25 พฤษภาคม 2023
6 K

ก่อนตัวละครในโลกแอนิเมชันอันโด่งดังจาก Studio Ghibli จะมาปรากฏจริงตรงหน้าชาวไทยในงานนิทรรศการ ‘The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok 2023’ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน พ.ศ. 2566 เราเดินทางไปยัง Ghibli Museum, Mitaka ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเก็บความสนุกเรียกน้ำย่อยมาให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกันก่อน

ว่าแต่ ได้ยินเสียงนั้นไหม กริ๊ง ๆๆๆ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์เริ่มสั่นกระดิ่งแล้ว เธอหันหน้าไปทางแถวยาวเหยียดของแขกผู้มาเยือนในรอบเช้า เสียงกระดิ่งดังเป็นสัญญาณของการต้อนรับทุกคน และจะดังไปตลอดจนกว่าเธอจะเดินทั่วพิพิธภัณฑ์ เอาล่ะ! ยินดีต้อนรับสู่โลกของ Ghibli ที่ทุกคนรอคอย

Kazuki Anzai, Managing Director Ghibli Museum, Mitaka

(อาจารย์ฮายาโอะ มิยาซากิ อธิบายถึงการออกแบบพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เอาไว้ใน This is the Kind of Museum I Want to Make)

เคยสงสัยไหม ทำไมตัวละครเดิม ๆ อย่างเพื่อนตัวโตสีเทากับรอยยิ้มกว้าง แม่มดน้อยโบแดงกับแมวสีดำ ปราสาทเดินได้ เด็กชายกับน้องสาวและขนม 1 กระป๋อง ที่อยู่ในหนังเรื่องเก่าถึงยังไม่เก่าเกินจะลืม

ทำไมผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ถึงยังตื่นเต้นกับการไป Ghibli Museum, Mitaka ทั้งที่ชื่อของสตูดิโอมีมายาวนานชนิดที่ไม่ว่าคุณจะเป็นชาวยุค 80 หรือวัยรุ่นยุค 2000 ก็ยังรู้จัก ไม่ใช่เพราะความน่ารักเพียงอย่างเดียว แต่เพราะ อาจารย์ฮายาโอะ มิยาซากิ 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้ง Studio Ghibli รู้ดีกว่าใครว่า ‘ความเป็นเด็ก’ ฝังแน่นอยู่ในตัวทุกคน และนี่คือช่วงวัยที่สำคัญที่สุด

อาจารย์ฮายาโอะต้องการให้เด็ก ๆ ดื่มด่ำกับช่วงชีวิตที่สนุกสนาน ณ ปัจจุบัน และปลดปล่อยผู้ใหญ่ให้หวนคืนสู่ช่วงวัยไร้กรอบที่เก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจอีกครั้ง

ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่มีกฎระเบียบใด ๆ มีเพียงคำแนะนำจากเราอยู่ 2 – 3 ข้อ ถ้าผู้ใหญ่ทำได้ คุณจะสัมผัสถึงเป้าหมายอันแท้จริงของผู้สร้าง รวมถึงค้นพบ ‘ความลับ’ ที่ถ้าไม่คิดแบบเด็ก จะไม่มีวันได้เจอ

  1. คิดแบบเด็ก
  2. ทำแบบเด็ก
  3. จงเป็นเด็กอีกครั้ง

คาซึเฮะ ชิซึคุอิชิ (Kazuhei Shizukuishi) คือไกด์ของเราในวันนี้ เขาทำงานที่ Ghibli Museum มานานถึง 7 ปี เป็นพี่ชายแสนดีที่ชื่นชอบ Ghibli มาตั้งแต่เด็ก พร้อมกันนั้นเรายังได้รู้จักกับ มินมิน จาก Studio Ghibli เธอคือคุณแม่ผู้น่ารักที่ทำให้เราหัวเราะและเอนจอยกับการชมพิพิธภัณฑ์แบบสุด ๆ

แต่บอกก่อนว่า ปกติแล้วภายใน Ghibli Museum, Mitaka จะไม่มีทัวร์และไม่มีเส้นทาง คุณจะเริ่มเดินจากทางไหนก่อนก็ได้ และเดินจนหลงไปจบที่ส่วนไหนก็ไม่มีใครว่า แต่หากต้องการความช่วยเหลือ พวกเขามีสตาฟประจำการทุกจุด เพื่อดูแลเด็ก ๆ อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ

ทักทายโตโตโร่จาก My Neighbor Totoro เสร็จ เราก็เดินท่ามกลางบรรยากาศฝนตก ชมวิวต้นไม้เขียวชอุ่มที่ปกคลุมอาคารและพื้นที่ส่วนใหญ่เพื่อเข้าสู่โถงต้อนรับ ภายในห้องอบอวลไปด้วยแสงนวลจากดวงอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง ตรงกลางห้องคือภาพวาดฝาผนังของต้นไม้ที่ออกดอกออกผลมาหลากหลายสายพันธุ์ 

สังเกตดี ๆ มีน้องซัตสึกิกับน้องเมวิ่งเล่นอยู่ด้วย! และนั่นโตโตโร่กับกิกิ!

ในจุดนี้ สตาฟจะเริ่มแจกตั๋วสำหรับชมหนังสั้นในห้องฉายภาพยนตร์ ‘Saturn Theater’ ตัวตั๋วทำจากฟิล์ม 35 มม. ของจริง แถมแต่ละคนยังได้ลายไม่ซ้ำ เพราะเป็นการสุ่มแจก เราได้น้องโปเนียวจาก Ponyo

ลงบันไดไปที่ชั้นล่าง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือโถงขนาดใหญ่ เพดานกระจกใสรับแสงสูงขึ้นไปถึงชั้น 2 กลางอาคารมีสะพานเชื่อมสองฝั่ง ศิลปะบนกระจกสีทั่วพิพิธภัณฑ์ต่างมีตัวละครดังซ่อนอยู่ ทุกการตกแต่งภายในช่างให้ความรู้สึกคุ้นตา เพราะทั้งหมดมาจากภาพยนตร์ของอาจารย์ฮายาโอะที่เราเคยดู และตอนนี้ ผู้มาเยือนทุกคนก็ได้กลายเป็นตัวละครในโลกแห่งแอนิเมชันแล้ว

“เข้ามาแล้วคุณรู้สึกยังไงบ้างครับ” คาซึเฮะถาม แน่นอน คำตอบคือ อบอุ่น

“จะเห็นว่าเกือบทั้งหมดทำจากไม้ ไม่ว่าจะพื้น ประตู หน้าต่าง ตู้โชว์ หรือของตกแต่ง เพราะเราอยากให้คุณสัมผัสถึงความอบอุ่นจากไม้ คุณจะรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน โดยเฉพาะตอนที่คนไม่เยอะ” เขาบอก แต่ด้วยความน่าชมของตัวพิพิธภัณฑ์เอง ใน 1 วัน พวกเขาจึงมีแขกมาเยือนเต็มทั้ง 4 รอบ รวมกว่า 2,000 คนจากทั่วโลก ตั้งแต่ 10.00 – 18.00 น. ของทุกวัน (ปิดบริการวันอังคาร)

“ผมเลือกไม่ได้เลยว่าชอบหนังเรื่องไหนเป็นพิเศษ” คาซึเฮะตอบหลังจากที่เราถามถึงหนังเรื่องโปรดของเขา

“ของฉันคือ My Neighbor Totoro เพราะฉันนั่งดูกับลูก ๆ อีก 2 คน หนังของ Ghibli ทำให้ฉันทึ่งทุกครั้งแม้จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกเขามีข้อความบางอย่างสอดแทรก นอกจากแค่ความงดงามและความน่ารักของตัวละคร” มินมินบอกกับเรา เธอคือคุณแม่ช่างสังเกต และสาเหตุที่เธอชอบหนังเรื่องนี้ก็เพราะมีเนื้อหาเชื่อมโยงไปถึงครอบครัว รวมถึงชีวิตของเด็ก ๆ ที่ดูแลโดยคุณพ่อที่ต้องทำงาน ขณะที่คุณแม่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล

ก่อนขึ้นไปชั้นบน เราเห็นเก้าอี้ตัวหนึ่งตั้งอยู่หน้าบันได ทำไมมันถึงตั้งอยู่ตรงนี้ มีอะไรพิเศษ เราถามคาซึเฮะ แต่เขาตอบไม่ตรงคำถาม

“ถ้าคุณสงสัย ทำไมไม่ลองเข้าไปนั่งดูล่ะครับ” อีกฝ่ายตอบอย่างสุภาพ ส่วนเราลังเลก่อนจะเดินเข้าไปนั่ง

เราจะไม่บอกคุณว่ามีอะไรอยู่ตรงเก้าอี้ คุณจะค้นพบก็ต่อเมื่อได้นั่ง และลองจินตนาการดูว่าเด็ก ๆ จะทำอะไร พวกเขาจะหันหัวหันตัวไปรอบทิศด้วยความอยากรู้ และเมื่อนั้นคุณจะร้องว้าว! เหมือนที่เราเป็น

“ดีใช่ไหมครับ ที่นี่ออกแบบมาเหมือนเขาวงกต เพราะเด็ก ๆ จะได้วิ่งไปทุกที่ พวกเขาจะค้นพบความลับของพิพิธภัณฑ์ และเห็นสิ่งน่าสนใจที่พวกเราไม่เห็น ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ใช้ชีวิตในช่วงวัยของเขาอย่างเต็มที่ ลืมกรอบที่สังคมกำหนด ลืมว่าคุณเป็นผู้ใหญ่ แล้วมาสนุกกับที่นี่ให้เต็มที่ดีกว่า

“สำหรับผม อาจารย์ฮายาโอะสร้างหนังเพื่อเด็ก ดูหนังของอาจารย์ให้เห็นชีวิต แล้วปล่อยให้เด็ก ๆ ออกไปใช้ชีวิต Let’s lose our ways together กันครับ” คาซึเฮะบอก

เช่นเดียวกับสะพานที่พาดผ่านอยู่บนหัว อาจารย์ไม่ได้สร้างสะพานเพื่อผู้ใหญ่ แต่เขาสร้างเพื่อให้เด็กได้วิ่งเล่นอย่างอิสระ ทุกอย่างในนี้ออกแบบมาด้วยมุมมองอันซุกซนเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง

ของบางอย่างใช้ไม่ได้จริง แต่ทำให้เราได้จินตนาการว่าจะทำอะไร

สิ่งที่อยู่ใกล้กันคือลานหินที่ทำให้เรานึกถึงลานสเกต คงน่าสนุกถ้าได้วิ่งตรงนี้ เอาล่ะ เราเริ่มคิดแบบเด็ก แล้วก็ลองออกวิ่งเบา ๆ ดู พื้นไม่เท่ากัน แต่ไม่อันตราย ทั้งยังเย็นจนน่าลงไปนอนแผ่

“ตรงนี้คือห้องฉายหนัง Saturn Theater ก่อนเข้าชมต้องเอาตั๋วที่แจกตอนแรกมาแสตมป์ เรามีหนังสั้นฉายทั้งหมด 10 เรื่อง ของเดือนนี้คือเรื่อง House Hunting ส่วน Mei and the cat bus จะมีรอบฉายตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน” คาซึเฮะอธิบาย

แปลว่าแต่ละเดือนจะฉายไม่ซ้ำกันเหรอ – เราถาม

“ถูกต้อง ถ้าอยากดูให้ครบก็ต้องมาทุกเดือนจนครบ 10 เดือน แล้วเราก็มี Studio Ghibli Park ที่นาโกยาอีกที่ อาจจะใช้เวลาสัก 1 ปีคงจะครบนะคะ” มินมินตอบพร้อมเสียงหัวเราะ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำเช่นนั้น 

แม้แต่ห้องน้ำก็มีรายละเอียดซ่อนอยู่ที่ผนังและประตู

เราเดินขึ้นลงอย่างไม่มีแผนจนมาถึงห้องจัดแสดงถาวรที่ชั้นล่าง นี่เป็นอีกห้องที่สนุกและ ‘ต้องซน’ อีกแล้ว มีตู้โชว์มากมายตั้งอยู่ภายในห้อง ส่วนใหญ่เป็นการแสดงเทคนิควิธีการสร้างภาพเคลื่อนไหว แต่ความสนุกไม่ใช่เรื่องของการยืนดู เอื้อมมือไปหมุนซะ!

Bouncing Totoro

“เป็นผมจะลองเปิดมันดูนะ” คาซึเฮะยั่วเราอีกครั้งเมื่อเดินมาถึงตู้แสดง Ghibli House ซึ่งทำเป็นรูปบ้านที่มีทั้งบานประตูและหน้าต่างรอให้ใครสักคนเปิดเล่น

“น่ารักที่สุดเลย!” มีอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน เราให้คุณดูนิดเดียวพอ หนึ่งในนั้นคือตุ๊กตาจำลองการทำงานในอดีต เดาว่าชายคนนั้นคืออาจารย์ฮายาโอะ และแน่นอนว่าอีกคนคงจะเป็น อาจารย์มิชิโยะ ยาสึดะ แอนิเมเตอร์และปรมาจารย์ผู้ออกแบบสีทั้งหมดให้สตูดิโอ ส่วนที่เหลือลองเปิดชมเอง

ไปต่อกันที่ชั้นบน คาซึเฮะไม่ปล่อยให้เราขึ้นลิฟต์ เพราะเขารู้ว่าเรากำลังสนใจกรงนกขนาดใหญ่ที่ด้านในเป็นบันไดวนสูงจากชั้น 1 ขึ้นไปถึงชั้น 2 เราเดินขึ้นและค้นพบว่า เราอาจจะอายุมากไปหน่อยกับอะไรที่เวียนหัวแบบนี้ แต่มันก็สนุกดีนะ

บันไดวนขึ้นชั้น 2
มินมินกับหน้าต่างที่รอคนมาเปิด

ที่นี่คือ ‘Cat Bus Room’ ห้องสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 12 ขวบ สถานที่ที่จะได้สัมผัสและลองนั่งรถบัสแมวขนปุยที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด หรือใครอยากลองเล่นกับน้องฝุ่นหรือภูติเขม่าก็ได้ มีให้เล่นเต็มหลุมเลย

สำหรับผู้ใหญ่ที่เข้าไม่ได้ ไม่ต้องเศร้าใจไป เราไปเดินเล่นกันบนดาดฟ้าที่อิงจากเรื่อง Castle in the Sky กันต่อ มีหุ่นยนต์ตัวใหญ่ยืนรออยู่ตรงนั้น

หุ่นยนต์ทำอะไรหายหรือเปล่า

คาซึเฮะนำเราขึ้นไปยังห้องจัดนิทรรศการถาวรที่ชั้น 2 ซึ่งบอกเล่าประวัติและขั้นตอนการสร้างภาพยนตร์แต่ละเรื่อง โซนนี้มีชื่อว่า ‘Where a Film is Born’

ส่วนแรก ‘Where a Film Begins – Preproduction Room’ เป็นห้องของเด็กชายผู้หยิบจับสิ่งรอบกายมาผสมผสานกับจินตนาการจนกลายเป็นภาพวาดบนแผ่นกระดาษ เขาแปะมันไว้บนกำแพงจนเต็ม พร้อมด้วยหนังสือและส่วนประกอบเครื่องบินมากมายที่วางกระจายอยู่ทั่วห้อง ทั้งหมดคือบรรยากาศซึ่งสะท้อนชีวิตของผู้ที่เติบโตมาเป็นหัวเรือใหญ่ของสตูดิโอ

“ของทั้งหมดทำขึ้นมาภายหลัง รวมไปถึงภาพสเกตช์ทั่วห้อง ห้องเขาไม่ได้รกแบบนี้หรอกครับ เพียงแต่เราเอาสิ่งของมาเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจินตนาการของเขามาจากไหนบ้าง และเขาวาดคาแรกเตอร์ตัวละครอย่างไร

“อ้อ! แต่จะมีของจริงอยู่บ้างก็คือรองเท้าคู่นี้” คาซึเฮะชี้ไปที่พื้น นี่คือรองเท้าของอาจารย์ฮายาโอะ

ส่วนที่สอง ‘A Place Where the World is Made – Background Art’ เป็นส่วนที่โชว์การออกแบบและสร้างพื้นหลัง 2 มิติด้วยมือ บนโต๊ะคือสีจริงที่ใช้จนหมดแล้ว

ส่วนที่สาม ‘A Place Where Stories are Told – The Glorious Staging Department’ คือส่วนของการวาดสตอรี่บอร์ด ซึ่งมีแบบก๊อปปี้ให้เราดูทั้งเล่มด้วย

ส่วนที่สี่ ‘Animation Room – Key Animation and Inbetween Drawing’ คือการทำแอนิเมชัน ซึ่งที่ผนังก็มีบรรยากาศการทำงานของพวกเขาวาดเอาไว้

ส่วนที่ห้า ‘Ink and Paint’ คาซึเฮะบอกว่าสีที่ใช้สำหรับระบายตัวคาแรกเตอร์และสีที่ใช้ระบายฉากหลังเป็นสีคนละแบบกัน เนื่องจากตัวละครมีการขยับเยอะทำให้พวกเขาต้องเลือกสีที่ใช่เพียงไม่กี่สีเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน และผู้รับหน้าที่สำคัญในการเลือกสีมาใช้ในทุกเรื่องก็คืออาจารย์มิชิโยะ ยาสึดะ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว

ความสำคัญและความเคารพที่ทุกคนมีต่อเธอสะท้อนผ่านภาพวาดบนผนังที่เราคาดว่าน่าจะเป็นอาจารย์มิชิโยะในวัยสาว

Studio Ghibli ไม่ใช่แค่ผู้สร้างภาพยนตร์อย่างประณีต พร้อมเนื้อหาลึกซึ้งกินใจตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ที่นี่คือแหล่งรวมนักสร้างสรรค์ผู้ผลิตภาพยนตร์ได้งดงามอย่างงานศิลปะชิ้นโบแดง

ก่อนออกจากห้องนิทรรศการ มีเครื่องฉายภาพยนตร์ขนาดเล็กให้หมุนเล่นอยู่ และมินมินก็กำลังหมุนอย่างสนุกพร้อมชวนให้เราเข้าไปเล่นบ้าง

หลังจากนั้น เราได้เข้าไปชมหนังสั้น สำรวจห้องสมุด ออกไปช้อปปิ้งที่ ‘MAMMA AIUTO!’ และหาอะไรทานกันที่ ‘Straw Hat Café’ บอกเลยว่าความสนุกยังไม่หมด แต่ก็หมดเวลาเสียก่อน เราบอกลาคาซึเฮะและมินมิน

“ผมเจอคนจากทั่วโลกมาที่นี่ทุกวัน พวกเขามาด้วยความสุข อยู่ด้วยความสนุกสนาน และกลับไปแบบที่มีความสุขยิ่งกว่าเดิม มันทำให้ผมดีใจมาก และแน่นอนว่าผมดีใจที่ได้เจอคุณ” คาซึเฮะทิ้งท้าย เขาหวังว่าเราจะได้เจอกันอีก ส่วนใครอื่นที่จะมา คาซึเฮะยินดีต้อนรับทุกคนอยู่ที่ Ghibli Museum

คาซึเฮะ ชิซึคุอิชิ (Kazuhei Shizukuishi, Ghibli Museum, Mitaka)

ความประทับใจที่มีต่อ Ghibli Museum ยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น เราได้สนทนากับ ชินสุเกะ โนนากะ (Shinsuke Nonaka) Vice President, Business & Legal Affairs แห่ง Studio Ghibli เกี่ยวกับงานที่เขาทำและความพิเศษของ The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok 2023 ที่จะจัดขึ้น ณ centralwOrld Live ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์

อย่างที่เราเห็นกันว่า หนังเด็ก ๆ ของ Ghibli ล้วนไม่ธรรมดาสักเรื่อง นั่นเป็นเพราะทางสตูดิโอเองพยายามสร้างสรรค์เรื่องใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่สุดในการสร้างภาพยนตร์แต่ละครั้งตามความเห็นของชินสุเกะ

สำหรับตัวเขาเองที่มีส่วนร่วมเป็น Production Office Work ทั้งในเรื่อง Pom Poko, Whisper of the Heart, Princess Mononoke, My Neighbors the Yamadas, Spirited Away และ Howl’s Moving Castle ภาพยนตร์ที่เขาประทับใจและมีอารมณ์ร่วมมากที่สุดคือ Princess Mononoke เพราะเป็นเรื่องเดียวที่ได้ร่วมงานตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหนังเรื่องนี้ยังใช้ทั้งทุนและเวลาในการสร้างมากกว่าเรื่องอื่น ๆ อีก 2 เท่า รวมไปถึงธีมหนังก็แตกต่างจากที่ผ่านมา แต่การได้ร่วมงานกับอาจารย์ฮายาโอะถือเป็นความภูมิใจและความทรงจำที่ตราตรึงใจของชินสุเกะมากที่สุด

“จริง ๆ ผมมีหนังที่ชอบเยอะ แต่นิทรรศการที่จะนำไปจัดแสดงที่ไทยจะมีความแตกต่างจากในพิพิธภัณฑ์อยู่ เด่นที่สุดและชอบที่สุดคือ Castle in the Sky เราจะมีโซนสำหรับปราสาทอยู่บนท้องฟ้า ไซซ์ใหญ่มาก รายละเอียดเยอะ และเป็นครั้งแรกของโลกที่จะมีการแสดงสิ่งนี้ อยากให้ไปชมกันนะครับ โดยเฉพาะแฟน ๆ เรื่อง Castle in the Sky จะต้องชอบแน่ ๆ” ชินสุเกะเล่าปิดท้าย

หลังออกจากพิพิธภัณฑ์ ความเป็นเด็กในตัวเรายังพลุ่งพล่าน รู้สึกว่าเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงช่วยบรรเทาความรู้สึกอยากปลดปล่อยได้ แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจที่ต้องการ 

หากคุณมีโอกาส เราอยากชวนให้ลองมาสัมผัสความสนุกและเอนจอยกับช่วงเวลาปัจจุบันโดยไม่มีโทรศัพท์ดูสักครั้ง (เพราะเขาห้ามถ่ายภาพ) หรือถ้าใครยังหาโอกาสมาญี่ปุ่นไม่ได้ กรกฎาคมนี้ Live Nation Tero จับมือกับ Studio Ghibli ยกนิทรรศการและหนังในวันวานมาให้ถึงใจกลางกรุงเทพฯ แล้ว จองบัตรเข้าชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก Live Nation Tero 

แล้วมาเป็นหนึ่งในโลกของ Ghibli กัน

Ghibli Museum, Mitaka
  • 1-1-83 Shimorenjaku, Mitaka-shi, Tokyo 181-0013, Japan (แผนที่)
  • เปิดทุกวัน (ปิดทุกวันอังคาร) เวลา 10.00 – 18.00 น. ให้บริการวันละ 4 รอบ
  • การเข้าชม Ghibli Museum จำเป็นต้องจองบัตรล่วงหน้าเท่านั้น และต้องมาตามวันและเวลาตามที่จองเอาไว้
    เข้าชมเว็บไซต์เพื่อข้อมูลเพิ่มเติม www.ghiblimuseum.jp/en/ticket_information/
    ซื้อบัตรออนไลน์ทาง LAWSON TICKET: https://l-tike.com/st1/ghibli-en/sitetop

Writer

วโรดม เตชศรีสุธี

วโรดม เตชศรีสุธี

นักจิบชามะนาวจากเมืองสรอง งานประจำเป็นนักฟัง งานพาร์ทไทม์เป็นนักเขียน งานอดิเรกเป็นนักเล่า

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล