“ฟ้านิยามตัวเองว่าเป็นอะไร?” เราถามเธอในบ่ายวันหนึ่ง ขณะนั่งรอเมนูสเต็กปลาที่ควรจะเป็นมื้อเที่ยงของเธอเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน

“หลักๆ เลยเราเป็นยูทูเบอร์ เพราะเป็นอาชีพหลักในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมานี้”

ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา เรียนโรงเรียนเดียวกับเราตอนมัธยมต้น แม้จะไม่ทันรุ่นกัน แต่เราก็เคยผ่านตาชื่อของ ‘ฟ้า บดินทร 2’ จากเว็บบอดร์ดบนอินเทอร์เน็ตนับครั้งไม่ถ้วน

ฟ้า ในตอนนั้นคือเด็กมัธยมหน้าตาสวยน่ารัก ตากลมโต และมีรอยยิ้มหวาน เคยมีผลงานเล่นโฆษณา มิวสิกวิดีโอ และการแสดงมาบ้าง เธอลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อทำแชนแนลยูทูบชื่อ ‘Fah Sarika’ อย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันมียอดผู้ติดตามเกือบ 7 แสนคนแล้ว ฟ้าเริ่มจากการสอนแต่งหน้าในแบบที่ตัวเองถนัด ก่อนจะขยับขยายไปทำคอนเทนต์เชิงไลฟ์สไตล์ในด้านอื่นๆ เธอมองเห็นตัวเองในบทบาทนี้ และน่าจะเป็นภาพจำที่คนอื่นมีต่อเธอที่เด่นชัดที่สุด

เราเห็นฟ้าอีกครั้งในตัวอย่าง ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอในบทบาท มี่ แฟนใหม่ของพระเอกที่สวยแปลกตาแม้แต่งหน้าบางๆ ด้วยเครื่องสำอางไม่กี่ชิ้น แน่นอนว่าเธอยังน่ารักเหมือนเดิมในวัยที่โตขึ้น

ที่เรามานั่งตรงข้ามเธอในวันนี้ไม่ใช่เพราะความสวยที่พูดไปแล้ว (ถึง 3 ครั้ง) แต่เพราะทัศนคติที่เธอมีต่อชีวิตที่ผ่านมา งานทุกอย่างที่ทำ วิธีมองโลกในแง่ดี และความสุขที่เปลี่ยนไปของเธอต่างหาก ฟ้าเคยตามลบคอมเมนต์บนอินเตอร์เน็ต ไม่ยึดติดกับใบปริญญา พยายามหยุดคิดเรื่องทุกอย่างเพื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น มองความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา และเล่าถึงความสุขกับเรื่องเล็กๆ อย่างการไม่ปวดฉี่บนรถได้อย่างไม่เคอะเขิน

เราถามคำถามฟ้า ฟ้าตอบคำถามเรา

แม้สเต็กปลายังไม่ทันได้มาเสิร์ฟที่โต๊ะ เราก็ได้รับพลังบวกจากเธอเต็มๆ ไปแล้วโดยไม่รู้ตัว

ความสุขที่เปลี่ยนไปของฟ้า ษริกา หลังลาออกจากมหาลัยจนเป็นยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 7 แสน

01

ฟ้า บดินทร 2

ฟ้า เริ่มมีชื่อเสียงจากนามสกุล ‘บดินทร 2’ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมของเธอ ชื่อนี้ปรากฏบนเว็บไซต์วัยรุ่นบ่อยครั้งจนเด็กในวัยเดียวกันรู้จักและทำให้เธอมีชื่อเสียงในสังคมเด็กมัธยมช่วงนั้น เราลองเอาชื่อ ‘ฟ้า บดินทร 2’ ไปเสิร์ชบนอินเทอร์เน็ตเจอกระทู้อย่าง ‘PIX ฟ้า อริสรา.. รวมรูปตั้งแต่สมัยผมติ่งถึงปัจจุบัน คลิก!’ ‘ฟ้า บด.2 ล่าสุด’ ‘ฟ้า บดินทรเดชา 2 เฟอร์เฟกต์มาก’ และเธอติดอยู่ในลิสต์กระทู้คนน่ารักประจำโรงเรียนเสมอ 

ชีวิตของเด็กมัธยมที่ป็อปปูลาร์ขนาดนั้นมันเป็นยังไง

จะเรียกว่าเจอจนชินก็ได้ เราเหมือนโดนคนเอาไปไว้บนอินเทอร์เน็ต แล้วตอนนั้นเราก็ชอบเล่นเน็ตประมาณนึง ชอบแต่งรูป ยุค Hi5 ยุค MSN ก็เลยเริ่มมีชื่อเสียง ส่วนเรื่องความเป็นเน็ตไอดอลมันมาเอง เหมือนเว็บ Dek-D กำลังดัง แล้วสังคมเด็กมัธยมก็ไม่ได้กว้างมาก มันเลยทำให้เราอยู่ในจุดสว่างตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่าสนุกดี เพื่อนเยอะ คนรู้จักเยอะ ไม่ค่อยเจอเหตุการณ์ไม่ดี ส่วนใหญ่ดีหมด เข้ามาทักเฉยๆ บางคนโอตะหน่อยๆ ก็จะมีแบบคุณฟ้าครับ (หัวเราะ) แต่เขาก็ไม่ได้น่ากลัวนะ เราเลยไม่ได้อึดอัดกับการอยู่ตรงนั้น

มีข้อได้เปรียบที่มาพร้อมกับชื่อเสียงเหล่านั้นไหม

มีเป็นธรรมดา เราว่ามันเป็นสิ่งที่หลายๆ คนก็อยากมี มีแล้วก็เป็นเรื่องดีที่ช่วยส่งเสริมหลายด้าน อาจารย์ที่โรงเรียนจะรู้จักเรา อะคนนี้น้องฟ้า เขารู้ว่าเราเป็นใคร ทำอะไรอยู่ คนนี้ทำงานประมาณนี้พร้อมกับเรียนไปด้วย เวลาที่ต้องออกไปข้างนอก ไปถ่ายรายการ ก็จะง่ายหน่อย แล้วเราก็เป็นที่ไว้ใจของอาจารย์

แต่ในความดีงามมันก็มีข้อเสีย เพราะทุกคนจะ Too nice เราไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง หรือเขามาคุยกับเราเพราะเหตุผลอะไร บางทีมันเลยยากที่จะคัดกรองคน เราไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง พอผ่านไปเรื่อยๆ เราถึงมีประสบการณ์ว่าจะเลือกคุยหรือเลือกติดต่อกับใครยังไงบ้าง ตอนเด็กๆ มันดี เพื่อนเยอะ สนุก แฮปปี้ มีคนเข้ามาตลอด แต่พอโตขึ้นเราเริ่มเห็นคนหลายๆ แบบ หลายๆ ด้านของเขา ยิ่งพอทำงานก็ได้เห็นมุมจริงจังในระยะยาวมากขึ้น เราก็เลยเรียนรู้เรื่องคนมากขึ้นด้วย

ความสุขที่เปลี่ยนไปของฟ้า ษริกา หลังลาออกจากมหาลัยจนเป็นยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 7 แสน
ความสุขที่เปลี่ยนไปของฟ้า ษริกา หลังลาออกจากมหาลัยจนเป็นยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 7 แสน

เรียนรู้ว่าอะไร

เรียนรู้ว่า การที่เขามาดีกับเราไม่ได้แปลว่าเขา ‘ดี’ เสมอไป ซึ่งไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนไม่ดีนะ แต่เขาอาจจะมีผลประโยชน์บางอย่าง ไม่ใช่เห็นว่าใครดีกับเราแล้วจะต้องให้เขาทุกอย่าง ทำให้เราต้องคิดเยอะขึ้นนิดนึง

โลกโซเชียลของเน็ตไอดอลในยุคนั้นโหดร้ายแค่ไหน

ปกติถ้าจะนอยด์ก็จะนอยด์พวกคอมเมนต์นี่แหละ ชอบมีคนมาบอกว่าแก่แดด แอ๊บแบ๊ว ซึ่งก็แก่แดดจริงๆ แหละ ยอมรับ (หัวเราะ) แต่เขาไม่รู้จักเราเลยแล้วมาแสดงความเห็นแบบนั้น ตอนนั้นเราเด็ก คอมเมนต์แค่นี้เราไม่เข้าใจ รู้สึกแย่ ทำไมต้องมาว่า เลยไปตามลบ ขอแจ้งลบค่ะ เขาว่าหนู แต่ก็ดีนะ มันทำให้เรามีภูมิคุ้มกันตั้งแต่เด็ก พอโตมาเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรมาก

แต่สมัยนั้นโซเชียลยังไม่โหดเท่าตอนนี้ เราไม่ได้มีมือถือ ต้องกลับบ้านไปเปิดคอม ถ้าเจอจริงๆ สังคมในโรงเรียนน่าจะหนักกว่าโซเชียล แค่กลับบ้านไปเปิดคอมไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยวก็ปิดแล้ว ของฟ้าที่โรงเรียนก็มีมองเหยียดๆ หมั่นไส้ พูดเสียงดังให้ได้ยิน ‘เห้ย แกดูมันดิ’ (หัวเราะ) เราว่าทุกคนต้องเคยเจอมาบ้างแหละในชีวิตประจำวัน หรือจนโตมาก็อาจจะยังมี ในสังคมที่ทำงานหรือที่ไหนก็ตาม 

ความฝันของ ฟ้า บดินทร 2 คืออะไร

ตอนนั้นสับสน แต่ก่อนเคยคิดว่าอยากเรียนศิลปะ เพราะชอบวาดรูป และตอนนั้นเราโชคดีมีโอกาสได้ทำงานในวงการ เลยสับสนว่าหรือควรไปเรียนนิเทศน์ดี แต่เรียนไปแล้วเราจะอยู่นานไหม ไม่รู้ว่าชอบจริงๆ หรือเปล่า และเหมือนบางอย่างเราทำเป็นเองอยู่แล้ว วาดรูปเราก็ไม่เคยเรียน วาดได้เอง ตัดต่อวีดีโอหรือสื่อต่างๆ ก็ทำเป็นแล้ว หรือจะไม่ต้องเรียน

มันเป็นปัญหา มันเป็นความจับฉ่ายที่เราทำได้ทุกๆ อย่าง แต่ไม่มีอันไหนที่พีคๆ ก็เลยสับสนว่าจะยังไงดี ถ้าถามว่าความฝันคืออะไร ตอนนั้นไม่รู้เลย  เหมือนเราคาดเดาไม่ได้ ด้วยความที่โอกาสเข้ามาช่วงเราเรียน ทำให้รู้สึกว่าต่อไปข้างหน้าก็อาจจะมีโอกาสอย่างนี้อีก ตอนนั้นเลยไม่ได้คิด ปล่อยรอให้ไหลๆ ไป จนถึงตอนเลือกมหาวิทยาลัย

ความสุขที่เปลี่ยนไปของฟ้า ษริกา หลังลาออกจากมหาลัยจนเป็นยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 7 แสน

02

ฟ้า เศรษฐศาสตร์

ด้วยความชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่การพากย์เสียงละครเวทีสมัยประถมศึกษา มีผลงานโฆษณาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เข้าเป็นศิลปินฝึกหัดของค่ายอาร์เอสตลอดช่วงมัธยมปลาย วิเคราะห์จากความสนใจแค่นี้เราคงเดาชีวิตเธอได้ไม่ผิด ถ้าไม่เรียนสาขาที่เกี่ยวกับศิลปะ ก็ต้องเป็นนิเทศศาสตร์แน่ๆ แต่ฟ้าสอบติดคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะตัดสินใจลาออกในอีก 3 ปีถัดมาเพื่อมาทำช่อง YouTube ของตัวเอง

การลาออกดูเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่สำหรับนักศึกษาคนหนึ่ง

เราเริ่มคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนปีสอง ตอนนั้นขายของออนไลน์ หารายได้แบบจริงจัง และก็ยังอยู่อาร์เอสพร้อมกับมีงานละครบ้าง พอขึ้นปีสามก็เริ่มทำ YouTube เราทำอยู่สี่อย่าง เรียน เป็นบล็อกเกอร์ ขายของ เป็นนักแสดง มันเหนื่อยมาก เหนื่อยจนร้องไห้ ช่วงสอบต้องไปถ่ายละครโดยเอาหนังสือสอบไปอ่านด้วย เรารู้สึกว่าแบบนี้ไม่ใช่แล้ว มันไม่ใช่ชีวิตดีๆ ถามว่าเรียนเป็นยังไง ก็เรียนได้ สอบได้ ละครก็เล่นได้ แต่สุดท้ายร่างกายและจิตใจเราไม่ไหว มันกดดัน เราอยากทำให้ดีทุกอย่างแหละ อ่านหนังสือไป ร้องไห้ไป ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ ก็เลยมาคิดว่างั้นตัดเรื่องเรียนก่อนดีไหม เพราะเราทำงานหลายอย่างแล้ว แต่งานที่ทำไม่ได้ใช้ความรู้ที่เราเรียนอยู่เลย แล้วเราจ่ายค่าเทอม ค่าหอเอง ถ้าตัดออกก็จะได้ลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ จบปีสามก็เลยตัดสินใจลาออกเพื่อมาทำ YouTube อย่างจริงจัง

‘แต่อีกแค่ปีเดียวเองนะ’ ฟ้าน่าจะได้ยินประโยคนี้มาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง

เรามองว่าตั้งปีหนึ่งแหนะ ปีหนึ่งนี่ทำอะไรได้เยอะเลย ถ้าเราจ่ายค่าเรียนไปแล้วไม่ได้เอาความรู้ที่เราจ่ายเงินไปมาใช้ มันน่าเสียดายกว่า เงินน่ะหาใหม่ได้ แต่เวลาที่เสียไปเอากลับมาไม่ได้ หลายคนอาจจะไม่เคยคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ว่าเราลงทุนกับการเรียนไปเท่าไหร่ เราเอาทั้งตัว เอาทั้งใจแลกมาเพื่อให้ได้ใบปริญญา แต่ไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้จะได้ใช้มันหรือเปล่า เราเลยตัดสินใจไปบอกพ่อว่าจะไม่เรียนแล้วนะ ไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นลุ้นๆ แม้พ่อจะเป็นคนเลี้ยงลูกแบบปล่อยมาก ให้อิสระ เท่าที่จำได้พ่อไม่เคยห้ามเรื่องอะไรเลย แต่กับเรื่องนี้เขาคาดหวัง พอบอกเหตุผลไปเขาก็ฟัง แล้วบอกให้ลองไปคิดดูดีๆ ก่อน เราเลยบอกว่างั้นลองดรอปก่อนปีนึง ดูว่าจะยังไง แต่สุดท้ายก็ไม่เคยกลับไปเรียนอีกเลย

มั่นใจกับช่อง YouTube ของตัวเองแค่ไหนถึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย

สักแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งเรื่องรายได้ เรื่องยอดวิว Engagement ต่างๆ ณ ตอนนั้น เรารู้สึกว่ามันยังไปได้อีก นี่ขนาดไม่ได้ทำเต็มตัว ถ้าตั้งใจทำ มันต้องได้แหละ เหมือนตั้งใจเรียน (หัวเราะ) และมันก็เป็นข้อพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าเราเลือกที่จะตัดเรื่องเรียนออกไป สิ่งนี้เราต้องทำให้ดี มั่นใจไว้ก่อน เราต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าเราเลือกถูกแล้ว ซึ่งเราเลือกถูก

ตอนออกมาไม่ได้รู้สึกกดดัน แต่เป็นความโล่ง ความสบายใจมากกว่า เพราะเราเลือกทำอะไรด้วยตัวเองหมดเลย ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่มีใครมาบังคับให้เราทำ ถ้าจะพลาดก็เป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องแก้ไขเอง 

03

Fah Sarika

ฟ้าเริ่มทำ YouTube ในชื่อ ‘Fah Sarika’ เพราะเป็นคนชอบความสวยความงาม เธอบอกขำๆ ว่าตัวเองแก่แดดมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มีพี่ที่สนิทแนะนำให้ลองเขียนบล็อก ก่อนจะกลายมาเป็นวีดีโอบนช่องของตัวเอง YouTuber ที่มีชื่อเสียงในตอนนั้นคือ Pearypie โมเมพาเพลิน และ Mayy R คลิปแรกของเธอในฐานะ YouTuber คือ Korean Make Up Look ที่เธอพูดตอนเริ่มคลิปว่า “อะไรลิ้นจะพันกันขนาดนั้น ตื่นเต้นไง ไม่เคยอัดวีดีโอ”

Fah Sarika แตกต่างจาก YouTuber คนอื่นๆ ในตลาดยังไง

ความเป็นตัวเองของเราทำให้ช่องนี้แตกต่างจากคนอื่น สไตล์ก็เป็นเรื่องนึง เรียนรู้กันได้ ศิลปะในเรื่องของการเลือกเพลง การเรียงภาพ ตัดต่อ ของเราเป็นแบบสบายๆ เน้นพูด เราอยากเข้าถึงคนดู เลยพยายามใส่ความเป็นธรรมชาติเข้าไป ตอนแรกพูดคนเดียวก็ยังเกร็งๆ เขินๆ กล้องอยู่ แต่เราว่าคนสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ความตั้งใจต่างๆ แค่เป็นตัวเอง เราว่าก็แตกต่างแล้ว

ปกติเวลาทำคอนเทนต์เราเลยไม่ค่อยทำสคริปต์จริงจัง อาจจะเขียนเป็นข้อๆ แล้วเราไปพูดให้เป็นธรรมชาติ นอกนั้นก็เหมือนโปรดักชันที่ทำทั่วไปในสเกลที่เล็กลง มีพรีโปรดักชัน ตอนถ่าย แล้วก็โพสต์โปรดักชันพวกเขียนแคปชัน ตอบคอมเมนต์ เราตอบคอมเมนต์เองเพราะอยากเข้าใจคนดู อ่านฟีดแบ็กจากเขา อย่างมีอันนึงเราเขียนคิ้วแย่ เป็นปลิงเลย คนก็จะคอมเมนต์เรื่องคิ้วเยอะมาก แต่เราโอเคนะ คราวหน้าก็จะแก้ไขตรงนี้ให้ได้ 

ซึ่งเราก็มีภูมิคุ้มกันมาจาก Dek-D.com แล้ว

ใช่ๆๆ (หัวเราะ) แต่เรื่องที่คนพูดก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามตัวเรา ณ ตอนนั้น เขาอยากจะติอะไร ก็จะเป็นเรื่องของช่วงเวลาในตอนนั้นด้วย

แล้วตอนนี้เป็นเรื่องอะไร

ตอนนี้ไม่ค่อยมีแล้ว ตอนนี้โอเค แต่ถ้ามีก็จะเป็นเรื่องแบบ ฟ้าพยายามจัง ดูพยายามจะทำตัวเป็นคนดี เพราะมีช่วงนึงเราเคยทำคอนเทนต์ดึงสติ แล้วก็เรื่องสิ่งแวดล้อมที่เคยทำคอนเทนต์ว่าใช้เครื่องสำอางที่ไม่ทดลองกับสัตว์ เขาก็จะคอมเมนต์ว่า คุณเป็นวีแกนหรือเปล่า คุณใช้กระเป๋าหนังสัตว์อยู่หรือเปล่า ทำไมคุณมาทำแบบนี้ เขาจะหาเรื่องมาคอมเมนต์ 

อย่างเรื่องวีแกนเราก็ไปตอบว่าเราแค่สนับสนุนเฉยๆ หรืออย่างเรื่องที่บอกว่าเราพยายามเป็นคนดี เราก็ตอบว่า ใช่ค่ะ ฟ้าพยายามเป็นคนดีอยู่  ส่วนใหญ่เวลาที่ตอบเขา เขาจะโอเคนะ เขาแค่อยากแสดงความคิดเห็นว่าเขาเห็นต่าง แต่ถ้าด่าแบบหยาบๆ คายๆ มาจะตลก ไม่หนักเท่าคนที่มาเชิงวิชาการ หาเหตุผลมาเถียง แบบนั้นอ่านแล้วจะเครียด โอย กูจะตอบยังไงดีวะ เขาดูมีความรู้นะ (หัวเราะ)

แต่สุดท้าย เราไม่ได้เอามาใส่ใจเท่าไหร่แล้ว เราว่ามันเป็นแพ็กเกจที่มาพร้อมกับสื่อออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะทำดีแค่ไหน จะเป็นตัวเองแค่ไหน มันก็จะมีคนที่เห็นต่างอยู่ดี ถ้ายอมรับได้ คุณจะโอเคมากๆ เขาก็แค่ไม่รู้จักเรา 

การทำช่อง YouTube สอนอะไรฟ้า

การลาออกมาทำ YouTube ทำให้เราได้อยู่กับตัวเองเยอะมาก เลยมีโอกาสสำรวจตัวเอง ได้รู้ว่าเราชอบทำอะไร ไม่ชอบทำอะไร บางคอนเทนต์เราก็ทำเพื่อพัฒนาตัวเองด้วย มันเลยมีแต่ได้กับได้ในการทำอาชีพนี้  อย่างเรื่องสุขภาพจะเห็นชัด เราหันกลับมาดูแลตัวเองเพราะทำ YouTube ก่อนหน้านี้เคยลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ลดทุกทาง กินยาก็แล้ว ล้วงคอก็เคย จนเป็นบูลิเมีย ยิ่งช่วงเข้ามหา’ลัยแรกๆ ได้ออกมาอยู่หอ จะเป็นหนักมาก แต่สุดท้ายเราก็เจอบาลานซ์ของตัวเอง ทำไปเรื่อยๆ จะรู้ว่าอันนี้ไม่โอเค แล้วค่อยๆ เปลี่ยนไปเองจนเจอว่าการกลับเข้าสู่ธรรมชาติดีที่สุด เลือกกินของไม่ปรุงแต่ง กินอาหารครบห้าหมู่ ออกกำลังกาย คือสิ่งที่เรารู้ๆ อยู่แล้ว ทำแล้วดีขึ้น เราก็บอกผ่าน YouTube พอคนทำตามที่เราบอกแล้วเห็นผล เราก็เลยไปศึกษาเรื่องสุขภาพต่อ ทำให้เราค้นพบทางที่ดีต่อชีวิตจริงๆ แล้วมันก็ไปต่อเรื่อยๆ เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องต้นไม้ หรือเครื่องสำอาง

เมื่อสิ่งที่ทำมันสำคัญขนาดนี้ เคยคิดไหมว่าถ้าต่อไปไม่มี YouTube แล้วจะยังไงต่อ

กลัวนะ เพราะมันเป็นอาชีพที่สนุกและเราทำได้ดี มันนำพาอะไรหลายอย่างมาให้เรา ไม่รู้ว่าจะมีอาชีพอื่นที่จะมาแทนสิ่งนี้หรือได้รายได้เท่านี้ไหม (หัวเราะ) แต่ถ้าต่อไปจะไม่มีก็ไม่เครียดหรอก คนเราก็ต้องทำอย่างอื่นได้ มันไม่มีทางจะทำอะไรได้แค่อย่างเดียว ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาใหญ่ ไม่ได้ยึดติด ไม่ใช่ว่าพอไม่มีอาชีพนี้แล้วชั้นจะหมดสิ้น ไม่ขนาดนั้น

เราเป็นคนมองอนาคตระยะยาว แต่ไม่ได้ชัดเจนว่าต้องเป๊ะๆ เรารู้สึกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันโอเคแล้วแหละ ที่เหลือก็เป็นแค่สิ่งน่าตื่นเต้นที่กำหนดไม่ได้ด้วยซ้ำ อาจจะทำได้ประมาณนึงด้วยการวางแผน จะเก็บเงินเท่านี้ จะเตรียมตัวรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ยังไง จะมีชีวิตแบบไหน จะซื้อบ้านเมื่อไหร่ แต่ในอนาคตมันอาจจะเกิดฟองสบู่แตก เกิดโลกร้อนจนเราสร้างบ้านไม่ได้ก็ได้ อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต

ความสุขที่เปลี่ยนไปของฟ้า ษริกา หลังลาออกจากมหาลัยจนเป็นยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 7 แสน
ความสุขที่เปลี่ยนไปของฟ้า ษริกา หลังลาออกจากมหาลัยจนเป็นยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 7 แสน

04

ฟ้า 

เมื่อถามถึงชีวิต ณ ตอนนี้ ฟ้าตอบว่า “แค่คิดถึงชีวิตในตอนนี้ ก็รู้สึกพอใจแบบตื้นตันจากข้างใน”

นี่เป็นช่วงชีวิตที่เธอได้เป็นตัวเอง ได้ทำสิ่งที่รัก เธอเรียนรู้ที่จะปล่อยวางบางอย่าง และพยายามอย่างมากที่จะไม่คิดลบหรือเอาปัญหามาขยายให้ใหญ่ขึ้น เธอเติบโตผ่านหน้าที่ การงาน ผู้คนที่พบเจอ จนสามารถพูดได้เต็มปากว่า ‘ฟ้า’ คนนี้คือฟ้าที่มีความสุขกับตัวเองจริงๆ

เป้าหมายของฟ้า ษริกา วันนี้เปลี่ยนไปไหม

เปลี่ยนไปเยอะ (ลากเสียง) ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงอยากมีเงินเก็บเยอะๆ อยากมีบ้าน อยากมีรถ อะไรทั่วๆ ไปอย่างปัจจัยสี่ แต่ตอนนี้พอมีแล้ว เราค้นพบว่ามันไม่ใช่คำตอบ คนเราจะมีความสุขได้แค่เราคิดว่าเราจะมี ไม่ต้องรอให้มีเงิน มีรถ มีบ้าน ไม่ต้องรอให้ไปเที่ยวก่อนแล้วเราถึงมีความสุข อาจจะฟังดูแปลก แต่มันดีมากๆ ที่เราสามารถเห็นว่าความสุขของเราเป็นของฟรี และเราบอกคนอื่นได้ว่า ถ้าอยากมีความสุขไม่ต้องรอ ทำได้เลย มันเลยทำให้เป้าหมายของเราเปลี่ยนไปตรงที่เราไม่ไปยึดติดกับหลายๆ อย่าง ตัดออกไปเลย งานก็ทำต่อไป อะไรที่เป็นแผนก็ทำต่อไปให้ถึงเป้า แต่ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกดดัน

เป้าหมายตอนนี้เลยแค่อยากมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ ได้ในทุกๆ วัน และมอบความสุขนั้นให้คนอื่นด้วย ให้ไปและรับมา ผ่านงานที่เราทำหรือในชีวิตประจำวันกับคนรอบข้าง เราว่าคนที่รายล้อมไปด้วยการให้ความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ความสุขจะยิ่งเพิ่มขึ้นไป 

วิธีสร้างมีความสุขของคนที่ทำงานในโลกเสมือนจริงคืออะไร

เราจะหยุดคิดทุกเรื่อง ณ ชั่วขณะหนึ่ง คล้ายๆ กับการนั่งสมาธิ คนยุคนี้ชอบเก็บอะไรมาคิดต่อ คิดเรื่องโลก คิดเรื่องเพื่อน คิดเรื่องคนอื่น แต่น้อยมากที่หยุดคิดไปเลย ลองหยุดคิดสักพักนึง ปล่อยให้ร่างกายมันรีเซตใหม่ทั้งหมด แล้วเราจะค้นพบว่าที่เราสุขหรือที่เราทุกข์มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ อารมณ์ที่เกิดจากคนรอบๆ เกิดจากสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน จากสิ่งที่เราเห็น จากเสียงที่เราได้ยิน ที่บอกให้หยุดคิดเพราะพอหยุดแล้ว เราจะได้เห็นว่าไม่มีอะไรมาทำร้ายจิตใจเราได้เลย ทุกอย่างเป็นแค่สิ่งที่เราสมมติขึ้น ที่เราคิดไปเอง

สมมติเราเศร้าอยู่ ไหนลองหยุดเศร้าเล่นๆ ซิ เหมือนหลอกตัวเอง ได้สักห้าวิ สิบวิ ก็ยังดี แล้วเราจะเห็นบางอย่างในตัวเอง เห็นเราเป็นสองคน คนหนึ่งเป็นคนรับรู้ อีกคนหนึ่งเป็นคนคิด ถ้าเรารับรู้ว่าเรากำลังคิดอยู่ มันจะทำให้เราไตร่ตรองเรื่องทุกเรื่องในชีวิตได้ดีขึ้น เราจะไม่เอาอารมณ์ไปตัดสิน เราจะมองว่ามันเป็นแค่สิ่งที่ผ่านเข้ามา แล้วมันก็จะผ่านไป และเราจะมีความสุขได้เพราะเราเข้าใจตัวเอง และเข้าใจว่ามันเป็นไปอย่างนั้นเอง 

แล้วทุกวันนี้ความสุขของฟ้าหน้าตาเป็นยังไง

ทุกวันนี้เหรอ เราว่าแค่ไม่สุขและไม่ทุกข์ การไม่ค่อยรู้สึกอะไรเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว มันจะสงบ เพราะความสุขจะเกิดขึ้นแป๊บๆ เราดีใจกับเรื่องอะไรได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ไปคิดเรื่องอื่นแล้ว ความทุกข์ก็เหมือนกัน แต่ทุกข์อาจจะนานหน่อย เพราะมนุษย์ชอบเอาเรื่องทุกข์มาขยายให้เป็นเรื่องใหญ่ ภายในวันนึงเรามีทั้งความสุขและความทุกข์ อาจจะมากน้อย สัดส่วนไม่เท่ากัน ความสุขของเราคือการไม่รู้สึกอะไร แค่เราสงบที่ใจ เรามีสติ เรารู้ตัว บางทีอาจจะแค่วันนี้ท้องฟ้าสวยจังเลย ดีเนอะ วันนี้โชคดีจังรถไม่ติด เออดีนะ วันนี้ไม่ปวดฉี่บนรถ ถ้าเรามองเห็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความสุข มันจะมีอยู่ตลอด ความทุกข์ก็เหมือนกัน เราจะเห็นว่ามันเกิดแล้วจะไป มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป ไปเรื่อยๆ

เรามองว่าความสุขเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่เราเข้าถึงได้ เหมือนกันกับความทุข์ มันแค่เป็นคู่ตรงข้ามที่จะเข้ามาแล้วผ่านไป 

เพราะทุกข์ สุข เป็นส่วนประกอบของชีวิต

ใช่ ถ้าตอนไหนมีความสุขมากๆ อาจจะทำให้เราลืมตัว เผลอทำอะไรผิดไป เพราะบางทีความสุขก็ทำให้คนขาดสติได้ เคยมีช่วงนึงรู้สึกว่า ชีวิตเราดีไปเปล่าวะ (หัวเราะ) เหมือนมีเลเวลเดียว เรียบๆ ไม่ค่อยหลุดเลยช่วงนี้ ไม่ค่อยมีเรื่องหวือหวา งานก็โอเค เรื่องส่วนตัวก็โอเค แต่เราเกิดความรู้สึกเบื่อ แปลกมาก จนได้ไปเจอเพื่อน เลยทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น อย่าไปมองว่าเราต้องมีความสุขตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งทุกข์ตลอดเวลา บางทีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง มันก็สนุกดี

ความสุขที่เปลี่ยนไปของฟ้า ษริกา หลังลาออกจากมหาลัยจนเป็นยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 7 แสน

Writer

พิมพ์อร นทกุล

พิมพ์อร นทกุล

บัญชีบัณฑิตที่พบว่าตัวเองรักหมามากกว่าคน

Photographers

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล

Avatar

ปัณฑารีย์ วจิตานนท์

เชื่อว่าความทรงจำอยู่ในภาพถ่าย สะสมกลักฟิล์มบางครั้ง ทำประจำคือไปคอนเสิร์ต