ก้อนเมฆในฤดูฝน

เป็นอีกปีที่ดูเหมือนฤดูฝนทิ้งช่วงอีกครั้ง ปล่อยให้ต้นข้าวในนาซูบผอม กล้าข้าวในแปลงเพาะกล้ากำลังรอลงสนามอย่างใจจดใจจ่อเพื่อประลองกับฤดูฝนแรกในชีวิต คนรุ่นเก่ามีวิธีพยากรณ์อากาศโดยดูลูกมะเดื่อว่าติดเยอะตรงช่วงไหนของลำต้น ฝนจะตกเยอะช่วงนั้น ปีนี้ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ต้นมะเดื่อบอกว่าฝนจะมาเยอะท้ายปี 

ถึงแม้หลายพื้นที่ของประเทศไทยจะมีฝนทิ้งช่วงไปบ้าง แต่ภูเขาก็ยังมีชีวิตชีวา ต้นไม้ที่แกว่งไกวตามลมพัดไกลๆ สลับกับก้อนเมฆสีต่างๆ ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวเองและชวนกันมาห่มคลุมภูเขาด้วยท่วงท่าอันสงบเยือกเย็น บ่อยครั้งก้อนเมฆจะพรมสายฝนลงมาให้พืชพรรณได้ชื่นใจ

ตอนเย็นๆ เป็นเวลาโปรดที่ผมจะมองกลุ่มเมฆรูปร่างต่างๆ ที่แวะเวียนมาทักทายดอยอินทนนท์ เทือกเขาที่อาจจะเป็นญาติกับเทือกเขาหิมาลัยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นอกจากความงามน่าชมของภาพก้อนเมฆที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับเมฆผุดขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ

นิทานที่ก้อนเมฆไม่อยากกินปลา

มีแมวหิวโซตัวหนึ่งเดินมาหาเจ้าของในห้องครัว มันทำท่าอ้อนขอกินปลาตัวอวบที่วางอยู่ตรงหน้า เจ้าของแมวปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย

“ฉันให้แกกินไม่ได้หรอกเจ้าเหมียว ผู้ที่จะได้กินปลาตัวนี้ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ชื่อพระอาทิตย์เท่านั้น”

เจ้าของแมวไปหาพระอาทิตย์เพื่อเอาปลาให้พระอาทิตย์กิน

“ข้าแผดเผาอะไรได้เกือบทุกอย่างก็จริงอยู่ แต่ข้าไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่หรอก ผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าข้าคือเมฆต่างหาก เวลาเมฆมาบดบังข้าทีไร ข้าก็ไม่สามารถส่องแสงลงถึงพื้นได้เลย”

เจ้าของแมวจึงไปหาเมฆ 

“ข้าเป็นเมฆที่บังแสงพระอาทิตย์จนมิดได้จริงๆ แต่ข้าไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่หรอก ผู้ยิ่งใหญ่กว่าข้าคือลมต่างหาก ลมพัดข้ากระจุยเลย เวลาเขาอยากแกล้งข้า”

เจ้าของแมวจึงต้องไปหาลม 

“ข้าเป็นผู้ที่พัดก้อนเมฆให้ไปไกลๆ ได้ก็จริง แต่มีอยู่อย่างเดียวพัดเท่าไหร่ก็ไม่สะทกสะท้าน จอมปลวกนั่นแหละ ยิ่งใหญ่กว่าข้ามากเลย”

ว่าแล้วเจ้าของแมวก็ต้องไปหาจอมปลวกจนได้

“ข้าจะบอกอะไรให้นะ ลมทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แต่ทุกครั้งที่ควายมาขวิดข้า ข้าก็ต้องยอมแพ้ทุกที เอาปลาไปให้ควายกินเถอะ ควายยิ่งใหญ่กว่าข้าเยอะ”

เจ้าของแมวจึงต้องไปหาควายล่ะทีนี้

“อืม ข้าแข็งแรงพอจะทำลายจอมปลวกได้สบายๆ แต่รู้ไหม เวลาข้าโดนมัดด้วยเชือก ข้าไปไหนไม่ได้เลย เชือกยิ่งใหญ่กว่าข้าจริงๆ เชื่อเถอะ”

