“ฟ้ายิ่งมืด ดาวยิ่งกระจ่าง”

เราจะนึกถึงคำพูดนี้ทุกครั้ง เมื่อคิดอยากไปดูดาว

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูดาว แม้ว่าจะไม่ได้มีความรู้ ความเข้าใจอะไรมากมาย

ทุกครั้งที่เข้าป่าหรือค้างแรมบนยอดดอย พอตกกลางคืนมักจะชอบออกมานอนดูดาว หาหมู่ดาวกลางท้องฟ้า

ดาวโปรดในซีกโลกเหนือของบ้านเรา เห็นจะไม่พ้นกลุ่มดาวนายพราน หรือ Orion มีดาวฤกษ์หลายดวง แต่มีดาวใหญ่ 4 ดวงวางเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนท้องฟ้า ตรงกลางมีดาว 3 ดวงเรียงกัน เรียกว่า เข็มขัดนายพราน และบริเวณนั้นมีเนบิวลาชื่อดังคือ เนบิวลานายพราน หรือเนบิวลาโอไรออน

ใกล้ๆ กันมีกลุ่มดาววัว กลุ่มดาวคนคู่ กลุ่มดาวลูกไก่ กลุ่มดาวสุนัขเล็ก สุนัขใหญ่ 

ผมชอบคืนเดือนมืดมาก โดยเฉพาะในคืนฟ้าใส ปราศจากเมฆหมอก ไม่มีแสงรบกวนจากจันทรา 

ยิ่งแสงพระจันทร์น้อยเท่าใด ฟ้ายิ่งมืด ยิ่งเห็นดาวพราวฟ้าระยิบระยับ

นอนดูดาวกลางป่า เห็นความเวิ้งว้างของผืนฟ้า สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวาล มนุษย์ช่างตัวกระจิริดเหลือเกิน แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถอยู่บ้าน นอนดูดาวได้ชัดเจนในเมือง เพราะแสงรบกวนจากแสงไฟยามค่ำคืนที่ฟุ้งขึ้นมาในอากาศ

แสงเหล่านี้เรียกว่า มลภาวะทางแสง คือแสงที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ในยามค่ำคืน แสงที่สว่างจ้าเกินไป จนฟุ้งออกมาจากหลอดไฟตามท้องถนน ไฟจากป้ายโฆษณา และหลอดไฟตามอาคารบ้านเรือน แสงที่สว่างจ้าโดยไม่จำเป็นจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

อันที่จริง เราไม่เคยสังเกตว่าหลอดไฟที่เปิดยามค่ำคืนไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้สิ้นเปลืองการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น อย่างเช่นเวลาเดินตามถนน เราอยากได้แค่ไฟที่ส่องลงมาบนถนนเพื่อให้เห็นทาง แต่หลอดไฟตามท้องถนนจำนวนมากถูกออกแบบให้สว่างทุกทิศ ฟุ้งขึ้นสู่อากาศโดยไม่จำเป็น

เราจะรู้สึกตื่นเต้น โรแมนติก และมีความสุขเพียงใด หากอยู่ในกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วเห็นทางช้างเผือกพาดเป็นหมอกจางๆ อยู่กลางท้องฟ้า

อย่าคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น

คืนหนึ่งในปี 1994 เมืองลอสแอนเจลิส เวลาประมาณตี 4 ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขนาด 6.7 แมกนิจูด ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง ไม่มีไฟตามท้องถนนหรืออาคารบ้านเรือนเป็นเวลานาน พอหลายคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต คือดาวระยิบระยับและทางช้างเผือกพาดกลางท้องฟ้า มันงดงามมาก 

ทำให้บางคนตื่นตกใจ ถึงกับโทรไปแจ้งความที่สายด่วน 911 ของตำรวจ บอกว่า “มีเมฆสีเงินประหลาดขนาดยักษ์ลอยเหนือท้องฟ้า มันน่ากลัวมาก” ชาวเมืองลอสแอนเจลิสจำนวนมากไม่เคยเห็นทางช้างเผือกมาก่อน และพากันตื่นเต้นที่เห็นว่าท้องฟ้างดงามเพียงใดยามมืดมิด

ทุกวันนี้การดูดาวเป็นที่นิยมของคนทั่วโลก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดแนวคิดในการรณรงค์ให้มีเขตอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้า (Dark Sky Reserves) ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก 

มีสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ในความฝันว่าจะเดินทางไปดูดาวให้ได้ บนเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ ได้รับการประกาศจากสมาคมพิทักษ์ความมืดแห่งท้องฟ้าสากล (International Dark-Sky Association) ให้เป็น ‘เมืองดาว’ หรือ ‘เขตอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้า’ และเป็นหนึ่งในสถานที่ดูดาวที่ดีที่สุดในโลก เพราะยามค่ำคืนมีท้องฟ้าที่มืดสนิท ไม่มี ‘มลภาวะทางแสง’ บริเวณแห่งนี้ใช้อุปกรณ์ควบคุมแสงนอกอาคารไม่ให้ฟุ้งกระจายมาร่วม 40 ปีแล้ว และผลของการควบคุมแสง นอกจากทำให้เป็นพื้นที่ปลอดมลภาวะทางแสงแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานด้วย

สมาคมแห่งนี้เชื่อว่า “ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดาวเป็นมรดกพื้นฐานของมนุษยชาติ และการปกป้องท้องฟ้าที่มืดมิดเป็นเรื่องจำเป็นในการสร้างความมั่นใจว่า คนในรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไปจะมีโอกาสได้มองเห็นดวงดาว”

เขตอนุรักษ์ครอบคลุมอุทยานแห่งชาติ Aoraki / Mount Cook รวมถึงลุ่มน้ำ Mackenzie มีชื่อว่า ‘เขตอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้าอาโอรากิแมคเกนซี’ (Aoraki Mackenzie International Dark Sky Reserve) พื้นที่ประมาณ 4,144 ตารางกิโลเมตร กลางเดือนเมษายน ผมมีโอกาสมาเยือนดินแดนแห่งนี้ จากเมือง Christchurch เราเช่ารถขับผ่านภูเขา Mount Cook มุ่งหน้ามาสู่ทะเลสาบ Tekapo หมุดหมายสำคัญของบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก บริเวณเชิงเทือกเขา Southern Alps ส่วนหนึ่งของลุ่มน้ำ Mackenzie 

เบื้องหน้าที่เห็นคือทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ใสราวกระจก สะท้อนเงาของขุนเขาที่อยู่ไกลออกไป บนยอดเขาเห็นสีขาวของหิมะและธารน้ำแข็งที่ละลายออกมาเป็นน้ำเย็นหล่อเลี้ยงทะเลสาบด้านล่าง ขนาบด้วยสีเขียวสดของป่าสนขึ้นเรียงรายอยู่เต็มสองฟากฝั่งทะเลสาบ

เป็นภาพงดงามราวดินแดนแห่งความฝัน นิ่ง สงบ แสง สี ถูกจัดวางอย่างลงตัว จนแทบไม่อยากเดินจากไป 

ธรรมชาติสามารถสะกดเราให้ตรึงอยู่กับที่ได้จริงๆ

เราเดินไปเยี่ยมชมโบสถ์เล็กๆ ติดทะเลสาบ แต่เป็นเสมือนแลนด์มาร์กของที่นี่ เรียกกันว่า The Church of the Good Shepherd เป็นโบสถ์แห่งแรกในลุ่มน้ำ Mackenzie และกลายเป็นภาพโปสการ์ดมีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งที่เป็นตัวแทนความเป็นนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะภาพถ่ายโบสถ์ที่เห็นทางช้างเผือกขึ้นอยู่เบื้องหลัง

ทะเลสาบ Tekapo มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และเป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้า จึงเป็นสวรรค์สำหรับนักดูดาวจากทั่วโลกและคนไทยกลุ่มนี้ ผู้ตั้งใจมาปักหลักไม่ไกลจากทะเลสาบ เพื่อมาดูดาวในพื้นที่ที่ฟ้ามืดสนิทมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เช่นเดียวกับชนเผ่าเมารี ชนเผ่าพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ ผู้เรียนรู้การดูดาวเพื่อการเดินเรือในท้องทะเล พวกเขายังมีนิทานและเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับดวงดาว จนกลายเป็นวัฒนธรรมขึ้นมา ไม่ต่างจากชนพื้นเมืองอื่นทั่วโลก

คืนนั้นเราค้างแรมในบ้านเจ้าของฟาร์มเลี้ยงแกะกลางทุ่งหญ้าขนาดหลายร้อยเอเคอร์ ล้อมรอบด้วยป่าสน หลังจากช่วยกันทำอาหารมื้อค่ำ เราออกมาตั้งกล้องถ่ายภาพ เล็งไปยังทิศที่ทางช้างเผือกจะขึ้นจากขอบฟ้า ต้องยอมรับว่าเราอาจจะชินกับการจำแนกดาวในเมืองไทยที่อยู่ทางซีกโลกเหนือ แต่พอมาดูดาวทางซีกโลกใต้แล้ว กลายเป็นมือใหม่หัดขับกันหมด จนต้องอาศัยแอปดูดาวช่วยนำทาง

พอฟ้ามืด ความหนาวเย็นระดับต่ำกว่า 3 – 4 องศาเซลเซียสมาเยือนทันที ค่ำนี้ท้องฟ้าไม่ได้มืดสนิท มีแสงสลัวจากดวงจันทร์ข้างขึ้น แต่ก็ยังนับว่าโชคดี ไม่มีก้อนเมฆมาบดบัง เมื่อหลายปีก่อนเพื่อนนักดูดาวคนหนึ่งตั้งใจมาดูดาวที่นี่ แต่เมฆเต็มท้องฟ้าจนมองไม่เห็นอะไร ประมาณ 4 ทุ่ม ทางช้างเผือกก็ปรากฏอยู่ขอบฟ้า ลักษณะเหมือนกลุ่มเมฆจางๆ และดาวระยิบระยับ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พอยิ่งดึก ทางช้างเผือกค่อยๆ เคลื่อนมากลางฟ้า ขณะที่พระจันทร์ค่อยๆ เคลื่อนต่ำลง ทำให้ฟ้ายิ่งมืด ทางช้างเผือกยิ่งกระจ่าง

เป็นทางช้างเผือกอันงดงามที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมาในชีวิต

ทางช้างเผือกเป็นกาแลกซีหนึ่งประกอบด้วยดาวฤกษ์ประมาณแสนล้านดวง และจักรวาลนี้ประกอบด้วยกาแลกซีมากกว่าแสนล้านกาแลกซี 

เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของโลก และตัวเรา ดูช่างกระจิริดจนไม่รู้จะเปรียบกับอะไร

แต่ทำไมตัวตนของสิ่งมีชีวิตบางคนช่างใหญ่คับฟ้า

การออกมาดูดาวระยิบระยับกลางผืนฟ้าในยามมืดมิด สงบ เงียบ อาจจะทำให้หลายคนคิดได้ว่า 

ยิ่งดูดาว ตัวตนยิ่งเล็กลง

Writer & Photographer

Avatar

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

นามปากกา วันชัย ตัน นักเขียนสารคดี นักวิจารณ์สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมก่อตั้งและบรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี อดีตรองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งประเทศไทย (THAIPBS) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ PPTVHD36 มีผลงานเขียนตีพิมพ์เป็นหนังสือ 28 เล่ม เป็นนักเดินทางตัวยง จากความเชื่อที่ว่า การใช้ชีวิตให้มีความสุขควรประกอบด้วยสามสิ่ง คือ ทำงานที่ใจรัก ช่วยเหลือคนรอบข้าง และเดินทางท่องเที่ยว