“สงกรานต์นี้… คุณลี่ยังว่างอยู่รึเปล่าครับ”

หากถามเหมยลี่เมื่อ 14 ปีก่อน เธอก็คงตอบว่าว่างโดยทันที แต่หากถาม คริส หอวัง ในปีนี้ เห็นทีเธอคงจะทำงานจนหัวหมุน

ผ่านเทศกาลแห่งความชุ่มฉ่ำแบบเนื้อตัวเพิ่งแห้งหมาด ชวนให้นึกถึงหนังรักในตำนานอย่าง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ที่ว่าด้วยรักวุ่น ๆ ของสาวหมวยกับหนุ่มวิศวกรรถไฟฟ้า ผลงานแจ้งเกิดของนางเอกสาวที่ทำให้เธอโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงจนรับจบแทบทุกบทบาท ทั้งนักแสดง พิธีกร เมนเทอร์ รวมถึงกรรมการ

คริสบอกว่าชีวิตเธอมักจะมีจุดเปลี่ยนทุก 10 ปี 

ในวัยเลข 4 เธอสวมหมวกผู้บริหารค่าย ‘2 FLOW Entertainment’ ที่เพิ่งเปิดตัวดูโอ้หน้าใหม่ ไทโอ & ติวเตอร์ ศิลปินผู้เห็นเธอเป็นพี่สาวคนสำคัญ

เรานั่งคุยกันแบบสบาย ๆ รายล้อมไปด้วยทีมงานค่ายเพียงหยิบมือแต่เก๋าเกมอย่าบอกใคร มีเสียงหัวเราะดังตามประสาผู้หญิงที่เล่าเรื่องสนุก มีความสุขกับชีวิตอิสระ

เธอตอบทุกคำถามฉับไว ตื่นเต้นกับหมวกใบใหม่จนนอนไม่หลับ 3 คืนติดกัน และเฝ้าฝันว่าก้าวต่อไปที่ชีวิตลิขิตให้จะนำพาไปสู่อะไรกันแน่

ก่อนอื่น ทำไมค่ายเพลงของคริสต้องชื่อ 2 FLOW Entertainment

แรกเริ่มคือเราได้น้อง 2 คนนี้ก่อน จากรายการค้นหาดูโอ้ชื่อว่า THE TWO เลยกลายเป็นเลข 2 แล้วมันสะกดได้หลายอย่าง ก็เลยมานั่งนึกว่าจะมีความหมายอะไรได้บ้าง

สำหรับคริส คริสขอบคุณโอกาสที่เข้ามาในชีวิตนี้มาก ๆ คริสเป็นนักแสดง คริสไม่ได้ทำหนังเอง ไม่ได้ทำละครเอง แต่เขาจ้างเรา คริสดีใจมาก รู้สึกเหมือนเขาเชื่อว่าเราทำได้ แล้วเราก็จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในวันนี้ที่เรามีประสบการณ์เท่านี้

คริสเลยเปรียบชีวิตของคนคนหนึ่งเหมือนโหลแก้ว พอมีคนเทน้ำใส่ น้ำก็จะเปลี่ยนรูปร่างไปตามภาชนะนั้น ๆ เป็นหน้าที่ที่ต้องปรับตัวให้ได้ แต่น้ำที่อยู่ในโหลนั้นน่ะเราเลือกเอามาใส่ไม่ได้นะ ซึ่งพอคริสเป็นครู เป็นดีเจ เป็นนักแสดง มีโอกาสได้เป็นโค้ช เป็น Commentator ประสบการณ์ทั้งหมดที่สะสมมากลายเป็นสิ่งที่อยู่ในโหลใบนี้ มันคือ 2 FLOW ที่หมายความว่า ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน วันนี้ทำเพลง วันหน้าทำซีรีส์ วันต่อไปทำคอนเสิร์ต เราก็จะทำให้ดีที่สุด 

คริส หอวัง ใช้ความเชื่ออะไรในการบริหารค่าย

เราแพ้แพสชันของคน เรารู้สึกดีมาก ๆ ที่จะทำให้ใครบางคนไปถึงความฝันของเขาได้จริง เวลาเขาประสบความสำเร็จ เหมือนเราประสบความสำเร็จด้วย ซึ่งค่าย 2 FLOW ที่เกิดขึ้นมา อาจจะไม่ได้มีศิลปินเก่งที่สุดในประเทศไทย แต่เป็นศิลปินมีแพสชันเต็มเปี่ยม 

