ผมรีดผ้าไม่เป็น และถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากทำ เพราะมองว่าเป็นกิจกรรมเสียเวลา แต่ด้วยเป็นคนชอบใส่เสื้อเชิ้ต ผมจึงไม่อาจหลีกหนีปัญหานี้ไปได้

ตอนเรียนอยู่ที่ Kellogg School of Management ผมโชคดีที่ตึกที่ผมอยู่มีร้านซักรีดอยู่ตรงข้าม และซักแห้งและรีดเสื้อเชิ้ตแค่ตัวละเหรียญเดียว อย่างอื่นผมใช้เครื่องซักและเครื่องอบใต้ตึกที่อยู่

ที่ได้ราคานี้เพราะเมือง Evanston ที่ผมอยู่เป็นเมืองเล็กห่างจากเมืองชิคาโก้ประมาณ 30 นาที ค่าครองชีพจึงไม่แพง

ทุกอย่างดูดี เงินที่จ่ายไปคุ้มค่ากับเวลาที่ได้คืนมา จนกระทั่งผมย้ายไปอยู่เมืองซานฟรานซิสโก

ที่นั่นค่าซักแห้งแพงมาก ค่าซักแห้งเสื้อเชิ้ตตกตัวละ 3 – 4 เหรียญฯ

ผมเคยอ่านข่าวเกี่ยวกับสตาร์ทอัพที่ให้บริการซักรีด บนเว็บข่าวสตาร์ทอัพที่ดังที่สุดอย่าง  TechCrunch

ผมจึงลองกูเกิลดู และเจอเข้ากับสตาร์ทอัพซักรีดหลายแห่ง เมื่อลองเข้าไปดูและเปรียบเทียบราคา ผมตัดสินใจเลือกใช้บริการของ Rinse

Rinse คิดค่าซักแห้งเสื้อเชิ้ตตัวละ 2.5 เหรียญฯ ไม่มีขั้นต่ำและค่าบริการอื่น

Rinse ต่างจากสตาร์ทอัพที่ให้บริการซักรีดผ้าอื่นตรงที่ไม่ใช่ On Demand เรียกปุ๊บไปปั๊บ แต่ให้บริการแค่ช่วงเวลา 2 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม และไม่ต้องดาวน์โหลดแอพ

วิธีการใช้งานนั้นง่ายมาก ขั้นตอนลงทะเบียนบนเว็บ จะมีช่องให้กรอกเบอร์ก่อนจะส่งรหัสเพื่อยืนยันทาง SMS โดยหลังจากลงทะเบียนแล้ว การติดต่อสื่อสารทั้งหมดจะดำเนินการผ่านทาง SMS เท่านั้น

ในช่วงแรก ทุกเช้าบริษัทจะส่งข้อความมาทักทาย ถ้าเราต้องการให้ Rinse มารับเสื้อผ้า ก็แค่พิมพ์ Y แล้วกดส่งกลับไป

จากนั้น ก่อนเวลาที่พนักงานมาถึงสัก 1 ชั่วโมง เราจะได้ข้อความเตือน ถ้าหากเราต้องการเปลี่ยนแผนกะทันหันก็สามารถส่งข้อความกลับไปได้

เมื่อพนักงานมาถึงตึกอพาร์ตเมนต์ที่ผมอยู่ เขาจะโทรมาหาเราหากเขาขึ้นตึกไม่ได้

ไม่กี่นาทีต่อมา พนักงานในเสื้อโปโลสีฟ้าสว่างพร้อมโลโก้ Rinse ก็มาถึงห้อง รับเสื้อเชิ้ตทั้งสิบตัวของผมไป

วันรุ่งขึ้น ผมจะได้อีเมลจาก Rinse และรูปถ่ายของเสื้อเชิ้ตแต่ละตัวที่ส่งไป พร้อมราคาทั้งหมด 25 เหรียญฯ โดยชำระค่าบริการผ่านการตัดบัตรเครดิตที่ผมให้ไว้ตอนลงทะเบียน

สามวันต่อมา ผมได้รับข้อความจาก Rinse ว่า ‘พนักงานพร้อมนำเสื้อเชิ้ตไปจัดส่ง หากยืนยันให้พิมพ์ Y’ แต่คืนนั้นผมมีนัดกับเพื่อน จึงส่งข้อความไปหา Rinse ว่า ‘ขอให้มาส่งตอน 4 ทุ่ม ได้หรือเปล่า’

