เรารู้จัก Good Nature ครั้งแรกจากเรื่องราวบรรจุภัณฑ์ไทยที่คว้ารางวัลระดับโลกด้วยการออกแบบที่สะดุดตาจากรูปทรงเหมือนรังมดแดง และเรื่องราวที่สะดุดใจ เพราะรังสรรค์ด้วยด้วยใบไม้ที่ร่วงหล่นใต้ต้นส้มจากฝีมือของชุมชนท้องถิ่น แล้วย่อยสลายกลับคืนสู่ธรรมชาติได้ทั้งหมด
แต่ ‘Good Nature’ ไม่ใช่บริษัทด้านการออกแบบ ไม่ได้จำหน่ายบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับชาวภูมิแพ้อย่าง ‘ลิโมนีนสเปรย์’ ที่ช่วยให้ห้องหอมสดชื่นและจมูกโล่งในเวลาเดียวกัน โดย ยอด-ฉัตรชัย ระเบียบธรรม และ แขก-ภิรภร เชษฐาวัฒนานุกุล ผู้เป็นหัวเรือใหญ่บอกเราว่า พวกเขาตั้งใจจะให้ Good Nature เป็นแบรนด์ที่ผลิตสินค้าหลากหลายรูปแบบ ภายใต้แก่นหลักเดียวกัน คือวัตถุดิบต้องดีและปลอดภัยมาตั้งแต่แหล่งปลูก ไปจนถึงปลายทางที่สร้างผลกระทบให้น้อยที่สุด

Goodwill
ย้อนไปก่อนจะมีแบรนด์ Good Nature ยอดเป็นอดีตนักออกแบบผู้ผันตัวมาสู่ที่ปรึกษาด้านธุรกิจให้บริษัทหลายแห่ง และเป็นโค้ชสอนผู้ประกอบการมามากกว่า 20 ปี โดยเน้นการระดมทุนจากภาครัฐและหน่วยงานที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันมาสร้างหลักสูตรให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงความรู้ได้ฟรี ๆ หลายคนจึงรู้จักเขาในฐานะ อาจารย์ยอด ซึ่งแขกเป็นหนึ่งในลูกศิษย์นับพันของยอดเช่นกัน
“เรามีความเชื่อคล้ายกัน คือไม่ได้เกิดมาเพื่อทำประโยชน์ให้ตัวเองคนเดียว แต่เกิดมาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณสมบัติ ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย”

หลังจากนั้น พวกเขาตัดสินใจร่วมกันทำแบรนด์ที่ชื่อว่า Good Nature ขึ้นมาในปี 2023
“Good Nature ไม่ได้แปลตรงตัวว่าธรรมชาติที่ดี แต่หมายถึงคนที่มีพื้นฐานจิตใจที่ดีมาตั้งแต่ต้น ในความหมายของเรา คือเคารพนอบน้อมต่อธรรมชาติ ด้วยการทําตัวถ่อมตนให้เล็กที่สุด”
ความน่าสนใจของธุรกิจนี้ คือพวกเขาไม่ได้ตั้งต้นจาก ‘สินค้าที่อยากขาย’ แต่เริ่มจากการหันกลับมามอง ‘สิ่งที่มี’ ว่านำไปต่อยอดให้เป็นประโยชน์กับผู้คนได้อย่างไรบ้าง ซึ่งต้นทุนของยอดคือความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจและการออกแบบ
ส่วนแขกเป็นทายาทรุ่นสองของสวนส้มปรีชาฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสวนส้มปลอดภัยที่พัฒนามาอย่างยาวนาน


แม้ผลไม้ชนิดนี้จะเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ และส้มในไร่ของเธอก็ขายดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่คุณพ่อของแขกกลับทุ่มทุน 60 ล้านบาทไปกับการวิจัยและพัฒนาสวนส้มปลอดภัย ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะคืนทุนเมื่อไหร่ เพราะอยากเป็นสวนที่ไม่ทำร้ายสุขภาพของคนกินและคนผลิต จนกลายเป็นสวนส้มปลอดภัยเกินค่ามาตรฐาน GAP ของไทย ทั้งยังเป็นสวนส้มแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยในระดับที่ส่งออกต่างประเทศได้
ทว่าข้อจำกัดของการส่งออกต่างประเทศ คือค่าธรรมเนียมการตรวจสอบมาตรฐานที่สูงลิ่ว และคงเป็นเรื่องน่าเศร้าหากเราผลิตส้มปลอดภัยได้ทั้งที แต่ต้องส่งไปยังต่างประเทศเท่านั้น แต่ถ้าขายในประเทศไทยด้วยราคาที่ไม่ต่างจากในตลาดมาก โอกาสคืนทุนก็แสนจะริบหรี่
ดังนั้น โจทย์ของ Good Nature จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าที่ต้นตอการผลิตดีอยู่แล้ว

Good Product
“สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไม่ได้คือผลส้ม แต่สินค้าจะออกมาเป็นอะไรก็ได้ เราไม่ได้ไปจำกัดมัน” ยอดเล่าถึงวิธีแก้โจทย์นั้น ซึ่งพวกเขาได้ร่วมวิจัยกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จนพบว่าความอุดมสมบูรณ์ของสวนส้มปรีชาฝางทำให้สกัดสารลิโมนีนจากผิวส้มได้ถึง 98% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป
สารลิโมนีนที่ว่านี้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบในระบบทางเดินหายใจและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งตอบความต้องการของตลาดในยุคที่ผู้คนกังวลเรื่อง PM 2.5 และหลายคนเป็นภูมิแพ้ที่ต้องทนทุกข์กับอาการคัดจมูก แถมข้อดีของการทำสวนส้มปลอดภัย คือมั่นใจได้ว่าผิวส้มไร้สารเคมีตกค้าง พวกเขาจึงต่อยอดมาเป็นผลิตภัณฑ์แรกคือ ‘ลิโมนีนสเปรย์’ หรือรูมสเปรย์ที่สกัดจากเปลือกส้ม ช่วยให้จมูกโล่งขึ้น สร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมกลิ่นหอมสบายกระจายทั่วห้อง

“ถ้าเข้าไปค้นใน Search Engine หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้วมีผลิตภัณฑ์แนวนี้เต็มไปหมด เราก็คงต้องถอย เพราะตลาดมันเต็ม แต่ลิโมนีนสเปรย์ดันตรงใจกลุ่มเป้าหมาย จากการทํา Sample Test แล้วตลาดมีแต่ยูคาลิปตัสสเปรย์ ซึ่งมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่เหมือนกัน เราเลยเห็นโอกาส ถึงลุยเต็มที่กับตัวลิโมนีนสเปรย์นี้ และล่าสุดก็ได้รับรางวัล CREATIVE BUSINESS AWARDS ด้วย”

“ลิโมนีนสเปรย์ของเราเพิ่มเวอร์ชันทุกปี อย่างปีนี้เป็นเวอร์ชันที่ 2.1 ปลายปีจะเป็นเวอร์ชันที่ 2.2 เราล้อเลียนกันกับงานเทคโนโลยีเช่น iPhone ที่พัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะเราไม่อยากพัฒนาผลิตภัณฑ์ทีเดียวแล้วใช้ไป 5 ปี 10 ปี เพราะพฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป มลภาวะ PM 2.5 เปลี่ยนแปลงไป งบทางการวิจัยของเราอาจจะมีมากขึ้น ดังนั้น เราจะพัฒนาให้ดีขึ้นในทุก ๆ ปี แล้วก็จริงใจที่จะบอกลูกค้าเลยว่าตอนนี้คุณใช้เวอร์ชันที่เท่าไหร่อยู่”
ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของลิโมนีนสเปรย์ คือคนที่มีอาการภูมิแพ้ คนวัยทำงานในเมืองหลวง รวมทั้งแม่และเด็ก ซึ่งกลุ่มแม่และเด็กกลายมาเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้


Good Marketing
แม้ตัวสินค้าจะแข็งแรงและเจาะกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจนแล้ว แต่ทุกแบรนด์ล้วนต้องการขยับขยายและเป็นที่รู้จักของลูกค้าหน้าใหม่ให้มากขึ้น ซึ่งแทนที่จะสร้างเพจ ทำคอนเทนต์เพียงอย่างเดียว พวกเขาทำกลับทำการตลาดด้วยวิธีที่ต่างออกไป
เมื่อยอดเคยเป็นนักออกแบบมือรางวัล ส่วนแขกมีสวนส้มปลอดภัยและแรงงานท้องถิ่นที่ใส่ใจการปลูกส้มทุกขั้นตอน พวกเขาจึงผนึกข้อดีส่วนนี้ออกมาเป็น ‘บรรจุภัณฑ์ผลส้ม’ เพื่อส่งประกวดทั้งในและต่างประเทศ โดยยอดได้แรงบันดาลใจด้านการออกแบบมาจากรังมดแดงที่เป็นตัวแทนของการห่อหุ้มลูกน้อยให้ปลอดภัย และสะท้อนถึงพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ปลอดสารเคมี
บรรจุภัณฑ์ 1 ชิ้นใช้สำหรับส้ม 4 ผล ซึ่งเป็นความเชื่อที่หมายถึงความมั่งคั่ง มีกินมีใช้ตลอดปี เหมาะกับการซื้อฝากหรือเป็นของขวัญอวยพรในโอกาสพิเศษ ซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่ไม่สร้างภาระให้กับโลกอย่าง ‘ใบไม้’ ที่ตกอยู่ใต้ต้นส้ม เพื่อให้ปลายทางย่อยสลายได้ ทั้งยังเป็นทางเลือกใหม่ด้านการกำจัดขยะให้กับเกษตรกรโดยไม่ต้องนำไปเผา
“แพ็กเกจจิงประกอบด้วย 2 ส่วน คือใบไม้ข้างนอกกับตัวกันกระแทกด้านใน เราใช้วัตถุดิบที่เป็นขยะใต้ต้น 100% เพราะสมัยก่อนวิธีการห่อกันกระแทกต้องใช้ถุงตาข่ายหรือใช้ตาข่ายโฟมครอบส้ม แต่เราใช้ใบส้มที่ร่วงอยู่ใต้ต้นทั้งหมด”

“งานของเรามีมิติทางความคิดที่ซับซ้อน ไม่ใช่แค่การบริหาร Waste แต่เป็นการบริหารและจัดการสังคมไปพร้อม ๆ กัน โดยส้ม 4 ผลใช้ใบไม้อย่างน้อยครึ่งกิโลกรัม ซึ่งเป็นใบสด ดังนั้น เรากําจัดขยะใต้ต้นได้มหาศาล และบรรจุภัณฑ์ทุกชิ้นจริง ๆ แล้วทําที่โรงงานอุตสาหกรรมได้ แต่เราเลือกทําด้วยฝีมือแรงงาน 5 ชนเผ่าที่อยู่ในสวนของเรา เพื่อสร้างรายได้ให้กับพวกเขา แม้จะจ่ายแพงกว่า แต่ถือว่าเป็นโบนัสให้กับชุมชน”
แขกเล่าเสริมว่าทั้ง 5 ชนเผ่านี้อยู่กับสวนส้มปรีชาฝางมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย และทำสวนด้วยความใส่ในใจทุกขั้นตอน การผลิตบรรจุภัณฑ์ส้มจึงเป็นเหมือนรายได้เสริมจากสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยและถนัดเป็นทุนเดิม
“พวกเขาเติบโตและทํางานกันมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน พวกเขามีความรักในการทําสวน เช่น เอากระสอบปุ๋ยมาเย็บเป็นกระเป๋าสะพาย เวลาเก็บส้มจะได้ใส่ในถุงนี้ก่อนเพื่อไม่ให้ส้มช้ำ แล้วก็ถือเอาไปเทในตะกร้า มันคือความใส่ใจที่พวกเราพยายามปกป้องผลผลิตของเรา” แขกเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เราอยากจะสนับสนุนให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้สมกับที่เขาเป็นบุคลากรที่ช่วยเหลือเรามาตลอด”


ความพิเศษของบรรจุภัณฑ์ส้มแสนเก๋ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในมุมผู้บริโภคเอง นอกจากความสวยงาม เป็นสิริมงคลแล้ว ในแง่การใช้งาน สีของใบไม้ที่ห่อหุ้มภายนอกยังบ่งบอกอายุของผลส้มได้ว่าอยู่ในระยะกำลังอร่อยหรือกำลังจะเหี่ยวเฉา ซึ่งท้ายที่สุดเมื่อแกะออกมาใช้งานแล้วก็ย่อยสลายกลับสู่ดินได้เช่นเดิม
“ตอนนี้เราได้รับรางวัลระดับโลกมาอย่างน้อย 3 รางวัลแล้ว” ยอดเอ่ยด้วยความภูมิใจ พร้อมกับบอกว่าการประกวดครั้งนี้ทำให้คนหันมาสนใจ Good Nature มากกว่าชื่อแบรนด์ แต่ยัง ‘เข้าใจ’ และเห็นภาพความตั้งใจของแบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นอีกด้วย
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นับว่า Good Nature เดินทางอย่างรวดเร็ว แต่เข้มข้นและศึกษาอย่างลงลึก ซึ่งเราเชื่อว่าในอนาคตคงจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้ได้อุดหนุนกันต่อไปอย่างแน่นอน เพราะเรื่องราวความสำเร็จและการคว้ารางวัลของพวกเขาไม่ใช่หมุดหมายปลายทางสุดท้าย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอีกยาวไกลที่น่าติดตามอยู่ไม่น้อย