เจ้าของแมวมาถึงเชือก เพื่อมอบปลาให้

“พอข้ามัดควายแล้วเขาไปไหนไม่ได้เลย แต่เจ้ารู้ไหม เวลาข้าโดนหนูกัดทีไร ตัวข้าก็จะขาดวิ่นและไม่สามารถมัดอะไรได้อีกเลย เจ้าเอาปลาให้หนูกินเถอะ เขายิ่งใหญ่กว่าข้า”

เจ้าของแมวเริ่มเหนื่อยแต่ก็ไปหาหนูจนเจอ

“ข้ามีฟันที่แหลมคมจึงกัดเชือกขาดได้ง่ายดาย แต่อย่าลืมนะ ทุกครั้งที่ข้าได้กลิ่นแมวของเจ้า ข้าวิ่งหนีเอาชีวิตรอดแทบไม่ทัน กงเล็บที่แหลมคมนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร แมวยิ่งใหญ่กว่าข้าจริง เขาสมควรจะได้กินปลาตัวนี้”

หลังจากเสียเวลามาทั้งวัน สุดท้ายเจ้าของแมวก็รู้แล้วว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่งอยู่ตรงหน้าของเขาเองแท้ๆ

แมวตัวนี้สอนให้เรารู้ว่า กว่าจะได้ปลามากินสักตัวต้องรอนานทีเดียว

ก้อนเมฆสีขาว

ก้อนเมฆสีขาวที่ค่อยๆ เคลื่อนไหวกลายเป็นรูปร่างตามแต่จินตนาการ บางครั้งเป็นหน้าคน แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาก็กลายเป็นนกยักษ์และบินหายเข้าไปในก้อนเมฆใหญ่ ก้อนเมฆสีขาวชวนให้คิดถึงความดีงามของมนุษย์ที่มีต่อโลกซึ่งเล่าขานมานมนาน ว่ามนุษย์เคารพต่อธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมาก

มันทำให้อดไม่ได้ที่จะฝันถึงสันติภาพที่ทุกชีวิตบนโลกได้ร่วมเดินทางด้วยกันบนดาวเคราะห์ดวงนี้ด้วยความสงบสุข มีปลาใหญ่น้อยมากสีสันและรูปทรงแหวกว่ายในแม่น้ำและมหาสมุทรที่สะอาดซึ่งเป็นบ้านของพวกเขา ต้นไม้มากชนิดอวดโฉมตัวเองให้โลกเห็น เหล่าสัตว์มากสายพันธ์ุหากิน ลูกสิงโตวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าของฤดูหนาวตอนบ่ายอบอุ่น พวกลิงปีนป่ายเถาวัลย์พลางชวนกันไปเก็บผลไม้กิน นกเงือกกางปีกโผบินก่อนร่อนลงเกาะบนต้นไม้สูงใหญ่

ส่วนมนุษย์ก็มีชีวิตที่เรียบง่าย เต็มไปด้วยการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อกัน ทุกคนเรียนรู้วิชาที่พร้อมต่อการดำรงชีวิต

นี่คือฝันของเราหรือมันเคยเกิดขึ้นและเกิดขึ้นได้อีก

ก้อนเมฆ

ก้อนเมฆกลายเป็นสีดำ

เมื่อลมมรสุมพัดก้อนเมฆมารวมตัวกันจนกลายเป็นก้อนเมฆดำทะมึนขนาดใหญ่ และเป็นสัญญาณของพายุฝน สุดท้ายเม็ดฝนก็กระหน่ำลงมาให้ความชุ่มชื้นกับผืนดิน ทำให้ต้นไม้เติบโตต่อไป

  ทุกๆ วันเวลาเดินเราอาจจะเหยียบสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยตายโดยไม่รู้ตัวไม่รู้เท่าไหร่ และเราก็ไม่มีเวลาได้ขอโทษพวกมันเพราะชีวิตเร่งรีบเหลือเกินกับการไปทำงาน เราก็อาจไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเพราะเรามองไม่เห็นสัตว์และไม่ได้คิดถึงมันเท่าไหร่

