น่ากิน (ว.) ชวนให้กิน ทำให้อยากจะกิน

ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นท่าทีแสนมั่นใจระหว่างการนำเสนอเมนู ‘หอยนางรมนุ่มกรอบ พร้อมซอสฮอลแลนเดซหอยนางรมและเห็ดเป๋าฮื้อ’ ของเชฟกันน์ ในรายการ Top Chef Thailand ตอนล่าสุด ก็คงร้องคำว่า “น่ากิน” ออกมาพร้อมกัน

เหตุผลที่ The Cloud นัดหมายเชฟกันน์ หรือ กันน์-สรวิศ แสงวณิช ไม่ใช่เพราะเขาเป็นเชฟหนุ่ม-อายุน้อย-หน้าตาดี-เกาหลีถูกใจ หรือเพราะคุ้นหน้าค่าตาจากรายการ The Face Men Thailand รายการเรียลิตี้ค้นหาสุดยอดนายแบบเมื่อปีก่อน

แต่เป็นเพราะสนใจเส้นทางและพรสวรรค์ของเชฟหนุ่มคนนี้

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

ก่อนจะมาเป็นเชฟกันน์ เชฟอาหารตะวันตกหนึ่งในผู้แข่งขันรายการ Top Chef Thailand Season 2 รายการค้นหาสุดยอดเชฟที่ดุเดือดและเชือดเฉือนที่สุดของประเทศ เขาเป็นนายแบบขาประจำของ Seoul Fashion Week ที่มีต้นสังกัดอยู่ที่เกาหลี ก่อนเข้าร่วมรายการ The Face Men Thailand

และก่อนจะเดินเท้าเข้าวงการนายแบบเต็มตัว เขาเป็นเชฟหนุ่มที่ทำงานในครัวของร้านอาหารระดับมิชลินมาตั้งแต่อายุ 15 ปี มีประสบการณ์ในร้านอาหารที่นิวยอร์ก บาร์เซโลนา นาปา และซานฟรานซิสโก ก่อนเปิดร้านที่กรุงเทพฯ โดยที่ไม่เคยเข้าเรียนโรงเรียนสอนทำอาหารจริงจังมาก่อน

บทสนทนาต่อไปนี้ เราชวนกันน์คุยเรื่องความหลงใหลในอาหาร จากเด็กอ้วนผู้ชอบกิน สู่เด็กใคร่รู้ที่มาของอาหารแต่ละจาน สู่ห้องครัวในนิวยอร์ก การทำงานเต็มเวลาตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี ทะเลาะกับที่บ้านใหญ่โตในวันที่บอกว่าจะไม่ขอเรียนต่อ เพียงเพื่อมุ่งหน้าเป็นเชฟอย่างที่เขาภูมิใจ แต่แล้วเรื่องราวก็พลิกผัน ความผิดหวังจากการทำร้านของตัวเองผลักให้เขาเดินหน้าในเส้นทางนายแบบ ซึ่งก็ไปได้สวยไม่แพ้สมัยที่เริ่มต้นงานในครัว เขากำลังคิดอะไรอยู่ในวันที่ตัดสินใจกลับมาจับมีดและเครื่องมือทำครัว

สารภาพมาซะดีๆ ว่าใครเผลอตัดสินเขาในล่วงหน้าแล้วว่า เขาเป็นนายแบบที่ทำอาหารเก่ง หรือเชฟที่หน้าตาหล่อเหลา เราขอให้คุณลองทำความรู้จักผู้ชายคนนี้ใหม่อีกครั้ง

ขอเริ่มจากเมนูทานเล่นเรียกน้ำย่อย

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

เมื่อไหร่ที่ความหลงใหลในอาหารเข้ามาเปลี่ยนชีวิตคุณ

พอได้กินอาหารหลากหลายมากขึ้น ผมก็สงสัยว่าวิธีการทำ เช่น เมนู Ocean Herbal Broth ของร้านอาหารแรกที่ผมเริ่มทำงาน ซอสสีเขียวหน้าตาธรรมดาที่เสิร์ฟคู่กับกุ้ง แต่กินแล้วไม่รู้ว่าคืออะไร เมื่อทำอาหารจริงจังจึงได้รู้ว่าเจ้าซอสเขียวนี้ทำมาจากมะเขือเทศกรองข้ามคืนจนได้น้ำสีใส จากนั้นปั่นกับเกลือและน้ำตาล ก่อนจะดริปข้ามคืนเพื่อเอาน้ำสีเหลืองผสมกับน้ำของหอย มะนาว ตามด้วยผักหลากหลายชนิดบด แล้วใช้น้ำมันที่ทำมาจากสมุนไพร 4 – 5 ชนิด ปรุงออกมาเป็นซอส แล้วผัดกับหอยเชลล์และกุ้ง

เด็กชายกันน์ในวัย 15 เริ่มต้นเข้าไปทำงานในครัวได้ยังไง

ผมไม่ได้เข้าเรียนทำอาหารจริงจังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ผ่านมาผมเรียนรู้วิธีการจากหนังสือทำอาหารมาตลอด ไม่เคยรู้ว่าการทำงานจริงในร้านเป็นยังไง จึงเริ่มจากขอโอกาสเข้าไปฝึกงานในร้านอาหาร โดยเริ่มจากช่วยพี่ชายในแผนกขนม ซึ่งพอทำจริงก็รู้ตัวว่าไม่ใช่ตัวเรา ชอบนะ แต่มันไม่ตื่นเต้น เพราะกระบวนการชั่ง ตวง อบ รอเวลา

ในขณะที่อาหารมีความเป๊ะ มีความสมบูรณ์แบบในตัว แต่อยู่ในกรอบที่มีช่องว่างที่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดได้ เลยเต็มไปด้วยตื่นเต้น เช่น เผลอทิ้งเนื้อไว้บนกระทะนานเกินไป เพราะมีสิ่งที่ต้องทำมากมายในครัว ผมพบความสุขที่ได้ทำนู่นทำนี่ในเวลาเดียวกัน เช่น ทำๆ อยู่มีคนเรียกให้ไปล้างจานและเราก็ต้องไป ซึ่งหลังจากฝึกงานกับพี่ชาย 1 เดือน ผมก็เริ่มมั่นใจว่าอยากหาประสบการณ์ในครัวข้างนอกมากขึ้น

ซึ่งวิธีการที่เด็กอายุ 15 ใช้สมัครฝึกงานในร้านอาหารฝรั่งเศสระดับมิชลิน 3 ดาวก็คือ

เริ่มจากขอไปทำงานที่ร้านโดยไม่รับเงินเดือน ใช้เวลาหลังเลิกเรียนทุกวัน ตั้งแต่บ่ายสองโมงถึงตีสอง 6 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อพิสูจน์ให้เขาเชื่อว่าผมทำงานได้จริงๆ และผมก็อยากรู้ว่าตัวเองจะอดทนและรับกับแรงกดดันได้มากน้อยแค่ไหน

คุณจัดการตัวเองยังไงระหว่างที่ฝึกงานไปด้วย-เรียนไปด้วย

ผมในตอนนั้นรีบร้อนมาก จำได้ว่าอยากเรียนให้จบไฮสคูลไวๆ เพื่อไปทำงานเต็มเวลา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนนะเพราะรู้ว่าพ่อและแม่ตั้งใจส่งเรามาเรียนที่ต่างประเทศแค่ไหน จึงตั้งใจเรียนให้ได้เกรด 4 ทุกวิชา และลงตารางเรียนแน่นมากแม้กระทั่งคาบในเวลาพักกลางวัน ทำให้เก็บหน่วยกิตเกรด 12 (ม.6) ครบตั้งแต่เรียนจบเกรด 11 (ม.5)

