วันหนึ่งฉันบอกนักเรียนโยคะของฉันว่า จะไปเกาะพะงัน 2 อาทิตย์ แล้วจะกลับมาสอนต่อ แต่ฉันอยู่ยาวปีครึ่งไปได้ยังไง ตั้งใจจะกลับก็มีเหตุให้ไม่ได้กลับ
เกาะอยากให้ฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหม ?
มันมีอะไรที่เกาะนี้กันนะ ?
นี่ก็เข้าปีที่ 4 แล้ว ที่ฉันไป ๆ กลับ ๆ กรุงเทพฯ-เกาะพะงัน จนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ต้องคิดถึงสุดหัวใจทุกครั้งที่จากมา และแต่ละครั้ง แผนการที่ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่ 2 – 3 อาทิตย์ก็ยืดเยื้อยาวนานเป็นเดือน จนกระทั่งเป็นปี เกาะพะงันมีมนตราอะไรกัน จึงดึงดูดให้คนทั่วทั้งโลกได้มาสัมผัส บางคนก็อยู่ได้ยาว บางคนก็อยู่ไม่ได้ บนเกาะมันมีกี่แง่ กี่มุม กี่มิติ มีอะไรให้ค้นหาบ้างนะ
ว่ากันว่าเกาะพะงันสร้างขึ้นจากโรสควอตซ์ บ้างก็ว่าพระศิวะสร้างเกาะแห่งนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ อาจจะด้วยพลังของควอตซ์ที่สะสมมวลพลังงานอันยิ่งใหญ่ไว้อย่างยาวนาน มันจึงส่งคลื่นความสั่นสะเทือน และเชื้อเชิญให้ผู้คนที่มีคลื่นความถี่เดียวกัน เดินทางมาค้นหาจิตวิญญาณอันล้ำลึก มาเรียนรู้ มาเยียวยา มาบำบัด มาหาปมในอดีต หรือจะแค่มาปาร์ตี้ก็เป็นได้
ตั้งแต่ยุค 80 เกาะแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่าคนคลั่ง Rave Party ชื่อเสียงของมันโด่งดังจนฉันไม่เคยคิดอยากจะมา จนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพื่อนหนุ่มนักเปียโนได้ชักชวนไปงานอีเวนต์ที่ชื่อว่า True Nature Festival ที่ฝั่งตะวันออกของเกาะ นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักเกาะพะงันและมิติทางด้านจิตวิญญาณ และกลุ่ม Conscious Community ของที่นี่ ซึ่งทุกคนต่างยกย่องให้เกาะพะงันเป็นคุณครูหรือห้องเรียนห้องใหญ่ ทำให้ได้เชื่อมต่อกับตัวเองผ่านเส้นทางที่ถึงแม้จะเป็นของใครของมัน แต่ก็เสมือนมีเพื่อนร่วมทางที่เข้าใจและคอยสนับสนุนกันและกัน
Spiritual Town
แน่นอนว่าฝั่งใต้ของเกาะแถวหาดริ้น เป็นที่รวมตัวของคนรัก Full Moon Party ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ฝั่งตะวันตกของเกาะ โซนศรีธนู ก็เป็นศูนย์กลางของชุมชนคนที่เคารพและสัมพันธ์กับ Full Moon เช่นกัน แต่ในมิติจิตวิญญาณ (Spirituality) ที่นี่มีกิจกรรมเวิร์กชอปและอีเวนต์มากมาย ที่เชื้อเชิญให้คนกลับเข้ามาในโลกภายในของตนเอง ให้ได้ดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ มีทั้งที่ทำงานกับนักบำบัด (Healers) ทำงานกับพืช (Plants) ไปจนถึงทำงานกับตัวเองไม่ต้องพึ่งใคร หรือสายธรรมชาติ เดินป่า น้ำตก ไปชายหาด ดำน้ำ แค่ได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติมากเท่าไร ก็เชื่อมต่อกับภายในตัวเองได้มากเท่านั้น ทุกคนก็มีแนวทางและวิธีทางของตัวเอง ที่จะค่อย ๆ เผยออกมาเองเมื่อเราใช้เวลาอยู่บนเกาะ บางคนเลือกจะอยู่คนเดียว บางคนเลือกจะไปอีเวนต์พบเจอผู้คน มันคือเสน่ห์ของที่นี่ ว่าคุณจะถูกดึงดูดไปที่ใด แค่ Going with the flow. เพราะ No plan is a best plan. ค่ะ
Retreat Center ที่นี่ก็มีไม่น้อยค่ะ มาแล้วก็เหมือนครบจบในที่เดียว
Orion Healing Center (detox & yoga) Koh Phangan


ที่นี่มีทั้งโยคะ เรกิ ดีท็อกซ์โปรแกรม ซาวน่า มี Spiritual Practices มากมาย ไปจนถึงการบำบัดด้วยเสียง (Shamanic Sound Healing) แถมยังมีร้านอาหารวีแกน เสิร์ฟอาหารอร่อย ๆ ที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย ตัวสถานที่ตั้งอยู่ริมทะเล วิวสวย บรรยากาศดี และพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยมาก
Website : www.orionhealing.com
โทรศัพท์ : 08 3602 9176
Namreka Sanctuary Wellness Resort


ที่นี่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ติดทะเลเช่นกัน บริเวณหาดโฉลกหลำ โซนนี้เงียบสงบ ธรรมชาติสวยงาม มาเดินเขาได้ ดำน้ำดูปะการังก็สวย หรือจะไปแช่น้ำตกก็สุดยอด และที่สำคัญ เวลาคิดถึงครอบครัว ที่นี่ให้ความรู้สึกว่าอยู่ประเทศไทยมาก ๆ ทั้งชุมชนคนไทย ขนมกินเล่นไทย ๆ ที่ตั้งขายอยู่ริมถนน
Namreka เป็นเซนเตอร์ที่ค่อนข้างเอ็กซ์คลูซีฟให้บริการทรีทเมนต์แบบเป็นส่วนตัวมาก ๆ มีที่พักอยู่แค่ 6 ห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีศาลาสำหรับไพรเวตโยคะ สปารูมและห้องซาวน่าที่ฉันว่าดีที่สุดบนเกาะ เพราะสะอาดมากแถมยังมีคริสตัลและหินเกลือหิมาลัยสีชมพูอยู่ภายในห้องเป็นจำนวนมาก รู้สึกได้ถึงพลังงานที่ดีภายในสถานที่นี่จริง ๆ ส่วนทรีทเมนต์ของที่นี่เน้นด้านพลังงาน (Energy Work) ทั้ง Aura Cleansing, Chakras Balancing, Crystal Therapy และอื่น ๆ อีกมากมายที่อยากให้มาลอง
Facebook : Namreka Sanctuary Wellness Resort
Instagram : namrekasanctuary
โทรศัพท์ : 09 3574 2693
Wonderland Healing Center


