ผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสทำงานที่ Credit Karma ฟินเทคสตาร์ทอัพที่มีผู้ใช้กว่า 60 ล้านคนในอเมริกา และได้ทำงานในทีมที่เป็นหัวใจสำคัญของรายได้ของบริษัท ถึงช่วงเวลาแห่งความฝันนั้นจะต้องหมดลงภายใน 1 ปี เพราะผมไม่ได้วีซ่าทำงาน
ที่ประเทศอเมริกา ทุกคนจะมี Credit Score ซึ่งคือคะแนนที่บ่งบอกว่าเรามีวินัยมีความน่าเชื่อถือมีศักยภาพด้านการเงินขนาดไหน ซึ่งคำนวณจากประวัติการมีหนี้และชำระหนี้ของเราในอดีตว่าเราจ่ายตรงเวลาหรือไม่ และมีประวัติการใช้บัตรเครดิตและสินเชื่อมานานขนาดไหน ดูจากอัตราการใช้บัตรเครดิตของเราเทียบกับวงเงินที่เราได้รับอนุมัติ และดูว่าเราสมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อมากแค่ไหนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ที่นั่น Credit Score สำคัญมาก เวลาเราจะสมัครงานเขาก็ดู Credit Score เวลาจะเช่าบ้านก็ถูกเรียกดู Credit Score คนที่นั่นรู้ว่าถ้าปีหน้าจะกู้เงินสร้างบ้านแล้วอยากได้ดอกเบี้ยต่ำ ก็ต้องทำให้ Credit Score ตัวเองดีขนาดไหน
ปัญหาคือ ข้อมูลที่สำคัญเช่นนี้คนทั่วไปเข้าถึงได้ยากมากและต้องเสียเงิน
Ken Lin เห็นโอกาสตรงนี้ จึงสร้าง Credit Karma ขึ้นเพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึงข้อมูล Credit Score ตัวเองได้ฟรี และนี่คือจุดเริ่มต้นของ Credit Karma ในปี 2006 ที่ปัจจุบันนี้มีผู้ใช้กว่า 60 ล้านคนในอเมริกา มูลค่าบริษัทกว่า 1 แสนล้านบาท
Credit Karma ให้ผู้ใช้ใช้งานฟรี โดยจ่ายเงินให้กับเครดิตบูโรเพื่อดึงข้อมูล Credit Score และ Credit Report มาให้กับผู้ใช้ได้เข้าถึงฟรี และแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมกับ Credit Report ของผู้ใช้แต่ละคน
Credit Karma นั้นช่วยคนจริงๆ เพราะเราช่วยให้เขาเข้าใจถึงสถานการณ์ Credit Score ของเขา และแนะนำว่าเขาควรทำอย่างไรให้คะแนนขึ้น ถ้าเขาทำตามและคะแนนขึ้นจริง นั่นหมายถึงเขาสามารถสมัครบัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์มากขึ้น สามารถสมัครสินเชื่อและได้ดอกเบี้ยถูกลง ช่วยให้เขามีชีวิตการเงินที่ดีขึ้น
รูปแบบธุรกิจของ Credit Karma นั้นตอบโจทย์ทุกฝ่ายอย่างยิ่ง Credit Karma มีรายได้เมื่อผู้ใช้สมัครแล้วสถาบันการเงินอนุมัติ เราจึงเป็นเหมือนช่องทางในการหาลูกค้าของสถาบันการเงินและบริษัทฟินเทค ขณะที่เราก็ต้องแนะนำผลิตภัณฑ์การเงินที่น่าสนใจต่อผู้ใช้แต่ละคนและเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถ้าพวกเขาสมัครแล้วมีโอกาสได้รับอนุมัติสูง
แนวคิดรูปแบบธุรกิจนี้ก็ไม่ต่างอะไรจาก Facebook ที่ให้ข้อมูลบางอย่างที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้และให้ใช้ฟรี แล้วเรียนรู้ข้อมูลบางอย่างของผู้ใช้ที่ช่วยให้เราแสดงผลิตภัณฑ์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายและหารายได้จากทางนี้ ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ทรงพลังมาก
ทีมที่ผมทำงานอยู่คือทีม Revenue Analytics นั้นมีบทบาทอย่างมากกับรายได้ของบริษัท เพราะทีมเราคือผู้กำหนดว่าเราควรจะแสดงผลิตภัณฑ์ทางการเงินอะไรให้กับผู้ใช้แต่ละคนเมื่อเขาเข้ามาที่เว็บหรือแอพในวันนี้ เราทำงานกับทีม Data Scientist ที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโมเดล เอาข้อมูลผู้ใช้หลายพันอย่างที่เรารู้และเก็บจากพฤติกรรมผู้ใช้ มาใช้ทำนายว่าผลิตภัณฑ์การเงินอันไหนที่ผู้ใช้คนนี้น่าจะคลิกสมัครมากที่สุดในตอนนี้ และทีม Product ที่คอยพัฒนาเว็บและแอพให้น่าใช้และตอบโจทย์อยู่เสมอ
วัฒธรรมของ Credit Karma คือ No Jerk ที่นี่จะรับแต่คนที่พร้อมจะทำงานเป็นทีม ไม่มีการเมือง เราให้ความสำคัญกับการรับคนเข้าทำงานมาก อย่างที่สอง เราเป็น Mission Driven Company ซีอีโอจะย้ำกับพนักงานในการประชุมใหญ่ประจำเดือนเสมอเกี่ยวกับ Mission ที่ต้องการช่วยให้ผู้ใช้มีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น ผมรู้สึกว่าทุกๆ คนในองค์กรสามารถเข้าถึงในจุดนี้ได้ เพื่อนร่วมงานของผมทุกคนเชื่อใน Mission บริษัท อีกอย่างก็คือเราเชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาในองค์กรเป็นคนที่เก่ง เราอยากให้ทุกคนริเริ่มสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ไม่มีระบบ Hierarchy ทุกๆ คนสามารถใกล้ชิดกับซีอีโอ
ช่วงเวลาที่ Credit Karma เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผม ผมได้มาทำงานในที่ที่ผมใฝ่ฝัน ผมได้ทำงานกับคนที่เก่งมากๆ ในองค์กรที่มีวัฒนธรรมการทำงานที่ดีมาก ผมได้สร้างสรรค์งานที่มีผลกระทบกับผู้ใช้ 60 ล้านคน และผมได้เรียนรู้เยอะมาก ผมจะจดจำเรื่องราวนี้ไว้ตลอดไป