ประดิพัทธ์เป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องของอร่อย เราได้ยินกิตติศัพท์นี้มาเนิ่นนานและเคยไปฝากท้องบ้างเป็นครั้งคราว กระทั่งไม่กี่เดือนก่อน เราได้ฤกษ์ย้ายที่อยู่มาเป็นชาวประดิพัทธ์อย่างเป็นทางการ เข้าออกร้านอร่อยไม่ซ้ำจนหนำใจ
ในบรรดาแหล่งของกินทั้งหมด หนึ่งในร้านที่ไปฝากท้องบ่อยที่สุดกลับไม่ใช่ร้านอาหาร แต่เป็นครัวของโรงแรมประจำย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องราดหน้า
ใช่ เรากำลังพูดถึง ‘โรงแรมอลิซาเบธ’ และเมนู ‘ราดหน้าเส้นกรอบ’ สูตรพิเศษที่อยู่คู่โรงแรมมา 30 ปี เมื่อไม่นานมากนี้กระแสโซเชียลได้ส่งให้ยอดขายพุ่งจนขายได้พีกสุด 700 จานต่อวัน!

ความปังนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ส่วนหนึ่งก็เพราะราดหน้าเขาอร่อยจริง ๆ แต่อีกส่วนนั้นเป็นเพราะ สุรกิจ เมธานุกิจ ทายาทรุ่นสองของโรงแรมขยันโปรโมตในโซเชียลบ่อย จนเรามั่นใจว่าถ้าคุณเล่น TikTok เป็นประจำ ต้องมีสักครั้งที่คลิปราดหน้าของสุรกิจจะโผล่ขึ้นบนหน้าจอ
แต่มากกว่าราดหน้า โรงแรมอลิซาเบธก็มีแนวคิดการบริหารโรงแรมที่น่าสนใจ เช่น รักษาความรู้สึก ‘คุ้มค่าคุ้มราคา’ ของลูกค้ามาเนิ่นนาน
ทายาทรุ่นสองตอนนี้ ชวนคุณไปนั่งที่ห้องอาหาร แชร์ราดหน้าเส้นกรอบกับเจ้าของโรงแรมรุ่นปัจจุบันและฟังเขาเล่าคุณค่าที่ถูกส่งต่อ ไปจนถึงกลยุทธ์ที่ใช้ในการบริหารโรงแรมจนกลายเป็นตำนาน


ธุรกิจ : โรงแรมอลิซาเบธ
ปีที่ก่อตั้ง : พ.ศ. 2534
อายุ : 34 ปี
ประเภท : ธุรกิจโรงแรม
ผู้ก่อตั้ง : สุเมธ เมธานุกิจ และ จันทรา เมธานุกิจ
ทายาทรุ่นสาม : สุรกิจ เมธานุกิจ
จากร้านรองเท้าสู่โรงแรม
เห็นเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่โดดเด่นคู่ถนนประดิพัทธ์มานาน แต่จุดกำเนิดจริง ๆ ของอลิซาเบธอยู่ที่ย่านประตูน้ำ
และไม่ได้เป็นโรงแรมตั้งแต่แรกเสียด้วย
สุเมธ เมธานุกิจ และ จันทรา เมธานุกิจ พ่อกับแม่ของสุรกิจเช่าห้องคูหาเล็ก ๆ ประกอบอาชีพช่างทำรองเท้าหนัง ก่อนหน้านั้นทั้งคู่ทำงานเป็นพนักงานให้กับร้านรองเท้าอื่นอยู่พักใหญ่ จนสุดท้ายก็เก็บเงินและประสบการณ์มาเปิดร้านของตัวเอง
ทั้งคู่ตั้งชื่อแบรนด์ว่า ‘อลิซาเบธ’ มาจากชื่อนักบุญหญิงในศาสนาคริสต์ที่นับถือ สุเมธและจันทรามุ่งมั่นขายรองเท้าอยู่ 30 ปีจนตั้งตัวได้ วันหนึ่งพวกเขาก็ได้รับออร์เดอร์สั่งตรงจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งลูกค้ามารอรับสินค้าอยู่ที่โรงแรมอินทรา รีเจนท์ โรงแรมเก่าแก่ในย่านเดียวกัน

“พอได้ไปส่งรองเท้าที่ล็อบบี้ของโรงแรม พ่อกับแม่เกิดความรู้สึกว่าโรงแรมนี้สวยและหรูมาก เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า มีอย่างนี้บ้างน่าจะดี” สุรกิจผู้เป็นทายาทรุ่นสองเท้าความ
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มหาเงินสร้างโรงแรม เก็บหอมรอมริบได้ราว 20 ปี โรงแรมอลิซาเบธก็ได้ฤกษ์เปิดทำการ

ตึกยุโรปในประดิพัทธ์
เพราะปลูกบ้านอยู่ย่านนี้ เมื่อจะทำโรงแรม สุเมธกับจันทราจึงเลือกตั้งโรงแรมของพวกเขาที่ประดิพัทธ์
ย้อนกลับไปเมื่อ 34 ปีก่อน โรงแรม 3 ดาวยังมีคู่แข่งน้อย และทำเลของโรงแรมอลิซาเบธถือว่าอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง ทำให้ยุคนั้นมีลูกค้าชาวต่างชาติมากมายแวะเวียนเข้ามา ไม่ว่าจะมาพักเพื่อท่องเที่ยว ทริปธุรกิจ หรือประชุมสัมมนา พอโรงแรมเริ่มเป็นที่นิยม สุเมธกับจันทราจึงเซ้งธุรกิจรองเท้าและหันมาลุยกับโรงแรมเต็มตัว
ใครที่เคยแวะเวียนเข้ามาในโรงแรมอลิซาเบธคงคุ้นเคยกับภาพห้องที่สร้างด้วยไม้สักสีส้มสไตล์คลาสสิก หรูหรา ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ซึ่งสุรกิจบอกว่า เป็นสไตล์ที่โรงแรมในยุคก่อนเขาฮิตกัน


แต่สิ่งที่ทำให้โรงแรมอลิซาเบธกลายเป็นโรงแรมในดวงใจของลูกค้าหลายคน คือพวกเขาบริหารด้วยแนวคิดเรียบง่ายแต่สำคัญอย่าง ‘ความซื่อสัตย์’
“เราเน้นความซื่อสัตย์ จริงใจกับลูกค้า เนื่องจากสมัยก่อน ถ้าคุณเป็นชาวต่างชาติ เวลาคุณไปแหล่งท่องเที่ยว คุณจะต้องซื้อของในราคาที่แพงกว่า คุณพ่อเขาไม่ชอบแนวคิดนี้ เขาบอกว่าเป็นการตีหัวคนเข้าบ้าน พอมาทำโรงแรมเลยอยากขายห้องที่ราคาคุ้มค่าและขายทุกคนเท่ากัน”

ส่งต่อความคุ้มค่า
“ตอนเด็ก ๆ ผมมองโรงแรมเป็นบ้าน” สุรกิจย้อนความ
เขารู้อยู่แล้วว่าต้องมารับช่วงต่อธุรกิจโรงแรมในสักวัน เมื่อเรียนจบด้านบริหารธุรกิจ ชายหนุ่มออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยการทำงานเป็นเซลส์อยู่ 4 ปี จนคุณพ่อเริ่มป่วย เขากับพี่น้องอีก 3 คนจึงต้องมารับช่วงต่อ
พี่น้องแบ่งงานกันโดยให้พี่สาวคุมเรื่องการจัดซื้อ น้องชายช่วยดูเรื่องบัญชีและการเงิน ส่วนสุรกิจผู้เป็นลูกคนกลางดูเรื่องการตลาด โซเชียลมีเดีย และช่วยดูภาพรวมทั้งหมด โชคดีที่พวกเขาเคยมาช่วยงานที่โรงแรมในทุกตำแหน่งตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม พี่น้องบ้านนี้จึงไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย เพียงแค่สืบทอดหลักคิดของความจริงใจและซื่อสัตย์กับลูกค้าของพ่อแม่มาใช้เช่นเดิม
“สิ่งที่พ่อแม่มักจะย้ำกับพวกเราบ่อย ๆ คือคำว่า ‘คุ้มค่า คุ้มราคา’ แรกเริ่มเดิมทีเราเคยขายราคาไม่แพง เมื่อ 30 ปีก่อนขายห้องละ 800 บาท 10 ปีถึงขึ้นราคาทีและขึ้นทีละ 100 บาท ตอนนี้ห้องพักของเราราคา 1,100 บาท ฟรีอาหารเช้า ซึ่งในกรุงเทพฯ แทบไม่มีราคานี้อยู่แล้ว” สุรกิจเผย

หลังจากรุ่นสองเข้ามาบริหารเต็มตัว โรงแรมอลิซาเบธก็มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น มีโรงแรมหลายแห่งตั้งขึ้นใกล้สนามบินมากกว่า ลูกค้าชาวตะวันตกจึงหายไปเยอะ กลยุทธ์ที่เหล่าพี่น้องเมธานุกิจใช้ คือการปรับปรุงระบบ ยุคนั้นอินเทอร์เน็ตเริ่มบูม พวกเขาจึงเปลี่ยนระบบการจองโรงแรมแบบออฟไลน์ที่เคยผูกกับบริษัททัวร์และพนักงานเซลส์ให้กลายเป็นระบบออนไลน์
นับจากนั้น ชื่อของอลิซาเบธกลับมาเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักอีกครั้ง

สมดุลของความเก่า-ใหม่
กลยุทธ์อีกข้อ คือการปรับปรุงโรงแรม
โดยส่วนใหญ่ เวลาโรงแรมไหนบอกว่าจะรีโนเวต เรามักคิดถึงการรีโนเวตเปลี่ยนภาพจำเดิมไปแบบสิ้นเชิง แต่ไม่ใช่กับโรงแรมอลิซาเบธ
ในอดีต โรงแรมอลิซาเบธเคยมีห้องพักให้บริการทั้งหมด 272 ห้อง ตอนนี้ก็ยังเท่าเดิม เพิ่มเติมคือเมื่อไม่นานมานี้ สุรกิจเพิ่งปรับปรุงห้องพักบางส่วน ใช้โทนสีขาว เทา แดง ที่เป็นความหรูหราแบบสมัยใหม่

“หลายคนมาถามว่าทำไมเราไม่ทุบทิ้ง เปลี่ยนให้เป็นสไตล์มินิมอลไหม แต่ผมมองว่ามันเป็นการละทิ้งตัวตนของแบรนด์ และต่อให้เราทำอย่างนั้นก็ไปซ้ำกับโรงแรมมินิมอลอื่นอยู่ดี
“เราอยากรักษาอัตลักษณ์ไว้ จึงปรับเป็น Modern Classic ผสมผสานทั้งสไตล์คลาสสิกแบบคุณพ่อ และใส่ความโมเดิร์นลงไปในห้องพักเฟสใหม่ของเรา”
ในห้องจึงมีบัวหัวเสา คิ้วเสา และตกแต่งรูปภาพที่ดูเป็นโมเดิร์นในห้องเดียวกัน และแม้ว่าโรงแรมอลิซาเบธจะเป็นโรงแรม 3 ดาว แต่สุรกิจก็เลือกใช้เตียงกับหมอนเกรดของโรงแรม 5 ดาว มีสมาร์ตทีวีและกาแฟเกรดพรีเมียมบริการ มีปลั๊กให้หลายมุมในห้องเพื่อตอบโจทย์คนชอบชาร์จแบต และมีเครื่องฟอกอากาศป้องกัน PM 2.5 อีกด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพราะอยากให้ลูกค้ารู้สึก ‘คุ้มค่า คุ้มราคา’ มากที่สุดนั่นเอง


ด้วยพลังแห่งราดหน้าและโซเชียลมีเดีย
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญไม่แพ้กัน คืออาหาร
โรงแรมมณเฑียรมีข้าวมันไก่ที่ดึงดูดให้คนทั่วโลกมากินที่โรงแรมได้ฉันใด โรงแรมอลิซาเบธก็มีราดหน้าเส้นกรอบฉันนั้น
สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้ คือเมนูราดหน้าเส้นกรอบนี้อยู่คู่กับโรงแรมมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก แต่เพิ่งมาดังช่วง 2 – 3 ปีให้หลังมานี้เพราะโซเชียลมีเดีย

“บอกตามจริงว่ามันเกิดจากความไม่ตั้งใจ” สุรกิจหัวเราะ “ตอนช่วงโควิด กรุงเทพฯ มีมาตรการล็อกดาวน์ ทางเดียวที่ทุกคนทำตอนนั้นคือการขายอาหารกล่อง ช่วงแรก ๆ เราทำเมนูข้าวผัด กะเพราไก่ขาย แต่ก็ขายไม่ได้ จนวันหนึ่งแฟนผมก็ทักขึ้นมาว่า จริง ๆ ราดหน้าโรงแรมเราอร่อยนะ ผมเลยลองทำขายในกลุ่มเฟซบุ๊ก จากนั้นก็เริ่มดังและขายได้เรื่อย ๆ”
หลังจากโควิดซาลง สุรกิจทำการตลาดเกี่ยวกับราดหน้าหนักขึ้นด้วยการไปออกสื่อหลายเจ้า ขยันทำคลิปโปรโมตใน TikTok อย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับมีอินฟลูเอนเซอร์หลายคนมารีวิวที่โรงแรม ราดหน้าโรงแรมอลิซาเบธจึงบูมไปอีก ในวันสุดสัปดาห์ โรงแรมต้องแจกบัตรคิวและเก้าอี้เพื่อรองรับลูกค้า และวันที่พีกที่สุด โรงแรมอลิซาเบธขายราดหน้าได้กว่า 700 จานในวันเดียว


The Next Food Destination
“ผมอยากให้ลูกค้าพักผ่อนนอนสบาย ตื่นเช้ามาได้กินอาหารอร่อย เวลาว่างก็ขึ้นไปถ่ายรูปเล่นที่สระว่ายน้ำ โดยรวมคืออยากให้ลูกค้ากลับไปอย่างมีความสุขครับ” นี่คือความตั้งใจที่ผู้สืบทอดกิจการโรงแรมอลิซาเบธบอกกับเรา

“เพราะโรงแรมนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวที่ผมอยากดูแลให้ดีที่สุด มันเป็นชีวิตจิตใจ เป็นเหมือนลูกที่ทำให้ผมอยากตื่นขึ้นมาดูแลทุกวัน ไม่รู้ฝันไกลเกินไปหรือเปล่า แต่ผมหวังว่าวันหนึ่งโรงแรมอลิซาเบธจะกลายเป็น Food Destination ที่ชวนให้คนทั่วโลกบินมากินราดหน้าของเรา เป็นปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ถ้านึกถึงราดหน้าก็ต้องมาที่ประเทศไทย” ชายหนุ่มระบายยิ้ม ความหวังเปล่งประกายอยู่ในแววตา

Facebook : Elizabeth Hotel