไหน

ในห้องน้ำเลยครับ ผมชอบการเต้น ไม่ว่าจะไปที่ไหน เช่น Festival EDM เราชอบเต้นแบบไม่จริงจัง ทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ เพื่อนมาบ้านก็ร้องเพลง เล่นกีตาร์เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ไม่มีกฎในการทำอะไร แค่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำอยู่

พอได้เป็นไอซ์ พาริส มีอะไรในชีวิตที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ

แน่นอนครับ พอเข้ามาทำงานปุ๊บ ความรับผิดชอบของเรามันต้องโตขึ้นทันที เลยเกิดคำถามในใจว่าเราจะผิดพลาดไม่ได้เหรอ เหมือนเด็กอายุยี่สิบ ยี่สิบเอ็ด เป็นปกติที่มันต้องพลาดอีกเยอะ แต่ตอนนี้ไม่ว่าเราจะพลาดอะไร ทุกคนบนโลกรู้หมดแล้ว จริงๆ แค่อยากมีอารมณ์งอแงแหละครับ ไม่ใช่อะไร (หัวเราะ)

ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต

แล้วไอซ์จัดการกับคำถามที่เกิดขึ้นนี้ยังไง

ปกติก็ไปคุยกับคุณแม่ เขาจะมีวิธีพูดที่ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น สมมติว่าผมคุยกับแม่ตอนนั่งรถกลับบ้านแล้วพูดกับแม่ว่า ทำไมทำผิดไม่ได้เลย เหนื่อยมาก ทำไมเด็กอายุเท่าผมไม่เห็นจะต้องมานั่งเหนื่อยขนาดนี้เลย เขาแค่เรียน เรียนเสร็จเขาก็กลับบ้าน ปิดเทอมก็ไม่ทำอะไรเลย พอไปจอดตรงไฟแดงแล้วมีเด็กขายพวงมาลัยมาเคาะกระจก แม่แค่พูดว่า ‘ไอซ์ลองนึกดูสิว่า เด็กคนนี้เขาจะรู้สึกดีแค่ไหน ถ้าได้สลับที่นั่งกับไอซ์ตอนนี้ แล้วลองคิดดูดิว่ามีเด็กอีกกี่คนบนโลกที่อยากแค่มาสลับที่นั่งกับไอซ์แค่นาทีเดียว แต่มันคือทั้งโลกของเขาแล้ว’ เราก็แบบ เออว่ะ

หรือไม่ก็ ‘เราอาจจะไม่มีพ่อ เด็กบางคนไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ ไม่มีแขนไม่มีขาด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงโตมาเป็นคนที่ดีได้’ เพราะฉะนั้นมันอาจจะไม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของเราหรือเปล่า

ไอซ์รับมือยังไงกับความสำเร็จที่เข้ามาเร็วขนาดนี้

โห มันยากนะ ทุกวันนี้บางทีผมก็ทำไม่ได้เลย (หัวเราะ) ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมรับมือยังไง ไม่รู้ว่าผมทำถูกหรือทำผิด ผมแค่รู้ว่าถ้าเกิดผมรู้สึกดี ผมโอเค ถ้าเกิดผมรู้สึกไม่ดี ก็กลับไปหาแม่แล้วไปคุยกับแม่ว่าต้องทำยังไงดี แม่ก็จะบอกว่า ‘You have to be grateful’ สมมติว่า ถ้าเราอยากได้อะไรก็ต้องเห็นคุณค่าของมันจริงๆ นะ ถ้าเกิดไม่เห็นคุณค่าของมัน มันก็จะมาอยู่กับเราได้แป๊บเดียว

ผมว่าแค่ Be grateful กับมัน เห็นคุณค่ากับทุกอย่างที่เราได้ แบบนี้ก็พอแล้ว

เรายังเชื่อว่าเราไม่ใช่นักแสดงที่เก่งที่สุดหรือศิลปินที่เก่งที่สุด แต่เรายังทำพวกนี้เพื่อให้เราพัฒนาตัวเอง และสนุกกับมันไปด้วย