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

คิดว่าตัวเองโตเร็วไปมั้ย หรือรู้สึกเสียดายชีวิตวัยเด็กที่หายไปหรือเปล่า

ถ้าตั้งใจเริ่มทำอะไรแล้วผมจะทำสิ่งนั้นให้ถึงที่สุด ในวันที่รับใบเรียนจบ ผมตัดสินใจบอกที่บ้านว่าจะไม่เรียนต่อ แม้จะต้องแลกมาด้วยการทะเลาะกับที่บ้านอย่างรุนแรง ตอนนั้นผมรู้แค่ว่า นี่คือสิ่งที่ผมเลือกแล้วว่าอยากทำ เหตุการณ์นี้ทำให้ผมต้องทำงานให้หนักกว่าเดิม เพื่อพิสูจน์ให้ครอบครัวเห็นว่าผมไปไกลได้แค่ไหน

เมื่อมั่นใจว่าจะเอาดีในเส้นทางนี้ ทำไมไม่เรียนจริงจังในโรงเรียนสอนทำอาหาร

ก่อนหน้านั้นเคยคิดว่าจะเรียนต่อด้านอาหารจริงจัง แต่พอได้ลองทำงานแล้ว ผมเชื่อว่าห้องครัวเป็นห้องเรียนที่ดีกว่า ขณะที่เราจะไม่กล้าสงสัยในสิ่งที่ครูและโรงเรียนสอนทำอาหารสอน เมื่อเราเอ่ยปากถามเชฟว่าทำแบบนี้ดีกว่าอีกแบบไหม เชฟจะบอกแค่ว่า ‘งั้นก็ลองทำให้ดูหน่อยสิ’ ผมก็จะได้เห็นว่าสิ่งที่คิดนั้นดีกว่าจริงหรือเปล่า

และไม่ว่าเชฟจะมอบหมายหน้าที่มากมายแค่ไหนให้แก่ผม ผมจะตั้งธงเสมอว่าจะทำงานนั้นให้เสร็จเร็วที่สุดเพื่อนำเวลาที่เหลือไปช่วยงานคนอื่น นั่นหมายถึงผมจะได้เรียนรู้งานอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งช่วงแรกๆ ผมก็ยังไม่ถนัดใช้มีดมากนัก แต่พยายามทำให้ดีที่สุดก่อน จนเมื่อคล่องแล้วจึงค่อยตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้เร็วขึ้นกว่าเดิมในทุกครั้ง

ในขณะที่คนทั่วไปมองงานเหล่านี้ว่าเป็นงานทำซ้ำ คุณกลับมองเป็นโอกาสท้าทายความสามารถตัวเอง

เราคิดเสมอว่าทุกวันที่ทำงานคือไปเรียน แม้จะไม่ได้เข้าไปอยู่ในโรงเรียนที่สอนทุกอย่าง จับมือให้ทำ ให้ลองดู แต่งานในครัวทำให้ผมได้เรียนจากการสังเกตวิธีการที่คนอื่นๆ ใช้ พยายามซึมซับเทคนิคของพวกเขา และจะเอ่ยปากถามทุกครั้งที่เกิดข้อสงสัย

คุณชอบบรรยากาศหรืองานส่วนไหนในกระบวนการทำอาหารมากที่สุด

ช่วงที่ตัดสินใจไม่เรียนต่อหลังจบไฮสคูลแล้วมาทำงานเต็มเวลา 14 – 15 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่ชอบมากๆ คือช่วงที่ครัวเปิดให้บริการ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงตี 2 เป็นเวลาร่างกายมีเลือดสูบฉีดตลอดเวลา ขณะที่ทุกอย่างอยู่บนกระทะ มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ความวุ่นวายในครัวทำให้ผมอยากตื่นมาทำงานทุกวัน

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

อะไรคือแรงผลักดันของคุณ

ผมคิดว่าไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตาม ปลายทางของงานคือการสร้างความสุขให้คน อาหารที่อร่อยหรือการทำให้คนกินได้รับรู้สึกดีๆ ถือเป็นรางวัลสูงสุดที่เชฟทุกคนอยากไปถึง เป็นแรงผลักดันให้ผมอยากเข้าใจทุกอย่างในอาชีพนี้ เพื่อจะได้ทำออกมาให้ดีอย่างที่ผมคิด

อาชีพนี้จริงๆ ถ้านับกันตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา ต้องยอมรับว่าไม่ใช่อาชีพที่ทำเงินเยอะ แต่พอได้ทำงานทุกอย่าง แม้จะเป็นงานขัดพื้นครัว ล้างจาน เรากลับรู้สึกดี ทุกอย่างคือการเรียนรู้เพื่อจะเป็นที่ยอมรับ

การเป็นที่ยอมรับในครัวสำคัญกับคุณยังไง

ผมมีความเชื่อว่าผมไม่มีทางจะเรียนรู้จากคนคนนั้นได้เลยหากผมไม่ได้การยอมรับจากเขา ผมรู้ตัวว่าตัวเองเด็กมากในตอนนั้น ผมจึงอยากได้รับการยอมรับจากทุกคนในครัว เพราะ ไม่เช่นนั้นเราจะทำงานร่วมกับเขาไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือพิสูจน์ความตั้งใจของตัวเองเพื่อให้เขามั่นใจในตัวเรา

ยังไง

ช่วงที่ย้ายจากครัวเย็น ซึ่งรับผิดชอบเมนูสลัดและของกินเล่น ไปสู่ครัวร้อน หรืออาหารเมนูหลัก ไม่เพียงรับรู้ถึงแรงกดดันที่เปลี่ยนไป มีเมนูและสิ่งที่ต้องทำเยอะมาก มีรองหัวหน้าเชฟคนหนึ่ง เขาด่าผมทุกวัน ถามว่าผมทำอาหารเป็นหรือเปล่า ตอนนั้นผมได้แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ได้มาอยู่ตรงนี้ หากผมยังทำตัวเองให้โดนด่าทุกวันผมจะไม่ได้เรียนรู้อะไร ก็ยิ่งตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีขึ้นในทุกวันๆ จนวันหนึ่งที่เขาเลื่อนขั้น เขาก็ไปคุยกับเชฟว่าขอให้เลื่อนตำแหน่งผมมาแทนเขา วันนั้นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้รับการยอมรับจริงๆ จังๆ

ทำให้คุณรู้สึก…

ภูมิใจในตัวเอง

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

อะไรคือสิ่งที่ได้จากการทำงานในร้านอาหารอันดับหนึ่งของสเปนเมื่ออายุ 18

หลังจากทำงานที่ร้านอาหารในนิวยอร์ก 3 ปี เชฟก็แนะนำเราจนได้ไปทำงานกับร้านที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ซึ่งเป็นสายเทคนิค ใช้วิทยาศาสตร์ในการทำอาหาร เช่น รู้เรื่องไฟ เรื่องอุณหภูมิ เทคนิคแปลกๆ ช่วยเปิดโลกการทำอาหารอีกแบบ แต่จุดที่ยากคือการสื่อสาร เพราะแทบจะไม่มีใครใช้ภาษาอังกฤษเลย ภาษาสเปนที่พอรู้มาบ้างก็เป็นสำเนียงที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง แถมสูตรอาหารเป็นภาษาสเปนหมด เราไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่รับคนต่างชาติเข้าทำงานเลย ไม่ว่าผมจะเคยเป็นใครที่นิวยอร์ก ที่สเปนผมต้องเริ่มจากเตรียมของเหมือนกันกับทุกคน จนครบ 1 ปีแล้วย้ายไปเรียนรู้เรื่องวัตถุดิบจริงจังกับร้านที่นาปา และซานฟรานซิสโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย  

อาหารที่ดีคืออะไร

ไม่ใช่แค่อร่อยและหน้าตาสวยงาม แต่เป็นอาหารที่ทำอย่างตั้งใจ ทั้งวัตถุดิบที่ใช้และส่วนผสมที่ใส่มีที่มาและที่ไป เราคิดถึงการเข้ากันของรสชาติ บ่อยครั้งที่อาหารจานหรูใช้วัตถุดิบชั้นดีราคาแพงทั้งหมด แต่หยิบใส่แล้วกลับไม่เข้ากัน ทำให้อาหารที่ออกมาไม่อร่อย

