01
ให้เธอหาวิธีกางปีกบินเอง : ให้เด็กได้ค้นพบแพสชัน ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
มีหนังสือเล่มหนึ่งเขียนว่า หากคุณทำให้เขาอยากท่องอวกาศ เขาจะหาวิธีสร้างจรวดเอง
ไม่รู้ว่าตัวเองหลงรักการถ่ายภาพและภาพยนตร์ตั้งแต่เมื่อไหร่
จำได้ว่าตอน ป.5 ครูบอกว่าจะพาไปทัศนศึกษาครั้งแรก กลับบ้านไปก็ขอให้พ่อซื้อกล้องถ่ายรูปให้
พ่อบอกสั้นๆ ว่า ไม่! ในทันทีนั้นเราทรุดตัวลงกอดขาพ่อไม่ยอมปล่อย ให้พ่อลากไปทั่วบ้านเพื่อให้พ่อเห็นว่าเราอยากได้จริงๆ นะ ในที่สุดพ่อก็ยอมให้ โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องแคะกระปุกเงินเก็บมาออกค่ากล้องเองครึ่งหนึ่ง และต้องเก็บภาพนั้นมาเขียนเล่าเรื่องราวให้คนที่ไม่ได้ไปด้วยฟัง

คำของพ่อที่ยังจำได้ “จำไว้นะ กล้องไม่ใช่ของเล่น แต่มันจะเป็นพาหนะพาให้เราออกเดินทาง”
ตอนเด็กๆ ตอนเช้าที่บ้านเป็นร้านขายของชำ ตอนกลางวันเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว ตอนค่ำเป็นสถานบันเทิง พ่อจะเปิดบ้านเป็นโรงหนัง เช่า VCD มาเปิดซีรีส์ยาวในทีวีเครื่องใหญ่ซึ่งสมัยนั้นไม่ได้มีกันทุกบ้าน ลูกๆ มีหน้าที่เก็บสตางค์คนดู แล้วก็ขายขนมน้ำหวาน กลยุทธ์การขายของของพ่อคือ พอถึงฉากสำคัญ พ่อจะทำเป็นเดินไปชนปลั๊กไฟ แล้วบอกว่าไฟดับ พักซื้อขนมกันก่อน จนทุกคนรู้แกว กิจการนี้รุ่งเรืองมาก ขึ้นมัธยมปีแรก เราก็เก็บเงินซื้อกล้องวิดีโอตัวแรกให้ตัวเองได้
พ่อเลี้ยงลูกแบบให้กางปีกเอง ให้ค้นพบว่าเด็กๆ ชอบอะไร แล้วเป็นลมใต้ปีกคอยส่งให้ลูกบินไปให้ไกลสุดขอบ
02
นับชั่วโมง นับวินาที
เมื่อชีวิตพัดพาให้เราไปอเมริกาหลังจากจบปริญญาตรีสาขามนุษยศาสตร์ เรามองหาและได้ทุุนเรียนหลักสูตรครูโรงเรียนทางเลือกนานาชาติที่ โรงเรียนอัปปาทีนาส์ ซึ่งเป็นบันไดอีกขั้นที่ทำให้รู้ว่า เราดองความฝันกับความหลงใหลในการถ่ายภาพและทำภาพยนตร์ไว้
ที่นั่นทำให้เรารู้จักเรื่องราวของโรงเรียนภาพยนตร์ที่แคนาดา ชื่อ GIFTS (Gulf Island Films & Television School) เราจึงตัดสินใจบอกโรงเรียนครูที่อัปปาทีนาส์ว่า ขอเรียนจบภายใน 2 ปี แทนที่จะเป็น 3 ปี เพราะเราพบโรงเรียนแบบที่เราอยากจะไปเรียนมากกว่าแล้ว

