4 มิถุนายน 2020
2 K

หลังจากต้องใช้ชีวิตล็อกดาวน์อยู่ที่บ้านมานาน ก็ถึงเวลาอัปเดตสถานการณ์ของที่นี่กันอีกสักหน่อย เราทำงานทางด้าน Interior Design ในเมืองมิลาน อิตาลี หนึ่งในคนไทยที่ยังปักหลักที่มิลานในช่วงที่วิกฤตที่สุดของโรค COVID-19  และอย่างที่รู้กันว่า ‘มิลาน’ เป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของอิตาลี และยังเป็นเมืองที่มียอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 สูงที่สุดในประเทศด้วยตัวเลข 22,616 ราย ( ข้อมูลเมื่อ 23 พฤษภาคม 2563 )

เราเก็บตัวอยู่บ้านมาเดือนกว่าๆ ติดตามจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 อยู่ตลอด ซึ่งปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อในอิตาลีมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ถ้าเทียบกับในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา ในตอนนั้นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 4,000 รายต่อวัน ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 650 รายต่อวัน (ข้อมูลเมื่อ 23 พฤษภาคม 2563) 

แน่นอนว่าอิตาลีได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตของ COVID-19 และเข้าสู่เฟส 2 อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา จูเซปเป คอนเต (Giuseppe Conte) นายกรัฐมนตรีของอิตาลีได้ขอบคุณประชาชนทุกคนที่เสียสละปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ คิดบวก และส่งกำลังใจให้กัน จนอิตาลีผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาได้

แต่กว่าจะได้เข้าเฟส 2 อย่างเต็มรูปแบบนั้น การใช้ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วย รัฐกำหนดช่วงทดลองปลดล็อกดาวน์อย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ คล้ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีเวอร์ชันทดลอง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 – 17 พฤษภาคม 2563

เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์
เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์
‘Andrà tutto bene’ แปลว่า ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี

รู้จักเฟส 2 เวอร์ชันทดลอง (ปลดล็อกแบบแง้มๆ) มีกฎอะไรบ้าง

มาตรการเฟส 2 เป็นระยะที่เราต้องอยู่ร่วมกับไวรัส คอยระวัง และสังเกตการณ์ไม่ให้การแพร่ระบาดพุ่งสูงขึ้นอีกรอบ

Social Distancing อย่างน้อย 1 เมตร สำคัญมาก ถ้าหากจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นอีก เราก็ต้องกลับไปกักตัวกันใหม่  

นโยบายเบื้องต้นคือให้ประชาชนออกไปไกลจากละแวกบ้านได้ จะไปเยี่ยมญาติ เยี่ยมแฟน เยี่ยมเพื่อน ไปเดินเล่นสวนสาธารณะก็ได้ แต่ต้องสวมหน้ากาก ใครที่อยากออกกำลังกายหรือฝึกซ้อมกีฬา กีฬาประเภทเดี่ยวก็ทำได้ แต่การเดินทางข้ามแคว้นยังเป็นสิ่งต้องห้าม และต้องใช้ใบรับรองตนเองเมื่อออกจากบ้านเหมือนเดิม สำหรับคนอิตาลีแล้ว หลายคนโหยหาการออกจากบ้านมาก เพราะขนาดอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ บางคนก็ยังขอยืมสุนัขของเพื่อนบ้านเพื่อออกมาเดินเล่น บ้างก็ลากรถเข็นเหมือนจะไปซื้อของ แต่เหตุผลก็แค่ออกมายืดเส้นยืดสาย ซึ่งรวมๆ แล้วนโยบายทดลองปลดล็อกดาวน์ถือว่าเป็นสิ่งที่ชาวอิตาลีรอคอยมานาน

เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์
เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์

ทางศาสนสถานอนุญาตให้จัดงานศพได้ โดยมีเฉพาะญาติสนิทไม่เกิน 15 คน แต่ยังไม่อนุญาตให้ประกอบพิธีทางศาสนาอื่นๆ ส่วนร้านอาหารให้เปิดขายได้เฉพาะเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้าน เข้าไปซื้อได้ทีละ 1 คน ไม่ให้นั่งในร้านเพื่อหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ซึ่งคนอิตาลีก็พยายามให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ส่วนบริษัทต่างๆ ทั้งภาคการผลิต การโยธา ก่อสร้าง ร้านขายส่งขนาดใหญ่ อนุญาตให้เปิดทำการได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในสถานที่ทำงานอย่างเคร่งครัด