เวลาสี่ทุ่ม ผมได้รับเสื้อเชิ้ต 10 ตัวที่รีดมาให้อย่างดี

ผมชอบในประสบการณ์ที่ได้รับมากทั้งราคา คุณภาพ และการสื่อสาร

เป็นสตาร์ทอัพแรกที่ติดต่อสื่อสารผ่าน SMS ทั้งหมด ทั้งที่สตาร์ทอัพส่วนใหญ่จะสร้างแอพพลิเคชัน เพื่อให้ตอบโจทย์คนใช้งานมากที่สุด

แต่พอลองคิดดูแล้ว ผมว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะการใช้งานที่แค่นัดหมายและสื่อสาร ไม่ต้องดูรูป ก็ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์อะไรซับซ้อน

ในมุมของ Rinse นั้น การพัฒนาก็ทำได้เร็วกว่าและใช้คนน้อยกว่าการสร้างแอพมาก ที่สำคัญผู้ใช้ไม่มีวันลบแอพพลิเคชันออก

นอกจากนี้ การทักทายและแจ้งเตือนผ่าน SMS นั้นเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานเห็นและตอบรับข้อความได้มากกว่าการสื่อสารผ่านแอพพลิเคชัน

ผมเชื่อว่าระบบข้อความของ Rinse นั้นใช้ทั้งคอมพิวเตอร์และคน จึงทำให้การสื่อสารนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด

อีกสิ่งที่ Rinse ทำได้ดีมากและตรงข้ามกับสตาร์ทอัพที่ให้บริการเจ้าอื่นๆ คือ การไม่ทำเป็น On Demand

จริงอยู่ ที่คงมีผู้ใช้บางส่วนหรือบางกรณี ที่ต้องการซักรีดด่วนและรอไม่ได้ ซึ่งถ้าการให้บริการแบบ On Demand ก็จะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอีกมาก ทั้งค่าจ้างพนักงานขับรถรับส่งของตามจำนวนชั่วโมงที่เพิ่มขึ้น และค่ารถและน้ำมันจากการวิ่งรถหลายรอบ

แต่เมื่อผู้ใช้ส่วนใหญ่มีตารางซักผ้าที่ค่อนข้างไม่เปลี่ยน ทั้งยังต้องการคุณภาพและราคาที่ดี

การกำหนดเวลา 2 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม ที่ผ่านการศึกษาและทดสอบมาเป็นอย่างดี จึงช่วยให้ Rinse สามารถวางแผนการวิ่งรถได้มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ ยังเป็นช่วงเวลาที่รถไม่ติดอีกด้วย

ผมสังเกตว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวในตึกที่ใช้ Rinse ทำให้ Rinse สามารถให้บริการได้โดยไม่มีขั้นต่ำ

สิ่งเหล่านี้ทำให้ Rinse ประสบความสำเร็จในซานฟรานซิสโกและแอลเอ สามารถระดมทุนได้รวมกว่า 23.5 ล้านดอลลาร์ฯ หลังเปิดดำเนินการมาได้ 4 ปี ขณะที่คู่แข่งที่เน้นด้าน On Demand กลับต้องทยอยกันปิดตัวลง

Writer

Avatar

มาโนช พฤฒิสถาพร

มาโนชสนใจด้านสตาร์ทอัพมาก เขามีประสบการณ์ทำสตาร์ทอัพทั้งที่ไทยและอเมริกา เขาจบ MBA จาก Kellogg School of Management ที่นั่นเขาสมัครงานบริษัทเทคโนโลยีในตำแหน่งด้านธุรกิจกว่า 3,000 งาน ศึกษาบริษัทเตรียมตัวสัมภาษณ์กว่า 200 บริษัท สุดท้ายได้งานที่ Credit Karma บริษัทสตาร์ทอัพมูลค่าแสนล้านที่ SF มาโนชกลับมาทำสตาร์ทอัพด้านแฟชั่นที่ไทย Fred & Francis มาโนชยังเป็นนักเขียนตัวยง เขาเป็นเจ้าของหนังสือ A DREAM TO DIE FOR ล้ม 3,000 ครั้ง เพื่อชนะฝันเดียว