มารู้ตัวอีกที ก็ก้าวขามาอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา แล้ว
“จะมาทำอะไรที่แคนาดา ไปเกาะกาลิอาโน (Galiano) ด้วย เกาะนั้นอากาศดีมากๆ คุณจะตกหลุมรักทะเลที่นั่น อ้อ มาเรียนฟิล์มสคูล ถ้าได้เป็นผู้กำกับหนังดังแล้วอย่าลืมแคนาดานะ” แล้วเจ้าหน้าที่ก็ประทับตราผ่านในหนังสือเดินทางให้อย่างง่ายดาย
จากสนามบิน เรานั่งรถบัสไปตัวเมืองแวนคูเวอร์ ต่อรถบัสไปท่าเรือเฟอร์รี่ ข้ามไปเกาะกาลิอาโน มีเสียงกัปตันเรือบอกผู้โดยสารเป็นพักๆ ให้มองไปทางด้านนั้นด้านนี้ จะเห็นนากทะเลเกยก้อนหิน กัปตันบอกว่าถ้าโชคดี นากทะเลจะร้องเพลงให้ฟังด้วย ถึงชายฝั่งก็มีรถบัสของโรงเรียนที่แสนเท่มารอรับ ในชาวคณะที่จะไปโรงเรียนนี้กันถึง 10 คน


เมื่อถึงโรงเรียน จอร์จ แฮร์ริสัน (George Harrison) ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ ออกมาต้อนรับและปฐมนิเทศทันที
เขาบอกว่า เราไม่ได้มีเวลาที่นี่มากนัก 6 วันของพวกคุณจะบินไปอย่างรวดเร็ว เวลาที่เรามีที่นี่ ให้นับกันเป็นวินาทีได้เลย เราจะเริ่มไขลานนาฬิกาของที่นี่ตั้งแต่วินาทีนี้ เขาชี้ไปที่นาฬิกาไม้ตั้งผนังเรือนใหญ่ เขาบอกว่าเราจะทั้งรักและเกลียดเสียงเดินของนาฬิกานี้ไป 6 วัน
คอร์สแรกที่เรียนเป็นการทำหนังขั้นพื้นฐาน ระยะเวลา 6 วัน พอถึงเวลาวันที่ 6 นาฬิกาจะหยุดเดินตอนบ่าย 2 โมงเป๊ะ ไฟในโรงเรียนจะดับ และทุกคนต้องขึ้นรถบัสของโรงเรียนพร้อมกับผลงานหนังของตัวเอง ต่อไปนี้ เวลากินเวลานอนจะไม่มีความหมาย ขอให้ทุกคนใช้เวลาทุกวินาทีให้เต็มที่กับแพสชันที่พวกคุณหอบข้ามฟ้าข้ามทะเลมา
มันช่างเป็นการปฐมนิเทศที่ลืมไม่ได้และน่ากลัวมากๆ ในทีเดียวกัน

ทิม พ่อครัวและพ่อบ้านของโรงเรียน ออกมาปฐมนิเทศต่อว่า ห้องอาหารจะทำอาหารเช้า กลางวัน และเย็น เวลาไหนถึงเวลาไหน ถ้าใครมากินไม่ตรงเวลาจะไม่มีการเก็บอาหารไว้ให้ ไม่มีการโอดครวญขอเพิ่ม และห้ามนำอาหารออกนอกห้องอาหาร ใครหิวนอกเวลาอาหาร จะมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง แยม และน้ำร้อน ไว้ให้บริการตัวเอง
แล้วก็จัดแจงแบ่งห้องนอนที่ดัดแปลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์อย่างเก๋ไก๋ ทิมแบ่งห้องไว้ให้แล้ว เราได้นอนกับ เมลานี แม่หมอโยคะ และซาร่า นักดนตรีเชลโล ที่แบกเชลโลตัวใหญ่มาจากแวนคูเวอร์ด้วย เก็บของเสร็จ รับประทานอาหารกลางวัน บ่ายเริ่มเรียนทันที
03
รู้จักพาหนะนำทางของคุณให้ดี และรักพวกมันด้วย

สิ่งแรกที่เราเห็นบนโต๊ะเรียน คือ กล้องๆๆๆ ตัวละหลายแสนบาท เต็มโต๊ะไปหมด วิชาแรกคือ ทำความรู้จักอาวุธของเรา กล้อง เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ
ครูเป็นผู้กำกับจากฝั่งแวนคูเวอร์ เขาบอกว่า อุปกรณ์พวกนี้เป็นแค่พาหนะ สมองของเราต่างหากที่เป็นพระเอก Story is King. เพราะฉะนั้น อย่าไปถือเอาอุปกรณ์เป็นสำคัญ ใช้มันเล่าเรื่องอย่างที่ควรจะเป็น และรักพวกมันด้วย

