1 มิถุนายน 2019
85 K

ตื่นเช้ามากับเสียงไก่ขัน เดินไปรดน้ำต้นไม้ที่ปลูกไว้รอบบ้าน พอเที่ยงๆ ก็ออกไปเก็บผักและเห็ดปลอดสารพิษมาทำกับข้าวอร่อยๆ กินกับครอบครัว เชื่อไหมว่านี่ไม่ใช่เรื่องราวชวนฝันของชาวบ้านต่างจังหวัดที่ไหน แต่เป็นวิถีชีวิตที่เกิดขึ้นจริงๆ ใน ‘สวนผักบ้านคุณตา’ (Grandpa Urban Farm) ฟาร์มออร์แกนิกและศูนย์การเรียนรู้กลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่ 100 ตารางวา ที่เดินลัดเลาะมาจากสถานีรถไฟฟ้าบางจากได้ในเวลาเพียง 5 นาที

บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน

“ไม่น่าเชื่อว่าในกรุงเทพฯ จะมีที่แบบนี้ด้วย” เราเอ่ยปากบอก ปลายฟ้า–กรรณชนิก หุตะแพทย์ หลานสาวคุณตาเจ้าของบ้านคนแรก และ คุณพ่อคมสัน หุตะแพทย์ ด้วยความทึ่ง ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านไม้สีขาว-ฟ้าอายุราว 50 ปีของพวกเขา

บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน

แม้จะเป็นบ้านที่อยู่ติดกับซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่และอยู่ห่างจากทางด่วนเพียงไม่กี่สิบเมตร แต่พวกเขายังคงรักษาวิถีชีวิตแบบพึ่งพาตนเองด้วยการทำเกษตรปลอดสารพิษได้อย่างน่าชื่นชม แถมยังส่งต่อองค์ความรู้เหล่านี้เป็นหลักสูตรและคลาสเรียนที่เข้าใจง่ายและเป็นกันเองสำหรับคนในชุมชน เด็กๆ และผู้ที่สนใจอยากให้บ้านตัวเองมีสวนผักย่อมๆ บ้างเหมือนกัน

01

ลงหลักผักฐาน

“บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณตาฟ้าเอง ปีนี้คุณตาอายุครบหนึ่งร้อยปีพอดีเลย” ปลายฟ้าเริ่มเล่าเรื่องราวเก่าแก่ของบ้านหลังนี้ให้เราฟัง พร้อมกับคุณพ่อคมสันที่นำน้ำอัญชันปลอดสารพิษเย็นชื่นใจมาต้อนรับเราอย่างใจดี “แต่ตอนนี้คุณตาย้ายไปอยู่อีกบ้านหนึ่งกับแม่แล้ว มีแค่ฟ้ากับพ่อที่อยู่บ้านหลังนี้ เราจึงตั้งชื่อมันว่า สวนผักบ้านคุณตา หรือ Grandpa Urban Farm เพื่อเป็นเกียรติให้เขา”

ปลายฟ้าเล่าว่า ตอนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม พ.ศ. 2554 เธอ คุณพ่อ คุณตา และสมาชิกครอบครัวทั้งหมด ได้ย้ายมาอยู่ในบ้านหลังนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่หนักเท่าที่อื่น แต่หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม กรุงเทพฯ ก็เกิดวิกฤตเรื่องอาหารอย่างหนัก ทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และข้าว ล้วนขาดตลาด จุดนั้นเองที่ทำให้เธอตระหนักว่าการเป็นคนเมืองที่พึ่งพาทรัพยากรอาหารจากโลกภายนอกไม่ใช่วิถีชีวิตที่ยั่งยืน เพราะเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติ คนเมืองกลับผลิตอาหารเองไม่ได้เลย

บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน

“เมื่อก่อนตอนเราเด็กๆ บ้านเราเคยปลูกผักกินเองอยู่แล้ว พอหลังน้ำท่วมก็เห็นว่าบ้านหลังนี้มีแปลงผักอยู่พอดี ครอบครัวเราจึงเริ่มปลูกผักและปลูกข้าวกินกันเองอีกครั้ง ปลูกมันในเมืองนี่แหละ” เธอเล่าด้วยรอยยิ้ม

“พอมันเวิร์ก ปลูกผักแล้วได้ผลผลิตดีขึ้น เราเลยทำเป็นรถที่ออกไปให้ความรู้กับคนในละแวกนี้ ทั้งชุมชน วัด โรงเรียน พอคนเริ่มรู้จักมากขึ้น เลยเริ่มติดต่อมาขอเรียน ขอดูสถานที่ หลังจากนั้นเราจึงเปิดเป็นศูนย์การเรียนสวนผักบ้านคุณตาอย่างเป็นทางการ”

บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน
บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน
บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน
02

ในน้ำมีปลา ในบ้านคุณตามีข้าว

สวนผักบ้านคุณตามีพื้นที่ทั้งหมด 100 ตารางวา โดยแบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็นบริเวณของตัวบ้าน ที่ตรงห้องนั่งเล่นยังเป็นห้องเรียนเล็กๆ สำหรับวันไหนที่มีการเปิดสอน ส่วนที่เหลือเป็นแปลงผัก 3 แปลง ปลูกผักหมุนเวียนไปตามฤดูกาล เช่น ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า โหระพา แขนง และผักแพ้ว ติดกันนั้นเป็นซุ้มผักเลื้อยสำหรับปลูกแตงกวา บวบ ฟักทอง และถั่วพู ถัดมาเป็นโรงเลี้ยงไก่ โรงเพาะเห็ด บ่อเลี้ยงไส้เดือนกำจัดขยะ บ่อซีเมนต์สำหรับปลูกข้าวทั้งหมด 10 บ่อ ซึ่งสามารถปลูกข้าวได้ประมาณ 40 กิโลกรัมต่อปี แถมมีเครื่องสีข้าวเองด้วย! เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องออกไปซื้อวัตถุดิบทำกับข้าวที่ไหน เพราะแค่เก็บเอารอบบ้านก็มีสารอาหารครบ 5 หมู่แล้ว

ปลายฟ้าบอกเราว่า สำหรับใครที่ไม่ได้มีพื้นที่รอบบ้านเยอะ อาจจะอยู่ตึกแถวหรือคอนโดฯ ก็สามารถปลูกผักแนวตั้งได้ ซึ่งเธอก็มีแปลงผักแนวตั้งของเธออยู่ข้างบ้านไว้เป็นตัวอย่างให้ดูเหมือนกัน

สวนผักบ้านคุณตา

“จริงๆ สวนผักแนวตั้งนี่สามารถปลูกผักได้ทุกชนิดเลยนะ ขอแค่ให้มันไม่สูงหรือหนักจนเกินไปก็เท่านั้น ส่วนพวกกระถางก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้ออะไรแพงๆ ดูอย่างที่นี่เราก็เอาวัสดุเหลือใช้ เช่น อ่างล้างมือเก่า ขวดน้ำ แกลลอน อ่างน้ำที่รั่วแล้ว ยางรถยนต์ จนไปถึงโถส้วม กลับมาใช้ใหม่เป็นกระถางต้นไม้ได้”

“โห” เราเผลอลากเสียงยาวเมื่อเห็นว่าเหล่าสุขภัณฑ์ในห้องน้ำได้กลายร่างเป็นกระถางต้นไม้ที่มอบชีวิตใหม่ให้ผักปลอดสารพิษเหล่านี้ได้จริงๆ

“หลายคนไม่คิดว่าในกรุงเทพฯ จะมีอะไรแบบนี้ เราจึงพยายามเป็นบ้านตัวอย่างให้คนในเมืองเห็นว่าถ้ามีพื้นที่แค่หนึ่งร้อยตารางวา เราจะปลูกผักแนวตั้ง หรือจะใช้แค่ชั้นวางของมาปลูกผักก็ได้ มันไม่ได้มีข้ออ้างว่า อยู่ในเมืองแล้วไม่สามารถปลูกผักเอง หรือไม่สามารถหลีกเลี่ยงการซื้อผักจากตลาด แต่มันมีตัวเลือกและวิธีอื่นๆ ที่เราทำได้จริงๆ”

บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน
03

ผัดพลิกแพลง

นอกจากหลักคิดการปลูกผักออร์แกนิกและการพึ่งพาตนเองแล้ว อีกสิ่งที่เราชอบมากๆ จากสวนผักบ้านคุณตาคือความคิดสร้างสรรค์ในการประยุกต์และพลิกแพลงสิ่งรอบตัวที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และรบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด

เนื่องจากคุณพ่อคมสันจบการศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เขาจึงนำความรู้ที่ร่ำเรียนมาประยุกต์เข้ากับวัสดุในบ้านและการทำเกษตรกรรมได้อย่างน่าทึ่ง เช่น การนำจักรยานเก่ามาแปลงเป็นเครื่องจักรที่ถ่ายทอดพลังปั่นเป็นพลังงานสำหรับสปริงเกอร์ แค่ขึ้นไปนั่งปั่นน้ำจากสปริงเกอร์ก็พุ่งออกมารดแปลงผักในทันที โดยที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเลย

บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน

แล้วน้ำที่ใช้รดมาจากไหน เรายิ่งรู้สึกประทับใจกว่าเดิมอีกเมื่อรู้ว่าน้ำที่สวนผักบ้านคุณตาใช้รดแปลงผักนั้นเป็นน้ำประปารียูสจากการล้างมือหรืออาบน้ำในบ้าน ที่นำมาผ่านเครื่องกรองและกักเก็บไว้ในบ่อน้ำด้านล่าง เพราะฉะนั้น การรดน้ำแปลงผักของที่นี่จึงไม่สิ้นเปลืองทั้งพลังงานไฟฟ้าและทรัพยากรน้ำ

คุณพ่อคมสันยังนำความรู้ด้านการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มาช่วยลดค่าไฟและประหยัดพลังงานไฟฟ้าในฟาร์ม โดยปัจจุบันสวนผักบ้านคุณตามีแผงโซลาร์เซลล์ติดตั้งอยู่รอบบ้านกว่า 10 แผง

บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน
บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน
04

อบรมชมวิว

เราบอกกับปลายฟ้าว่า สวนผักบ้านคุณตาไม่ได้เป็นแค่เพียงฟาร์มปลูกผักธรรมดาๆ แต่ยังรวบรวมองค์ความรู้ด้านเกษตรกรรมมากมายที่คนเมืองอย่างเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย เธอยิ้มและพยักหน้าตาม พร้อมบอกว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอและพ่ออยากนำความรู้เหล่านี้มาถ่ายทอดออกมาเป็นหลักสูตรอย่างจริงจัง

“ตอนนี้เรามีเปิดสอนอยู่หลักๆ สามเรื่อง คือหนึ่ง เรื่องการปลูกผักปลอดสารพิษ สอนตั้งแต่ทฤษฎี หลักการ หันแปลงไปทางไหน ใช้วัตถุดิบอะไร พอภาคบ่ายก็ปฏิบัติจริง เช่นลองเพาะกล้า ทำปุ๋ยหมักชีวภาพจากเศษผัก ผลไม้ ลงแปลงผัก วัดขนาดแปลง รดน้ำ นี่คือหนึ่งวันนะ อัดแน่น แต่ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรขนาดนั้น (หัวเราะ) จะมีการพัก แบ่งปันและแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์กันด้วย”

นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์สำหรับการเกษตรโดยคุณพ่อคมสัน และหลักสูตรสอนทำสบู่ แชมพู และน้ำมันหอมระเหย จากวัตถุดิบธรรมชาติด้วย

บ้านไม้สีขาว-ฟ้ากลางกรุง ศูนย์การเรียนเรื่องเกษตรที่สร้างทางเลือกให้คนเมืองมีสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่รอบบ้าน
สวนผักบ้านคุณตา : Urban Farm ที่เปิดหลักสูตรสอนให้ทุกคนมีสวนผักย่อมๆ
สวนผักบ้านคุณตา : Urban Farm ที่เปิดหลักสูตรสอนให้ทุกคนมีสวนผักย่อมๆ
05

เรียบง่ายและแท้จริง

ทั้งปลายฟ้าและคุณพ่อคมสันต่างก็มีงานประจำที่ต้องออกไปทำทั้งคู่ แต่พวกเขาก็เลือกจะแบ่งเวลามาปลูกผักและทำการเกษตร ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลในระยะยาวต่อจิตใจ ความสัมพันธ์ และสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้

“ตอนแรกเคยมีปากมีเสียงกันว่าทำไมเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตก็อยู่ข้างบ้านเรา จะทำทำไมเหรอ ทำไมต้องมาตากแดดตากฝน ดำก็ดำ ผิวก็เสีย พ่อก็เหนื่อย แล้วการปลูกผักต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก ต้องรดน้ำ ต้องถอนวัชพืช ย้ายเข้าย้ายออกเพื่อให้ได้รับแสงแดดที่เหมาะสม จนเคยถามตัวเองเหมือนกันว่า เราต้องทำเหรอ” เธอหยุดและพูดต่อ

สวนผักบ้านคุณตา : Urban Farm ที่เปิดหลักสูตรสอนให้ทุกคนมีสวนผักย่อมๆ

“แต่พอทำแล้วเราเข้าใจว่ามันได้ประโยชน์ต่อตัวเราเอง หนึ่งคือ เรื่องของสุขภาพ เราไม่ต้องกินสารเคมีเข้าไป แล้วก็เรื่องของการได้ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว พ่อมาทำ เราก็มาช่วยพ่อดูแล เป็นการปลูกฝังลูกๆ ตั้งแต่เด็กด้วยว่าเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้างนอกนะ เราพึ่งพาตนเองได้ ไม่ต้องไปเสียเวลาให้มันฟุ่มเฟือย ในเมื่อเราทำเองได้ ทำไมเราไม่ทำเอง”

สวนผักบ้านคุณตา : Urban Farm ที่เปิดหลักสูตรสอนให้ทุกคนมีสวนผักย่อมๆ

คุณพ่อคมสันยังเสริมด้วยว่า

“ปัจจุบันนี้คนเมืองอย่างเราอยู่ในชีวิตที่ต้องรับจ้าง เป็นพนักงาน แล้วเอาเงินมาซื้ออาหาร มันแพงและไม่ปลอดภัย แถมสุ่มเสี่ยงด้วย ถ้าวันหนึ่งเขาเลิกขาย เกิดวิกฤตน้ำท่วมอีก คนเมืองก็ไม่มีทางเลือก แต่ถ้าเราปลูกกินเอง เราก็บรรเทาได้ระดับหนึ่ง การปลูกผักยังทำให้เราได้ละวางจากความเคยชินที่ส่วนใหญ่อยู่แต่กับมือถือ อินเทอร์เน็ตด้วย ผมคิดว่ามันเป็นแค่โลกเสมือนจริง แต่ที่นี่เราอยู่ในโลกที่เป็นจริง อยู่กับคนที่เห็นหน้ากัน การทำกิจกรรมแบบนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของคนดีขึ้น แล้วถ้าต่อไปถ้าโลกเราเจอวิกฤตอาหาร เราจะต่อสู้กับมันได้ แถมการปลูกผักยังช่วยประหยัดพลังงาน ไม่ต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมีขยะน้อยลงด้วย มันคือการดำรงชีวิตที่เรียบง่ายและแท้จริง”

สวนผักบ้านคุณตา : Urban Farm ที่เปิดหลักสูตรสอนให้ทุกคนมีสวนผักย่อมๆ

Facebook : @grandpaurbanfarmTH

Website : www.grandpaurbanfarm.com

Writer

Avatar

พัทธมน วงษ์รัตนะ

อดีตนักศึกษาเอกภาษาเยอรมันผู้ชอบตีเนียนเป็นคนโลคอลเวลาไปเที่ยว สนใจเรื่องวัฒนธรรม และสนุกกับความคิดค้างๆ คาๆ เวลาได้ดูหนังจบปลายเปิด

Photographer

Avatar

ณัฎฐาจิตรา ชินารมย์รัตน์

ช่างภาพที่ชอบการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลงและหลงรักในความทรงจำ