The Cloud x Museum Siam
เกาะรัตนโกสินทร์ไม่ได้มีแค่คนไทยเท่านั้น ชาวสยามติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม กับต่างชาติมาเนิ่นนาน ของกินในเมืองเก่าจึงสะท้อนความหลากหลายของอาหารในเมืองไทย ทั้งจานเด็ดจากชาวจีนที่อพยพเข้ามา ชาวเกาหลีที่หลงเสน่ห์เมืองไทย ชาวอินเดียที่รวมกลุ่มกันจนเป็นย่านขนาดใหญ่อย่างพาหุรัด ชาวตะวันออกกลางและยุโรปที่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานในบางกอก และชาวอาเซียนเพื่อนบ้านที่ฝากรสชาติอร่อยประทับใจไว้ให้แผ่นดินสยาม
แหล่งท่องเที่ยวใจกลางบางกอกที่เป็นศูนย์รวมชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าเคยไปเยี่ยมนานาประเทศแล้วรำลึกถึงอาหารไกลบ้าน หรืออยากทำความรู้จักวัฒนธรรมอาหารแปลกใหม่ของชาติอื่นบ้าง เราขอฝากลายแทงร้านอาหารต่างประเทศในเกาะรัตนโกสินทร์ไว้ให้พาลิ้นไปตะลุยชิมรสชาติหลากหลายซึ่งแต่งแต้มวัฒนธรรมอาหารของเมืองไทยให้สนุกเร้าใจ
อาอีซะฮ์ รสดี
อาหารฮาลาลสูตรต้นตำรับจากอินโดนีเซีย

ร้านอาหารอิสลามเก่าแก่ในย่านบางลำพู เปิดมาแล้วกว่า 60 ปี แต่ถ้าเริ่มนับจากสูตรอาหารก็มีอายุร่วมศตวรรษ เพราะเป็นสูตรที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ของเจ้าของร้าน ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลยที่ใครต่อใครต่างบอกว่าต้องมาลองกิน
เมนูที่เราอยากกล่าวถึงคือข้าวหมกเนื้อ เม็ดข้าวสีเหลืองนวล เนื้อเปื่อยยุ่ยเคี้ยวง่าย เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานแก้เลี่ยน ในปริมาณเกินอิ่ม เนื้อสะเต๊ะเองก็รสดีสมชื่อ หรือสำหรับคนที่อยากลองซุปหางวัว ขอแนะนำให้มาตั้งแต่ก่อนเที่ยง เพราะมีน้อยและเด็ดมาก

ใครไม่กินเนื้อ ทางร้านยังมีข้าวหมกไก่ สลัดแขก ก๋วยเตี๋ยว เปาะเปี๊ยะทอด และสารพันอาหารน่ากิน รสชาติเครื่องเทศไม่แรงเกินไป จึงถูกปากคนไทย แถมยังราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพ มาเยือนสักครั้งแล้วจะตกหลุมรักวัฒนธรรมอาหารแดนอิเหนาได้โดยไม่รู้ตัว
ที่อยู่ : 178 ซอยรามบุตรี แขวงตลาดยอด
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น.
ติดต่อ : 08 1307 0654
Jang Teo Korean Restaurant
จิตวิญญาณเกาหลีในเมืองเก่า

ในเมืองเก่าที่มีย่านข้าวสารเป็นแหล่งท่องเที่ยวแสงสีชั้นนำ หากเดินไปในซอยรามบุตรี โปรดสังเกตร้านอาหารเกาหลีที่แอบซ่อนอยู่บนชั้น 2 ของอาคารแห่งหนึ่ง
ร้านเรียบง่ายนี้มีอาหารเกาหลีไม่ธรรมดา เพราะผ่านการต้ม ผัด ทอด โดยเจ้าของร้านชาวเกาหลีเอง เรียกว่าได้รสชาติต้นตำรับจากเจ้าของอาหารกันไปเลย

เมนูนั้นมีให้เลือกทั้งปิ้งย่างและเมนูอาหารทั่วไป อย่างเมนูฮิต บิบิมบับ หรือที่เรามักคุ้นกันในชื่อข้าวยำเกาหลี เสิร์ฟในหม้อหินร้อนๆ อัดแน่นทั้งข้าว ผักต่างๆ เนื้อหมู ซอสเกาหลี พร้อมไข่แดงสดด้านบน คลุกเคล้าให้เข้ากันก็จะได้รสชาติเข้มข้นจากต้นตำรับ โดยทางร้านมีเครื่องเคียงมาให้ทั้งกิมจิ ผักดองไว้แก้เลี่ยน สั่งไก่ทอดซอสเกาหลีกรอบๆ เนื้อแน่นมาทานควบคู่ พร้อมซุปกิมจิร้อนๆ ให้ลื่นคอยิ่งขึ้น รสชาติเข้มข้นเหมือนนั่งกินที่โซลก็ไม่ปาน
ที่อยู่ : Roof Garden Guest House ชั้น 2 ซอยรามบุตรี ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม
เวลาทำการ : จันทร์ – เสาร์ เวลา 10.00 – 22.00 น.
ติดต่อ : 0 2629 0626
Ranee’s Restaurant
รสอิตาเลียนจากพิซซ่าเตาถ่าน

ข้ามฝั่งมาทางอาหารยุโรป ร้าน Ranee’s Restaurant เป็นร้านพิซซ่าเตาถ่านสไตล์อิตาลีที่เปิดมาหลายสิบปี ตั้งอยู่ในตรอกมะยม ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ หรือจะเดินตัดมาจากถนนข้าวสารก็ได้เช่นกัน
ขอแนะนำพิซซ่าหน้าแอนโชวี่ ได้รับความนิยมในหมู่ชาวต่างชาติมากๆ และเนื่องจากอบโดยใช้เตาถ่าน สัมผัสของแป้งจึงแตกต่างจากพิซซ่าอบทั่วไป มีรอยเกรียมกรอบที่ขอบ หอมกลิ่นถ่าน
นอกจากนี้ ยังมีพาสต้าที่ทางร้านทำเส้นเองด้วย ชิมแล้วรู้เลยว่าเส้นเด้งสู้ฟัน ต่างจากเส้นสำเร็จรูปอย่างเห็นได้ชัด บอกเลยว่ารสชาติคุ้มราคาแน่นอน แถมที่ร้านมีที่จอดจักรยานด้วย เหมาะกับนักปั่นรอบเกาะรัตนโกสินทร์ที่อยากหลบหนีความวุ่นวายจากถนนข้าวสารมาทานอาหารโฮมเมดในบรรยากาศผ่อนคลาย
ที่อยู่ : ตรอกมะยม ถนนจักรพงษ์ แขวงตลาดยอด
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 15.00 – 23.30 น.
ติดต่อ : 0 2281 8975
Shoshana
สัมผัสตะวันออกกลางในอาหารอิสราเอล

เปิดประสบการณ์อาหารอิสราเอลสุดหายาก เติมเต็มกระเพาะที่หิวโหยด้วยอาหารแน่นๆ เต็มๆ ในย่านข้าวสาร
ร้านอาหารนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1982 หรือราวสามสิบกว่าปี โดยลูกค้าทั้งเก่าและใหม่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย อาหารของร้านไม่มีเนื้อหมู แต่มีเนื้อไก่ วัว และแกะ ให้เลือกรับประทานสารพัดแบบ รสชาติดีเข้มข้น เหมาะกับคนชอบลองอาหารต่างชาติ โดยเฉพาะเมนูแถบเมดิเตอร์เรเนียน
จุดเด่นของร้านคือรสชาติอร่อย อาหารเสิร์ฟว่องไวรอเพียงไม่นาน เมนูเด็ดของร้านอย่าง Chicken Shawarma ก็มาเสิร์ฟในปริมาณพูนจาน เป็นไก่ผัดเครื่องเทศที่นิยมกินคู่กับแป้งพีต้า (Pita) ร้อนๆ แค่จานนี้จานเดียวช่วยกันกิน 2 คนกับเพื่อนก็ยังจุก คุ้มค่าทั้งในแง่ปริมาณและราคา
ใครไม่เคยลองอาหารตะวันออกกลาง ให้พนักงานในร้านช่วยแนะนำเมนูเด็ดให้ได้ แล้วจะติดใจเมนูจาก Middle East
ที่อยู่ : 86 ถนนจักรพงษ์ แขวงตลาดยอด
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 10.00 – 23.30 น.
ติดต่อ : 0 2282 9948
ภัตตาคาร ยี่เหลา ตั้งจั้วหลี
อาหารแต้จิ๋วโบราณในร้านอายุ 70 ปี

ไม่ต้องไปถึงเยาวราชก็ได้ลิ้มรสชาติอาหารจีนดั้งเดิม เพราะย่านแพร่งภูธรก็มีร้านอาหารจีนเล็กๆ ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารแต้จิ๋วต้นตำรับมาตลอด 70 ปี ด้วยสูตรดั้งเดิมที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น มีทั้งเมนูดั้งเดิมหาทานยาก และเมนูที่ผสมผสานความเป็นไทยเข้าไป ทั้งกุยช่ายราดหน้าเนื้อกวาง มะเขือยาวผัดรากบัวหมูสับหนำเลี้ยบ รวมถึงปลิงทะเลผัดกะเพรา ทุกจานรสเด็ดเข้มข้น ใช้วัตถุดิบสดใหม่คุณภาพดี รักษามาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าต้นตระกูลจะมีเชื้อสายจีนหรือไม่ ก็ถูกอกถูกใจอาหารจีนใต้เหล่านี้ เป็นร้านเด็ดบริเวณสามแพร่งที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด

ที่อยู่ : 57 ถนนบำรุงเมือง แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 09.00 – 21.00 น.
ติดต่อ : 0 2225 9670
ขนมจีนไหหลำโกหลุน
เมนูไหหลำแห่งย่านศาลเจ้าพ่อเสือ

อาหารแต้จิ๋วออกโรงไปแล้วอย่างนี้จะให้ขาดอาหารไหหลำก็กระไรอยู่ หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกับอาหารไหหลำ เพราะเป็นอาหารที่หากินได้ยากและมีจำนวนนับนิ้วได้
ขนมจีนไหหลำโกหลุนเป็นร้านขนมจีนไหหลำแท้ๆ ควรค่าแก่การลอง ขนมจีนมีให้เลือก 2 แบบ คือน้ำใสที่จะใส่หมูสด กับน้ำข้นที่ใส่หมูตุ๋น เส้นที่ใช้จะใหญ่กว่าขนมจีนทั่วไป คล้ายกับเส้นอุด้งของญี่ปุ่น เวลากินจะหนึบหนับเคี้ยวสนุก และมีข้อดีคือจะไม่อืด เก็บไว้ได้นาน ทำให้นิยมซื้อเป็นถุงหิ้วกลับไปกินที่บ้าน
คำแนะนำคือ ฝึกวิชาคีบตะเกียบมาให้ดี และถ้าอยากสูดเส้นให้ได้อรรถรส อย่าใส่เสื้อสีขาวมากิน!
ที่อยู่ : ถนนมหรรณพ แขวงเสาชิงช้า
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 07.00 – 15.00 น.
ติดต่อ : 08 9010 2123
Tony’s Restaurant
อาหารอินเดียใต้ในย่านพาหุรัด

มาถึงพาหุรัดทั้งทีไม่ควรพลาดอาหารอินเดียด้วยประการทั้งปวง เดินเข้าตรอกเล็กๆ ตรงข้ามศาลเจ้าแม่ทับทิมมาจนสุดซอย จะมีร้านอาหารอินเดียร้านหนึ่งอยู่บนถนนเลียบคลอง บรรยากาศร้านอาจดูดิบไปสักหน่อย แต่รับประกันความอร่อยจัดจ้านในย่านนี้
Chicken Masala เป็นเมนูกินง่าย และเหมาะกับคนที่กำลังหัดกินอาหารอินเดีย เป็นสตูว์เนื้อไก่ที่เอาไปตุ๋นต้มกับเครื่องเทศที่เรียกว่า Masala รสชาติจัดจ้านและหอมกลิ่นเครื่องเทศ วิธีกินให้ใช้แป้งโรตีตักสตูว์กินคู่กันเพื่ออรรถรสที่ดียิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์หรือทานมังสวิรัติ ขอแนะนำ Palak Paneer เป็นแกงผักโขมต้มกับ Indian Cheese มีจุดเด่นที่ความหอมมันของชีสที่ไม่เหมือนทั่วไป และไม่เหม็นเขียว เพราะมีเครื่องเทศมาช่วยตัดกลิ่น เป็นอีกเมนูที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ ทุกเมนูกินคู่กับแป้งโรตีร้อนๆ หอมกรุ่น รับรองว่าหลงรักอินเดียแน่ๆ จ้ะนายจ๋า
ที่อยู่ : 64/1 ซอยริมคลองโอ่งอ่าง แขวงวังบูรพาภิรมย์
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น.
Panjab Sweets
ขนมอินเดียหวานจับใจของชาวซิกข์

ร้านขายขนมหวานอินเดียในซอยข้างอินเดียเอ็มโพเรียม ข้างคุรุดวาราศรีคุรุสิงห์สภา (วัดซิกข์) มีจุดกำเนิดมาจากรัฐปัญจาบ มีความหวานเป็นองค์ประกอบหลัก กลิ่นหอมฟุ้งบวกกับสีสันสารพันของขนมชิ้นน้อยในตู้กระจก กวักมือเรียกคนรักของหวานให้มาลิ้มลอง

เมนูไม่ควรพลาดในร้านนี้คือ Rasmalai ขนมสีขาวลอยอยู่ในน้ำนม ดูเผินๆ เหมือนไอศกรีม แต่จริงๆ แล้วคือชีสและนม ตกแต่งโรยหน้าด้วยถั่วพิสตาชิโอและอัลมอนด์ มีกลิ่นหอมและรสหวานเวลากัด รวมถึงความมันจากถั่ว กลมกล่อมเข้ากันเป็นอย่างดี หรือจะเลือกจิบ Chai ร้อนๆ แกล้มขนมหวานอินเดียสารพัดสีก็ได้
ถ้าเลือกไม่ถูก สอบถามหน้าร้านได้ตลอด พี่ๆ ชาวซิกข์เชื้อสายอินเดียเขาใจดี ยินดีเผยแผ่วัฒนธรรมของหวานให้รับรู้
ที่อยู่ : ซอยอินเดียเอ็มโพเรียม ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 07.30 – 19.00 น.
ติดต่อ : 0 2222 6541
ร้านก๋วยเตี๋ยวพม่า
รสเมียนมาในถิ่นลิตเติ้ลอินเดีย

ร้านก๋วยเตี๋ยวพม่าร้านนี้เปิดอยู่ในย่านพาหุรัด มีอายุเก่าแก่มาแล้วกว่า 15 ปี ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆ ไม่มีเมนูภาษาไทย และขายริมถนน แต่อย่าเพิ่งตัดสินเพียงเพราะเห็นจากภายนอก

เมนูเด็ดที่ต้องลองกินคือเอเปียว ก๋วยเตี๋ยวที่ราดด้วยของเหลวสีเหลืองที่ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าและแป้งถั่วเหลือง เสิร์ฟคู่กับผักกาดดองไว้กินแก้เลี่ยน แนะนำให้ชิมก่อนปรุงดูว่าถูกปากขนาดไหน หรือเติมพริกผัดน้ำมันลงไปอีกนิดจะกลมกล่อมมาก ส่วนพิกัดร้านหาได้ไม่ยาก อยู่หลังอินเดียเอ็มโพเรียม ใกล้กับร้านปัญจาบสวีทนั่นเอง
ที่อยู่ : ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น.
ติดต่อ : 08 6999 6998
Tonkin Annam (ตงกิง อันนัม)
เมนูเวียดนามต้นตำรับจากคุณปู่คุณย่า

พูดถึงอาหารเวียดนาม หลายคนคงนึกถึงแนมเหนือง กุ้งพันอ้อย หรือขนมเบื้องญวน แต่เราอยากแนะนำให้ลองบุ๋นบ่อเฮว๋ ขนมจีนซุปเนื้อย่างเมืองเว้ เริ่มจากน้ำซุปร้อนๆ ที่เคี่ยวจนได้รสหวานของกระดูก และเครื่องเทศที่ใส่มาเพิ่มความเข้มข้นจนส่งกลิ่นหอมชวนซดหมดชาม เส้นขนมจีนก็เหนียวนุ่มกำลังพอดี ไฮไลต์คือเนื้อที่ละลายในปากแบบไม่ต้องเคี้ยวให้เมื่อยกราม ยิ่งถ้ากินพร้อมกันใน 1 คำ บอกเลยว่าฟินมาก จนอาจจะเผลอสั่งเพิ่มอีกชามแบบไม่รู้ตัวเลย
นอกจากนี้ ร้านอาหารเวียดนามบรรยากาศเก๋ไก๋ยังมีเมนูสนุกเปิดโลกอีกมาก ทำให้เรารู้จักอาหารเพื่อนบ้านอย่างลึกซึ้ง ถ้าสงสัยว่าทำไมวัตถุดิบที่นี่ถึงสดอร่อยจับใจนัก ขอแอบเฉลยว่าเจ้าของร้านมีสวนครัวเล็กๆ บนดาดฟ้า รสชาติร้านอาหารในตึกเล็กๆ ซอยตรงข้ามวัดโพธิ์จึงโดดเด่นน่าประทับใจอย่างยิ่ง
ที่อยู่ : 69 ท่าเตียน ถนนมหาราชบรมมหาราชวัง แขวงพระบรมมหาราชวัง
เวลาทำการ : ทุกวัน ยกเว้นอังคาร เวลา 11.00 – 21.30 น.
ติดต่อ : 09 3469 2969
ห้างใบชาอ๋องอิวกี่
ร้านชาสัญชาติจีนรสดั้งเดิม

ปิดท้ายรายการด้วยร้านใบชาอ๋องอิวกี่ ร้านชาจีนในตำนานบนแยกสี่กั๊กเสาชิงช้า ซึ่งเข้ามาขายชาในเมืองไทยตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 5 และปัจจุบันเจ้าของร้านเป็นทายาทรุ่นที่ 4 แล้ว
แม้ไม่ใช่คอชาจริงจังก็ยังสนุกกับการฟังเรื่องเล่าชาประเภทต่างๆ และการผสมชาแต่ละเบอร์ให้ออกมาเป็นสูตรเฉพาะตัวของที่นี่

ชาแต่ละตัวต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง สะท้อนลักษณะของคนดื่มชา ไม่ว่าชอบกลิ่นหอมฟุ้ง รสชาติหนักๆ หรือความรู้สึกยังติดปลายลิ้น ก็เลือกสรรได้ตามชอบใจ โดยชาพรีเมียมที่น่าลองคือชาอู่หลง รสนุ่มชุ่มคอ มีตำนานว่าเวลาคนสวนไปเก็บชา จะมีงูดำเฝ้าอยู่ หากจะเก็บต้องเคาะบอกว่ามาเก็บชา อย่าทำอันตรายกับเขา จึงเป็นที่มาของชื่อ อู่หลง ที่แปลว่า งูดำ
ที่อยู่ : 63 ถนนบำรุงเมือง แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ
เวลาทำการ : จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
ติดต่อ : 0 2222 1748
อ่านเรื่องราวของ 200 ที่เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์เพิ่มเติมได้ที่นี่
