4 กรกฎาคม 2025
500

ฮิเดโตชิ ทาคาฮาชิ (Hidetoshi Takahashi) คือ Ink Master แห่ง ‘Sailor’ แบรนด์เครื่องเขียนสัญชาติญี่ปุ่นที่ก่อตั้งมานานกว่าศตวรรษ ส่วนอายุงานของเขาในบริษัทนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 32 เข้าไปแล้ว แต่สิ่งที่น่าทึ่งไม่ใช่ตัวเลขระยะเวลา หากเป็นทัศนคติของเขาต่อขวดหมึกตรงหน้ามากกว่า

ทุกวันนี้คุณยังคิดว่าการเบลนด์หมึกเป็นเรื่องท้าทายอยู่ไหม – เราถาม

“ท้าทายครับ” เขาตอบโดยแทบไม่ต้องใช้เวลาคิด

เรามีโอกาสได้พูดคุยกับทาคาฮาชิซังในช่วงบ่ายวันหนึ่ง หลังจากที่เขาเสร็จสิ้นภารกิจใน Original Ink Blending Workshop ที่ไทยตลอด 3 วันที่ผ่านมา

“นี่คือครั้งที่ 2 ที่ผมมาจัดเวิร์กช็อปที่กรุงเทพฯ โดยมี Good to Great ผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทยเป็นตัวกลาง เมื่อปีก่อนผมมากรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกพร้อมกับเป้าหมายที่อยากดึงดูดให้ผู้คนหันมาสนใจ Original Ink และแวดวงหมึกมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเทรนด์การใช้ปากกาหมึกซึมในประเทศไทยครับ” 

จากข้อมูลที่เราได้รับมา ชายคนนี้เบลนด์หมึกไปมากถึง 80 ขวดในระยะเวลาเพียง 3 วัน คราบหมึกหลากสีสันยังทิ้งร่องรอยให้เห็นอยู่บนปลายนิ้ว กระทั่งเขาเริ่มเอ่ยปากบอกเล่าถึงชีวิตการทำงานของตัวเอง เราจึงพบว่าประสบการณ์ของ Ink Master ผู้นี้โชกโชนไม่ต่างจากรอยหมึกบนนิ้วมือเลยแม้แต่น้อย

คนบ้านเดียวกัน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1911 บริษัท Sailor ก่อตั้งขึ้นในเมืองคุเระ จังหวัดฮิโรชิมะ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยเริ่มจากการผลิตหัวปากกาที่ทำจากทองคำ ก่อนพัฒนาไปสู่การผลิตปากกาหมึกซึมสัญชาติญี่ปุ่นเจ้าแรกของประเทศ

ทาคาฮาชิซังเองก็เกิดและเติบโตในจังหวัดฮิโรชิมะ ทั้งยังมีความสนใจในอุปกรณ์เครื่องเขียนอยู่ไม่น้อย ราวกับโชคชะตาขีดไว้ให้เขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรแห่งนี้

“สมัยที่ยังเป็นนักศึกษา ผมเรียนวิชาเอกเคมี ขณะเดียวกันก็มีความสนใจเกี่ยวกับเครื่องเขียนเป็นทุนเดิม นั่นจึงเป็น 2 เหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจสมัครเข้าทำงานที่ Sailor” แน่นอนว่าอดีตนักศึกษาวิชาเคมีย่อมไม่ได้คาดหวังจะสมัครเข้ามาเป็น Ink Master หรือทำงานเกี่ยวข้องกับฝ่ายขายและการบริการลูกค้า

“ด้วยพื้นฐานที่เรียนมา ผมจึงไม่ได้มีสัญชาตญาณของนักขายหรืออะไรแบบนั้น เลยหวังว่าจะได้เข้าไปทำงานในฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือ R&D ซึ่งเมื่อเข้าไปทีแรกก็ได้ทำฝ่ายนี้จริง ๆ” 

ในปี 1992 ผลิตภัณฑ์แรกที่ทาคาฮาชิซังได้รับมอบหมายให้ดูแลคือหมึกของปากกาลูกลื่นและปากกามาร์กเกอร์ ก่อนที่จะถูกโยกย้ายให้ไปดูแลส่วนงานอื่น ๆ อีกมากมายในเวลาต่อมา

“เนื้องานของฝ่าย R&D ไม่ได้ดูแลแค่น้ำหมึก แต่ครอบคลุมเรื่องสารเคลือบผิววัสดุ การคัดเลือกและตรวจสอบคุณภาพวัสดุชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ผลิตเครื่องเขียน นอกจากหมึกปากกาแล้ว ผมยังได้รับมอบหมายให้ดูแลสารเคลือบวัสดุเงินอยู่ราว ๆ 6 ปี จากนั้นก็ถูกดึงกลับมาดูแลเรื่องหมึกอีกครั้ง ถูกโยกไปมาอยู่หลายครั้งเหมือนกันครับ”

ฟังเรื่องราวของเขาจนมาถึงตรงนี้ เราก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าทาคาฮาชิซังจากฝ่าย R&D จะผันตัวมาเป็น Ink Master หรือผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหมึกแห่ง Sailor ได้อย่างไร เราจึงตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ

“แล้วในระหว่างนั้นคุณค้นพบความสามารถในการผสมหมึกของตัวเองได้ยังไง”

“ในช่วงปี 2010 เกิดกระแส Ink Trend เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่คนญี่ปุ่น ในช่วงนั้นเองที่เริ่มมีคำขอร้องจากทางลูกค้ามายังบริษัท Sailor ให้ช่วยปรับแต่งหมึกสีพิเศษให้ ซึ่งพวกเราเรียกสิ่งนี้ว่า PB หรือ Private Blend Ink ผมเองในฐานะที่ทำงานฝ่าย R&D จึงได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการสร้างหมึก PB มาเรื่อย ๆ ตลอดหลายปี และได้เพิ่มพูนทักษะในการผสมสีหมึกขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย”

ทาคาฮาชิซังเล่าว่าแต่เดิม Ink Blender ถือเป็นอาชีพที่ไม่ได้แพร่หลายนัก ย้อนกลับไปในปี 2005 ที่ Sailor ได้มีการริเริ่ม Ink Studio ขึ้นโดย โอซามุ อิชิมารุ Ink Master คนแรกของแบรนด์ ในเวลานั้นถึงแม้จะมีบางร้านที่เปิดให้ลูกค้าผสมหมึกด้วยตัวเองได้ แต่ถ้าพูดถึงบริการผสมหมึกตามคำขอของลูกค้าแล้ว ทาคาฮาชิซังกล่าวว่า Ink Studio ของ Sailor น่าจะเป็นเจ้าแรก

“ต่อมาในช่วงประมาณปี 2015 ก็เริ่มมีคำว่า Inku-numa (インク沼) ที่ใช้เรียกคนที่ชื่นชอบหมึกเป็นอย่างมาก อาจถึงขั้นที่เริ่มหมกมุ่นกับหมึก อย่างคำพูดทำนองว่า ‘ฉันตกหลุมรักหมึกเข้าแล้ว ยังหาทางขึ้นจากหลุมไม่ได้เลย’ ซึ่งกลายเป็นคำที่ใช้กันทั่วไป”

และหลังจากที่เกิดกระแสนิยมดังกล่าวได้ไม่นาน บริษัท Sailor ที่แต่เดิมผลิตเฉพาะหมึกสีพื้นฐานทั่วไปก็ได้ตัดสินใจเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่เป็นสีหมึกสารพัดเฉด ไปจนถึงคอลเลกชันสีพิเศษที่ออกมาตามวาระโอกาสอีกมากมาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเหล่า Inku-numa ทั้งหลาย

คำสั่งจากเบื้องบน

วันหนึ่งในปี 2019 หลังจากสั่งสมประสบการณ์การเบลนด์หมึกมานานปี ทาคาฮาชิซังได้รับคำสั่งจากประธานบริษัทให้ทำหน้าที่เป็น Ink Master ของแบรนด์ Sailor ควบคู่ไปกับงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำอยู่เดิม

เหตุผลนั้นก็เดาได้ไม่ยาก เมื่อกิจกรรม Ink Studio ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ร้านเครื่องเขียนทั่วประเทศต่างก็อยากให้ Sailor ไปจัดเวิร์กช็อป จำนวนคำขอนั้นมากเกินกว่าที่อิชิมารุซังจะรับมือไหวด้วยตัวคนเดียว บริษัทจึงจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนทีมงาน

“แน่นอนว่าการที่อยู่ ๆ ก็ได้รับคำสั่งแบบนั้นทำให้ผมเป็นกังวลไม่น้อย เพราะผมคือวิศวกร ไม่ใช่เซลส์ จึงต้องยอมรับว่าผมไม่เก่งเรื่องการสื่อสารกับลูกค้าเลยจริง ๆ แต่หลังจากที่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดกับตัวเองแล้ว ผมก็ตัดสินใจรับตำแหน่ง Ink Master ในที่สุด”

ปัจจุบันทาคาฮาชิซังยังคงทำงานในตำแหน่ง Deputy Manager ในฝ่าย Product Development ไปพร้อมกับการเป็น Ink Master ผู้รังสรรค์หมึกสีใหม่ ๆ ตามความต้องการของลูกค้า ถึงแม้จะฟังดูเหมือนงาน 2 ตำแหน่งที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่เจ้าตัวก็ยืนยันถึงความเชื่อมโยงระหว่างหมวกทั้ง 2 ใบของตัวเอง

“แน่นอนว่าหน้าที่หลักในฝ่าย R&D ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับการเบลนด์หมึกเยอะมาก ตั้งแต่ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบสีจนถึงเรื่องของคุณภาพของหมึก แต่ในขณะเดียวกัน การได้จัด Ink Blending Workshop ทำให้ผมมีโอกาสได้รับฟังเสียงจากลูกค้าโดยตรง”

ในระหว่าง 27 ปีที่สั่งสมประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้านั้น อาจเปรียบได้กับรากฐานอันแข็งแรงของทาคาฮาชิซัง เขาย้ำให้เราฟังว่าการผสมหรือสร้างสรรค์หมึกชนิดใหม่ ๆ ไม่มีสูตรตายตัว หลายครั้งผลลัพธ์ที่ได้อาจอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปไกลมาก ๆ ตัวน้ำหมึกเองก็มีการเก็บรักษาภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด ภายใต้เงื่อนไขเรื่องแสงหรืออุณหภูมิ เพื่อให้น้ำหมึกคงคุณภาพไว้ได้นานที่สุด 

เมื่อมีโอกาสจัดเวิร์กช็อปให้บริการลูกค้าแบบตัวต่อตัว ทาคาฮาชิซังยอมรับว่าบางครั้งเขาเองก็สร้างสรรค์สีหมึกที่ลูกค้าต้องการไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาจึงต้องนำโจทย์เหล่านั้นกลับมาที่แผนก R&D เพื่อศึกษาและหาทางพัฒนาสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ได้ในที่สุด

“ต้องบอกว่าหน้าที่ในทั้ง 2 ส่วนต่างมีประโยชน์และสร้างผลกระทบเชิงบวกซึ่งกันและกัน ทำให้ผมได้เรียนรู้จากทั้ง 2 ทางเลยครับ” เขาสรุป

แต่หน้าที่ของทาคาฮาชิซังยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะปัจจุบันนอกจากผสมสีหมึกเองแล้ว เขายังมีหน้าที่ปลุกปั้น Ink Master รุ่นใหม่ที่จะกลายมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งในอนาคตอีกต่างหาก

“การเทรนรุ่นน้องในทีมให้พร้อมสำหรับการรับช่วงต่อก็เป็นอีกสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับผมครับ ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงรุ่นใหม่ที่อายุยังไม่มาก แน่นอนว่าสไตล์และคาแรกเตอร์ของเธอก็แตกต่างจากผม แม้กระทั่งหมึกสีเดียวกัน ผมก็มองว่าสำหรับคนที่จะขึ้นมาเป็น Ink Master รุ่นต่อไปจำเป็นต้องมีสไตล์ของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ผมพยายามระลึกอยู่เสมอว่าผมต้องไม่บังคับให้เธอทำตามสไตล์หรือรูปแบบที่ผมทำ” และในขณะเดียวกัน ทาคาฮาชิซังเองก็ได้เรียนรู้แนวคิด ไอเดีย รวมถึงความรู้ใหม่ ๆ จากเธอไปพร้อมกันด้วย

เรื่องราวในขวดหมึก

ตำแหน่งประจำของ Ink Master อย่างทาคาฮาชิซังคือโต๊ะ-เก้าอี้ขนาดกะทัดรัด ด้านหน้ามีชั้นวางขวดหมึกหลากสี พร้อมชาร์ตแสดงสีตัวอย่างให้ลูกค้า เมื่อพวกเขาเดินเข้ามา บ้างตัดสินใจเลือกสีกันแบบสด ๆ จากชาร์ต บ้างมีสีในใจ บ้างเตรียมภาพมาให้เขาใช้อ้างอิง ในขณะที่บางคนอาจมีเพียงโจทย์กว้าง ๆ ทิ้งช่องว่างให้มาสเตอร์อย่างทาคาฮาชิซังต้องใช้มันสมองในการตีความจนได้ออกมาเป็นสีหมึกในขวด

“มีหลายครั้งที่ลูกค้าเดินเข้ามาหาผมพร้อมกันคอนเซปต์ที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม ต้องการการตีความและสร้างสรรค์ต่อจากโจทย์ที่ให้มา ซึ่งผมพบว่ามันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ในการสร้างสรรค์สีหมึกที่เรียกร้องไอเดียและความคิดสร้างสรรค์สูง เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยังรู้สึกท้าทายอยู่เสมอ”

ปัจจุบันชายผู้นี้เบลนด์หมึกให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 2,000 ขวด แน่นอนว่าทุกขวดต่างก็บรรจุไว้ซึ่งเรื่องราว ความทรงจำ หรือความประทับใจมากมาย และเมื่อถามถึงขวดที่ทาคาฮาชิซังประทับใจหรือจดจำได้เป็นพิเศษ เขาใช้เวลาในการนิ่งคิดครู่ใหญ่ก่อนจะตอบคำถามนั้นด้วยความระมัดระวัง

“แน่นอนว่าทุกคนล้วนมีเรื่องราวที่เฉพาะตัวและน่าประทับใจแตกต่างกัน จึงยากมากที่ผมจะเลือกแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่างเรื่องราวที่ผมนึกออกก็คือ เคยมีคู่รักคู่หนึ่งเดินเข้ามาหาผมและบอกว่าอยากให้ผมช่วยสร้างสรรค์สีใหม่เพื่อเป็นของขวัญสำหรับวันแต่งงานของพวกเขา 

“ในช่วงใกล้วันพ่อ เคยมีลูก ๆ ที่เดินเข้ามาหาผมให้ผสมหมึกเป็นตัวแทนของเรื่องราวบางอย่างเพื่อนำไปมอบเป็นของขวัญวันพ่อ หรือแม้แต่การผสมหมึกตามสีของขนสุนัขหรือสีตาน้องแมวที่กลับดาวไปแล้วเพื่อเป็นที่ระลึกและให้เจ้าของจดจำน้อง ๆ ได้ในอีกทางหนึ่ง” เขายกตัวอย่าง

ทุกครั้งที่ทาคาฮาชิซังผสมหมึกเสร็จ เขาจะบรรจงเขียนชื่อหมึกแต่ละขวดลงบนการ์ดใบเล็ก ๆ เพื่อมอบให้ลูกค้า พร้อมกับจดรายละเอียดของสัดส่วนสีหมึกในขวดนั้น ๆ ลงในสมุดบันทึกส่วนตัวอย่างละเอียด

เหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น เพราะในอนาคตหากลูกค้าต้องการหมึกสีเดิม ก็ยังทำได้โดยการสั่งซื้อหมึกแบบ Repeat Order ในเว็บไซต์ (ปัจจุบันยังรองรับเฉพาะเว็บไซต์ญี่ปุ่น) เพียงกรอกชื่อและรหัสหมึกที่ตัวเองเคยสั่งทำไว้ จากนั้นจึงส่งการ์ดชื่อหมึกที่เคยได้รับไปยังบริษัท Sailor เพื่อให้มั่นใจว่า Ink Master จะเนรมิตหมึกขวดใหม่ที่มีสีใกล้เคียงเดิมได้มากที่สุดนั่นเอง

สีหมึกที่เปลี่ยนไป

ใครที่เคยมีโอกาสเข้าร่วม Ink Blending Workshop กับทาคาฮาชิซังจะรู้ดีว่า นอกจากหมึกที่เขาผสมให้ลูกค้าได้อย่างใจนึกแล้ว Ink Master คนนี้ยังมีคอลเลกชันหมึกออริจินัลประจำตัวที่เราจับจองเป็นเจ้าของได้แค่ในเวิร์กช็อปของเขาเท่านั้น แถมสีในคอลเลกชันยังหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุก 5 ปี

เมื่อถามถึงคอนเซปต์ของ Original Ink Colors ในปี 2025 นี้ ทาคาฮาชิซังไม่รีรอที่จะหยิบสมุดโน้ตเล่มหนาข้างกายออกมาเปิดให้เราดู พร้อมแนะนำว่ามันคือ Ink Swatch Book ที่เขาใช้ทดลองสวอตช์หมึกสีต่าง ๆ ลงบนกระดาษต่างชนิดแล้วนำมาติดเรียงกัน

“แรงบันดาลใจของสีออริจินัลทั้งหมดนี้มาจากเวลาที่คุณเขียนด้วยปากกาหมึกซึม หลังจากหมึกแห้ง คุณจะพบว่าสีจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมจึงใช้เอกลักษณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงของสีหมึก ซึ่งเราเรียกกันว่า Yōshoku-ink (揺色インク) หรือที่ในหมู่ผู้ใช้งานนิยมเรียกว่า Yūshoku-ink (遊色インク) นำมาเป็นคอนเซปต์ตั้งต้น ทั้ง 4 สีที่เห็นนี้คือสีที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างง่ายและชัด” จากปัญหาที่ทีม R&D เคยต้องตามแก้ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านระยะเวลา อุณหภูมิ หรือเนื้อกระดาษที่ล้วนมีผลต่อความคงที่ของสีหมึก ทาคาฮาชิซังหยิบเอาความไม่แน่นอนนั้นมาใช้เป็นจุดขายในคอลเลกชันใหม่ได้อย่างชาญฉลาด

Screenshot

“อย่างสีแรกตัวนี้ชื่อว่า Tencho (転調) หรือ Changing Key ซึ่งแรงบันดาลใจก็คือ ส่วนตัวผมเคยเล่นอิเล็กโทนมาก่อน เมื่อนึกย้อนกลับไปผมมองว่าการเปลี่ยนโทนของเสียงดนตรีกับการเปลี่ยนโทนสีนั้นใกล้เคียงกัน จึงออกมาเป็นสีนี้ครับ” เขาอธิบายถึงหมึกโทนสีน้ำเงินเข้มที่อาจเปลี่ยนเป็นน้ำเงินหม่นอมเทาหรือเกือบจะเป็นกรมท่าเมื่อไปอยู่บนกระดาษต่างชนิด

นานวันเข้า ไม่เพียงแต่สีหมึกเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง แต่พฤติกรรมผู้ใช้ปากกาหมึกซึมก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนตาม ท่ามกลางยุคสมัยของการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เราอดสงสัยไม่ได้ว่าในมุมมองของคนที่ทำงานใกล้ชิดกับเครื่องเขียนอย่างทาคาฮาชิซัง เขามีมุมมองอย่างไรต่อปรากฏการณ์ดังกล่าว

“ต้องยอมรับว่าความต้องการในภาพรวมของปากกาหมึกซึมทุกวันนี้ค่อย ๆ ลดลง แต่อย่างที่บอกว่าเมื่อสัก 20 ปีก่อน เทรนด์ของปากกาหมึกซึมเริ่มกลับมา ซึ่งเราพบว่ามันเป็นการเพิ่มขึ้นทั่วโลกเลยครับ และถ้าจะพูดถึงเอกลักษณ์ของปากกาหมึกซึมที่ปากกาชนิดอื่น ๆ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เทียบไม่ได้คงเป็นเสน่ห์ของสีหมึกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่กล่าวไปแล้ว รวมถึงลายมือของผู้เขียนที่ย่อมแตกต่างจากการพิมพ์หรือการใช้ปากกาชนิดอื่น ๆ

“ผมมองว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ปากกาหมึกซึมมีคุณค่าในความรู้สึกของหลาย ๆ คน ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปากกาหมึกซึมกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเองเชื่อว่าปากกาหมึกซึมยังคงอยู่รอดมาจนทุกวันนี้ และจะอยู่ต่อไปในอนาคตครับ”

สำหรับคนที่อุทิศชีวิตการทำงานกว่าครึ่งให้บริษัทเครื่องเขียนที่เขาผูกพัน การวิจัยและพัฒนาสินค้าหรือการผสมหมึกนั้นคงไม่ใช่แค่อาชีพ ทักษะ หรือความเชี่ยวชาญ หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ส่งผลต่อตัวตนของเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“อย่างที่บอกไปแล้วว่าพื้นฐานของผมไม่ใช่คนที่สื่อสารหรือเข้าสังคมเก่งเท่าไหร่ แต่การที่ผมมีโอกาสได้สื่อสารกับลูกค้าจำนวนมาก ทำให้ทักษะการสื่อสารและการเข้าสังคมของผมเริ่มดีขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีผลอย่างมากต่อบุคลิกโดยตรงของผม การที่ผมได้มีโอกาสรับฟังเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตของผู้คนมากมายก็ส่งผลให้ผมอยากใช้ชีวิตให้ดี มีชีวิตที่ดีแบบพวกเขาในทุก ๆ วันเช่นกัน” เขาทิ้งท้าย

ทาคาฮาชิซังได้ผสมหมึกสีพิเศษ ‘Bangkok Ink’ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก ‘ยักษ์’ ผู้พิทักษ์ความดีงามและปกป้องรักษาสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนไทย จนออกมาเป็นหมึกคอลเลกชัน ‘Yaksa’ มีจำหน่ายเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น สั่งซื้อได้ที่ Good to Great Corporation


ติดตาม Sailor Thailand ได้ที่ Facebook และ Instagram @SailorpenTh หรือ LINE @G2GThailand

Writer

Avatar

สาริศา เลิศวัฒนากิจกุล

ฟรีแลนซ์ทั่วราชอาณาจักร เป็นนักเขียนที่ทำกราฟิกได้นิดหน่อย มีสิ่งชุบชูใจคือสารพัดของกุ๊กกิ๊ก

Photographer

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพ และ baker ฝึกหัด