คริสพูดเสมอเลยว่านี่เป็นบทบาทใหม่ของคริสนะ เป็นวงการใหม่ของคริส แล้วเต็มไปด้วยคนเก่ง ๆ หมดเลย เราก็อาจจะไม่ได้เก่งหรอก แต่เราเชื่อว่าศิลปินไม่ใช่ตุ๊กตา คริสต้องเอาความชอบของเขามาผสมกับสิ่งที่ตลาดต้องการ นำแพสชันของเขาไปสู่ฝันของเขาให้ได้

คุณมองเห็นอะไรในเด็ก 2 คนนี้

ในรายการ ไม่ว่าโจทย์ของแต่ละอาทิตย์จะเป็นอะไร เขาจะทำให้คนที่นั่งเป็นกรรมการรู้สึกว้าวทุกครั้ง จะบอกว่าอายุเท่านี้ก็ไม่ได้ เพราะคนอายุเท่านี้เก่ง ๆ ก็เยอะมาก แต่คริสว่าเขาสู้ แล้วเขาเก่งในแบบที่เขาเป็น 

การดูแลดูโอ้คู่นี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเลี้ยงลูกไหม

(ไทโอและติวเตอร์หัวเราะ)

เอาอีกแล้วนะ เหมือนแม่อะไร ฉันเป็นพี่สาวค่ะ ชีวิตนี้จะไม่มีลูก เพราะจะไม่แต่งงานค่ะ

คือคริสไม่เคยมีลูก ก็เลยไม่แน่ใจว่าการรักลูก เลี้ยงลูกมันเป็นยังไง แต่เราเรียกว่าเป็นคนที่อยู่ในทีมแล้วกัน ถ้าเคยเห็นประสบการณ์คริสที่เชียร์น้อง ๆ The Face คือคริสเชียร์สุดใจเลยถ้าเชื่อว่าเขามีศักยภาพ 

งั้นถามไทโอกับติวเตอร์บ้างว่าพี่คริสเป็นพี่สาวแบบไหน

ไทโอ : (นิ่งคิด) เป็นพี่สาวที่เอาใจใส่มาก แคร์ทุกคน เอ็นดูเรา หวังดีกับเรา แล้วก็พยายามจริง ๆ ในการส่งน้องชาย 2 คนนี้ไปให้ถึงที่สุด

ติวเตอร์ : พี่คริสเป็นคนที่ตั้งใจมาก ๆ ทุ่มเทเวลา ทุ่มเททุกอย่าง เป็นพี่สาวที่คอยผลักดันพวกผมมาตลอด เรามีพี่คริสเป็นต้นแบบ แค่มองพี่สาวก็รู้สึกว่า อยากเก่งแบบคนนี้จัง 

อะไรที่ได้มาจากพี่คริสแล้วชอบที่สุด

ไทโอ : การทำงานที่ Professional ขึ้นครับ พี่คริสจะบอกตลอดว่า ไทโอ ติวเตอร์ นี่งานจริงแล้วนะ ยูต้อง Respect ตัวเอง ให้คุณค่าตัวเองหน่อย ให้คุณค่าทุกคนที่อยู่เบื้องหลังด้วย 

ติวเตอร์ : เรื่องการพูดการวางตัวครับ พี่คริสจะคอยเตือนเสมอว่าไม่จำเป็นต้องรีบพูด ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ พูด รวมถึงการวางตัวในรายการหรือสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องเจอ

การเป็นผู้บริหารกับการเป็นนักแสดง แตกต่างกันไหม

(หัวเราะ) ต่าง ต่างแบบโดยสิ้นเชิงเลย 

คริสว่าหน้าที่นี้น่าจะมาจากการที่คริสเคยเป็นครูมั้ง เพราะตอนคริสสอนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติ ISB ตอนนั้นทำคนเดียวจริง ๆ สอนนักเรียนประมาณ 300 คน ตั้งแต่เกรด 1 ถึง Senior เลย แล้วต้องทำโชว์สิ้นปี คริสก็ทำทั้ง Lighting Design, Costume, Choreograph มีทีมงานมาช่วยด้วย แต่ในส่วนของความเป็นครู เราต้องรู้จักนักเรียนทุกคน คล้าย ๆ งานนี้ที่เราก็ต้องรู้จักศิลปินของเราอย่างดี ต้องรู้จักโลกภายนอก ต้องรู้ว่าจะโปรโมตยังไง ถ่ายเอ็มวียังไง ดูแลภาพลักษณ์เขายังไง ตอนนั้นมันสเกลโรงเรียน อันนี้มันใหญ่กว่ามาก

คริสบอกน้อง ๆ ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ ตรงที่น้องยืน พี่ดรีม พี่เจน พี่เอก้า พี่คริส ต่อให้เราทำมานานแล้ว ทุกวันคือการเรียนรู้ว่าต้องทำยังไง เพราะวงการนี้เปลี่ยนแปลงทุกวัน มันเต็มไปด้วยคนเก่ง ๆ ไปหมด แล้วเรายิ่งใหม่ด้วย ก็จะเจอปัญหาทุกวันแหละที่ศิลปินไม่เคยรู้ แล้ว Your War Zone ในรายการเคยมีแค่ 20 คน ตอนนี้มันสนามจริงแล้วนะ

คุณเคยพูดไว้ในรายการหนึ่งว่า ใน 3 ปีสุดท้ายของการเป็นครูสอนบัลเลต์ ประสบปัญหานักเรียนไม่เก่งขึ้นเลย เล่าให้ฟังหน่อย

ใน 3 ปีสุดท้าย คริสเผอิญได้เล่นหนังเรื่อง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ตอนอายุ 28 ปี แล้วช่วง 28 – 30 ก็ทำงานในวงการบันเทิง เราก็พยายามล็อกงานไม่ให้ชนกับชั่วโมงสอน แต่ว่าไม่ได้ทำการบ้านไปสอนนักเรียน คือเราเอาตัวไปสอนเฉย ๆ ซึ่งคนเป็นครูมันไม่เหมือนนักเรียน นักเรียนเอาตัวไปเฉย ๆ ได้ แต่ครูต้องมี Material ไปสอนเขา 

ผ่านไป 1 ปี (จิ๊ปาก) ทำไมเด็กมันไม่เก่งขึ้นเลยวะ สุดท้ายแล้วในห้องเรียนยังไงเราก็ต้องเก่งกว่านักเรียนอยู่แล้ว ทำให้คริสรู้สึกละอายใจ ปีที่ 3 เลยค่อย ๆ ให้รุ่นน้องมาเป็น Assistant แล้วคริสก็ออก ให้เขาสอนไปเลย 

เหตุการณ์นี้ให้บทเรียนอะไรกับชีวิตบ้าง

คริส : ให้บทเรียนคือทุก 10 ปี ชีวิตคริสจะเปลี่ยนไป 

คือทุก 10 ปีมันจะเผยอนิดหนึ่งนะ เหมือนเป็นชีวิตใหม่ ถ้าไม่หยุดสอนเต้น ตอนนี้คริสคงมีโรงเรียนไปแล้ว ถ้าวันนั้นไม่ได้มีคนพาไปเล่น รถไฟฟ้าฯ คริสก็คงไม่ได้มาอยู่ในวงการนี้ยาวนาน 10 กว่าปี แล้ววันนี้เราก็เจอโลกใหม่ วงการใหม่ ซึ่งคริสก็ตื่นเต้นมากนะว่าใน 10 ปีนี้ที่เปลี่ยนชีวิตอีก มันจะพาคริสไปไหนบ้าง ซึ่งเรารู้สึกเหมือนการผจญภัยมากเลย

ไทโอ : พี่คริสดูเป็นคนที่รักชีวิตมาก

คริส : แต่ว่ามันเป็นอย่างนี้ไทโอ เหมือน 2 FLOW อะ You cannot choose. เพราะพี่คริสก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดนะว่าจะทำเพลง ก่อนหน้านี้มีคนชวนพี่คริสเป็นผู้จัดละครก็ไม่ได้ตื่นเต้นมากขนาดนั้น แต่พอทำ THE TWO ไปประมาณตอนที่ 7 พี่เอก้าก็มาชวนว่าทำค่ายด้วยกันไหม พี่คริสนอนไม่หลับไป 3 วัน 

ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าพวกยูจะชนะรึเปล่า แบบค่ายเพลงเหรอ Shit แม่งน่าตื่นเต้นมาก ก็เลยถามเอก้ากลับไปว่าทำไมแกถึงชวนฉัน เขาบอกว่าเพราะว่าแกเต้นได้ เวลามองอะไรมันเห็นมูฟเมนต์เดียวกัน หลัก ๆ เป็นเรื่องของ Performance

ทำไมการถูกชวนไปทำค่ายเพลงถึงทำให้นอนไม่หลับไป 3 วัน 

มันมันสำหรับคริส 

คริสอยากจะทำให้ดี ที่นอนไม่หลับ 3 วันคือคิดว่าเราจะทำได้ไหมวะ เราจะทำมันดีไหม เราจะมีไอเดียอะไรให้เขา จะมีเวลาให้เต็มที่รึเปล่า เพราะว่าเวลารับงานอะไรมา เราไม่อยากให้ใครผิดหวัง แต่ถามว่าตื่นเต้นไหม ตื่นเต้นกว่ามีคนชวนไปทำละครเยอะ ตอนนั้นรู้สึกว่า อ๋อ มันคงเป็นช่วงเวลา เป็นประสบการณ์ที่สะสมมา ดาราก็คงจะเทกันไปเป็นผู้จัดละคร เราก็อยากทำนะ ณ วันหนึ่ง แต่พอมีเรื่องเพลง มีเรื่องครีเอทีฟ มีเรื่องเต้น มันทำให้เรานอนไม่หลับ

หลังขึ้นแท่นเป็นผู้บริหาร สิ่งแรกที่ คริส หอวัง ทำคืออะไร

สิ่งแรกที่ทำเหรอคะ ก็ถามทีมว่า เอาไง หนึ่ง! สอง! สาม! ไป! (ทุกคนหัวเราะ)

จำได้ว่าเริ่มต้นทำงานปลายปีพอดี ช่วง 28 – 30 ธันวาคม คริสอยู่บ้านที่หัวหิน คุยโทรศัพท์ตลอดเวลา จนน้อง พลอย หอวัง เดินเข้ามาในบ้านแล้วบอกว่า พี่คริส เธอเป็นคนไร้มารยาทนะ ดูวันที่รึเปล่า นี่ 29 แล้วนะใครเขาทำงานกัน พี่คริสก็สั่งงาน ๆ ให้คนเขาครีเอตไอเดียอะไร มันวันหยุดแล้วค่ะ สิ้นปี วางหูค่ะ เราก็เลยเงียบแล้วพิมพ์เข้าไปในกลุ่มว่า เจอกันวันที่ 3 นะ เดี๋ยวเราคุยกันใหม่ (หัวเราะ) 

เฮ้อ ขอโทษค่ะมันตื่นเต้น ไอเดียมันล้น 

สิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานนี้คืออะไร

คน

พอเป็นงานครีเอทีฟ เราอยากได้อย่างหนึ่ง เขาทำมาอีกอย่างหนึ่ง เขาก็คิดว่ามันต้องดีแหละ เราก็ไม่อยากไปแก้งานใครเยอะ ๆ แต่มันไม่เหมือนคณิตศาสตร์ It’s not 2 plus 2. สอง เป็นเรื่องของรสนิยมมากกว่า เพราะฉะนั้น เราต้องหากรุปที่มีความชอบคล้าย ๆ กันให้ได้ ซึ่งไม่มีไม่เป็นไร เราจะเจอกรุปใหม่ทุกวัน 

มีหลายเสียงบอกว่าคุณเป็นคนเจ้าระเบียบ

ใช่ เจ้าระเบียบที่สุด พลอยก็บอกว่า พี่คริส มึงไม่ต้องมีลูกค่ะ ถ้ามีก็คือลูกเรียบร้อยไม่ไหว เพราะแม่ดุมาก คริสอาจจะดูเปรี้ยว ดูเป็นฝรั่ง แต่จริง ๆ ไทยมาก

คือไทโอกับติวเตอร์จะเป็นอะไรก็เป็นไปเลยนะ เพราะคริสก็เอ็นดูพวกน้องแบบที่น้องเป็นอยู่แล้ว แต่เรื่องยิบย่อยอันไหนที่แนะนำได้ เช่น How to carry yourself ตอนถ่ายรูป ตอนเดินพรมแดง ตอนตอบคำถาม เราก็จะช่วย ส่วนยูจะคุยกับผู้หญิงกี่ร้อยคน เชิญจ้ะ (หัวเราะ) 

ยังบอกอยู่เลยว่า Go break some hearts, Go get heartbroken จะได้โตขึ้น จะได้คิดเพลงแสบ ๆ ถ้าเราไม่เคยเจอความเจ็บปวด เราจะเขียนเพลงได้เจ็บปวดไหม ก็ไม่ แต่ไม่ต้องเจ็บมาก เดี๋ยวพี่ไม่ไหว 

การทำหน้าที่นี้ ทำให้คนเจ้าระเบียบปล่อยวางบ้างไหม

ไม่เลย

คุณเป็นคนที่ Trust the Process หรือเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์

(หัวเราะ) แล้วแต่สถานการณ์นั้น ๆ

คืออย่าไปหวังให้มันไอ้นู่นไอ้นี่มาก ทำให้ดีที่สุดแล้วให้เป็นของมันไป ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างต้องค่อย ๆ ไง คงไม่ใช่ว่ามาถึงแล้วดังเปรี้ยง เป็นไปไม่ได้หรอก มันต้องอาศัยความพยายามของทุกคน ไม่ใช่แค่ของน้อง มันคือของทีมงานด้วย 

คริสไม่ได้ไปยุ่งอะไรมากนะ ออกไอเดียไปแล้วก็เป็นหน้าที่ของคนอื่น แต่เราก็ต้องให้โจทย์เขา สมมติถ่ายเอ็มวี คริสก็หา Reference มาว่าอยากได้แบบนี้ เขาก็เอามาให้ดู พี่คริสลองตัดซิ อันไหนที่พี่คริสไม่ชอบ เราก็ให้เกียรติเขาในการทำงาน ให้เขาได้เลือก ทำหน้าที่ของตัวเองได้เต็มที่ 

คุณเคยบอกว่าหลาย ๆ ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของคุณ มักจบลงเพราะความคาดหวังที่สูงเกินไป กลัวสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับการทำงานนี้ด้วยไหม

ทำงานมันก็ต้องคาดหวังอยู่แล้ว แต่ไอ้เป้าหมายที่เราตั้งได้ คือปักธงว่าเราจะปล่อยซิงเกิลแรกวันที่เท่าไหร่ เราต้องมีไทม์ไลน์ มีโร้ดแมป แต่เรื่องความดัง คริสว่ามันเหมือนหนังเหมือนละครเหมือนเพลง บางทีละครดี หนังดี ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีบางเรื่องที่อยู่ดี ๆ ดังขึ้นมาด้วยอะไรก็ไม่รู้ คริสว่ามันเกี่ยวกับจังหวะ แปลว่าเราไม่รู้ว่าโชคจะหล่นทับเราวันไหน ฉะนั้นก็ต้องทำให้ดีที่สุดทุกวัน

เป้าหมายการทำงานเราซีเรียส อยากให้เป็นไปตามโร้ดแมปที่ตั้งไว้ แต่เป้าหมายของการประสบความสำเร็จ มันต้องค่อย ๆ ทำ

ในยุคที่ยิ่งโตขึ้น ความฝันก็ยิ่งเล็กลง บางคนเลือกวางแผนเกษียณตัวเองตอนอายุ 40 ด้วยซ้ำ อะไรทำให้ คริส หอวัง เลือกเริ่มต้นใหม่ตอนอายุ 40

เห้ย ใครเขาจะไปหยุด ตอนนี้คือ Perfect Timing ของคริส เพราะถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้จะให้อะไรกับใคร

เอาจริง ๆ คริสดีใจด้วยซ้ำที่ทีมเห็นว่าคริสมีไอเดียที่ทำได้ ถ้ามาถามตอน 30 ว่าคริสทำได้ไหม คริสทำไม่ได้แบบนี้นะ มันต้องมีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ มีอารมณ์ คนอายุ 30 ที่เขามีประสบการณ์ในวงการมา 10 กว่าปีก็อาจจะไม่ได้คิดเหมือนคริส เรารับมาไม่เหมือนกัน

ทีมเราทำอะไรกันมาเยอะ มีคนเคยอยู่หน้ากล้อง มีคนเคยอยู่หลังกล้อง มีคนโปรดิวซ์ มีคนเป็นครีเอทีฟ เพราะฉะนั้นเวลาคุยเรื่องงานว่าจะออกมาเป็นยังไง จะไม่ใช่ภาพกว้างมาก มันหมายความว่าซีนนี้จะออกมาเป็นยังไง

ถ้าชีวิตต้องเปลี่ยนทุก 10 ปี คิดว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง

อีก 10 ปีต่อจากนี้เหรอ

อยากอยู่เฉย ๆ คุยโทรศัพท์ ขายที่ ส่งโฉนดให้เขาดู รับไหมคะ ไปดูเลยค่ะ โอนตังค์มา จบ (หัวเราะ)

มองย้อนกลับไปตอนอายุ 30 ตอนนั้นคิดถึงตัวเองตอนอายุ 40 ยังไงบ้าง

ไม่คิด (ตอบทันที) ตอน 30 คริสฉับไม่ไหว ทำงานเหนื่อยแค่ไหนก็ไปทองหล่อต่อได้อีก งงมาก เอาแรงมาจากไหน แต่เดี๋ยวนี้คือไม่แล้วนะ กลับบ้านแล้ว บ๊ายบาย ลาค่ะ

เร็วกว่าตอนนี้อีกเหรอ

ก็น่าจะประมาณนี้แหละ แต่วันละ 3 งานไปเลยทุกวัน 

ถ้าวันอาทิตย์ได้หยุด ตื่นเช้ามาถามว่าเมื่อวันศุกร์ทำอะไร จำไม่ได้ ต้องนั่ง Recap มันเยอะมาก เร็วมาก ในเดือนหนึ่งเราจะมีหยุดสัก 2 วัน คือ โอ้โห ดีใจมาก แต่ถ้าจะให้เราทำงานแบบนั้นอีก หนึ่ง คือเราคงไม่ไหว สอง คือวันที่เราเข้ามา เราก็เบียด Somebody ออกไป วันนี้ก็มีคนเบียดคริสออกมาเหมือนกัน 

งานของคริสในวงการอาจจะน้อยลง แต่คริสดีใจมากเลยที่ยังอยู่ตรงนี้ เอาสิ่งที่ได้รับมาถ่ายทอดให้คนอื่นได้บ้าง 

คริส หอวัง ในวัย 42 ที่ชีวิตลิขิตให้เป็นผู้บริหารค่าย 2 FLOW รับบทพี่สาวของดูโอ้ ไทโอ & ติวเตอร์ และมีความสุขกับการไม่มีลูก

คุณเป็นคนที่ยอมรับการร่วงโรยของตัวเองหรือคิดอยากกลับไปเป็นเด็ก

มีตลอดแหละที่อยากกลับไปเป็นเด็ก แต่คริสก็เอนจอยชีวิตตอนนี้มากเหมือนกันนะ มีความสุขมากเลยกับ Myself and My Family กับเพื่อน กับทีม กับหมาแมวที่มี คริสมีอิสระทุกด้าน หมายความว่าเรารู้จักที่จะจัดการสตางค์ของเราแล้ว วันนี้มีตังค์เยอะหน่อยอยากช้อปปิ้ง เดือนนี้ใช้ตังค์เยอะแล้วเราก็อดช้อป ต้องบอกตัวเองว่าพอแล้วนะ คือมันมีแค่เราคนเดียวไง 

บางคนอาจจะบอกว่าโชคดี บางคนอาจจะบอกว่าโชคไม่ดี แล้วแต่ว่าใครชอบแบบไหน คริสอาจจะโชคไม่ดีที่ยังไม่ได้แต่งงาน คริสก็จะไม่ได้มีความสุขแบบคนที่มีลูก มีสามี แต่เพื่อนที่แต่งงานแล้วก็บอกว่า แกโชคดีแล้วที่ไม่ได้แต่งงาน เพราะว่าปวดหัวทั้งหมด แกมีอิสระ ไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ คริสก็เลยไม่แน่ใจว่าตกลงยังไง 

พูดถึงครอบครัว ตอนนี้คุณถือเป็นหัวหน้าครอบครัวไหม

ไม่ค่ะ คริสกับพลอย พลอยน่ารักมาก เราแบ่งกันทุกอย่าง คือคริสคนเดียวถามว่าไหวไหม ก็ไหวแหละ แต่พลอยเขาก็ทำงานเก่งมากเหมือนกัน ทุกอย่างหารครึ่งหมดเลย

คำสอนอะไรที่ได้จากพ่อแม่มาแล้วชอบที่สุด

พ่อแม่ชอบสอนแบบอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วเราจะจำได้ตอนโตเอง แต่สิ่งที่คริสขอบคุณเขาที่สุดคือขอบคุณเขาที่ให้โอกาสคริสเรียนอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากทำ สนับสนุนทุกอย่าง 

เหมือนพ่อแม่น้อง ๆ มีคนเคยถามแม่ติวเตอร์ว่าบ้านอยู่อยุธยาแล้วขับรถเข้ามาในเมืองทุกวันเพื่อที่จะส่งติวเตอร์เรียนร้องเพลง เรียนเต้น แม่ยังทำอยู่รึเปล่า ทำแล้วได้อะไร แม่เขาตอบคำเดียวสั้น ๆ ว่า ก็ได้ติวเตอร์มาค่ะ เราฟังแล้วขนลุกมาก นี่คือความรักของแม่

คริสตั้งมั่นตั้งใจไหมว่าจะไม่มีลูก

ถ้าเขาจะมา เขามาเอง ไม่ได้เป็นปัญหาว่า โอ๊ย จะไม่มีลูก แต่จะมีหรือไม่มี สุดท้ายเราก็ต้องมีความสุขได้ในแบบของเรานะ เราว่าโลกตอนนี้มันไม่ค่อยน่ารัก แล้วกว่าลูกเราจะอายุ 16 คือ In the last 10 years นี้ โลกมันก็เปลี่ยนไปเท่าไหร่แล้ว

เห็นภาพตัวเองเป็นแม่คนไหม

น้องพลอยเคยเห็น พี่คริสไม่เคยเห็น 

เมื่อตอนที่อายุเรามันได้ ช่วง 32 – 35 เคยมีภาพว่า ถ้ามีลูกผู้หญิงก็จะจูงไปเรียนบัลเลต์ เป็นภาพที่แม่เคยทำกับเรา ถ้าเป็นลูกผู้ชาย เราคงต้องไปนั่งดูเขาแข่งบาส After School ในสเตเดียม แล้วก็เป็นภาพลูกเอาแฟนมาแนะนำ แก๊งเพื่อนแม่นั่งกินข้าวกันแล้วก็ดูแฟนลูก ซึ่งเราได้หมดเลย เอาตามที่เขาเลือก 

เพราะเขาต้องไปล้มลุกคลุกคลานบ้าง เราเองก็เจอมาเยอะแล้ว ทุกคนต้องเจอ สนุกดี รสชาติชีวิต คนเรามันต้องอกหัก เสียใจบ้าง ดีใจบ้าง ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง มัน!

แล้วการทำค่ายนี้ คุณกลัวความล้มเหลวรึเปล่า

ไม่ได้ (เสียงหนักแน่น) ล้มเหลวไม่ได้

ถ้าพลาด เราก็ต้องเรียนรู้ต่อไป มันต้องมีดีบ้างไม่ดีบ้างอยู่แล้ว แต่ความล้มเหลวคือ อยู่ดี ๆ คริสยอมแพ้แล้วบอกว่า เห้ย ไม่ทำแล้ว ทำไม่ได้ ซึ่งจะไม่มีวันนั้นที่คริสเดินทิ้งทุกคนไป ไม่ทำ ไม่มีทางทำ

คุณดูเป็นผู้บริหารที่ทุกคนในทีมให้ความเชื่อมั่นนะ

กดดันได้ไหม 

ไม่หรอก ก็แทนที่จะเป็นความกดดัน มันอาจจะเป็นแรงผลักดันก็ได้ ให้เป็นสิ่งที่เราขอบคุณเขาที่เชื่อว่าเราทำได้ดีกว่า เราอาจจะทำดีหรือไม่ดี อาจจะทำดีที่สุดไม่ได้ทุกครั้ง มันก็เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน 

ทุกคนมีปัญหาอะไรก็จะปรึกษาคุณได้เสมอ แล้วเวลาคุณมีปัญหา คริสปรึกษาใคร

ก็ปรึกษาวนกลับไปนี่แหละค่ะ (หัวเราะ) มึงฟังปัญหากูบ้างนะ! 

ตอนนี้ไม่ค่อยมีปัญหาชีวิต โชคดีมาก มีเครียดแค่เรื่องค่ายเรื่องเดียว เพราะว่าเวลามันกระชั้น ไม่ได้เครียดว่าเราทำไม่ได้ เพราะถ้าเราทำไม่ได้ เราก็ยอมรับไงว่าเราทำไม่ได้ เราไม่ได้บอกว่าเราเก่ง ก็กูไม่เก่ง กูต้องเรียนรู้ แล้วก็ปรึกษาคนที่เขาเก่ง

ความฝันของคนวัย 42 หน้าตาเป็นยังไง

คริสว่าทุกคนอยากมีความสุข แต่ความสุขของทุกคนคืออะไรต้องไปหาให้เจอ แล้วมันเปลี่ยนไปตลอดนะ เพราะงั้นก็เอาแค่เป็นปีก่อนก็ได้ ตั้งเป้าหมายสั้น ๆ ฉันอยากจะทำอันนี้ให้สำเร็จ อยากจะเก็บเงินให้ได้เท่านี้ อยากจะไปเที่ยวที่นี่ คือมันเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ได้

แล้วความฝันของ คริส หอวัง ในปีนี้คือ

ทำ 2 FLOW ให้สำเร็จค่ะ ทำให้ไทโอกับติวเตอร์มีเพลงที่ประสบความสำเร็จ เป็นเพลงที่น้องเขาถูกใจไปตลอดชีวิต 

แต่มันเป็นความฝันเพื่อคนอื่นนะ

อย่างที่คริสบอก แพสชันของคริสคือการส่งคนอื่นให้ไปถึงฝั่งฝันของเขา เหมือนการเป็นครู ถ้าเขาประสบความสำเร็จ ก็เหมือนคริสประสบความสำเร็จด้วย มันภูมิใจ

ปีนี้ คริสอยากจะทำ 2 FLOW ให้ดีที่สุด อุตส่าห์โชคชะตาฟ้าสั่งมา มีศิลปินดาราอะไรเยอะแยะที่ร้องเพลงเก่ง ทำไมเขาถึงเลือกคนที่ร้องเพลงไม่เป็นล่ะ ทำไมเขาถึงเลือกช่วยคริสล่ะ แล้วทำไมผู้ใหญ่เขาถึงบอกว่าคริสทำได้ เหมือนได้รับมอบหน้าที่นี้มา

เคยถามผู้ใหญ่ไหมว่าทำไมเขาถึงเลือกคุณ

ไม่กล้าถามค่ะ กลัวเขาเปลี่ยนใจ (หัวเราะ)

กลัวเขาถามกลับว่าไม่แน่ใจหรือเปล่า ออกได้เลย เราก็เลยขอบคุณค่ะ! จบ

ในวัยนี้ มีอะไรที่คริสอยากเป็นแต่ยังไม่ได้เป็นอีก

(นิ่งคิด) ไอ้สิ่งที่ทำอยู่นี่ก็ไม่เคยนึกว่าจะได้เป็นนะ เพราะฉะนั้น ตอบไม่ได้ดีกว่า 

คือเขาจะไหลโอกาสอะไรมาให้คริส ถ้ามันทำให้คริสนอนไม่หลับได้อีก 3 วัน อันนั้นแหละคือสิ่งที่คริสจะทำ

คุณเคยปฏิเสธโอกาสที่เข้ามาบ้างไหม

เยอะแยะ หลายอัน ไม่ใช่ปฏิเสธเพราะไม่อยากรับโอกาสนะ แต่ปฏิเสธเพราะไปนั่งคำนวณคิดดูแล้วว่า เราอาจจะทำได้ไม่ดีเท่าที่เขาคาดหวังให้เราทำ เช่น มีคนมาชวนไปเป็นหุ้นส่วน ต้องการเวลาเท่านี้ ต้องการหน้าไปทำอันนี้ ต้องการเงินเท่านี้ คือถ้าเราติ๊กถูกให้เขาไม่ได้แล้วเราจะทำทำไม

ในฐานะผู้บริหารค่ายหน้าใหม่ ใครคือ Emergency Call ของคุณ

พลอยหอ เพราะมีกันอยู่แค่นี้ค่ะ (หัวเราะ)