ไม่มีอีโก้ว่าเราดัง

มีนะครับที่เคยเหลิงหนักๆ เลย คือช่วงแรกๆ เพราะเข้าวงการมาก็อยู่ใน 9×9 ซึ่งเป็นโปรเจกต์ใหญ่ ทุกงานที่เราไปออกมันใหญ่มาก มีคนมาเยอะ แล้วยิ่งละครเรื่องแรกของเราเป็น เลือดข้นคนจาง ที่ดังมาก เลยรู้สึกว่าตัวเองเจ๋ง จนทำให้นิสัยเสียมาก แบบเราทำอะไรก็ได้ จะทรีตคนอื่นยังไงก็ได้ ไม่ต้องซ้อม ไม่ต้องรันทรู ไม่ต้องร้องดีมากหรอกเดี๋ยวคนก็กรี๊ด

แต่มันโชคดีมากเหมือนกันที่ได้เข้ามาใน 9×9 ที่นั่นไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว พี่ๆ ทุกคนที่อยู่ใน 9×9 เขาจะคอยมาด่าผม คอยบอกว่าเกินไปแล้วนะ คอยเตือนสติ ถ้าเกิดวันนั้นเขาไม่พูด ตอนนี้ผมก็คงเป็นอีกแบบไปเลย พอมองย้อนกลับไป ผมก็ไม่ชอบตัวเองในตอนนั้นเหมือนกัน

ได้ยินมาว่า 9×9 เป็นโปรเจกต์ที่เข้ายาก มีการคัดคนเข้าๆ ออกๆ ตลอด แล้วตอนนั้นไอซ์ทำยังไงให้ยังเป็นคนที่ถูกเลือกให้อยู่

ทำเต็มที่ โชว์ในสิ่งที่เรามี ณ ตอนนั้น เอามันออกมาให้หมด เอาของทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ลึกแค่ไหนก็ตาม เอามาให้เขาเห็นให้ได้มากที่สุด

ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต

เคยมีความกดดันหรือกลัวว่าเราจะทำไม่ได้เท่าเดิมอีกบ้างไหม

ไม่เคย ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย ไม่ได้เป็นคนที่คิดกดดันตัวเอง ไม่ไปคิดว่าต้องทำให้ดีกว่าอันเก่า หรือต้องรักษามันยังไง ผมคิดแค่ว่าถ้าเราทำงานนี้จบแล้วเราไม่เก่งขึ้น อันนั้นจะนอยด์ เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่าเราทำได้มากกว่านี้ แต่ทำไมตอนนั้นเราไม่ทำ หรือทำไมเราไม่ลองทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้น

กับพี่ย้งนี่บ่อยมาก ตั้งแต่ เลือดข้นฯ ยัน Human Error เลย บางทีซ้อมเสร็จ กลับบ้านไปร้องไห้คนเดียวเป็นปกติมาก

ได้บทเรียนอะไรจากปีที่แล้วบ้าง

ปี 2019 ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นและเห็นว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เราไม่ได้ยึดติดเหมือนเดิม รู้ว่าการทำงานไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย ไม่มีเวลาให้ครอบครัว มันทำร้ายตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้พยายามแบ่งเวลาให้ตัวเองมากขึ้น รู้ว่าถ้าอยากพักเราพักได้ ไม่ต้องถาโถมเหมือนปีแรกๆ

อีกอย่างผมคิดว่ามันเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิต ได้ขึ้นร้องเพลงเยอะมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะทำอะไรมาในวันนั้น พอตกกลางคืนเราได้มาสตูดิโอ ซ้อมเต้น ซ้อมร้อง เป็นชีวิตที่มีความสุขมากๆ ผมเลยตั้งเป้าหมายว่า ผมต้องทำอะไรสักอย่างให้ตัวเองรู้สึกว่าทุกปีเป็นปีที่ดีสุดในชีวิต

ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต

ถ้างั้นคิดว่าความสำเร็จเท่ากับความสุขหรือเปล่า

สำหรับผมความสำเร็จไม่ได้แปลว่าสุข ความสุขของผมคือแพสชัน และไม่ว่าอาชีพใดๆ ก็ทำสำเร็จได้ 