คนทุกวันนี้ไม่ได้มองอาหารเป็นแค่อาหารอีกต่อไป คนมองหาประสบการณ์ ซึ่งสำหรับผม สำคัญคืออาหารที่กินแล้วอร่อยและมีความสุข ผมไม่อยากทำอาหารที่คนจะรู้สึกว่าเขาจะกินมันครั้งเดียวในชีวิต

สไตล์ในการทำอาหารของคุณคืออะไร

ที่ผ่านมา ในการทำครัวแต่ละครั้งผมจะเป็นคนที่คิดเยอะเกินไป คิดว่าจะทำอย่างไรให้จานนั้นๆ ออกมาดีที่สุด เพราะจากที่ทำงานกับหลายๆ ร้านซึ่งมีรูปแบบและแนวทางที่แตกต่างกัน ยิ่งทำให้ผมคิดเยอะกับการทำอาหาร นั่นคือผมอยากเคารพวัตถุดิบ แต่ก็ต้องการใส่เทคนิคนี้ลงไป เมื่อก่อนผมจะยังหาแนวทางของตัวเองได้ไม่เต็มร้อย อะไรคือตัวตนที่แท้จริงของผมกันแน่ ช่วงที่ได้พักจากทำอาหารก็คิดได้ว่า ผมชอบของท้องถิ่นแต่จะใช้เทคนิคทำให้พิเศษขึ้น เช่น Fine Dining ที่ไม่ทำให้รู้สึกกินยากจนเกินไป

การเป็นเชฟที่รู้เรื่องอาหารมากขึ้นทำให้การกินอาหารยังอร่อยอยู่หรือเปล่า

ทำให้กินแล้วรู้ว่าทำไมอาหารจานนี้ดี จานนั้นไม่ดี

สิ่งที่คุณทำได้ดีรองจากงานในครัวคืออะไร

ถ่ายแบบ ผมรู้ตัวว่าบุคลิกตอนเคลื่อนไหวอาจจะแปลกๆ ดังนั้น ให้ผมยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ดีกว่า

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณหยุดพักงานในครัวมาเป็นนายแบบเต็มเวลา

ช่วงที่กลับมาเปิดร้านที่ประเทศไทยกับพี่ชาย อยู่ที่นู่นผมเป็นรองหัวหน้าเชฟ รับผิดชอบสั่งของ ซึ่งผมเข้าใจระบบทั้งหมด แต่พอมาเป็นเชฟเอง ทุกอย่างขึ้นตรงกับผมและพี่ชาย เราให้พลังของเราเต็มทั้งร้อยกับร้านร้านนี้ อยู่มาวันหนึ่งหุ้นส่วนบอกเราว่า เขาตัดสินใจขายร้านด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทางธุรกิจ เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกผิดหวังกับชีวิตของตัวเอง เพราะเราทิ้งโอกาสดีๆ มากมายในต่างประเทศเพื่อกลับมาเปิดร้านที่บ้านเกิด หลังจากนั้นผมตัดสินใจหยุดพักจากการทำอาหาร

ผิดหวัง?

ผิดหวังครั้งใหญ่ เพราะจะกลับไปทำงานเส้นทางนี้ในต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หนึ่ง เราไม่ได้มีปริญญา ประสบการณ์ที่พอจะมีก็จำเป็นต้องอาศัยการแนะนำบอกต่อกันในกลุ่มเชฟ ซึ่งห่างเหินเพราะเราใช้เวลาทำร้านที่ประเทศไทย สอง ถ้าจะเริ่มทำงานเป็นเชฟที่ประเทศไทย ผมก็รู้ว่าตัวเองอายุน้อยเกินไปที่คนจะเชื่อและให้การยอมรับ

การเปลี่ยนจากเชฟมาเป็นนายแบบ เรียกร้องให้คุณต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไงบ้าง

ช่วงที่เข้าวงการนายแบบเป็นหนึ่งในเรื่องที่ดีในชีวิตผมเลยนะ จากที่ทำงานในครัวไม่พูดคุยกับใคร ทำให้ผมกล้าเปิดเผยตัวตนของเราให้กับคนอื่นมากขึ้น และเราก็เปิดรับคนอื่นมากขึ้น