บ่ายแก่ๆ เป็นวิชาทัศนียภาพของเสียง (Soundscape) ครูที่สอนเป็น Sound Director ของหนังฮอลลีวูด สิ่งแรกที่ครูทำ คือเปิดหนังเรื่องหนึ่งให้ดู 2 รอบ
รอบแรกเปิดตาดู แต่ปิดเสียง
รอบสองปิดตาดู แต่เปิดเสียง
อรรถรสที่ได้รับจากการดูสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร
เราทนไม่ได้นานเลยใช่ไหม ถ้าเปิดทีวีดู หรือเข้าโรงหนัง แล้วเห็นแต่ภาพปากคนพูดแต่ไม่ได้ยินเสียง แต่เราอยู่กับเสียงได้นานกว่าแม้จะไม่มีภาพ ถ้าเสียงนั้นทำงานกับความรู้สึกของเรา
บทเรียนนี้สอนให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกันว่า ในการทำภาพวิดีโอเคลื่อนไหว เสียงมีความสำคัญไม่เป็นรองสิ่งใดๆ เลย เพราะเสียงและดนตรีทำงานกับจังหวะหัวใจ และเข้าถึงความรู้สึกของมนุษย์ได้เร็วที่สุด
กลางคืนคือเวลาทำแบบฝึกหัด คืนแรกโรงเรียนจัดกลุ่มให้นักเรียนที่อยู่ห้องเดียวกัน ออกไปบันทึกเสียงของเวลากลางคืนที่ป่าสนรอบๆ โรงเรียน โดยมีเครื่องบันทึกเสียงแจกให้ติดตัวไว้ตลอด 6 วัน

04
เรื่องไม่บันดาลใจเราไม่ต้องทำ
เช้าวันที่ 2 เรียนเขียนเรื่อง ค้นหาเนื้อหา ทำสตอรี่บอร์ด เลือกว่าจะเล่าด้วยสื่อแบบไหน แอนิเมชัน หนังสั้น ฟิล์ม 16 มิลลิเมตร แล้วก็จับกลุ่มทำงาน
เราเลือกทำแอนิเมชัน ได้อยู่กลุ่มเดียวกับผู้ชายอีก 2 คน คนหนึ่งเป็นครูสอนแอนิเมชัน อีกคนเป็นดีเจ ชายสองคนนี้หมกมุ่นกันมากที่จะเล่าเรื่องคนฆ่าตัดหัวกัน แล้วใช้ CG เทคนิคต่างๆ เราไม่สนใจเรื่องนี้ คอนเทนต์ดีๆ ในโลกนี้มีให้ทำตั้งมากมาย จะมาทำเรื่องคนไล่ฆ่าตัดหัวกันทำไม แต่เถียงสู้ผู้ชายสองไม่ได้ และดูเหมือนสองนายนี้จะสนใจแต่เรื่องเทคนิคไม่ใช่เนื้อหา
ยอมไม่ได้นะ!!! มาไกลขนาดนี้ เราตัดสินใจเดินไปหา ผอ.จอร์จ ขอเปลี่ยนกลุ่ม ผอ. บอกว่า งั้นทำคนเดียวเลยไหม ปัญหาเดียวคือ จาก 3 เหลือ 1 จะทำงานเสร็จไหม เราตอบว่าไหวแน่นอน ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยสัมผัสเลยว่าการทำแอนิเมชันคือการขยับเป็นวินาที วาดกันเป็นวินาที มันโหดแค่ไหนใน 6 วัน แต่ระหว่างทาง เจนนี่ ครูสอนแอนิเมชัน ก็เห็นความตั้งใจ ช่วยติวพิเศษให้เราทั้งวันทั้งคืน
เพื่อนร่วมห้องนอนทำเรื่องรูปลักษณ์กับอายุ ให้คนต่างวัยแก้ผ้าวิ่งขึ้นเนินมา ความยากคือต้องไปหานักแสดงที่ยอมเล่น เพื่อนในรุ่นเดียวกันยอม แต่คนอายุเยอะจะทำไง จอร์จบอกว่า ไปคุยกับชาวเกาะได้ เขาน่าจะยอม เพราะมีนักเรียนไปขอให้ชาวเกาะมาเล่นประกอบภาพยนตร์อยู่เป็นประจำ แล้วก็มีคนยอมจริงๆ ด้วย โรงเรียนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนรอบข้างมากๆ


ภาคบ่ายเรียนกำกับภาพยนตร์ โดย เจนนิเฟอร์ แอบบ็อตต์ (Jennifer Abbott) ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีรางวัล เรื่อง The Corporation เธอมีบ้านอยู่ในเกาะกาลิอาโนนี่เอง เธอสอนเรื่องความผิดพลาดในการกำกับหนังเรื่องนี้ เธอว่าเรียนจากความสำเร็จมันสำเร็จรูปเกินไป ความผิดพลาดที่ครูอาจารย์พลาดมาแล้ว อย่าได้ไปทำซ้ำ
วันที่ 3 คือวันเริ่มถ่ายทำ ความยากไม่ใช่แค่ทำงานของตัวเองให้เสร็จ แต่เราต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

และต้องช่วยคนอื่น ทั้งช่วยกันจัดไฟ ทำอุปกรณ์ประกอบฉาก แสดง หรือตัดต่อ ไม่ใช่แข่งกันทำงานให้ออกมาดี แต่ต้องช่วยเหลือกันให้งานเสร็จทุกคน
ตัวเองได้เรื่องแล้ว วาดเฟรมแล้ว เรื่องเสียงเราต้องใช้เสียงจากเครื่องอัดเสียงที่ได้รับมาตั้งแต่วันแรก และเราต้องออกแบบ Soundscape เอง เล่นใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางคนอยากได้เสียงจากวงออร์เคสตร้า ทางโรงเรียนตรวจสอบให้ว่ามีการแสดงออร์เคสตร้าที่ไหนในแวนคูเวอร์หรือเปล่า ถ้ามีก็ให้ขึ้นฝั่งไปบันทึกเสียงเลย

เราอยากได้แค่เสียงเชลโลของเพื่อนร่วมห้องเล่น แต่การบันทึกเสียงเชลโลที่เพื่อนเล่นเอง มาประกอบในแอนิเมชันก็ให้ความรู้สึกที่อลังการไม่น้อย เสียงคลื่น ลม ใบไม้ เสียงน้ำกระทบหิน เสียงป่าเขา ลม พวกนั้นเราบันทึกเอาไว้น่าจะเกินพอแล้ว
เราได้นอนประมาณคืนละ 2 ชั่วโมง น้ำไม่ได้อาบหลายวันเพราะหนาวมาก และไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น
05
พรมแดง
เช้าวันสุดท้าย แอนิเมชันเราเริ่มประกอบร่างได้แล้ว เหลือแค่ใส่ดนตรี เหมือนจะมีเวลาได้นอนแต่ก็นอนไม่หลับเพราะมีอาการตาค้าง สภาพเป็นซากศพมากๆ ไหนๆ ก็นอนไม่หลับ เลยลุกไปเดินเล่นริมทะเล โดยหยิบกล้องติดมือไปด้วย
6 วันที่ผ่านมา เราแทบไม่ได้ออกนอกเขตโรงเรียนเลย เราเดินผ่านบ้านหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านเปิดประตูออกมาพอดี เธอทักทายแล้วถามว่าเป็นนักเรียนจาก GIFTS ใช่ไหม ที่เธอดูออกไม่ใช่เพราะแค่ถือกล้อง แต่ด้วยสภาพหน้าตาอิดโรย อดหลับอดนอน แสดงว่าโรงเรียนนี้โหดจริง!
เธอถามว่า อยากเข้าไปดูทะเลวิวที่หลังบ้านไหม สวยมาก แล้วเธอก็กำลังจะลงเรือคายัค อยากไปพายด้วยกันไหม
เราก็เอาสิ เธอถามว่า เคยได้ยินนากทะเลร้องเพลงหรือยัง ถ้ายังถือว่ายังมาไม่ถึงเกาะกาลิอาโน แล้วเธอก็ส่งเสียงร้องเพลงเรียกนาก ราวกับร่ายเวทมนตร์ นากทะเลฝูงใหญ่มาจริงๆ เราตื่นเต้นมากและเสียดายมากที่ไม่ได้เอากล้องลงเรือไปด้วย เสน่ห์ของเกาะนี้และผู้คนที่นี่มีมนตร์ขลังจริงๆ


เมื่อเดินกลับมาที่โรงเรียน ทุกคนดูเป็นซอมบี้ไม่แพ้กัน บ้างเพิ่งหลับ บ้างกำลังตื่น บ้างกำลังจะตายคาห้องตัดต่อ
เราได้อาบน้ำจริงจังเป็นวันแรกตั้งแต่มาที่นี่ เพราะกลิ่นน่าจะไม่ไหวแล้ว ไหนจะกลิ่นทะเลที่เพิ่งไปลงพายเรือมาด้วย
เสียงนาฬิกาเหมือนนับถอยหลังเย้ยหยันพวกเรา 5 4 3 2 1
ไฟฟ้าตัดจริง!
มีเสียงหวอดังให้ทุกคนรีบออกมาที่รถบัสโรงเรียนพร้อมกับทัมป์ไดร์ฟในมือ
รถโรงเรียนพาเราไปไหนสักแห่ง แล้วก็หยุดที่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง ประตูเปิดออก นักเรียนทุกคนลงจากรถ ประตูบานใหญ่ของอาคารเปิดออก แล้ววินาทีนั้นก็มีเสียงปรบมือ คนในห้องประชุมเป็นคนในเกาะ เป็นนักแสดงในหนังของพวกเรา รวมทั้งเจสซี่ที่ชวนเราพายเรือคายัคด้วย
มีพรมแดงปูให้พวกเราเดิน มีชุดไฟใหญ่ส่องมาที่พวกเรา จากสภาพที่คล้ายกับซากศพของพวกเรา ก็ตื่นขึ้นมาทันที หน้าตาตื่น จัดเสื้อผ้าหน้าผมเท่าที่ทำได้ เบิกตากับสิ่งที่เห็น
ใช่แล้ว เรากำลังเข้าสู่รอบ Premiere ฉายหนังของเราบนจอใหญ่ในโรงหนังของคอมมูนิตี้ฮอลล์ จอข้างหน้าใหญ่มาก มีที่นั่งว่างแถวหน้าให้พวกเรานั่ง
คิวหนังถูกจัดไว้ตอนไหนไม่รู้ หนังของนักเรียนจะฉายทีละเรื่อง ฉายเสร็จผู้กำกับก็ขึ้นไปพูดคุยตอบคำถามกับคนดู ครู และเพื่อนๆ
ตอนเห็นหนังแอนิเมชันความยาวนาทีครึ่งของตัวเองฉายอยู่บนจอ เราน้ำตาไหล พอเราขึ้นไปหน้าเวที จอร์จก็เริ่มเล่าเรื่องของเราว่า หญิงไทยคนนี้เอาความกล้ามาจากไหนที่ขอย้ายกลุ่ม และคิดว่าจะทำแอนิเมชันด้วยตัวคนเดียวได้ภายใน 6 วัน
คอมเมนต์ที่ได้รับไม่ใช่เรื่องเทคนิคเลย แต่มาจากเรื่องราว ความประทับใจ และประสบการณ์ที่ได้รับ มากกว่าเทคนิคและความรู้
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นเรื่องความสัมพันธ์กับชุมชน โรงเรียนไปเชิญกลุ่มคนเหล่านี้มาตอนไหน เขาบอกว่า โรงเรียนแค่ปิดป้ายบนบอร์ดของชุมชน และคนในเกาะนี้ก็รู้ดีว่าทุกคอร์สจะได้ดูหนังนักเรียน เป็นกิจกรรมฮาเฮ สร้างความบันเทิงที่คราฟต์กันสดใหม่ทุกคอร์ส ซึ่งชุมชนนี้จะได้รับชมก่อนใคร
เราประทับใจการช่วยเหลือกันของเพื่อนๆ และอาจารย์ เพราะมีข้อแม้ว่าทุกคนต้องมีงานเสร็จออกไปฉาย และโรงเรียนย้ำว่าทุกคนคือทุกคน จะไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นที่ทำงานไม่เสร็จและถูกทิ้งไว้ในโรงเรียน
ทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อให้ทุกคนมีงานเสร็จออกฉายอย่างตรงเวลา เพราะเมื่อออกไปทำงานจริงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โทรทัศน์ เวลาคือสิ่งสำคัญ ถึงเวลาออกอากาศ ก็คือถึงเวลา โรงเรียนถึงตัดไฟฟ้าทิ้งเลย

06
เรียนกับตัวตนของมาสเตอร์
จบคอร์สเบื้องต้นไปแบบยับเยิน เราต้องรีบฟื้นคืนชีพเพื่อเรียนต่อคอร์สขั้นเข้มข้นอีก 5 สัปดาห์ สัปดาห์แรกเราได้ใช้กล้อง Super 8 ฟิล์ม ที่ต้องถ่ายเองล้างเอง มีห้องอัดขยายภาพขาวดำ เราเลือกใช้สื่อหุ่นเงาที่ต้องทำขึ้นมาใหม่ แล้วไปถ่ายแบบแสดงสดในป่า เพื่อนๆ ต้องออกมาช่วยกางจอ ชักหุ่นกัน ช่วยทำหุ่น อย่างสนุกสนาน
นักเรียนต้องเลือกวิชาเอกในคอร์สเข้มข้นนี้ เราเลือกการกำกับภาพยนตร์ เพราะว่าคอร์สก่อนได้เรียนกับเจนนิเฟอร์ วิธีเรียนก็น่าสนใจ เราจะได้ไปอยู่ที่บ้านเจนนิเฟอร์ 1 วันเต็มๆ เพื่อเรียนรู้จักวิธีคิด ทัศนคติของตัวผู้กำกับ และมุมมองชีวิตที่ผู้กำกับมี ไม่ใช่เรื่องเทคนิคการกำกับใดๆ เลย
บางคนเลือกเรื่องเสียง โรงเรียนก็จะโทรหา Sound Director ตัวจริงจากแวนคูเวอร์ ให้ นักเรียนคนนั้นได้สัมผัสตัวตนและเรียนกับมาสเตอร์ตัวจริงและชีวิตจริง
คอร์สนี้จบคลาสแบบเซอร์ไพรส์เหมือนเดิม แต่เราไม่เซอร์ไพรส์ เหมือนเป็นศิษย์เก่าไปแล้ว อิจฉาชาวเกาะกาลิอาโนนี้จัง ได้ดูหนังคราฟต์ใหม่สดของนักเรียนโรงเรียนนี้ตลอด
08
ไปเป็นชาวเกาะกันเถอะ
เมื่ออยู่ที่นี่ถึง 6 สัปดาห์ ก็ได้รู้จักวิถีชีวิตผู้คนบนเกาะนี้มากขึ้น
ครูเจนนี่ของเราเป็นนักดนตรีด้วย เล่นทั้งกลองและกีตาร์ คืนหนึ่งเธอชวนให้ไปดูงานแสดงของเธอในผับเล็กๆ บนเกาะ
ครูอาทีฟทำงานเป็นผู้จัดการที่สถานที่พักแคมปิ้ง ก็ชวนให้เราไปงานปาร์ตี้รอบกองไฟในที่ตั้งค่าย
พ่อครัวทิมเป็นศิลปินภาพวาดด้วย เขาชวนเราไปงานเปิดภาพวาดของเขาที่แกลเลอรี่เล็กๆ
เพื่อนร่วมห้องคอร์สนี้บางคนขับรถมา ก็ขับพาเราเที่ยวเกาะ ทำให้เห็นว่าเกาะนี้มีคลื่น มีเนินเขา มีที่พบปะสังสรรค์เล็กๆ แต่สุดแสนน่ารักมากมาย เพราะชาวเกาะกาลิอาโนที่อพยพเข้ามาในรอบทศวรรษนี้ส่วนใหญ่เป็นศิลปิน และคนทำงานศิลปะที่ย้ายตัวเองออกมาจากเมืองใหญ่และมาตั้งรกรากกันที่นี่
2 – 3 ปีก่อน เราเห็นประกาศขายโรงเรียนและที่ดินของโรงเรียนจากหน้าเพจของจอร์จ ก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนไม่เพียงพอ ตอนนี้ใครก็เรียนรู้เองได้ มีแค่มือถือก็ทำคลิปเองได้แล้ว ไม่ต้องการกล้องใหญ่ ห้องตัดต่อใหญ่ แล้วก็ยังมีมาสเตอร์คลาสสอนออนไลน์จากมืออาชีพเบอร์ใหญ่ของโลก
แต่ก็มีบางสิ่งที่ยุคดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนแปลงทดแทนไม่ได้ สิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้ที่ GIFTS คือบรรยากาศ ความสัมพันธ์ การทำงานเป็นทีม การทำงานกับชุมชน และความรู้สึกที่ได้เดินพรมแดงไปแสดงผลงานของตัวเองให้ชุมชนได้ดู
ชาวเกาะกาลิอาโนคงเหงาไปเลย ที่จะไม่มีหนังคราฟต์ของเด็กๆ ให้ดูอีกต่อไปแล้ว
ติดตามเพิ่มเติมเรื่องราวของการศึกษาทางเลือกรอบโลก ในรายการบินสิ! ได้ทางทางสถานีไทยพีบีเอส กลางเดือนกรกฎาคมนี้