เป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่แนะนำคงไม่ได้ เพราะเป็นเซนเตอร์ขนาดใหญ่ มีห้องพักกว่า 50 ห้อง โปรแกรมการฝึกฝน ทั้งโยคะ สมาธิ ทั้งวัน ที่ถ้าเข้าพักแขกสามารถร่วมได้ทุกโปรแกรม และราคาเข้าพักก็รวมอาหารวีแกนบุฟเฟต์ที่อร่อยทั้งวัน ที่นี่มีสระว่ายน้ำ ศาลาสำหรับฝึก และซาวน่าด้วย
Website : www.wonderlandhc.com
Facebook : Wonderland Healing Center
โทรศัพท์ : 0 7737 7377
แต่ถ้ามาที่นี่แล้วไม่ได้แวะเวียนมา Retreat Center แต่อยากเข้าร่วมอีเวนต์และเวิร์กชอปต่าง ๆ ก็เข้าเพจ Koh Phangan Conscious Community หรือแค่เดินไปนั่งร้านอาหารหรือร้านกาแฟ ก็จะเห็นใบปลิวติดตรงบอร์ดประชาสัมพันธ์มากมายเต็มไปหมด หรือสุดท้ายแล้ว ถ้ามีมนุษยสัมพันธ์ดี ได้เพื่อนใหม่ ๆ ก็จะเป็นการบอกปากต่อปากว่า มีอะไร ที่ไหน เมื่อไร ก็ถือว่าสนุกไปอีกแบบ
กิจกรรมที่นี่ถ้าโดดเด่นสุด ๆ ก็คงหนีไม่พ้นโยคะหลายรูปแบบ หลายโรงเรียน การสอนสมาธิ การฝึกหายใจ การเดินเจริญสติซึ่งต่างกับการเดินจงกรมที่อยากแนะนำให้มาลอง เหล่านี้คุณต้องใช้ตัวเอง ต้องฝึกฝน ต้องพึ่งตัวเอง หรือวัดไทยที่นี่ก็มาเข้าวิปัสสนาได้เช่นกัน มาใช้เวลาอยู่กับตัวเอง หรือถ้าอยากมารับการบำบัด ไม่ว่าจะด้วยน้ำ การนวด ไพ่ คลื่นเสียง พลังงานจักรวาล อาหารสุขภาพ Movement และอื่น ๆ อีกมากมาย มีให้เลือกเต็มไปหมด
Food for Your Soul
ด้วยความที่เกาะนี้มีคนหลากหลายเชื้อชาติมาอยู่อาศัย จึงเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจที่จะได้ลองอาหารหลาย ๆ ชาติ ทั้งอาหารอิตาเลียน รัสเซีย อิสราเอล เปอร์เซียน ฝรั่งเศส พม่า เนปาล และอีกมากมายรวมไปถึงอาหารใต้ของไทยสุดแซ่บ มีให้เลือกหลากหลายสำหรับทั้งคนกินเนื้อและกินพืช และที่นี่ถือเป็นสรวงสวรรค์ของคนกินพืชอย่างจริงแท้แน่นอน เพราะมีร้านอาหารวีแกนและอาหารสุขภาพละลานตา เมนูแปลกใหม่น่าลองที่มีไอเดียสร้างสรรค์ไม่ซ้ำกัน
The Yoga House Cafe



ภาพ : The Yoga House Cafe
อาหารของที่นี่เป็นแบบโฮมเมด มีทั้งวีแกนและมังสวิรัติ เจ้าของร้านเป็นชาวอิสราเอล แต่ตัวอาหารผสมผสานหลากหลายเชื้อชาติ แนะนำให้สั่งอาหารแบบชุดที่มีให้เลือกหลายชุด ส่วนขนมที่นี่ก็อร่อยมาก เช่น Vegan Apple Crumble ที่ดีต่อสุขภาพ และรู้สึกถึงพลังบวกของเจ้าของและคนทำอาหาร
บรรยากาศร้านและการตกแต่งก็อบอุ่นสบาย เป็นบ้านไม้แบบไทยที่มีชั้นสองเป็นห้องโยคะ มีคลาสสอนโยคะทุกวันจันทร์-ศุกร์ มีสระว่ายน้ำด้านนอกที่ลูกค้าทั่วไปมาใช้ได้
Facebook : The Yoga House Cafe
โทรศัพท์ : 09 5536 5002
Website : www.yogahousephangan.com
Sati pot


อาหารเปอร์เซียนแบบโฮมเมดที่เน้นเครื่องเทศสุดซับซ้อน ร้านตกแต่งได้น่ารักน่านั่ง อาหารมีทั้งเนื้อสัตว์ทั้งแกะ ไก่ ซีฟู้ด และแบบปลอดเนื้อสัตว์ เสิร์ฟมาในจานใหญ่ตกแต่งสวยงาม ถ้าใครชอบกินแกะ แนะนำให้สั่ง Lamb Nesar เนื้อแกะที่ค่อย ๆ ปรุงเสิร์ฟกับซอสส้มผสมอบเชยทานกับข้าวที่ใส่ถั่วพิสตาชิโอ หรือถ้าใครชอบกินผักต้องลอง Rainbow Dish สีสันคัลเลอร์ฟูลจากผักหลากหลายที่ปรุงรสมาอย่างซับซ้อน
ร้านนี้เปิดเฉพาะตอนเย็น แนะนำให้จองมาก่อน
Facebook : Sati pot
โทรศัพท์ : 09 2404 4613
Barrique Italian Restaurant


ร้านอาหารอิตาเลียนที่โดดเด่นด้วย Sourdough Pizza Crust มีหน้าให้เลือกมากมาย ฉันติดใจที่ครัสต์กรอบ ๆ ส่วนพาสต้าก็อร่อย และมีเมนูพิเศษในแต่ละอาทิตย์มาหลอกล่ออยู่บ่อย ๆ ส่วนเชฟผู้ทำอาหารก็ส่งตรงมาจากอิตาลี ทั้งทำอาหารและตกแต่งร้านด้วยตัวเอง ร้านนี้มีตัวเลือกให้ทั้งมังสวิรัติและวีแกน และเปิดเฉพาะตอนเย็นเช่นกัน
Facebook : Barrique
โทรศัพท์ : 06 2534 8600 , 09 9180 1462
Eat.co