การเป็นคนที่เปิดรับมากขึ้นส่งผลต่องานในครัวยังไง

ช่วงชีวิตที่ผมเข้าไปทำงานในครัวทำให้การพบเจอและปฏิสัมพันธ์กับคนหรือเพื่อนรุ่นเดียวกันหายไป ผมกลายเป็นคนขี้อาย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะที่ออกจากครัวมาอธิบายอาหารให้ลูกค้าฟัง ผมยังคิดอยู่เสมอว่าถ้าได้ทำงานนายแบบก่อนมาเป็นเชฟก็คงจะดี อย่างน้อยจะทำให้ผมปฏิบัติต่อคนที่ทำงานด้วยได้ดีขึ้น

สมัยที่ทำงานในครัวต่างประเทศ บรรยากาศจริงที่เกิดขึ้นในครัวคือการด่าทอ ปาหม้อ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก และทั้งหมดเกิดขึ้นและจบลงในที่ทำงาน ไม่มีการนำมาคิดต่อหลังเวลางาน ทุกคนเข้าใจว่าคือหนึ่งในกระบวนการทำงาน แต่พอกลับมาที่ประเทศไทย ผมก็ยังทำตัวเหมือนเดิม แต่ปฏิกิริยาที่ได้รับคือเขาเดินร้องไห้ออกไปเลย ผมก็ตกใจ เพราะมันคือเรื่องงานเมื่อทำพลาดเราก็ต้องคุยกันด้วยท่าทีแบบนั้น

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

อะไรคือความยากของการเป็นนายแบบที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้

การรอคอย ผมพบว่านายแบบเป็นอาชีพที่ต้องใช้เวลาไปกับการรอเยอะมาก จึงเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ทำงานในครัวมาตลอดอย่างผม เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว งานในครัวทำให้เราต้องยืนตลอดทั้งวัน มีอะไรให้ทำตลอด 14 – 15 ชั่วโมง

เมื่อมีคนบอกว่านายแบบเป็นอาชีพที่มีดีแค่หน้าตา คุณอยากจะบอกพวกเขาว่าอะไร

ผมไม่ปฏิเสธว่าจุดเริ่มต้นของสายอาชีพนี้คือรูปร่างหน้าตา แต่การทำงานจริงก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เราจำเป็นต้องเข้าใจในเนื้องานที่ทำจริงๆ ภาพแบบไหนที่ช่างภาพและแบรนด์ต้องการให้เรานำเสนอออกมา

จากความสามารถและรูปร่างหน้าตาที่ดูจะไปได้ไกล อะไรทำให้ตัดสินใจเข้าวงการด้วยการประกวดทั้งบทบาทนายแบบและเชฟ

ช่วงที่เริ่มงานนายแบบมีโอกาสไปทำงานกับเอเจนซีที่เกาหลีช่วงหนึ่ง ก่อนเอเจนซี่ส่งเรากลับมาที่ไทยเพื่อเข้าร่วมรายการ The Face Men Thailand ขณะที่การตัดสินใจเข้าร่วมรายการ Top Chef Thailand Season 2 เป็นช่วงที่ผมอยากกลับมาทำอาหารจริงๆ ซึ่งผมก็คิดไม่ผิด นอกจากประสบการณ์ที่ดี ทุกคนยังกลายเป็นเพื่อนกัน สนิทกัน ทำให้ผมรู้จักวงการอาหารไทยมากขึ้น

สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองรายการคืออะไร

การเตรียมตัวให้พร้อม ในการแข่งขันที่ขึ้นอยู่กับโจทย์ สิ่งที่เราทำได้คือทำให้เต็มที่ มีสมาธิให้พร้อม สู้ให้ถึงที่สุด เพราะต่างเป็นรายการโทรทัศน์ที่คนดูจะเห็นท่าทีและการวางตัวของเรา เราจึงเป็นตัวเองเต็มที่เหมือนชีวิตปกติในทั้งสองรายการ

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

ให้เลือกระหว่าง ‘นายแบบที่ทำอาหารเก่ง’ กับ ‘เชฟที่หน้าตาหล่อเหลา’

ทำไมคนเราต้องเลือกทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง

ไม่ว่าเขาจะจดจำผมได้ในด้านไหน ผมอยากให้เขาเห็นว่าผมไม่ได้ทำได้เพียงด้านใดด้านหนึ่ง ผมรักในงานทั้งสองเส้นทางนี้ คนเราไม่ความตัดสินคนจากภาพที่เห็น ตั้งแต่วันที่ประกวดนายแบบแล้ว พอบอกใครว่าเป็นเชฟ เขาจะมองด้วยสีหน้าสงสัยว่าผมทำอาหารเป็นจริงหรือเปล่า หรือพอผมมาเข้าร่วมรายการแข่งขันทำอาหาร คนก็มองด้วยหน้าตาสงสัยอีกว่าผมทำอาหารจริงหรือเปล่า “นี่เข้ามาได้เพราะหน้าตาดีใช่หรือเปล่า” สำหรับผม ผมรู้สึกว่าเขายังไม่เห็นอะไรเลยก็ตัดสินกันไปหมดแล้ว

จากเด็กชายเชฟผู้ไม่ยอมแพ้ ในวันนี้ดูเหมือนว่าคุณปล่อยวางกับความฝันนั้นลง

ถ้าเป็นความฝันเรื่องการเป็นเชฟ การได้เข้าไปทำงานอยู่ในร้านอาหารหรูหลายๆ ร้าน ผมคิดว่าผมถึงความฝันของผมแล้ว ไม่ต้องเป็นเชฟที่ดีที่สุดในโลกก็ได้ แค่เห็นโลกและเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่ผมรัก และการเปิดร้านอาหารตอนอายุ 20 แม้จะสร้างความผิดหวังครั้งใหญ่ แต่ก็ให้บทเรียนที่ดีและมีค่าเสมอ

ผมกำลังแบ่งสัดส่วนสิ่งที่ผมชอบและมีความสุขที่ได้ทำ ซึ่งผมจะทำต่อไป แต่นั่นจะไม่ใช่สิ่งเดียวหรือเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำ

ถ้าคะแนนเต็ม 10 จะให้คะแนนตัวเองตอนนี้เท่าไหร่

5 คะแนน เป็นคะแนนที่ผมพอใจชีวิตช่วงนี้แล้ว เพราะผมได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำมาแล้วทั้งหมด

ผมอายุแค่ 23 ยังมีอะไรรอให้ผมทำเยอะแยะมากมาย ผมอาจจะไม่ได้จบอยู่ที่ทำแค่ 2 อาชีพนี้ ไม่ว่าคนจะมองว่าผมเป็นยังไง มันคงเร็วไปที่เขาจะตัดสินผมโดยมองแค่จุดที่ผมยืนอยู่วันนี้ วันที่ผมอายุ 30 ผมก็อาจจะคิดว่าผมทำสิ่งที่ทำอยู่ทำไม ผมจึงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด

เปรียบชีวิตช่วงนี้เหมือนอาหารเมนูไหน

ยำ ยำอะไรก็ได้ มีหลายรสทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าชีวิตที่ใช้ตอนนี้ถูกต้องที่สุดไหม แต่ก็เป็นชีวิตที่กลมกล่อมแล้วสำหรับผม

กันน์ สรวิศ, Top Chef Thailand

ขอบคุณสถานที่ : ร้าน Flat Marble
ซอยพหลโยธิน 9 อารีย์
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 17.00 – 00.00 น.
Facebook : Flat Marble

Writer

นภษร ศรีวิลาศ

นภษร ศรีวิลาศ

บรรณาธิการธุรกิจ The Cloud 4.0 แม่บ้านและฝ่ายจัดซื้อจัดหานิตยสารประจำร้านก้อนหินกระดาษกรรไกร ผู้ใช้เวลาก่อนร้านเปิดไปลงเรียนตัดเสื้อ สานฝันแฟชั่นดีไซเนอร์ในวัย 33 ปัจจุบันเป็นแม่ค้าที่ทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อบังหน้า ซึ่งอนาคตอยากเป็นแม่ค่ะ

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล