เราใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่ในแวดวงสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ เกษตรอินทรีย์ การพึ่งพาตนเอง และความยั่งยืน มาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะซึมซับจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและการทำงานของเรา แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาหรือตอบโจทย์การใช้ชีวิตท่ามกลางปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน เราจึงตัดสินใจไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านเทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองที่มหาวิทยาลัย Wageningen ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่นั่นเองเราได้พบพื้นที่ตัวอย่างที่เป็นคำตอบของการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน
เรามีโอกาสไปเป็นอาสาสมัครกับบริษัท Metabolic ซึ่งเป็นบริษัทวางแผน ออกแบบ และเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ตอนนั้นบริษัทกำลังทำโครงการเกี่ยวกับชุมชนนิเวศหรือ Eco Community ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีแนวคิดการบูรณาการเรื่องเกษตรเมือง เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน บนพื้นที่ที่ไร้ประโยชน์และถูกทิ้งร้างให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
พื้นที่แห่งนี้ชื่อ ‘เดอ คูเวล’ (De Ceuvel) ตั้งอยู่ริมท่าน้ำในเมืองอัมสเตอร์ดัมฝั่งเหนือ เป็นสถานที่พบปะพูดคุยสังสรรค์ แลกเปลี่ยนไอเดีย และเป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ พักผ่อนหย่อนใจของวัยรุ่นและคนทำงาน ใครเข้าไปครั้งแรกคงตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา เสียงเพลง ผู้คน ร้านอาหาร และตัวอาคารรูปร่างแปลกใหม่ แน่นอนว่ากว่าจะมาเป็นพื้นที่ฮิปๆ คูลๆ อย่างนี้ได้ เรื่องราวความเป็นมาของ เดอ คูเวล นั้นยิ่งสุดคูล
ในอดีตที่นี่เคยเป็นท่าจอดเรือและอู่ต่อเรือ มีทั้งน้ำมันและสารเคมีมากมายจากเรือปนเปื้อนอยู่ในดิน ไม่เหมาะแก่การนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ พื้นที่แห่งนี้จึงราคาตกต่ำ ไม่มีคนสนใจ ทางเทศบาลเมืองอัมสเตอร์ดัมจึงประกาศรับสมัครหน่วยงานหรือบุคคลที่พร้อมเข้ามาดูแลบริหารจัดการพื้นที่ หรือผู้ที่สนใจเข้ามาทำประโยชน์ โดยให้ผู้สนใจเสนอโครงการเข้าประกวด และโครงการที่ชนะก็เข้ามาดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่เป็นระยะเวลา 10 ปี
มีผู้สนใจเขียนโครงการเข้ามามากมาย ผู้ชนะคือกลุ่มบริษัท Metabolic และ DELVA ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญจากหลายๆ สาขาวิชา เช่น สถาปนิก วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ นักออกแบบ นักวางผังเมือง และนอกจากสองบริษัทนี้ ยังมีกลุ่มภาคีเครือข่ายและอาสาสมัครเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาพื้นที่ด้วย
แนวคิดการออกแบบของพื้นที่นี้คือ Cleantech Playground สนามเด็กเล่นด้านเทคโนโลยีสะอาดและใช้หลักการพืชบำบัดมลพิษ ด้วยหลักคิดทั้งสองหลักนี้เอง กลุ่มผู้ริเริ่มจึงเชื่อมั่นว่าจะชุบชีวิตพื้นที่ที่มีมลพิษและไร้ประโยชน์ ให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา เกิดประโยชน์ และยั่งยืนได้อย่างแน่นอน
ด้วยแนวคิดนี้ การพัฒนาและต่อยอดพื้นที่ขนาดเล็กๆ ประมาณหนึ่งไร่ มีเรือบ้าน (Houseboat) ทั้งหมด 17 ลำ จึงดัดแปลงเป็นออฟฟิศ ร้านอาหาร โรงเรือนปลูกผัก โดยจัดการทรัพยากรและหมุนเวียนทั้งอาหาร เทคโนโลยี และของเสียได้เบ็ดเสร็จภายในตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ วัตถุประสงค์ของผู้ริเริ่มคือต้องการให้ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ทุกคนเอาไอเดียมาใส่ มาเล่น ได้อย่างเต็มที่ และบูรณาการเทคโนโลยีสะอาดต่างๆ เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากที่สุด เป้าหมายของการใช้เทคโนโลยีสะอาดตั้งไว้ 8 เป้าหมายดังนี้
- ระบบทำความร้อนสำหรับฮีตเตอร์และน้ำร้อนจะต้องมาจากพลังงานสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์
- ระบบไฟฟ้าต้องมาจากพลังงานสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์
- ระบบบำบัดน้ำเสียต้องเป็นระบบธรรมชาติบำบัด 100 เปอร์เซ็นต์
- มีระบบหมุนเวียนน้ำใช้ 100 เปอร์เซ็นต์
- นำขยะอินทรีย์กลับมาใช้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยทำปุ๋ยหมักและการเลี้ยงไส้เดือน
- มีความต้องการการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าพื้นที่ออฟฟิศหรือสำนักงานทั่วๆ ไปกว่า 50 – 70 เปอร์เซ็นต์
- ผลิตอาหาร เช่น ผักและผลไม้ขึ้นมาเองได้อย่างน้อย 10 – 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่
- ใช้ระบบเซ็นเซอร์และเครือข่าย Real-time จัดการระบบต่างๆ ภายในพื้นที่
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งแปด เดอ คูเวล จึงบูรณาการเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บน้ำฝนเพื่อการอุปโภคบริโภค ติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาของเรือบ้านเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง 36,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ติดตั้งปั๊มความร้อน (Heat Pump) ที่ใช้หลักการถ่ายเทความร้อน โดยดึงความร้อนจากอากาศภายนอกที่อุณหภูมิปกติ แล้วถ่ายเทความร้อนเข้าภายในตัวอาคารและระบบน้ำอุ่น และอื่นๆ อีกมากมาย เราขอยกตัวอย่างเทคโนโลยีที่น่าสนใจและถือว่าเป็นจุดเด่นของสถานที่นี้ มาสัก 3 อันดับ
อันดับหนึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทุกคนที่มาเยี่ยมชมหรือดูงานสนใจ คือการใช้พืชบำบัดมลพิษที่ตกค้างอยู่ในดิน(Phytoremediation) โดยใช้พืชบางชนิดที่เรียกว่า hyperaccumulators ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะ เจริญเติบโตในดินที่มีโลหะหนักได้ ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ และดูดซึมโลหะหนักที่ตกค้างอยู่ในดินได้ดี เช่น ต้นหางจิ้งจอก พืชตระกูลหญ้าและตระกูลกก เป็นต้น พืชเหล่านี้ค่อยๆ กำจัดสารเคมีได้ถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้าง พื้นที่ทางเดินและตัวเรือถูกยกสูงขึ้นมา ไม่สัมผัสกับพื้นดินเดิมโดยตรง
อันดับที่สองคือห้องน้ำแบบแห้ง (Composting Toilet) เนื่องจากปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในดิน จึงสร้างระบบสุขาภิบาลแบบทั่วๆ ไปไม่ได้ เรือบ้านทุกลำต้องติดตั้งระบบห้องน้ำแบบแห้ง หลักการคือไม่มีการใช้น้ำในระบบ แต่ใช้ทรายหรือแกลบกลบของเสียที่ออกมา จากนั้นทั้งปัสสาวะและอุจจาระจะถูกหมักอย่างถูกต้องตามหลักสุขอนามัย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเชื้อโรคและสารเคมีที่อาจตกค้างเมื่อกลายเป็นปุ๋ยหมักแล้ว
