เมื่อมาถึงสิ้นปีเช่นนี้ จะมีหัวข้ออะไรดีไปกว่าการพูดถึงเทศกาลปลายปีสักเล็กน้อย

บางท่านอาจไม่ทราบว่า สถิติต้นคริสต์มาสที่สูงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ อยู่ที่อิตาลีนี่เอง กินเนสบุ๊กบันทึกไว้เมื่อ ค.ศ. 1991 ถึงวันนี้ก็ยังไม่คิดว่ามีใครโค่นแชมป์ได้

แล้วอยู่ที่เมืองไหนล่ะ

คำตอบคืออยู่ที่เมืองกุบบิโย (Gubbio) ไม่ไกลจากเปรูจา (Perugia) อันเป็นเมืองเอกของแคว้นอุมเบรีย (Umbria) อีกที

ขอแวบออกนอกเรื่องหน่อย คุณเคยรำคาญไหม เวลาที่ในบทอ่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทความวิชาการ ชอบใส่ชื่อแล้วใส่วงเล็บตลอด ถ้ารำคาญ จะบอกว่าตอนเด็ก ๆ ก็เป็นเหมือนกัน ตอนหลังถึงได้เข้าใจว่า บางทีชื่อที่คุณคิดว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน กลับเป็นชื่อที่คุณอาจจะเคยรู้จักหรือผ่านหูผ่านตามาก่อน แต่เป็นอีกชื่อหนึ่ง เช่น Perugia ที่ว่านี่ ถ้าเปิดแผนที่กูเกิลที่เป็นภาษาไทย จะขึ้นชื่อว่า เปรูเกีย เป็นอาทิ หรือคุณอาจจะนึกคึก เข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องนี้ในเน็ต หรืออาจจะไปคุยกับเพื่อนต่างชาติ ฯลฯ ล้วนมีเหตุผลให้คนเขียนติ่งชื่อดั้งเดิมในภาษานั้น ๆ เอาไว้ทั้งสิ้น

กลับมาต้นคริสต์มาสกันอีกครั้ง ต้นคริสต์มาสนี้จริง ๆ แล้วเป็นการประดับไฟบนภูเขาอินจีโน (Ingino) ตั้งแต่ตีนเขาไปจนถึงยอดเขาบริเวณที่ตั้งโบสถ์ซันต’อูบัลโด (Basilica di Sant’Ubaldo) อันเป็นโบสถ์ของนักบุญประจำเมือง รวมความสูงของต้นคริสต์มาสนี้ถึง 750 เมตร กินเนื้อที่ 130,000 ตารางเมตร (มีผู้หวังดีเคยเปรียบไว้ว่า ประมาณสนามฟุตบอล 30 สนาม) ประกอบด้วยไฟ 700 ดวง ใช้สายไฟรวมแล้วยาว 7½ กิโลเมตร และใช้เวลาในการทำถึง 1,300 ชั่วโมงทีเดียว นี่ยังไม่รวมตอนเก็บอีกนั้น นั่นอีก 900 ชั่วโมง บวกเข้าไป

Gubbio เมืองอิตาลีที่มีต้นคริสต์มาสสูงสุดในโลก งานวิ่งเทียน และน้ำพุคนเพี้ยน
ภาพ : www.zingarate.com

งานใหญ่ราวกับมหากฐินเช่นนี้ ย่อมใช้ทรัพย์ใช้สินจำนวนไม่น้อย อันก็ได้มาจากคนทั่วไปนั่นเอง มิได้มีมัคนายกนั่งเต็นท์ประกาศที่มักจะเริ่มด้วย “อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่” แล้วหยุดกึกไปเพราะต้องประกาศเรียกพ่อหนุ่มเสื้อเขียวที่มากะแฟนน่ะ บริจาคหน่อยน่า พร้อมร่ายกลอนต่อไปอีกว่า “ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน เด็ดดอกไม้ร่วมต้น สร้างกุศลร่วมกัน” แล้วประกาศชื่อ (ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง) ออกไมค์เสียงดังกังวานไปทั่ววัด

งานนี้ มีเว็บไซต์ของงาน ประกาศเชิญชวนท่านจับจองแสงไฟนั้นด้วยมูลค่าดวงละ 10 ยูโร เพียงแต่ไม่ได้มีการเอาสวรรค์มาฉกนรกมาขู่อะไรทั้งสิ้น เขาบอกเพียงแต่ว่า เงินส่วนหนึ่งที่ได้จะนำไปจ่ายค่าไฟ (ซึ่งใช้พลังงานแบบรักษ์โลก) และค่าใช้จ่ายอะไรต่ออะไรในการทำให้งานนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ ซึ่งเมื่อท่านบริจาคแล้วก็จะปรากฏชื่อของท่าน หรือชื่อของผู้อุทิศดวงไฟให้อยู่บนผังวางไฟบนต้นคริสต์มาสใหญ่นั้น ในเว็บนะ ใครเข้ามาคลิกก็จะเจอชื่อท่าน

การเปิดไฟจะเปิดตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ในช่วงหัวค่ำไปจนถึงกลางดึก และจะทำเช่นนี้ทุกคนไปจนถึงวันที่ 13 มกราคมปีหน้า จากนั้นก็จะล้มกระดานรายชื่อทั้งหมดไป ปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยว่ากันอีกที

ท่านที่ต้องการจะมีแสงประดับภูเขาในงานนี้ ขอแสดงความเสียใจด้วย เนื่องจากมีผู้จองจนเต็มหมดแล้ว หากสนใจ สามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ www.adottaunaluce.it แต่หากอยากจะดูภาพพิธีเปิดงาน ขอเชิญได้ที่นี่ ยังทัน 

แต่กุบบิโยก็ไม่ได้มีแค่เท่านี้ จะว่าไปแล้วการประดับไฟคริสต์มาสเพิ่งมาเริ่มใน ค.ศ. 1981 นี้เอง แต่ประเพณีนี้สิ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว บ้างก็ว่าในศตวรรษที่ 12 บ้างก็ว่าอาจจะมีที่มาตั้งแต่ก่อนศาสนาคริสต์อีก

มันคือการวิ่งเทียนหรือ Corsa dei Ceri เป็นงานประจำปี เป็นงานที่เก่าแก่ที่สุด และสำคัญที่สุดสำหรับชาวกุบบิโยก็ว่าได้ และเป็นประเพณีท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งประเทศ 

การวิ่งเทียนนี้มีขึ้นในวันที่ 15 เดือนพฤษภาคมทุกปี เพราะเป็นวันฉลองนักบุญอูบัลโด (Sant’Ubaldo) ซึ่งเป็นนักบุญประจำเมือง

งานดังกล่าวคือการวิ่งแห่เทียนใหญ่ 3 เล่มจากเมืองด้านล่าง ไปยังโบสถ์ของนักบุญอูบัลโดที่อยู่บนเขา ใกล้ดาวดวงใหญ่ของต้นคริสต์มาสไง 

เทียนที่ว่านั้นก็มิใช่เทียนจริงหรอก หากแต่เป็นไม้ที่ประกอบสร้างขึ้นคล้ายเทียนพิธีต้นใหญ่นั่นเอง 

Gubbio เมืองอิตาลีที่มีต้นคริสต์มาสสูงสุดในโลก งานวิ่งเทียน และน้ำพุคนเพี้ยน
ภาพ : www.vivogubbio.com

พิธีแบบเต็มรูปแบบเริ่มตั้งแต่หกโมงเช้า มาวิ่งกันจริง ๆ เอาเกือบ 6 โมงเย็น และประมาณการวิ่งจากด้านล่างไปถึงด้านบนราว 2 ชั่วโมง

ด้านบนของเทียนไม้นี้ประดับด้วยรูปปั้นนักบุญ 3 ท่าน คือ นักบุญอูบัลโด นักบุญโจร์โจ และนักบุญอันโตนิโย

คนแห่เป็นชาย ถ่ายทอดกันรุ่นต่อรุ่น และมีหลายผลัด เพราะเส้นทางกว่า 2 กิโลเมตรนั้นเป็นทางขึ้นเขากว่าค่อน ใช้ชุดเดียวคงมีการกลิ้งลงเขาอย่างไม่เป็นพิธีแน่นอน

คนแห่เทียนแต่ละต้นแต่งกายไม่เหมือนกัน และการแบ่งว่าใครแห่ต้นไหนนั้น มิได้แบ่งตามถิ่นที่อยู่ แต่ตามประเพณีดั้งเดิมนั้น แบ่งตามอาชีพ ช่างก่อสร้างและช่างสกัดหินจะแห่ต้นเทียนของนักบุญอูบัลโด พ่อค้าและช่างฝีมือแห่ของนักบุญโจร์โจ ในขณะที่ชาวนา เจ้าของที่ดิน และนักเรียนนักศึกษาแห่ของนักบุญอันโตนิโย

เมื่อแห่ไปถึงด้านบนแล้ว เทียนทั้งสามจะประดิษฐานอยู่ที่นั่นระยะหนึ่ง ในขณะที่รูปปั้นของนักบุญทั้งสามจะอัญเชิญลงมา พร้อมกับขบวนคบไฟและการร้องเพลงบูชา 

ว่ากันว่า หากผู้ใดได้ร่วมงานวิ่งเทียนนี้ครบ 3 ครั้ง จะได้ใบประกาศนียบัตรพลเมืองกิตติมศักดิ์ของกุบบิโยกลับไป

แต่ท้ายที่สุดแล้ว จองไฟคริสต์มาสก็ไม่ทัน วิ่งเทียนก็ไม่ได้ กุบบิโยยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมให้ทำ แถมยังได้ใบประกาศนียบัตรโดยไม่ต้องมาร่วมงานถึง 3 ปี สนใจไหมล่ะ

ที่กุบบิโยมีน้ำพุอยู่แห่งหนึ่ง เรียกโดยชื่อว่า น้ำพุบาร์แจลโล (Fontana del Bargello) สำหรับเราอาจจะดูน่ารักดี แต่ก็ดูไม่ต่างจากน้ำพุแห่งอื่นในอิตาลีเท่าใดนัก

เรื่องของเรื่องคือ หากใครวิ่งรอบน้ำพุแห่งนี้ 3 รอบโดยมีชาวกุบบิโยยืนเป็นประจักษ์พยานและประพรมน้ำจากบ่อด้วย ก็จะได้ใบประกาศนียบัตร ‘คนเพี้ยน’ ไป บ้างก็ว่าต้องตะโกนสามครั้งว่า ‘ฉันมันเพี้ยน’ ด้วย บ้างก็ไม่ประพรมล่ะ กวักน้ำในน้ำพุสาดกันเลย

Gubbio เมืองอิตาลีที่มีต้นคริสต์มาสสูงสุดในโลก งานวิ่งเทียน และน้ำพุคนเพี้ยน
Gubbio เมืองอิตาลีที่มีต้นคริสต์มาสสูงสุดในโลก งานวิ่งเทียน และน้ำพุคนเพี้ยน
ภาพ : www.travelstales.it

ว่ากันว่า ต้นกำเนิดของใบประกาศฯ นี้ เป็นการล้อเลียนพลเมืองกิตติมศักดิ์ที่ได้จากการวิ่งเทียนนั่นเอง ส่วนใบประกาศฯ นั้น ตอนแรกก็ต้องได้จากสมาคมชาวกุบบิโย แต่ปัจจุบันนี้ท่านจะหาเอาจากร้านขายของที่ระลึกก็ได้ แหม ของคนเพี้ยนจะจริงจังอะไร อ้อ น้ำพุนั่นคนก็เลยพลอยเรียกว่า ‘น้ำพุคนเพี้ยน’ (Fontana dei Matti) ไปด้วยแล้วนะ

ไงล่ะ อยากไปกุบบิโยกันหรือยัง ☺

ข้อมูลอ้างอิง 

www.adottaunaluce.it 

www.facebook.com/events/552196062522962/?ref=newsfeed

www.alberodigubbio.com/ 

www.ceri.it/

corrieredellumbria.corr.it/news/gubbio/180134/Ceri–programma-e-percorso-.

htmlinitalia.virgilio.it/gubbio-chiamata-citta-dei-matti-35316

Writer

Avatar

สรรควัฒน์ ประดิษฐพงษ์

‘ครูก้า’ ของลูกศิษย์และลูกเพจ ผู้เชื่อ (ไปเอง) ว่าตัวเองเป็นครูสอนภาษาอิตาเลียนมือวางอันดับหนึ่งของเอเชียอาคเนย์ หัวหน้าทัวร์ผู้ดุร้าย นักแปลผู้ใจเย็น ผู้เชิดหุ่นกระบอกมือสมัครเล่น และนักเขียนมือสมัครเล่นเข้าไปยิ่งกว่า