ตามหลักแล้วเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาประเทศไทยควรจะยังอยู่ในฤดูหนาว แต่อากาศกลับทั้งร้อน ทั้งชื้น จนทำให้การไปเอาต์ดอร์ปาร์ตี้สุดมันของเราเสียบรรยากาศไปมาก ในขณะที่หลายคนใช้อุปกรณ์ต่างๆ ออกมาเต้นไปพัดไปตามจังหวะเพื่อคลายร้อน เพื่อนคนหนึ่งก็ควักเอาสเปรย์ขวดเล็กๆ ออกมาฉีดแจกจ่ายใส่มือทุกคนแล้วบอกให้เอาลูบที่หลังคอดู
ถ้าชีวิตจริงมีซีจีได้เหมือนในหนังโฆษณา จังหวะนั้นมันคงเป็นกราฟิกไอเย็นลอยขึ้นมาจากพื้นและเปลี่ยนปาร์ตี้ร้อนชื้นคืนนั้นให้เป็นปาร์ตี้สุดคูลที่ทุกคนไม่ต้องมีแฮนด์พร็อพเป็นพัดเพื่อคลายร้อนอีกต่อไป
ทุกคนรีบเข้าไปรุมเพื่อนคนนั้นแล้วถามว่า “สเปรย์ขวดนั้นคืออะไร”
“ผมเรียกมันว่านวัตกรรมเพื่อความสุขครับ” ภีร์ ลิมปิทีป ผู้ก่อตั้ง บริษัทภีดู จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ ‘ละอองเย็น’ บอกกับเราตอนที่ได้พบกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เคียงข้างเขาคือ ก้อง-ก้องเกียรติ สุขุมคัมภีร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง คู่หูคู่คิดของภีร์ตั้งแต่สมัยเป็นนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ด้วยความที่ชื่อผลิตภัณฑ์คือ ‘ละอองเย็น’ เราก็เลยแปลกใจนิดหน่อยที่ภีร์ไม่ได้เรียกสิ่งนี้ว่า นวัตกรรมเพื่อความเย็น แต่กลับเรียกมันว่า นวัตกรรมเพื่อความสุข ภีร์เลยบอกเราว่า “ผมคิดว่าความเย็นมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งก็คือความสุขครับ ผมเชื่อว่านวัตกรรมต้องแก้ปัญหาให้ผู้คน มันต้องทำให้คนมีความสุขขึ้น เป็นความตั้งใจของผมในการพัฒนาละอองเย็น”
แล้วเรื่องราวทั้งหมดมันก็เกิดจากตรงนี้แหละ
น้องใหม่ในตลาดรับมือกับความร้อน
เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เรื่องผลิตภัณฑ์เพื่อความเย็นก็เลยไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยโรงงานหรือวิธีการคลายร้อนฉบับชาวบ้านทั่วไป เราก็คาดว่าผู้อ่านก็คงจะลองกันมาแล้วหลายต่อหลายวิธี ทีนี้ ละอองเย็นมีอะไรที่ทำให้ถึงกับเรียกได้ว่าเป็น ‘นวัตกรรม’
“คุณสามารถใช้ละอองเย็นได้ตลอดเวลา มันพกง่าย ใช้แล้วไม่ทิ้งคราบ ไม่เหนียวเหนอะหนะ ฉีดลงบนเสื้อผ้าก็ได้ หรือจะฉีดไปที่ตัวเลยก็ได้ แถมยังให้ความเย็นได้นานมากๆ ด้วย ผมว่ามันตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยนะ เพราะสมมุติคุณเดินสยามแล้วร้อน คุณก็ฉีดละอองเย็นได้ แต่คุณคงไม่เอาแป้งเย็นขึ้นมาทาตัว ที่สำคัญ มันปลอดภัยมากๆ มันไม่ใช่สารเคมี และมันไม่มีสี ไม่มีกลิ่น พอฉีดลงไปมันจะกลายเป็นแผ่นบางๆ ที่มองไม่เห็นมาคลุมผิวหนังหรือเสื้อผ้าของคุณเอาไว้ ทำให้คุณล่องหนจากอากาศร้อนไปได้เลย” ภีร์อธิบาย
นวัตกรรมไหมล่ะ?
เริ่มจากภูมิปัญญาแบบดั้งเดิม
ละอองเย็นมีที่มาจากองค์ความรู้เรื่องสมุนไพรในครอบครัวของภีร์เอง เขาเล่าว่าตอนเด็กๆ เขามักจะถูกยุงรุมกัดขา เวลาที่เอาขาลายๆ ไปให้คุณตาเห็นคุณตาก็จะเข้าครัวแล้วปรุงยาสมุนไพรมาให้ทา ยาสมุนไพรนั้นมันทั้งเย็นและหอม นอกจากจะทำให้ยุงไม่มาวุ่นวายแล้ว มันยังทำให้เย็นสบายขา ไม่เหนียวเหนอะหนะอีกด้วย
วันเวลาผ่านไปจนภีร์โตเป็นผู้ใหญ่ ยาสมุนไพรคุณตานี้ก็ยังเป็นที่เลื่องลือในหมู่เพื่อนๆ ของภีร์ จนมีเพื่อนคนหนึ่งมาปรึกษาภีร์ว่าอยากจะให้อาม่าได้ลองใช้ เพราะอาม่ามักจะบ่นว่าคันหลังอยู่บ่อยๆ ภีร์จึงนำยาสมุนไพรจากในครัวใส่กระปุกเล็กๆ ไปให้อาม่าของเพื่อนลองใช้ ผลลัพท์คือยาสมุนไพรของคุณตาเป็นที่ถูกอกถูกใจของอาม่ามาก จนอาม่าถึงกับพรีออร์เดอร์ยาสมุนไพรนั้น 1 ลิตร! และวันนั้นเองที่ทำให้ภีร์เชื่อมั่นว่ายาสมุนไพรนี้นี่แหละที่จะนำพาความสุขมาสู่ผู้คนได้
หลังจากนั้นมาละอองเย็นก็ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ที่มีละอองเย็นทั้งหมด 31 สูตรแล้ว ภีร์ทำแต่ละสูตรขึ้นมาแล้วก็เอาไปให้คนใกล้ตัวใช้แลกกับฟีดแบ็กแบบจริงใจจริงๆ
“เมื่อก่อนละอองเย็นยังไม่เก๋าขนาดนี้ รุ่นแรกๆ ยาสมุนไพรที่คั้นออกมาก็กรองแล้วก็ใส่ขวดเลย ขวดก็เป็นแบบบ้านๆ เราเอาใส่กระบอกที่มีหัวฉีดได้เหมือนที่ฉีดกระจกให้เพื่อนเอาไปใช้ แต่ละคนก็ชอบต่างกัน บางคนใช้แก้คัน บางคนใช้แก้ร้อน บางคนก็ชอบที่กลิ่น แต่ฟีดแบ็กที่ได้มามากที่สุดคือ มันพกลำบาก แล้วก็หมดเร็ว”
ต่อยอดด้วยเทคโนโลยีเพื่อให้ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ด้วยมันสมองแบบนักวิจัย ภีร์จึงไม่คิดแค่การทำกระบอกฉีดให้ใหญ่เพื่อบรรจุได้มากขึ้น แต่เขามองว่าโจทย์คือความต้องการจริงๆ ของผู้ใช้ เช่น การพกเอาไว้ใช้ได้บ่อยๆ และต้องไม่หมดเร็วด้วย
ตัวแปรสำคัญที่ทำให้สมุนไพรจากครัวของคุณตากลายมาเป็นละอองเย็นได้แบบทุกวันนี้ เรียกว่า ‘นาโนเซลลูโลส’ เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ มันคือส่วนประกอบของพืชที่มีลักษณะเป็นท่อ มีหน้าที่ลำเลียงสารอาหารจากดินไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืช ฉะนั้น คุณสมบัติของมันคือห่อหุ้มสสารได้แบบไร้สี ไร้กลิ่น มีพื้นผิวที่แข็งแรง แต่อนุภาคเล็กมากๆ และมีความสามารถในการค่อยๆ ปล่อยสสารที่มันอุ้มไว้ออกไปได้อย่างช้าๆ
ละอองเย็นมีนาโนเซลลูโลสเป็นสารประกอบพื้นฐานที่ห่อหุ้มอนุภาคของสารสกัดสมุนไพร แบบเดียวกับที่คุณตาทำนั่นแหละ แต่วันนี้ยาสมุนไพรของคุณตาผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อทำให้เข้มข้นขึ้นและไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เมื่อมีนาโนเซลลูโลสมาช่วยห่อหุ้มด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ตัวสมุนไพรค่อยๆ ให้ความเย็นอย่างช้าๆ อยู่ได้นานๆ แถมยังสามารถย่อปริมาณลงมาได้เป็นขนาดน่าพกพาได้ด้วย ภีร์เคลมว่ามันสามารถให้ความเย็นได้นานถึง 2 ชั่วโมงต่อการฉีด 1 ครั้งเลยนะ
“ลองนึกภาพเปรียบเทียบระหว่างการอาบน้ำจากถังกับการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวก็ได้ครับ เวลาใช้ผ้าตัวเราจะระบายความร้อนออกไปได้มากกว่า แบบไม่ต้องใช้น้ำทั้งถัง เวลาที่เราตัวร้อนเราถึงต้องเช็ดตัว ไม่ใช่อาบน้ำ แต่จะให้เอาผ้าชุบน้ำแปะที่ตัวเวลาออกไปไหนต่อไหนเพื่อคลายร้อนก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้อง ก็เลยต้องมีละอองเย็นนี่แหละครับที่ทำหน้าที่เป็นผ้าชุบน้ำแบบมองไม่เห็นและสามารถเติมความเย็นได้ตลอดเวลา”
รายละเอียดในสเปรย์ขวดเล็กๆ
นอกจากนาโนเซลลูโลสและการทำให้สมุนไพรเข้มข้นขึ้นจนลดขนาดบรรจุลงมาได้แล้ว ภีร์ยังคิดไปถึงรายละเอียดของหัวฉีดสเปร์ยที่เขาบอกว่ามันจะต้องมีการกระจายตัวอย่างพอดิบพอดีไม่ฟุ้งจนเกินไปและก็ไม่เปียกจนเกินไป ขนาดของรูสเปรย์และการออกแบบหัวกดทำให้เขากล้าพูดเลยว่าละอองเย็น 1 ขวด สามารถฉีดได้ 60 ครั้ง ทำให้ผู้ใช้สามารถวางแผนการกักตุนเอาไว้ใช้ได้ไม่ให้ขาดตอน เขาจริงจังกับเรื่องนี้มากๆ ถึงขนาดไปหาโรงงานที่ผลิตสิ่งนี้ให้เขาได้ไกลถึงประเทศจีน
นวัตกรรมเพื่อความสุข
เขาเริ่มทำการตลาดมา 4 เดือน นับนิ้วดูแล้วเราก็สงสัยขึ้นมาว่าทำไมถึงเริ่มขายละอองเย็นตอนหน้าหนาว ไม่ใช่หน้าร้อนที่เป็นฤดูการขายของผลิตภัณฑ์ให้ความเย็นอื่นๆ เขาตอบว่า “เมืองไทยไม่ได้ร้อนแค่หน้าร้อน และหน้าหนาวคนก็ใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่า หน้าร้อนคนอยู่แต่ในห้องแอร์” คำตอบนี้มันจริงเสียยิ่งกว่าจริง กิจกรรมนอกบ้านที่เรียงแถวกันเข้ามาชวนให้เราออกไปร่วมสนุกล้วนแล้วแต่อยู่ในช่วงเดือนที่เป็นฤดูหนาว แต่ก็ใช่ว่าอากาศจะเย็นสบายทุกวัน และถ้าละอองเย็นจะทำให้กิจกรรมนอกบ้านในวันที่อากาศร้อนมันน่ารื่นรมย์ขึ้น เราว่ามันก็คงจะดีไม่น้อย
ว่าด้วยเรื่องราวของละอองเย็นที่ให้ความสบายตัวสบายใจกับผู้คน ภีร์ก็มีเรื่องสนุกๆ ของการใช้ละอองเย็นมาเล่าให้เราฟังเอาไว้เป็นไอเดียในการใช้ละอองเย็นกันนะ
“ละอองเย็นมันไม่เป็นคราบ ฉีดแล้วแห้งแถมอยู่ได้นานเป็นชั่วโมงเลย บางคนเลยใช้ฉีดก่อนใส่รองเท้า อย่างน้องๆ ที่เรียน รด. (นักศึกษาวิชาทหาร) ก็มีเล่าว่าเอาไปใช้กัน บางคนก็ใช้เวลาที่ไม่ได้อาบน้ำ มันก็ช่วยได้ทั้งเรื่องความเย็นแล้วก็เรื่องแบคทีเรีย บางคนก็เอาไปฉีดหน้านะ ฉีดจากระยะไกลๆ แต่อันนี้ต้องระวัง เพราะไม่ได้ใช้ได้ทุกคน”
คิดการใหญ่ ใจต้องนิ่ง
ด้วยความที่เป็นวิศวกรเต็มขั้น เมื่อภีร์และก้องลงมาทำธุรกิจก็เลยต้องเริ่มหาความรู้เกี่ยวกับศาสตร์อื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติม นอกจากภีร์จะชอบอ่านงานวิจัยเป็นหนังสืออ่านเล่นแล้ว เขายังชอบทำการทดลองเล่นๆ กับสิ่งต่างๆ เช่น การลงโฆษณาในเฟซบุ๊ก หรือการออกแบบกราฟิกต่างๆ ด้วยตัวเองด้วย พอเราถามว่ามันยากไหมกับการที่ต้องมาทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน เขาจึงเผยเคล็ดลับที่เขายึดถืออยู่ 2 คำคือ No Fear เขาไม่กลัวที่จะลอง ไม่กลัวที่จะผิดพลาด เพราะสิ่งสำคัญคือการหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ฉะนั้น มันก็เลยไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้
Facebook: ละอองเย็น
The Rule
หลักการที่ภีร์และก้องใช้ในการสร้างนวัตกรรมคือ อิทธิบาท 4
ฉันทะ คือความอยากที่จะทำ และตั้งใจว่าจะทำ มีความหลงใหลในสิ่งที่จะทำ
วิริยะ คือความเพียร มีแค่ความอยากอย่างเดียวมันไม่พอ ต้องเพียรพัฒนา ศึกษา เพื่อทำให้สำเร็จ
จิตตะ คือการทำอย่างมีสติ ไม่ตะบี้ตะบันเกินไป และไม่หย่อนยานจนเกินไป
วิมังสา คือการคิดไตร่ตรอง พิจารณาทั้งคำตำหนิและคำชมเพื่อคิดวิธีปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น