“ปู๊น ๆ” 

เสียงรถไฟในวัยเด็กดังขึ้นมาในใจของผมอีกครั้ง หลังจากที่รถโดยสารสองแถวคันสีแดง (รถแดง) พาผมมาส่งที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ ผมเท้าก้าวลงจากรถพร้อมกวาดสายตาไปยังบริเวณโดยรอบ มองเห็นหัวรถจักรไอน้ำที่ตั้งเด่นเป็นสง่า ก่อนจะหันไปดูหอนาฬิกา ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างไว้อย่างงดงาม ณ สถานที่แห่งนี้

ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล

หลังจากผ่านการคัดกรองการตรวจวัดอุณหภูมิด้วยเครื่องเทอร์โมสแกนและลงทะเบียนข้อมูลในแอปพลิเคชัน ท่ามกลางมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย ผมก็เดินมาต่อท้ายแถวที่ยาวไปด้วยจำนวนผู้คนที่ยืนรอซื้อตั๋วโดยสาร ภายหลังที่ยืนคอยอยู่นาน ในที่สุด, ก็ถึงคิวซื้อตั๋วของผมสักที

 “ไปขุนตานหนึ่งคนครับ” ผมพูดกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงตรงเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วรถไฟ พร้อมกับยื่นบัตรประจำตัวประชาชนตามไป ในรูปแบบการสนทนาวิถีใหม่ที่ต่างฝ่ายต่างใส่หน้ากาก (อนามัย) เข้าหากัน

 “เชียงใหม่ไปขุนตาน ตอนนี้มีรอบ 9 โมงครึ่ง เป็นรถนั่งพัดลมนะคะ ราคา 15 บาทค่ะ” 

ผมก้มหน้าควานหาเหรียญในกระเป๋าสตางค์ให้พอดีกับค่าตั๋วโดยสาร พร้อมกับยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรงหน้า ไม่นานตั๋วโดยสารที่เป็นกระดาษสีขาวใบเล็ก ๆ ก็มาอยู่ในมือของผม ซึ่งรถไฟที่กำลังจะเดินทางในวันนี้เป็นรถไฟขบวนท้องถิ่น หมายเลข 408 เส้นทางเชียงใหม่-นครสวรรค์ เมื่อใกล้ถึงเวลาออกเดินทาง ผมก็เดินมารอขึ้นรถไฟพร้อมผู้โดยสารคนอื่น ไม่นานก็ได้ยินเสียงหวูดรถไฟดังขึ้น พร้อมกับขบวนรถไฟที่กำลังเคลื่อนขบวนเข้าสู่ชานชาลา 

ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล

รถไฟขบวนแห่งความฝัน

แม้ว่าภาพของการนั่งรถไฟจะไม่เหมือนกับที่คิดไว้ เพราะวันนี้มีผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่ง และมีผู้โดยสารบางส่วนต้องยืนตลอดการเดินทาง สิ่งที่พอจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างคงจะเป็นลมเย็น ๆ ที่พัดมาตรงหน้า และการชมธรรมชาตินอกหน้าต่าง ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ มองแล้วรู้สึกสดชื่น สบายตา รวมถึงทิวทัศน์ทุ่งนาที่มีสัตว์สี่ขากำลังก้มหน้าเล็มหญ้าอยู่เป็นจำนวนมาก 

ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล

รถไฟเคลื่อนขบวนจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้ หลังจากเดินทางมาสักพักใหญ่ ผมก็ได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจอีกครั้ง เมื่อมองเห็นสะพานขนาดใหญ่ที่รถไฟแล่นผ่าน 

 ‘สะพานขาวทาชมภู’ ชื่อของสะพานที่ผมเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกหลังจากกดอ่านข้อมูลผ่านหน้าจอมือถือ สะพานแห่งนี้มีรูปทรงโค้งและทาสีขาวแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก มีความพิเศษตรงที่เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก แตกต่างจากสะพานรถไฟทั่วไปที่สร้างด้วยเหล็กเท่านั้น ปัจจุบันที่นี่ก็กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ถ่ายรูปสวย ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดลำพูน

ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
ภาพ : www.lamphun.go.th/th/attractions/48/สะพานขาวทาชมภู

สวัสดีขุนตาน

หลังจากที่รถไฟใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ ในที่สุดก็พามาถึงสถานีขุนตาน สถานีปลายทางที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินป่าในครั้งนี้

ถ้าไม่นับเรื่องเวลาเดินทางที่อาจช้าไปบ้าง ผมคิดว่าการเดินทางโดยรถไฟก็เป็นการเดินทางที่เพลิดเพลินดี ได้เห็นบรรยากาศแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนการเดินทางโดยรถส่วนตัว เป็นการเดินทางช้า ๆ ให้ใช้ความคิดอยู่กับตัวเองได้นานขึ้น และที่สำคัญ คงเป็นความรู้สึกที่ไม่ต้องกังวลกับรถคันหน้า รถคันหลัง หรือรถที่ขับสวนมาเหมือนตอนขับรถเอง

ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล

เมื่อรถไฟเคลื่อนขบวนเข้าสู่สถานีขุนตานและจอดสนิทดีแล้ว ผมก้าวลงจากรถไฟพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ 

ป้ายจุดเช็กอินสีขาวขนาดใหญ่เขียนว่า ‘ขุนตาน’ ตรึงความสนใจของผมไปชั่วขณะ ก่อนที่ผมจะละสายตาไปยังอุโมงค์รถไฟขุนตานสีแดงอิฐขนาดใหญ่ อุโมงค์ที่มีความยาวถึง 1,352.10 เมตร น่าเสียดายที่การเดินทางของผมสั้นไป ไม่อย่างนั้นคงจะได้นั่งรถไฟลอดอุโมงค์ เหมือนผู้โดยสารท่านอื่นที่กำลังจะได้เดินทางต่อในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

หลังจากสำรวจเส้นทางและสักการะศาลเจ้าพ่อขุนตานเป็นที่เรียบร้อย ผมก็เดินลอดป้ายที่มีลักษณะเหมือนประตูทางเข้าของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล เพื่อเดินขึ้นไปตามเส้นทาง

 จากจุดเริ่มต้นริมทางรถไฟไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล แม้จะใช้เวลาเดินไม่นาน ด้วยระยะทางที่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตรกว่า ๆ แต่ก็นับว่าเป็นเส้นทางที่เรียกเหงื่อพอสมควร เนื่องจากเป็นทางเดินขึ้นเขา คิดไปแล้ว นี่คงเหมือนกับการอบอุ่นร่างกายหรือวอร์มอัป เป็นการซ้อมเดินและทดสอบจิตใจ ก่อนจะได้เดินเข้าป่าจริง ๆ

ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล

วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า

อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอห้างฉัตร อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาขุนตาล เป็นเทือกเขาที่แบ่งระหว่างที่ราบลุ่มเชียงใหม่กับที่ราบลุ่มลำปาง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 325 – 1,373 เมตร การเดินทางจะขับรถส่วนตัวมาเองหรือเดินทางด้วยรถไฟก็ได้

เมื่อมาถึงทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ภายหลังตรวจวัดอุณหภูมิ ลงทะเบียน และชำระค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ ผมก็เดินเข้าไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีเจ้าหน้าที่อุทยานคอยต้อนรับและให้ข้อมูลการเดินทางอย่างอบอุ่นและเป็นมิตร การเดินป่าที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลเริ่มจากจุดเริ่มต้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ย.1- ย.4 (ย. ย่อมาจาก จุดยุทธศาสตร์) สำหรับการเดินทางวันนี้ จะสิ้นสุดแค่ ย.2 ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์และพักค้างแรม

ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล

ช่วงตอนบ่ายวันนี้ แม้ว่าอากาศจะเริ่มร้อน ท่ามกลางแสงแดดจ้าที่ส่งผ่านความร้อนมาจากดวงอาทิตย์ แต่นับว่าโชคดีที่มีร่มเงาของต้นไม้ใหญ่และลมเย็นจากธรรมชาติคอยพัดมา จึงช่วยทำให้รู้สึกคลายร้อนขึ้นมาได้บ้าง

ภายหลังที่เดินตามเส้นทางในแผนที่ที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ ผมก็มาถึง ย.1 มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร พร้อมกับมองเห็นบันไดที่ไต่ขึ้นไปตามระดับความสูงและความชันของเส้นทาง ตอนเดินอาจจะมีลื่นจนเกือบสะดุดล้มไปบ้าง แต่ถือว่าเป็นเส้นทางที่เดินง่ายและไม่ลำบากมาก มีเพียงความหนักของสัมภาระที่แบกมาด้วยเท่านั้นที่รู้สึกว่าน่าจะเป็นอุปสรรคในการเดินทางครั้งนี้

ทริปเที่ยวคนเดียว นั่งรถไฟไปเดินป่าและดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
สะพายเป้ ตีตั๋วขึ้นรถไฟไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จนเจอมิตรภาพและความพิเศษแสนธรรมดาของธรรมชาติ

หลังจากเดินขึ้นเนินมาเรื่อย ๆ สลับกับการหยุดพักดื่มน้ำ พร้อมกับการชื่นชมธรรมชาติตลอดทาง ในที่สุดผมก็พาตัวเองมาจนถึง ย.2 และพบกับลานสน ซึ่งในตอนนี้พบว่ามีนักท่องเที่ยวมาถึงกันแล้วหลายกลุ่ม บ้างกำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำอาหารเย็น และบางกลุ่มก็นั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน 

ยินดีที่ได้รู้จัก (เพื่อนใหม่)

ตอนเย็นวันนี้ผมได้รู้จักกับนักท่องเที่ยวที่กางเต็นท์อยู่ใกล้กัน เป็นความบังเอิญซึ่งเกิดขึ้นจากความต้องการที่ทุกคนอยากนั่งโต๊ะไม้ส่วนกลางเพื่อนั่งกินอาหารในมื้อค่ำ จึงได้ทักทายและเริ่มพูดคุยกัน ก่อนจบลงด้วยการนั่งร่วมวงของคนแปลกหน้าทั้ง 4 คน ท่ามกลางบรรยากาศที่มีต้นสนอยู่รายล้อม

สะพายเป้ ตีตั๋วขึ้นรถไฟไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จนเจอมิตรภาพและความพิเศษแสนธรรมดาของธรรมชาติ

บทสนทนาแบบไม่เป็นทางการถูกเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อย ๆ อย่างสนุกสนาน แต่แล้วความสนใจของผมก็ถูกเบี่ยงเบนไป เมื่อมองเห็นอุปกรณ์สำหรับการมาตั้งแคมป์ที่น้อง ๆ นำขึ้นมาพร้อมกับเริ่มใช้งาน ไม่ว่าจะใช้ชงเครื่องดื่มหรือทำอาหาร แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจจนไม่อาจละสายตาได้ เห็นจะเป็นนวัตกรรมใหม่ของอาหารกึ่งสำเร็จรูป ที่เพียงแค่เติมน้ำธรรมดาลงบนถ้วยก็ทำให้อาหารร้อนโดยไม่ต้องใช้ไฟ เรียกว่าช่วยเพิ่มพูนความรู้ใหม่ สำหรับการมาเดินป่าให้กับผมมากขึ้นทีเดียว 

หลังจากอิ่มท้อง พวกเราก็ใช้เวลาไปกับการพูดคุยถึงกิจกรรมที่ตนเองชอบ เลยทำให้รู้ว่านอกจากการเดินป่าแล้ว สิ่งที่พวกเราชื่นชอบเหมือนกันก็คือ การวิ่ง เมื่อได้ฟังประสบการณ์จากทุกคน จึงทำให้รู้ว่าน้อง ๆ แต่ละคนเป็นนักวิ่งตัวจริง มีทั้งนักวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน วิ่งมาราธอน และวิ่งเทรล บางคนก็เคยได้รับถ้วยรางวัลจากการวิ่งมาแล้วด้วย

ในที่สุดผมก็โดนป้ายยาไปงานวิ่งเทรลกับน้อง ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวไปแล้วเรียบร้อย 

เมื่อถึงเวลาอันสมควร พวกเราต่างแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและพักผ่อน พร้อมกับนัดหมายเวลาออกเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า และในคืนนี้เองผมก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศการนอนจากห้องสี่เหลี่ยมมาเป็นการนอนในเต็นท์ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่มีดวงจันทร์และดวงดาวคอยอยู่เป็นเพื่อน

จุดหมายการเดินทาง

สะพายเป้ ตีตั๋วขึ้นรถไฟไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จนเจอมิตรภาพและความพิเศษแสนธรรมดาของธรรมชาติ

เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือ ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาตอนตี 4 แม้จะรู้สึกง่วงอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็พาตัวเองลุกออกจากเต็นท์ด้วยความเต็มใจ เดินไปล้างหน้า แปรงฟัน และกลับมาจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมกับการเดินทาง

เมื่อถึงเวลาที่นัดกันไว้กับน้อง ๆ ในตอนตี 4 ครึ่ง พวกเราก็เริ่มออกเดินทางจากลานสน โดยเส้นทางในเช้าวันนี้จะต้องเดินผ่าน ย.3 และเดินต่อไปยังจุดชมวิวที่ ย.4 แน่นอนว่าการเดินทางในตอนเช้าที่มีแต่ความมืดแบบนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คงจะเป็นไฟฉาย อุปกรณ์คอยให้แสงสว่างและนำทางให้กับพวกเรา

หลังจากเดินทางผ่านเส้นทางที่ค่อนข้างแคบและชัน ผ่านเนินวัดใจ ผ่านเส้นทางขึ้นเนินที่ชันขึ้นไปเรื่อย ๆ และมีอุปสรรคเป็นเส้นทางที่เดินลำบากท่ามกลางความมืด ในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงจุดสูงสุดบนยอดดอยขุนตาล ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 1,373 เมตร แม้ว่าพวกเราจะหยุดพัก แต่ ‘เวลา’ ยังคงเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม พวกเราก็พบกับภาพที่รอคอยอยู่ตรงหน้า วัตถุทรงกลมสีส้มแดงขนาดเล็กกำลังค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาจากขอบฟ้า เป็นบรรยากาศดี ๆ ที่นาน ๆ ครั้ง ถึงจะมีโอกาสได้เห็นและได้มาสัมผัสความงดงามที่เป็นดั่งของขวัญจากธรรมชาติ 

สะพายเป้ ตีตั๋วขึ้นรถไฟไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จนเจอมิตรภาพและความพิเศษแสนธรรมดาของธรรมชาติ
สะพายเป้ ตีตั๋วขึ้นรถไฟไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จนเจอมิตรภาพและความพิเศษแสนธรรมดาของธรรมชาติ

‘พระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า’ – ใครจะไปคิดว่า สิ่งที่เป็นความธรรมดาของธรรมชาติที่เกิดขึ้นในทุกเช้าและในทุกวัน จะเป็นความพิเศษสำหรับผมและใครหลายคนในที่แห่งนี้

หลังจากยืนชื่นชมและรับเอาพลังงานดี ๆ จากไออุ่นของแสงแดดในยามเช้าจนหนำใจแล้ว พวกเราก็พากันเดินลงตามเส้นทางเดิมที่เคยเดินขึ้นมาในตอนเช้า โดยมีเจ้าถิ่นเป็นหมาสีดำและสีน้ำตาล คอยเป็นผู้นำในการเดินทางขากลับ พร้อมกับการมองเห็นต้นไม้ ใบไม้ และต้นหญ้าที่งดงามยิ่งขึ้นเมื่อได้รับแสงสว่างที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์ 

สะพายเป้ ตีตั๋วขึ้นรถไฟไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จนเจอมิตรภาพและความพิเศษแสนธรรมดาของธรรมชาติ

ผมก้าวเดินไปตามเส้นทางข้างหน้า พร้อมนึกย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเดินทาง แม้ว่าการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นแค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองได้พบเจอกับสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นมากมาย

นี่อาจจะเป็นความพิเศษของเรื่องราวในการเดินทาง ในบางครั้งเราไม่รู้หรอกว่าจะได้พบเจอกับอะไรบ้าง จนกว่าเราจะลองพาตัวเองออกเดินทาง และพบกับคำตอบนั้นด้วยตัวของเราเอง 

ข้อมูลอ้างอิง

สำนักงานอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (park.dnp.go.th/visitor/index.php)

ศาลากลางจังหวัดลำพูน (www.lamphun.go.th/th/home)

Write on The Cloud

Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer & Photographer

ธนวันต์ วนาภรณ์

ธนวันต์ วนาภรณ์

เภสัชกรที่ชอบความเป็นธรรมชาติ ชอบเวลาได้เดินทาง เพราะจะได้เรียนรู้โลกกว้าง และชอบการเป็นครูอาสา จึงทำเพจของตัวเองที่มีชื่อว่า ครูอาสานอกห้องเรียน (The Journey Memory)