เราสบโอกาสสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอเก็บกระเป๋าไปพักผ่อนหย่อนใจก่อนต้องสู้งานหนัก
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้สายหน่อยแบบคนขี้เกียจตื่น และเริ่มต้นออกเดินทางจากสามย่านเพื่อมุ่งหน้ทาสู่จุดหมายที่ฝันอยากไปมานานแล้ว
นอนหลับตายังไม่ทัน 3 ชั่วโมงดีก็รับรู้ได้ว่ากำลังถึงที่หมาย จากวิวตึกสูงสองข้างทางแปรเปลี่ยนเป็นป่าเขาใบหญ้า ร่มเย็นอย่างที่หาได้ยากในเมืองหลวง
สวัสดี เขาใหญ่ – เราบอกตัวเอง
ยิ่งขับไปนาน ยิ่งโอบล้อมด้วยภูเขา รถตู้พาเราออกห่างจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ราว ๆ 10 กิโลเมตร บนทางหลวงชนบทเขาใหญ่-วังน้ำเขียว มองเห็นไร่องุ่นมาแต่ไกล
ก่อนจะพาเราเลี้ยวเข้าซอยที่มีป้ายเขียนไว้ว่า ‘dusitD2 Khao Yai’
จากปากช่องมา
dusitD2 Khao Yai คือโรงแรมที่เราเลือกพักในวันนี้ แม้ที่นี่จะตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาเงียบสงบของโคราช แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างไม่น่าเชื่อ
บริเวณหน้าล็อบบี้เป็นวงเวียนน้ำพุและประดับด้วยโขดหิน เปิดโล่งโปร่งสบาย พวกเขาต้อนรับเราด้วยน้ำเก๊กฮวยเย็นเจี๊ยบ เป็น Welcome Drink สุดสดชื่น เรียกความกระปรี้กระเปร่าจากการนอนคอพับมาร่วมชั่วโมงได้ดีมาก
รูปแบบอาคารของที่พักเป็นแบบ Low Rise 3 ชั้น แบ่งออกเป็นฝั่งซ้ายและขวาของล็อบบี้ ยังคงเน้นโทนสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมแบรนด์ D2 แต่สิ่งที่แตกต่างออกไป คือที่นี่ตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากไร่องุ่นและโรงกลั่นไวน์ที่รายล้อมอยู่ทั่วบริเวณโรงแรม อย่างที่เห็นว่าตัวอาคารมีสีเดียวกับถังไม้โอ๊ก
ห้องพักแบ่งออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ D’Light จำนวน 1 ห้อง ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์ ด้วยประตูห้องพักแบบเปิดกว้าง, Deluxe จำนวน 41 ห้อง โดยเลือกได้ว่าอยากได้ห้องที่เดินไปสวนหย่อมสบาย ๆ หรือมีระเบียงส่วนตัว, Deluxe Plus จำนวน 23 ห้องที่ได้วิวภูเขาลูกใหญ่ สวยจุใจ, D’Corner Suite จำนวน 2 ห้องที่ได้วิวภูเขาเช่นกัน แต่มาในขนาด 72 ตารางเมตร พร้อม Walk-in Closet และกระจกหน้าต่างบานสูงจากพื้นจรดเพดาน, Duplex Suite จำนวน 2 ห้อง ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอนหลับสบายด้วยเครื่องนอนคุณภาพเยี่ยม, Family Deluxe จำนวน 1 ห้องสำหรับครอบครัวที่มาพร้อมวิวสวนและเตียงสองชั้น และ One Bedroom Villa น้องใหม่ล่าสุดที่เรากำลังจะได้เข้าชมก่อนใครเพื่อนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ส่วนนักท่องเที่ยวกระเป๋าเบาอย่างเรา ขอเลือกพักห้อง Duplex Plus อยู่ทางซ้ายมือของล็อบบี้นี่เอง
ก่อนอื่น สำหรับสาวขี้อาย ขอบอกว่าห้องนี้มีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่กลางห้อง แต่ถ้าจะใช้ห้องน้ำก็เลื่อนผ้าม่านมาปิดได้เลย
สิ่งแรกที่ทำเมื่อถึงห้องคือกระโดดลงเตียงนุ่มฟู ชอบโรงแรมนี้ตรงที่เลือกหมอนที่ต้องการได้ถึง 5 แบบ ทั้งหมอนเบ้ารองรับคอ หมอนใยสังเคราะห์ หมอนยางพารารองรับต้นคอ หมอนเมล็ดธัญพืช และหมอนโฟม หากคุณเป็นชาวออฟฟิศซินโดรมเหมือนกัน เราขอเชียร์ให้ยกหูหาหมอนเบ้ารองรับคอมาให้ไว
ได้นอนหมอนถูกใจ แอร์เย็นฉ่ำ เตียงนุ่มฟูใหญ่เบ้อเร่อ มองออกไปเห็นวิวภูเขากับดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ใครไม่ผล็อยหลับไปก็ให้รู้กันไปเถอะ
หมูสี กริลล์
คนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่าการกินอิ่มหลับสบาย
พอได้นอนขี้เกียจในผ้าห่มแล้วท้องก็ส่งเสียงคำรามแทนปากที่หาวมาทั้งวัน
เดินผ่านไปล็อบบี้ไปทางขวา มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งรอให้เรากระโดดไปว่าย แต่น่าเสียดายที่ดันเห็นของกินสำคัญกว่า เราไม่รอช้าเดินตามกลิ่นหอมไปยัง MUSI GRILL ห้องอาหารบนภูเขาชื่อเดียวกับตำบล เพราะมื้อนี้จะได้ทานชาบูแบบเบิ้ม ๆ เป็นเมนูใหม่ที่เพิ่งวางขายสด ๆ ร้อน ๆ เดือนนี้พร้อมกับเมนูหมูกระทะ
อ้อ เรามาทันกินมื้อเย็นพอดี หากคุณเป็นคอเครื่องดื่มต้องห้ามพลาดบาร์ค็อกเทลกับโต๊ะอาหารกลางสระว่ายน้ำเป็นอันขาด แต่หากเป็นสายบุฟเฟต์อาหารเช้ารับรองไม่มีผิดหวัง มีให้เลือกตั้งแต่ข้าวต้มหรือกับข้าวสไตล์ไทย อาหารฝรั่ง ของหวาน และเครื่องดื่มครบครัน ที่ขาดไม่ได้คือผัดหมี่โคราช ทำใหม่จานต่อจาน อาหารขึ้นชื่อประจำจังหวัดที่ไม่กินเหมือนมาไม่ถึง
แน่นอนว่าเรากินเรียบ!
หมู่บ้านซาฟารี
ไฮไลต์ของการเดินทางครั้งนี้คือการมาเยี่ยมชม Asili Village วิลล่าเปิดใหม่ก่อนใครเพื่อน เพียงได้ย่างกรายเข้ามาก็รู้สึกทันทีว่าอยากเข้าพักห้องนี้จัง
เล่าคอนเซปต์ที่พักให้ฟังคร่าว ๆ Asili Village หรือหมู่บ้าน Asili เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า ธรรมชาติ โดยมีจุดเริ่มต้นจากต้นไม้ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่กำลังจะเปิดพร้อมกันคือ Asili Tree ห้องอาหารลอยฟ้า เป็นหอคอยที่มองเห็นวิวเขาใหญ่ 360 องศา ด้วยความสูงเทียบเท่าตึก 7 ชั้น หากคนกลัวความสูงอ่านถึงตรงนี้แล้วไม่ต้องตกใจไป โซนด้านล่างของห้องอาหารจะเปิดเป็นคาเฟ่ นั่งจิบกาแฟเพลิน ๆ ขนาบข้างด้วยคาเฟ่ Pet-friendly ที่เปิดให้น้องหมาน้องแมวเข้าได้ด้วยนะ
ซึ่งแน่นอน มนุษย์เราเกิดจากธรรมชาติ ห้องพักที่นี่จึงมีชื่อตามสรีระต่าง ๆ ของร่างกาย อย่าง Kichwa (ศีรษะ) Bega (หัวไหล่) Migono (แขน) Magoti (หัวเข่า) Miguu (เท้า) เป็นพูลวิลล่าส่วนตัว จำนวน 5 หลังด้วยกัน แบ่งเป็น 1 ห้องนอน 3 หลัง และ 2 ห้องนอน 2 หลัง
การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระท่อมซาฟารีทางตะวันออกของแอฟริกา จะเห็นว่ามีหลังคามุงจากทอดยาวเหนือระเบียงส่วนตัวไปจนถึงสระว่ายน้ำ สร้างด้วยไม้ ตกแต่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติ และเฟอร์นิเจอร์ลวดลายชนเผ่าที่สั่งทำมาพิเศษ ภายใต้แนวคิดสร้างความกลมกลืนกับธรรมชาติทั้งป่าไม้และขุนเขา
เพดานของที่นี่สูงโปร่ง มีประตูและหน้าต่างบานใหญ่ที่มองออกไปข้างนอกยิ่งสบายตา สบายใจ ส่วนความสบายกายไม่ต้องพูดถึง เตียงที่เห็นนี้ขนาด 6.5 ฟุต! มีเมนูหมอนให้เลือกอีกตามเคย ห้องน้ำก็กว้างขวางมาก มีอ่างให้แช่ตัวอีกต่างหาก ที่สำคัญ มีบริการเสิร์ฟอาหารเช้าถึงห้องอีกด้วย
มัน-หนุก-มาก
มาถึงเขาใหญ่ทั้งที ต้องมีกิจกรรมให้ทำอยู่แล้ว
เริ่มจากการปั่นจักรยานชมรอบบริเวณโรงแรม สูดออกซิเจนให้เต็มปอด ก่อนจะมาถึงโซนฟาร์มสัตว์ขนาดย่อมที่มีเจ้า ช็อคโก้ กับ ชีสเค้ก นอนทำหน้าเบื่อโลกตามสไตล์อัลปาก้าตัวขน รอให้เราเข้าไปเล่นด้วย ใกล้ ๆ กันคือโซนกระต่ายนับสิบตัว บ้างนอนอวบอ้วนพุงป่อง บ้างวิ่งเล่นสนุกสนาน และโซนไก่ซิลกี้ร้องกระต๊าก พวกมันคงมีความสุขไม่น้อยที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ ถ้าใครอยากให้อาหารก็คุยกับพี่เจ้าหน้าที่ได้เลยนะ
ถัดจากกิจกรรมอ่อนโยนจรรโลงใจ เราชวนไปแอดเวนเจอร์กันบ้าง ที่นี่มีหน้าผาจำลองสำหรับสายโหด!
มือใหม่อย่าเพิ่งตกใจไป เขามีพี่เจ้าหน้าที่ดูแลใกล้ชิดและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยครบครัน ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าหรือรองเท้าไปก็ได้ เขามีให้พร้อมเปลี่ยน แนะนำให้ปีนช่วงบ่าย 3 เป็นต้นไป พี่ ๆ เขาบอกว่าเป็นเวลาที่เงาหล่นทับหน้าผาพอดี ให้กังวลแค่ด่านตรงหน้าก็พอ (ฮา)
นอกจากกิจกรรมที่เราไปผจญภัยมา ที่นี่ยังมีกิจกรรมน่าสนใจอีกเพียบ ทั้งโยคะและแอโรบิกกลางสวนเอาใจคนรักสุขภาพ บริการนวดอันเลื่องชื่อของโรงแรมเครือดุสิต หรือกิจกรรมตามฤดูกาลอย่างการแคมปิงผิงไฟในหน้าหนาว เดินเทรกกิงที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ออกเดินทางไปเยี่ยมชมไร่องุ่นพร้อมชิมไวน์รสเลิศ หรือจะไปย้อมผ้าสีธรรมชาติก็ย่อมได้ ดูรายละเอียดได้ที่ช่องทางของโรงแรมและกาปฏิทินวันหยุดไว้ให้ดี
สำหรับหน้าใหม่อย่างเราที่เพิ่งเดินทางมาเขาใหญ่เป็นครั้งแรก การหลับนอนในบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ และใช้เวลาทำกิจกรรมกับบรรดาเพื่อนใหม่ที่นี่ เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก สนุก ครบครัน ไม่ต้องไปไหนไกล ไม่เล็กไม่ใหญ่ไป เหมาะกับคนรักสงบเป็นที่สุด
เราเขกหัวตัวเองก่อนกลับไปที และบอกว่า ทำไมไม่มาตั้งนานแล้วนะ!
3 Things
you should do
at dusitD2 Khao Yai
01
เปิดประสบการณ์มื้อเย็นที่ LAMAYA KHAOYAI ร้านอาหารธีมชนเผ่าสไตล์บาหลี พร้อมโชว์แสงสีเสียงแบบจัดเต็มบนประติมากรรมสุดอลังการ!
02
ชมไร่องุ่น เก็บผลผลิต ดูสาธิตในโรงบ่ม และจับคู่จิบไวน์กับอาหารที่ GranMonte Vineyard and Winery ไร่องุ่นชื่อเสียงระดับโลก
03
แวะซื้อนมสดพาสเจอร์ไรซ์เป็นของฝากที่ Dairy Home นมสดแท้จากแม่วัวอารมณ์ดีในฟาร์มออร์แกนิกเจ้าแรกของประเทศ