สวัสดีปีใหม่ครับ
บทสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นก่อน พ.ศ. 2568 เพียงไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งผู้คนเริ่มทยอยกลับถิ่นฐานไปหาครอบครัว หรือบางบ้านก็เริ่มแพ็กกระเป๋า ลาหยุด และออกเดินทางไปท่องเที่ยวนอกกรุงเทพฯ กันแล้ว
แล้วคนที่ยังอยู่กรุงเทพฯ ล่ะ ผมเป็นหนึ่งในนั้น แต่การจะมาเล่าชีวิตประจำวันของตัวเองก็ดูผิดหลักใหญ่ใจความ เอาเป็นว่าก่อนถึงเวลาสัมภาษณ์ ผมไปไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าแม่ทับทิมสะพานเหลือง ก่อนเดินเท้าไม่ไกลนักมายังโรงแรมใจกลางเมืองของกลุ่มดุสิต ซึ่งเป็น dusitD2 แห่งแรกของกรุงเทพฯ

“อย่างที่คุณเห็น ที่นี่ให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่น อยู่สบาย ร่วมสมัย แต่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ตัวโรงแรมพยายามให้แขกได้เข้าถึงทุกพื้นที่ในละแวกนี้หรือไกลออกไปอีก แม้เราจะไม่ได้เชื่อมต่อกับทุกสิ่ง เช่น MRT แขกอาจจะต้องเดินไปนิดหน่อย” หลังจากแนะนำตัวเสร็จสรรพ แดเนียล สมิธ (Daniel Smith) ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมแห่งนี้ เริ่มอธิบายพร้อมรอยยิ้มที่แซมด้วยเสียงหัวเราะ
ก่อนไปไกลกว่านี้ ตอนนี้ผมกับแดเนียลนั่งคุยกันอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม ‘dusitD2 Samyan’
ส่วนคำถามที่คิดกับตัวเองว่า ‘แล้วคนที่ยังอยู่กรุงเทพฯ ล่ะ’ หลายคนอาจมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่จากการพูดคุยกับแดเนียลทำให้รู้ว่าต่อให้ไม่ใช่ช่วงสิ้นปี โรงแรมที่ล้อมรอบด้วยความหลากหลายของสามย่าน ทั้งชุมชน ร้านรวง วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนแห่งนี้ นับเป็นจุดหมายที่น่าเข้าพักไม่น้อยเลย

ภายในโรงแรม
Clean, Modern และ Contemporary
นี่เป็น 3 คำที่แดเนียลใช้จำกัดความโรงแรมแห่งนี้ ทั้งในแง่บรรยากาศอันอบอุ่น การออกแบบที่คงความเป็นไทยเอาไว้ผ่านลวดลายและไฟซ่อนที่มีรูปร่างเป็นเจดีย์ รวมถึงการตอบสนองความต้องการของคนทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่สายปาร์ตี้ริมสระ จนถึงกลุ่มคนที่ต้องการพื้นที่ทำงานในแบบ Digital Nomad
“โรงแรมนี้เหมือนเป็นเรือธงของ dusitD2 เราเลยพยายามเชื่อมต่อและเป็นหนึ่งเดียวกับท้องถิ่น นอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว สำหรับแขกที่มีธุระสำคัญในตัวเมืองกรุงเทพฯ ก็อาจจะมาพักที่นี่เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางระหว่างวัน” แดเนียลเปรยเล็กน้อยก่อนพูดคุยกันถึงห้องพัก
โรงแรมนี้มีห้องพัก 4 แบบ Superior, Deluxe, Junior Suite, Presidential Suite ทุกห้องตกแต่งคล้ายคลึงกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ภายใต้คอนเซปต์ ‘Lifestyle Upper Upscale Hotel’
ทว่าอย่างหนึ่งที่แดเนียลอยากเล่าถึงเป็นพิเศษ คือการที่โรงแรมให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานค่อนข้างมาก เช่น ที่นี่ไร้คีย์การ์ดสำหรับเปิดไฟในห้องทิ้งไว้ แต่เลือกใช้การจับสัญญาณ เมื่อแขกเดินเข้าไปในห้อง ไฟจะเปิดเองอัตโนมัติ เมื่อแขกออกจากห้องไปประมาณ 10 นาที ไฟจะค่อย ๆ ดับลงเอง
บทสนทนาค่อย ๆ ขยับจากห้องพักตรงไปยังชั้น 16 ซึ่งเป็นพื้นที่บาร์ สระว่ายน้ำ และยิม
“Bebidas เป็นบาร์และพื้นที่สำหรับแฮงก์เอาต์สไตล์เม็กซิกันในระหว่างวันสำหรับคนที่ไม่ได้อยากออกไปข้างนอกโรงแรม มีทั้งพื้นที่อินดอร์และเอาต์ดอร์ที่แขกนั่งได้ทั้งวัน จะทำงาน เล่นน้ำ พาเพื่อนมาเล่นโต๊ะพูล นอนอาบแดด ดูวิวมหานคร และทีวีให้คนที่อยากมีเพื่อนดูกีฬา แถมเรายังมีเครื่องกด Margarita Slushy ด้วย สำหรับผมมันเป็นพื้นที่ที่สนุกใช้ได้เลย” แดเนียลเริ่มพูดถึงพื้นที่เปิดโล่งชั้น 16 นี้
ฟังก์ชันของชั้นนี้ค่อนข้างครื้นเครง ด้วยความที่มีขนาดกะทัดรัด แขกจึงเลือกจัดปาร์ตี้ที่ชั้นนี้เป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับอาหารสไตล์เม็กซิกันที่ทานง่าย คู่ค็อกเทลซิกเนเจอร์กว่า 7 แก้ว ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นพื้นที่ที่ทานมื้อค่ำอย่างเงียบ ๆ ได้เช่นกัน ส่วนยิม มีความพิเศษอยู่ตรงที่วิวเปิดกว้าง มองเห็นไกลถึง ICONSIAM หากแขกคนไหนที่มาออกกำลังกายข้ามปีก็จะได้เห็นพลุพอดีเพราะห้องนี้เปิด 24 ชั่วโมง


แดเนียลเล่าต่อถึงชั้น 25 ที่เขาดูชื่นชอบเป็นพิเศษ
ชั้นนี้มีชื่อเรียกว่า Mimi’s เป็นบาร์เช่นเดียวกับ Bebidas และเป็นพื้นที่ดินเนอร์ชั้นดาดฟ้า ต่างกันตรงที่ชั้นนี้ผสมผสานธีมของไมอามีเข้ากับไทยออกมาเป็นคาแรกเตอร์ ‘Thaiami Vibes’ ส่งผลให้อาหารของชั้นนี้เน้นไปในรูปแบบของบาร์บีคิวท่ามกลางแสงสีของไมอามีในช่วงยุค 80 – 90
ส่วนหนึ่งเห็นได้จากอาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟอย่าง Ribs Pork, Beef Brisket และ Grilled Fresh Squid with Thai Spicy Sauce ที่นอกจากนุ่ม หอม อร่อย ยังเหมาะมากกับการกินไปด้วยปาร์ตี้ไปด้วย แน่นอนว่าแดเนียลเองก็รู้สึกเช่นนั้น นั่นจึงทำให้บนชั้น 25 นี้ ทุกวันพฤหัสบดีอาหารจะเสิร์ฟในรูปแบบบุฟเฟต์ควบคู่ไปกับการมีดีเจมาบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนานให้เต้นอย่างสุดเหวี่ยงกันไปข้าง


เมื่อขึ้นชื่อว่าบาร์แล้ว เครื่องดื่มเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นเองคือตอนที่ ‘Rhythm of the Night’ วางลงบนโต๊ะ ส่วนผสมเราขออุบไว้ แต่ความสนุกของแก้วนี้คือการให้แขกเขย่าเครื่องดื่มด้วยตัวเอง หรือ ‘Salted Caramel Whisky Sour’ ที่ดึงเอกลักษณ์ของไมอามีออกมาผ่านแก้วที่มีหน้าตาเหมือนหัวนกแก้ว
“ไมอามีเป็นคอนเซปต์ที่ยืดหยุ่นและเจ๋งมาก ทำให้เราใส่ความสนุกลงไปได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับคนที่ชอบดื่ม ชอบกิน หรือแม้แต่คนที่ชอบเล่นโซเชียล เพราะคุณจะได้รูปสวย ๆ จากการอยู่บนดาดฟ้าที่มองเห็นวิวพระอาทิตย์ตก มองเห็นพลุในช่วงเทศกาล และมองเห็นทั้งเมืองจากบนนั้น” แดเนียลเล่า

ภายนอกโรงแรม
ความตั้งใจหนึ่งของแดเนียล คือเขาไม่ได้อยากให้แขกอยู่ติดห้องทั้งวัน เอาเข้าจริงหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เขาอยากให้แขกได้ออกไปเห็นมุมต่าง ๆ ของย่านที่อยู่ล้อมรอบบริเวณโรงแรม ยิ่งอากาศกำลังเย็นสบายแบบนี้ เขายิ่งอยากให้แขกลองเดินเท้าดูความเป็นย่านละแวกนี้เหลือเกิน
“มันจะทำให้เขาเจอในสิ่งที่รถเข้าไปไม่ถึง เพราะในวันวันหนึ่งมีอะไรเกิดขึ้นมากมายในย่านสามย่าน ผมอยู่กรุงเทพฯ มาประมาณ 2 ปี สามย่านให้บรรยากาศที่เงียบสงบกว่าหลาย ๆ ที่ มีครอบครัวหลายรุ่นที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ มีธุรกิจเล็ก ๆ ที่ผ่านมือมาแล้วหลายรุ่นที่ยังคงเปิดอยู่ โดยเฉพาะร้านอาหารที่ผมว่าเป็นเสน่ห์ของย่าน ซึ่งผมว่ามันดีมากเลยที่เรายังมีชุมชนดั้งเดิม วัฒนธรรมดั้งเดิม และวิถีชีวิตของพวกเขาก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ ด้วย” แดเนียลเล่าถึงความประทับใจที่เขามีต่อสามย่าน

หนึ่งในวิธีที่เขาใช้เพื่อแนะนำย่านนี้ให้แขกรู้จัก คือการให้ลอง ถ้าติดใจ เขาพร้อมชี้พิกัด เช่น พานาคอตตาชาไทยของโรงแรม ถ้าแขกถูกใจรสชาตินี้ เขายินดีอย่างยิ่งที่จะบอกแขกว่าจะหาชาไทยรสชาตินี้จากร้านไหน หรือก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ้าคิดว่าของโรงแรมอร่อยแล้ว ละแวกเพื่อนบ้านยังมีร้านที่ควรไปลองอยู่นะ
“เราพยายามแนะนำความเป็นท้องถิ่นให้กับแขกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเราไม่อยากให้แขกได้รู้จักพื้นที่ตรงนี้แค่ผิวเผิน เราพยายามขุดลึกลงไปอีกเพื่อให้พวกเขาได้เข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ ถ้าคุณชอบอาหาร คุณน่าจะลองไปที่นี่นะ ถ้าคุณชอบผ้า คุณน่าจะลองไปที่นั่นนะ ทั้งหมดนี้เพื่อให้แขกได้รับประสบการณ์จากย่านนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะบางอย่างก็ต้องให้เขาไปพบเจอด้วยตัวเอง ยิ่งด้วยขนาดเมืองของกรุงเทพฯ เราคงแนะนำทุกอย่างไม่ได้” แดเนียลเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ


แดเนียลรู้ดีว่าโรงแรมแห่งนี้อาจไม่ใช่โรงแรมสำหรับพักผ่อนที่ใหญ่ที่สุดในย่าน แต่อย่างน้อยการมีอยู่ของ dusitD2 Samyan โรงแรมใจกลางเมืองแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่บ่งบอกเสน่ห์ของย่าน และการมาพักที่นี่ย่อมทำให้แขกได้เข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ จากละแวกโดยรอบ
มากกว่าโรงแรม
โรงแรม 25 ชั้น (หากนับชั้นลอยบนดาดฟ้าจะเป็น 26) กับจำนวนห้องอีก 179 ห้อง แดเนียลมองว่าขนาดเท่านี้ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่โรงแรมต้องเป็นมากกว่าแค่ที่พัก ขนาดของงานที่จัดแม้จำกัดอยู่ 20 – 100 คน แต่นั่นทำให้พวกเขาชำนาญในการดูแลและจัดงานขนาดย่อมเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นกินเลี้ยงครอบครัวร่วมกับญาติผู้ใหญ่ที่ Dusit Gourmet ชั้น 2 งานแต่งงานที่ Meeting Room ชั้น 3 งานเลี้ยงวันเกิดที่ Bebidas ชั้น 16 หรือปาร์ตี้แบบสนุกสุดเหวี่ยงที่ดาดฟ้า Mimi’s ชั้น 25
“สำหรับแขกที่ไม่ได้ค้างคืน เราอยากให้เขารู้สึกว่าการมาโรงแรมเราไม่จำเป็นต้องมาเพื่อเข้าพักเสมอไป ยิ่งการอยู่ใจกลางเมือง เราอยากให้เขารู้สึกว่าที่นี่เป็นพื้นที่แฮงก์เอาต์หลังเลิกงาน เป็นพื้นที่จัดประชุมที่เดินทางง่าย หรือมากินอาหารในราคาที่เข้าถึงได้ เพราะเราอยากให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงการต้อนรับและการบริการอันอบอุ่นแม้จะเข้ามาเพื่อกินกาแฟแก้วเดียวก็ตาม” แดเนียลปิดท้ายบทสนทนา

3 Things you should do
at dusitD2 Samyan

01
ลองสัมผัสทุกประสบการณ์ที่ dusitD2 Samyan ตั้งใจมอบให้แขกทุกคน

02
ลองดื่มค็อกเทล กินบาร์บีคิว และดูพระอาทิตย์ตกบน Mimi’s

03
ลองเดินสำรวจสามย่านและวัฒนธรรมชุมชนรอบ ๆ โรงแรม