เคยมีความคิดหลายรอบมากว่าอยากให้แชร์สิ่งเหล่านี้ออกไป อย่างการแต่งเพลง ทำหนัง อยากให้ทั้งเด็กและผู้ปกครองเข้าใจในสิ่งนี้มากๆ ว่า บนโลกใบนี้อะไรก็เป็นอาชีพได้ ไม่ต้องกดดันว่าเขาต้องเป็นหมอ เป็นสถาปนิก นักบัญชี หรือต้องเข้ามหาวิทยาลัยแบบไหน ไม่มีคำว่าต้องเป็นอะไรเลย ตอนจบมันอยู่ที่ว่าเราชอบอะไร เรามีความสุขกับอะไร เราตายคนเดียว ตายไปเราก็ไม่ได้มีเงินไปด้วย เราไม่ได้มีชื่อเสียงไปด้วย ผมมีความเชื่อว่า มนุษย์ควรที่จะเกิดมาแล้วหาความชอบของตัวเองให้เจอ และทำมันไปเรื่อยๆ จนหมดลมหายใจ

ผมอยากให้ทุกคนได้เจอแพสชันของตัวเอง อยากให้ทุกคนรู้ว่าหากคุณมีความฝันอย่าดูถูกตัวเอง เราเป็นได้จริงๆ 

บางคนหาเงินได้จากสิ่งที่คุณไม่ได้ชอบหรือไม่ได้มีความสุขกับมัน แต่ตอนจบคือการที่คุณต้องมานั่งทรมาน มันไม่ใช่ความสุขทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนที่ผมอยู่สตูดิโอมันเป็นความสุขที่อธิบายไม่ได้ ไม่ว่ายังไงผมก็จะทำในสิ่งที่ผมชอบอยู่อย่างนี้ หากผมไม่ได้มายืนหรือมาแสดงในจุดนี้ผมก็ยังคงจะทำเพลงต่อไป ทำเองหรืออะไรก็ตามอยู่ดี

จะว่าไปไอซ์เหมือนมีเหตุการณ์ให้เข้าใจชีวิตเยอะเหมือนกัน

มันทำให้ผมรู้สึกโชคดีมากๆ ผมกลับมาคิดอีกรอบหนึ่ง ที่ตัวผมเป็นแบบนี้ เพราะเคยผ่านความตายมาแล้วสองรอบ เคยผ่าตัดหัวใจตอนขวบครึ่ง จะไปกลัวอะไรอีก ทำมันเลยดีกว่า ลุยเลย 

หากวันนี้ต้องตาย คิดว่ามันคุ้มค่ากับชีวิตตอนนี้แล้วหรือยัง

ผมพยายามคิดอย่างนี้อยู่ตลอด ลองคิดดูถ้าวันนี้เรากำลังเครียด ดราม่าอยู่ แล้วผมเดินออกไปที่ถนน โดนรถชนตายขึ้นมา เลยกลับมาคิดใหม่ว่า ตอนนี้เราอยากทำอะไร เรามีความสุขกับมันดีกว่าไหม ดีกว่ามานั่งเครียดกับเรื่องอะไรไม่รู้ไปทำไม ซึ่งมันเวิร์กมากๆ เรามีความสุขขึ้น พอเราคิดแบบนี้ได้ เรารู้สึกว่าเราคุ้มแล้ว

ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต

Writer

Avatar

ปาริฉัตร คำวาส

อดีตบรรณาธิการสื่อสังคมและบทความศิลปวัฒนธรรม ผู้เชื่อว่าบ้านคือตัวตนของคนอยู่ เชื่อว่าความเรียบง่ายคือสิ่งซับซ้อนที่สุด และสนใจงานออกแบบเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี (กับเธอ)

Photographers

Avatar

ธีรพันธ์ ลีลาวรรณสุข

ช่างภาพ นักออกแบบกราฟิก นัก(หัด)เขียน โปรดิวเซอร์และผู้ดำเนินรายการพอดแคสต์ และอื่นๆอีกมากมายแล้วแต่ว่าไปเจออะไรน่าทำ IG : cteerapan

Avatar

ปัณฑารีย์ วจิตานนท์

เชื่อว่าความทรงจำอยู่ในภาพถ่าย สะสมกลักฟิล์มบางครั้ง ทำประจำคือไปคอนเสิร์ต