นโยบายออฟฟิศกับหนูทดลอง 5 คนแรกที่ถูกเลือก 

ทันทีที่รัฐออกกำหนดช่วงทดลองปลดล็อกดาวน์ ทางออฟฟิศออกแบบอย่างเราก็ใจกล้าไม่รอช้า เริ่มคัดคนกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศทันที หลังจากที่ทุกคนต้อง Work from home มาเดือนกว่าๆ โดยเริ่มที่ 5 คนแรก จากทั้งหมด 24 คน ซึ่งเราเป็นหนึ่งในผู้โชคดีหรือหนูทดลองที่ได้รับคัดเลือกให้กลับเข้าออฟฟิศ เนื่องจากบ้านใกล้ เดิน 10 นาทีถึง และอายุน้อยถ้าเทียบกับเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ ที่สำคัญคือไม่มีภาระทางครอบครัวให้ต้องกังวล

เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์
เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์

เราได้รับอีเมลยืนยันจากผู้จัดการล่วงหน้า 3 วัน ให้กลับเข้าทำงานออฟฟิศในวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ซึ่งเรารู้ดีว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างรอบคอบ โดยสิ่งแรกที่ทำคือเย็บหน้ากากให้พอสำหรับมีใส่ไปทำงาน 1 สัปดาห์ ซักทำความสะอาดในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์แล้ววนกลับมาใช้ใหม่

และที่สำคัญ คือการฝึกตื่นเช้าและทำกิจวัตรประจำวันให้ได้เหมือนช่วงก่อนกักตัว เพราะในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าได้บ่มเพาะนิสัยแย่ๆ ที่ปกติต้องเริ่มงานล็อกอินเข้าระบบ 9 โมง ก็จะตื่น 9 โมงเป๊ะ หน้าไม่ล้าง ฟันไม่แปรง นั่งทำงานทั้งวัน อยากพักเมื่อไหร่ก็ได้ขอแค่ให้งานเสร็จตามกำหนด 

อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการเตรียมอาหารกลางวันไปทานที่ออฟฟิศ นั่นเพราะร้านอาหารยังปิดอยู่ มีแค่คาเฟ่เล็กๆ ที่เปิดบ้างแล้ว แต่เราก็ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ที่จะซื้ออาหารจากร้านเหล่านั้น (ทั้งๆ ที่อยากกินเจลาโต้ใจจะขาด) ก่อนออกจากบ้านต้องเตรียมใบรับรอง เผื่อแจ็กพอตโดนสุ่มตรวจ แต่จริงๆ ก็ยังไม่เคยโดนสักครั้งตั้งแต่มีมาตรการ

เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์
เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์

เมื่อมาถึงออฟฟิศ สิ่งแรกที่ต้องทำคือกดเจลล้างมือที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้หน้าประตูทางเข้า จากนั้นเดินตรงไป 7 ก้าว รายงานตัวที่หน้า Reception เพื่อยิงศีรษะ วัดไข้ ถ้าอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียสก็จะโดนไล่กลับบ้าน แล้วก็ถอดหน้ากากและถุงมือทิ้งในถังขยะที่แยกเอาไว้ ในกรณีที่หน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง แต่ถ้าเป็นหน้ากากผ้าที่ใช้ได้หลายครั้งก็ต้องเก็บให้มิดชิดห้ามวางเรี่ยราด ต่อมาต้องถอดเสื้อโค้ดแขวนแยกไว้ในตู้ต่างหาก และสุดท้ายต้องล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มงาน โดยออฟฟิศมีการจัดที่นั่งใหม่ให้ห่างกันอย่างน้อยคนละ 2 เมตร

2 สัปดาห์แรกของการเป็นหนูทดลองในออฟฟิศ

ช่วง 2 – 3 วันแรก ต้องยอมรับว่ารู้สึกหลอนๆ และไม่ชิน เนื่องจากเวลาจะหยิบจับอะไรต้องมีสติ ต้องใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านยันกลับเข้าบ้าน รู้สึกว่าได้ใช้พลังงานไปกับรายละเอียดเหล่านี้มากกว่างานที่ต้องรับผิดชอบเสียอีก

แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ และที่ออฟฟิศเราก็ค่อนข้างเคร่งครัดกับมาตรการพอสมควร โดยมีการตั้งเจลล้างมือและสเปรย์แอลกอฮอล์ทุกโต๊ะ หันไปทางไหนก็เจอ คิดงานไม่ออกก็หันไปกดเจล ฉีดสเปรย์เช็ดโต๊ะ เช็ดคีย์บอร์ด เช็ดโทรศัพท์ ในชีวิตเกิดมาไม่เคยคิดว่าจะต้องอนามัยจัดขนาดนี้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ทุกคนใส่ใจให้ความร่วมมือ 

เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์
เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์

พอถึงเวลาพักกลางวัน แน่นอนว่าไม่อนุญาตให้จับกลุ่มกินอาหารร่วมกัน และห้องครัวของออฟฟิศก็จำกัดให้ใช้งานได้ครั้งละ 1 คน ทำได้แค่เข้าไปอุ่นอาหารที่เตรียมมา แล้วเอาไปกินที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ส่วนใครที่ไม่ได้เตรียมอาหารมาก็สั่งแบบเดลิเวอรี่มากินในออฟฟิศได้ และยังพูดคุยกันข้ามโต๊ะไปมาระหว่างทานอาหารได้ 

“พอกันที กินข้าวหน้า Zoom หน้า Skype” 

เพื่อนร่วมงานนางหนึ่งกล่าวหลังจากที่ได้กินข้าวกับเพื่อนๆ ในออฟฟิศสักที (ถึงแม้ว่าจะกินผ่านหน้าคอมฯ ของใครของมันก็เถอะ) 

การประชุมประจำสัปดาห์ยังคงใช้ระบบออนไลน์เหมือนเดิม แม้กระทั่งคนในออฟฟิศที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เมตร พอถึงเวลาประชุม ทุกคนต้องหันหน้าเข้าคอมฯ ตัวเองเพื่อคุยกับคนในจอ ห้ามนั่งใกล้กันเด็ดขาด ซึ่งถ้ามองอีกทีก็ดูเป็นเรื่องตลก ใครจะคิดว่าเกิดมาจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตหน้าคอมฯ แบบนี้จริงๆ

นอกจากนี้เจ้านายยังอนุญาตให้คนบ้านไกลเข้าออฟฟิศได้เฉพาะกรณีจำเป็น โดยต้องแจ้งผู้จัดการล่วงหน้าเพื่อนัดวันเวลา และต้องเดินทางมาทำงานโดยพาหนะส่วนตัวหรือแท็กซี่เท่านั้น และบริษัทรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้

สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือการได้เห็นทุกคนพยายามปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทุกคนคงเคยได้ยินว่าคนยุโรปไม่ใส่หน้ากากอนามัย แต่ถึงตอนนี้การใส่หน้ากากอนามัยกลายเป็นเรื่องเข้มงวด ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกนอกบ้าน แม้บางคนจะใส่หลอกๆ (ปิดเฉพาะส่วนปาก แต่ยื่นจมูกออกมานอกหน้ากาก เข้าใจว่าคงหายใจไม่สะดวกหรือไม่ก็คงทนดมกลิ่นปากตัวเองไม่ไหว) แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจกว่าเมื่อก่อนที่เห็นว่าหน้ากากอนามัยเป็นเพียงสิ่งจำเป็นสำหรับคนป่วยเท่านั้น 

ในส่วนเงินเดือนและค่าตอบแทนต่างๆ ทางบริษัทลดเงินเดือนไปเล็กน้อย และบังคับให้ใช้วันลาที่เหลืออยู่เพราะงานน้อยลง ไม่คุ้มที่จะจ้างพนักงานให้นั่งว่างหายใจทิ้ง สู้เอาเวลาไปต่อคิวเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตจะดีกว่า

รู้จักเฟส 2 เวอร์ชันเต็ม (ปลดล็อกแบบเต็มรูปแบบ) 

หลังจากผ่านพ้น 2 สัปดาห์ของการทดลองเข้าเฟส 2 ผลคือการแพร่ระบาดลดลง จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง ผู้รักษาหายเพิ่มขึ้น เตียงรองรับผู้ป่วยมีจำนวนเพิ่มขึ้น ชุดตรวจเชื้อทั่วถึงมากขึ้น ดังนั้นทางรัฐจึงได้อนุมัติกฎหมายการเข้าสู่เฟส 2 อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 18 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป

เฟส 2 เวอร์ชันเต็มมีอะไรเพิ่มเติมบ้าง แน่นอนว่า Social Distancing ยังคงถูกบังคับใช้ในทุกกิจกรรมและทุกธุรกิจ สิ่งที่เพิ่มเติมมาคืออนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าขายปลีก เปิดทำการได้ตามปกติ รวมถึงร้านทำผม ร้านเสริมสวย ร้านอาหาร ร้านไอศกรีม ร้านกาแฟ ผับ พิพิธภัณฑ์ นิทรรศการ ฯลฯ โดยรายละเอียดเวลาเปิดทำการอาจแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ของแต่ละแคว้น

เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์

อนุญาตให้เดินทางในแคว้นได้โดยไม่ต้องใช้ใบรับรองตนเอง ไปเที่ยว ไปช้อปปิง ไปเยี่ยมเพื่อนได้หมด (ยกเว้นเยี่ยมผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างกักกันโรค) โดยต้องรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร และใส่หน้ากากอนามัยเสมอ โดยเฉพาะในพื้นที่ปิดและมีจำนวนคนมาก

สำหรับการเดินทางข้ามแคว้น อนุญาตเฉพาะในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ เหตุผลด้านการทำงานเท่านั้น ด้านศาสนสถานอนุญาตให้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ ร่วมไปถึงการฝึกซ้อมกีฬาแบบทีมบางประเภทก็ทำได้เช่นกัน

ส่วนออฟฟิศเราก็เพิ่มจำนวนคนเข้าทำงานที่ออฟฟิศจากเดิม 5 คน เป็น 8 คน แก๊งใหญ่กว่าเดิม (ข้อมูลเมื่อ 22 พฤษภาคม 2563) แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์

เฟส 2.5 ชีวิตปกติที่เราใฝ่ฝันในอนาคต

ตอนนี้อิตาลียังอยู่ในเฟส 2 และต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง แต่ที่น่าดีใจคือเราผ่านเฟส 2 ช่วงทดลองมาได้ เป้าหมายต่อไปก็คือเฟส 2.5 เป็นเฟสที่เราใฝ่ฝันอยากจะให้เกิดขึ้นเร็วๆ และถ้าสุดท้ายแล้วการแพร่ระบาดของ COVID-19 ลดลงและไม่มีการระบาดเพิ่ม ทางรัฐจะเพิ่มแผนมาตรการปลดล็อกต่างๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ 

  • 25 พฤษภาคม อนุญาตให้ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ศูนย์กีฬา เปิดทำการได้ โดยต้องปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
  • 1 มิถุนายน ให้ร้านอาหาร บาร์ ร้านกาแฟ ร้านทำผม ร้านเสริมสวย เปิดได้อย่างเต็มรูปแบบ
  • 3 มิถุนายน หากการแพร่ระบาดลดลงอย่างต่อเนื่อง จะอนุญาตให้เดินทางข้ามแคว้นและทางรัฐจะหารือกับทาง EU เพื่อให้เดินทางภายในยุโรปได้อย่างอิสระ โดยผู้ที่จะเดินทางเข้าอิตาลีไม่จำเป็นต้องผ่านการกักกันโรคอีกต่อไป เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
  • 15 มิถุนายน จะอนุญาตให้โรงละคร โรงภาพยนตร์ และศูนย์การเรียนรู้ภาคฤดูร้อนสำหรับเด็กเปิดทำการได้ แต่โรงเรียนก็ยังคงไม่มีกำหนดที่จะเปิด
เรื่องเล่าจากมิลาน เมื่อปลดล็อกดาวน์และเข้าสู่เฟส 2 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอิตาลี, อิตาลี ปลดล็อกดาวน์

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกย่างก้าวย่อมมีความเสี่ยง เรามองว่ามาตรการปลดล็อกบางอย่างยังถือว่าเร็วเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้การแพร่ระบาดกลับมาอีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าอิตาลีและทุกประเทศไม่สามารถที่จะล็อกดาวน์ตลอดไป ด้วยเศรษฐกิจ ความอยู่รอด หรือเรื่องปากท้องต่างๆ 

เหมือนกับคนป่วยเป็นโรคร้ายที่เพิ่งจะฟื้นจากโคม่า ซึ่งรู้ตัวดีว่ายังรักษาไม่หายขาด และโรคอาจจะกำเริบขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ต้องพยายามเริ่มทำกายภาพบำบัดและเรียนรู้ที่จะปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนวันหนึ่งเราจะกลับไปใช้ชีวิตได้เสมือนปกติ พร้อมกับรอคอยอย่างมีความหวังว่าจะพบวัคซีนที่ทำให้หายขาดจากโรคในเร็ววันนี้ และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มวลมนุษยชาติต้องเผชิญกับโรคระบาดครั้งใหญ่

เชื่อว่าพวกเราทุกคนจะผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา


ข้อมูลอ้างอิง

www.governo.it/it/articolo/conferenza-stampa-del-presidente-conte/14613

www.governo.it/it/faq-fasedue

lab24.ilsole24ore.com/coronavirus/en/

Writer & Photographer

Avatar

อรวี โพธิ์ไหม

อินทีเรีย ดีไซเนอร์ ในเมืองมิลาน อิตาลี สนใจการทดลองสูตรอาหารใหม่ๆ ที่กินได้บ้างไม่ได้บ้าง และชอบปล่อยตัวเองเดินหลงในเมืองเล็กๆ เพื่อพบเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันแล้วนำมาเล่าสู่กันฟัง