นอกจากระบบห้องน้ำแบบแห้ง ยังมีการทดลองเก็บปัสสาวะในห้องน้ำชายจากร้านอาหาร เพื่อแยกธาตุฟอสฟอรัสออกมาจากปัสสาวะใน Struvite Reactor ผลึกฟอสฟอรัสสกัดออกมาจากปัสสาวะของคนเราได้ 80 – 90 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณปัสสาวะ ซึ่งแร่ธาตุนี้นำไปใช้ปลูกพืชในโรงเรือนได้
อันดับสุดท้ายคือระบบบำบัดน้ำเสีย เช่นเดียวกันกับระบบห้องน้ำที่ลงดินไม่ได้ ดังนั้นน้ำเสียที่ออกมาจากห้องครัวหรืออ่างล้างมือ-อ่างล้างจานจากเรือทุกลำ จึงต้องผ่านระบบบำบัดน้ำเสียแบบธรรมชาติบำบัด (Biofilter หรือ Wetland) ซึ่งไม่ซับซ้อน เป็นเพียงถังทรงลูกบาศก์ที่บรรจุชั้นหิน เปลือกหอย กรวด ทราย และพืชที่ทำหน้าที่บำบัดนำเสีย น้ำที่ไหลผ่านชั้นกรองเหล่านี้แล้วก็ปล่อยให้ซึมลงดินไป
นอกจากเทคโนโลยีต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังความยั่งยืนของสถานที่ เบื้องหน้าที่เป็นเอกลักษณ์และดึงดูดผู้คนคือเรือบ้านจำนวน 17 ลำ ล้วนแล้วแต่เป็นเรือเก่าที่ดัดแปลงโดยใช้เศษวัสดุเหลือใช้ (Upcycling) มาปรับปรุงโครงสร้างเพื่อให้กลับมาใช้งานได้และสวยงาม เรือทั้งสิบเจ็ดลำได้รับการจัดสรรให้เป็นออฟฟิศ คลับ คาเฟ่ สตูดิโอ ร้านอาหาร ตามลำดับ
เรือบ้าน 2 ลำที่เป็นจุดเด่นของที่นี่และเราเองก็ชื่นชอบ คือ Cross Boat และ Metabolic Lab เรือลำแรกดัดแปลงจากเรือเก่าให้กลายเป็นเรืออเนกประสงค์สำหรับสร้างสรรค์ไอเดีย มองดูผิวเผินไม่เหมือนเรือเก่า เพราะรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนโฉมไปจากเดิมมาก ดูเป็นห้องประชุมที่ทันสมัย Cross Boat ใช้เป็นห้องประชุม สำหรับจัดอบรมและฉายหนังในบางโอกาส
ส่วนเรือลำที่สอง Metabolic Lab เป็นของบริษัท Metabolic นอกจากเป็นออฟฟิศและห้องประชุม จุดเด่นของเรือลำนี้คือชั้นสองเป็นโรงเรือนปลูกผักระบบ Aquaponics Greenhouse ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญของ เดอ คูเวล ที่ทำให้แร่ธาตุ ของเสีย และทรัพยากร หมุนเวียนได้ครบวงจร ผลผลิตต่างๆ จากโรงเรือนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผักสมุนไพรและปลา นำไปใช้เป็นวัตถุดิบให้ร้านอาหารที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งอนาคตโรงเรือนจะทดลองเพาะเลี้ยงสาหร่ายและเลี้ยงแมลงอีกด้วย
เดอ คูเวล เปิดตัวมาได้เกือบ 4 ปีแล้ว ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พื้นที่พบปะสังสรรค์ ของกลุ่มคนรุ่นใหม่และเป็นที่รู้จักของชาวเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ดูงาน ฝึกงานของอาสาสมัคร นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปตลอดทั้งปี
นอกจากชื่อเสียงที่โด่งดังขึ้นจากการบอกปากต่อปาก สถานที่แห่งนี้ยังได้รางวัลต่างๆ มากมายที่การันตีความสำเร็จแห่งการออกแบบและการพัฒนาเขตเมืองที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น The Dutch Design Award Frame Public Award (2014) และ Nomination Golden AAP – Amsterdam Architecture Prize (2015)
จากการที่เราได้เยี่ยมชมและเป็นอาสาสมัครที่นี่ เราได้เห็นเทคโนโลยีทั้งแบบง่ายๆ และทันสมัย ซึ่งนำมาปรับประยุกต์กับพื้นที่ เราได้เห็นความร่วมไม้ร่วมมือทั้งภาครัฐที่สนับสนุนและเห็นความสำคัญของความยั่งยืน ภาคเอกชนและภาคีเครือข่ายที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ไอเดียพัฒนาพื้นที่แห่งความสนุกสนาน ที่ทุกคนเอาไอเดียด้านสิ่งแวดล้อมมาสาดใส่กัน เปลี่ยนอู่เรือสีเทาๆ เป็นพื้นที่แฮงเอาต์สีเขียว ที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ไฟแรง ให้เข้ามาสัมผัสแนวคิดที่ยั่งยืนอย่างไม่รู้ตัว และนี่แหละคือคำตอบที่เราตามหากันอยู่