ร้านนี้สำหรับชาววีแกนโดยเฉพาะ มีเมนูสุดอร่อยและสร้างสรรค์ให้เลือกหลากหลายจริง ๆ ทั้งแซนด์วิช ซูเบอร์เกอร์ ไรซ์โบวล์ที่ใช้ขนุนแทนทูน่า และแครอทแทนสโมคแซลมอน เค้กและขนมหวานที่นี่น่าตื่นตาตื่นใจและรสชาติดีตามหน้าตา
WhatsApp : +66901882113
Facebook : eat.co
Instagram : eat.co_kohpangan
จุดประสงค์ในการเลือกเข้าร้านอาหารของแต่ละคนที่นี่แตกต่างกัน บางคนอยากเสพรสชาติอาหารและสัมผัสธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน บางคนเลือกอาหารสุขภาพปลอดเนื้อสัตว์เท่านั้น เพื่อเสริมพลังและให้เข้ากับวิถีที่ฝึกฝน บางคนอยากลองรสชาติใหม่ ๆ บรรยากาศที่แตกต่าง สร้างสัมพันธ์กับผู้คนและเพื่อนใหม่ที่พบเจอ สำหรับฉันแล้ว ฉันเลือกร้านที่ปรุงอาหารด้วยรักจากหัวใจ ปรุงด้วยวิถีธรรมชาติที่สุด หรือบางช่วงร่างกายไม่อยากอาหาร ต้องการแต่ผลไม้และน้ำ ที่นี่ก็มีร้านผลไม้ตามข้างทางให้เลือกเต็มไปหมด ทั้งปั่น ทั้งสกัดแยกกาก แต่สุดท้ายแล้วการทำอาหารกินเองที่บ้านคือคำตอบที่ดีที่สุด ตลาดสดที่ท้องศาลาตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของเกาะ จึงเป็นแหล่งจับจ่ายของสดของคนทุกเชื้อชาตินั่นเอง
Where to Stay
ที่พักที่นี่มีตั้งแต่โฮสเทลไปถึงโรงแรม 5 ดาวไปจนถึงบ้านเช่ารายวัน รายอาทิตย์ รายเดือน ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหมื่น ในโซนของโรงแรมหรูส่วนใหญ่อยู่ที่หาดท้องนายปาน มีทั้งโรงแรมอนันตรา ปานวิมานรีสอร์ท สันทิยารีสอร์ทแอนด์สปา หาดท้องนายปาน มีทั้งหาดท้องนายปานน้อยและหาดท้องนายปานใหญ่ อาจจะอยู่ไกลจากโซนอื่น ๆ ของเกาะสักหน่อยแต่ธรรมชาติสวยงาม และคนบนเกาะว่ากันว่าทรายที่หาดท้องนายปานใหญ่นั้นละเอียดและนุ่มเท้าที่สุดบนเกาะ ฉันชอบไปที่นั่นในวันพระจันทร์เต็มดวงเพื่อไปดูพระจันทร์ขึ้นบนเขา เป็นช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์ ส่วนที่พักที่อยากแนะนำคือ
Baan Manali resort



ถ้าใครอยากพักใกล้ท้องศาลา โซนที่ถือเป็นเหมือนศูนย์กลางความเจริญของเกาะ ที่นี่เป็นรีสอร์ตติดหาด อบอุ่นน่ารักเหมือนอยู่บ้าน บ้านแต่ละหลังมีชานระเบียงใหญ่ไว้ให้นอนกลิ้งเล่น เจ้าของน่ารักเป็นกันเอง มีสระว่ายน้ำ มีร้านอาหาร ที่หลายคนบนเกาะชอบมากินอาหารเช้ากัน
Website : www.baan-manali.com/
โทรศัพท์ : 0 7737 7917
Facebook : Baan Manali resort
Instagram : Baan Manali
Mångata Boutique Bungalow


ตั้งอยู่บนหาดหนึ่งที่ฮิตมาก ๆ เพราะพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยตรึงตาตรึงใจ ยิ่งช่วงน้ำลง เดินลงหาดได้ในระยะไกล คือหาดหินกองที่อยู่ไม่ไกลศรีธนู เป็นบูทีกบีชบังกะโลที่ออกแบบสวยงามด้วยวัสดุธรรมชาติ ในโครงการมีวิลล่าเพียงไม่กี่หลัง ทำให้แขกรู้สึกเป็นส่วนตัว แถมยังอยู่ใกล้คาเฟ่และร้านอาหารอร่อยหลายร้านในระยะที่เดินถึงกันได้
โทรศัพท์ : 06 558 98603
Website : www.mangataphangan.com
facebook : Mangata Koh Phangan
Instagram : mangataphangan
Silan Residence


อยู่ทางเหนือของเกาะที่หาดโฉลกหลำ หลายคนชอบไปพักกันที่นี่ เพราะมีความสงบและส่วนตัว ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากกว่าอยู่โรงแรม แต่ถือเป็นบีชวิลล่าที่ตกแต่งสวยงาม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบพร้อมในแต่ละยูนิต
โทรศัพท์ : 08 1298 9913
Website : www.silanresidence.com
Facebook : Silan Residence, Koh Phangan
ถ้าใครตั้งใจจะมาอยู่นานเกินหนึ่งเดือนขึ้นไป แนะนำว่าขับรถตระเวนหาบ้านที่ถูกใจก็สนุกดีไม่น้อย ราคาต่อเดือนก็มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น แล้วแต่โลเคชันและดีไซน์ของบ้าน เลือกได้ว่าอยากอยู่ในเมือง ติดทะเล ในป่าบนภูเขาก็มีให้เลือกมากกว่าที่คิด
Nature is Pure Magic
มากันที่ไฮไลต์ของเกาะ ว่ากันว่าเมื่อใดก็ตามที่เราเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้ เราก็จะเชื่อมต่อกับตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น ธรรมชาติที่นี่สวยงาม และหลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ธรรมชาติต่าง ๆ ในเกาะนี้มีความรู้สึก มีจิตวิญญาณที่สัมผัสได้ ฉันไม่รู้ว่าจริงไหม แต่คิดว่านี่เป็นคำตอบของการอยู่เกาะอันยืดเยื้อยาวนานของฉันกลับกรุงไม่ได้เสียที เพราะทุกวันฉันต้องไปน้ำตก ไปนั่งบนโขดหิน ลอยคอในน้ำตก เป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้จริง ๆ
น้ำตกที่น่าไปต้องขอไล่เรียงจากที่ไปบ่อย คือน้ำตกเขาหรา น้ำตกพาราไดซ์ น้ำตกแพง น้ำตกวังไทร น้ำตกธารเสด็จ และอีกหลายน้ำตกลับที่ไม่มีชื่อเรียก ต้องเดินป่าไปเจอเท่านั้นแต่ก็สวยและเป็นส่วนตัวมาก

ส่วนตอนเย็นฉันมักไปว่ายน้ำในทะเลในช่วงฤดูร้อน แต่ถ้าฤดูหนาวฉันจะเปลี่ยนเป็นเดินบนชายหาดแทน หาดในดวงใจของฉันที่เหมาะกับการว่าย การเดิน ไปจนถึงบางครั้งฉันมาทำวารีบำบัดให้ลูกค้า นั่นก็คือหาดแฮปปี้ หรือที่เรียกกันว่า Happy Beach หาดกะทัดรัดที่ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ไม่มีประการังหรือหอยเม่นมาตำเท้าให้รำคาญใจ
หาดนี้อยู่ตรงศูนย์กลางของศรีธนู จากหาดนี้เดินต่อไปอีกนิดจะถึง Zen Beach หาดโด่งดังซึ่งเป็นที่รวมตัวกันตอนเย็นของเหล่าผู้กล้าที่ตามหาตัวตนและจิตวิญญาณ เราจะเห็นได้ว่ามีกิจกรรมหลากหลายเกิดขึ้นที่นี่ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน ทั้ง Drum Circle, Acro Yoga, ฮูลาฮูป นั่งจิบเบียร์ หรือแค่ทอดตัวลงบนหาดทราย สายตาจับอยู่ที่สีทองของท้องฟ้า ร่ำลาดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับ
หาดนี้ถือเป็นหาดที่ฮิตที่สุดช่วงก่อนโควิดที่คนมาทำกิจกรรม ร้องรำทำเพลง เล่นดนตรี แต่หลังจากช่วงโควิดระบาด จุดนัดพบใหม่ที่คนจาก Zen Beach ไปรวมตัวกันมากขึ้นคือ Pirate Bay ซึ่งอยู่แถวหาดเจ้าเภา ไม่ไกลจากจุดเดิมมากนัก ที่หาดนี้สามารถดำน้ำตื้นดูประการังได้ด้วย
อีกหาดที่อยากพูดถึงคือ หาดแม่หาด จุดนี้พระอาทิตย์ตกก็สวยมาก แถมเป็นทะเลแหวก ช่วงน้ำทะเลใส ๆ ว่ายน้ำดูประการังสวย ๆ ได้เพลิน ๆ ประการังสวยมาก แต่อาจไม่เหมาะสำหรับเดินบนหาดสักเท่าไหร่ เพราะพื้นทรายลาดเอียงอาจจะเดินลำบาก แต่ถ้าจะนั่งดูพระอาทิตย์ตก ขอแนะนำที่นี่เลย

ทุกหาดบนเกาะมีเสน่ห์ของมันแบบไม่ซ้ำใคร ถ้ามีเวลาขอให้ไปทุกหาด บางหาดเห็นพระอาทิตย์ลาลับ บางหาดเห็นพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาทักทาย และบางหาดเห็นพระจันทร์ขึ้น เรื่องราวและความพิเศษของแต่ละที่ไม่ซ้ำกัน แต่ละวันก็ไม่เหมือนกันด้วย สิ่งที่มองเห็นด้วยตา หัวใจและประสาทสัมผัสต่าง ๆ ณ ชั่วขณะนั้น คือของจริงที่สุด
จากหาดก็มาถึงเส้นทางเดินป่า ที่พะงันมีเส้นทางเดินป่าหลายเส้นแบบที่เป็นที่รู้จักแล้ว หรือบางเส้นทางก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก ยังมีอีกมากให้ไปสำรวจ แต่ถ้าไม่ชอบเดินคนเดียวที่นี่ก็มีทั้งกลุ่มเดินป่า มอเตอร์ไซค์วิบาก ให้ได้ไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เส้นทางเดินป่าที่เดินง่ายและคนเดินกันบ่อย ก็คือเส้นทางจากหาดขอมไป Bottle Beach กับเส้นทางจากหาดริ้นไปฝั่งตะวันออกของเกาะ และเส้นทางเดินสู่ยอดเขาหรา


พออยู่ที่นี่นานก็จะเจอเพื่อนฝรั่งที่เป็นสายผจญภัยบ่อย จะค่อย ๆ รู้จักเส้นทางใหม่ที่เดินยากขึ้นมาหน่อย ทำให้เป็นสีสันกับชีวิตขึ้นมาได้เยอะ
แต่สิ่งที่ฉันคิดถึงมากที่สุดก็คือถ้ำ ที่นี่ไม่มีถ้ำใหญ่ให้ได้เดินสำรวจ แต่จะมีถ้ำเล็ก ๆ คล้ายห้องที่มีคนไปอาศัยอยู่ แต่ฉันเชื่อว่าถึงไม่เคยเห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี ถ้าสำรวจไปเรื่อย ๆ สักวันอาจจะเจอก็ได้
นี่คือเกาะพะงัน แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ใช่ทั้งหมด วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ฉันเพิ่งเจอ Digital Nomad สองสามคนที่เดินทางไปอยู่อาศัยมาแล้วหลายประเทศทั่วโลก
พวกเขาถกกันว่า ถ้าให้เลือกแค่เพียงหนึ่งที่เพื่อจะตั้งรกรากอย่างถาวร พวกเขาจะเลือกที่ไหนดี คำตอบเหลือเพียง คอสตาริกา กับ เกาะพะงัน
หลังจากที่พวกเขากลับไปคิดกันมาหนึ่งคืน
สุดท้ายคำตอบคือเกาะพะงัน
ไม่ใช่ประเทศไทย แต่พวกเขาเลือกเกาะพะงัน