แต่เราคงสะเทือนใจไม่น้อย หากเห็นภาพของวาฬจำนวนมากถูกอวนขนาดใหญ่ลากขึ้นจากน่านน้ำของญี่ปุ่น ปลาฉลามมากมายต้องนองเลือดให้กับเมนูหูฉลามบนโต๊ะของมนุษย์ ช้างป่าที่ถูกล่าเอางามาประดับบ้าน ยังไม่นับสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่มีใครรู้ว่ามีสัตว์กี่สายพันธ์ุที่สูญพันธ์ุไปแล้วและกำลังล้มหายไปจากโลกของเราด้วยน้ำมือของมนุษย์ หรือจริงๆ แล้ว เมฆสีดำคือความจริงบนโลกมนุษย์

ก้อนเมฆ

ยังมีก้อนเมฆสีเทา

ถึงแม้ปัญหาบนโลกมีมากมาย แต่ก็ยังมีผู้คนอีกมากที่ถ่อมตนต่อโลก และไม่หยุดคิดสร้างสรรค์ทางเลือกใหม่ๆ ที่ต่อลมหายใจให้กับโลกที่เป็นบ้านของเรา ผ่านบทสนทนาดีๆ บทเพลงที่เปล่งเสียงแทนธรรมชาติ บทสวดเพื่อสรรพสิ่ง สวนที่มีผลไม้ ผัก ให้คนได้แบ่งปันให้หนอนกินได้ มีต้นไม้ให้นกเกาะและสร้างรัง มีดอกไม้ให้ผีเสื้อมาดอมดม 

การออกแบบสิ่งก่อสร้างที่รบกวนระบบนิเวศให้น้อยที่สุดและคิดถึงความยั่งยืนมากที่สุด การสร้างชุมชนหรือพื้นที่ทางสังคมที่ยอมรับความหลากหลายทางสถานะ ความเชื่อ หรือเชื้อชาติ การสร้างธุรกิจที่คิดถึงกำไรเป็นสิ่งสุดท้าย การสร้างการเรียนรู้ที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ ผู้นำประเทศที่ยอมเสียสละลงจากตำแหน่ง การรณรงค์สร้างความตระหนักต่อระบบนิเวศ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นให้เราเห็นทุกมุมของโลก และยังเกิดขึ้นต่อไป

ก้อนเมฆ

มนุษย์ไม่ได้แค่มีความสามารถในการตักตวง แต่มนุษย์ก็รู้จักให้เช่นกัน ถึงแม้ดูเหมือนมันยังขาดสมดุลและโลกกำลังเจ็บป่วยหนักกว่าเดิม แต่ทุกๆ วันยังคงมีใครมากมายที่ยังเชื่อและหวังอย่างเต็มเปี่ยมเพื่อการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายโดยเฉพาะ โลกของเรา

คนโบราณเคยพูดไว้ว่า

ฟ้าไม่เคยไร้เมฆ และเราไม่เคยพ้นไปจากความผิดของตน

ยังจำได้ดี ตอนเด็กๆ เราเคยมีปรากฏการณ์หมอกลงหนามากในฤดูหนาว จนไม่สามารถมองเห็นไกลเกินกว่า 50 เมตร และอากาศก็หนาวมากจนต้องล้อมวงผิงไฟ ดื่มชา เผาข้าวหลามกินคลายหนาว บางปีอากาศหนาวลดต่ำลงเหลือแค่ 4 องศาเซลเซียส แต่ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นให้เห็นมากเท่าที่เคยเป็นในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และ 10 ปีจากนี้น่าสนใจอย่างยิ่งว่าเราจะได้เห็นอะไรทั้งสองขั้ว

เมื่อก้อนเมฆเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้และไม่เคยมีเฉดสีเดียว มนุษย์ก็คงไม่ต่างไปจากเมฆ ที่วันหนึ่งเราอาจได้เห็นโลกน่าอยู่กว่าเดิมก็เป็นได้ ถึงแม้อาจต้องรออีกเป็นพันปี และเมื่อถึงวันหนึ่งที่จักรวาลต้องตัดสินใจลบเรื่องราวของมนุษย์ออกจากแผนที่โลก โลกใบนี้ก็ยังงดงามอยู่ดีต่อให้ไม่มีมนุษย์และมันก็ยุติธรรมกับไดโนเสาร์และสรรพสิ่งอื่นๆ ที่สุดแล้ว

ฤดูฝนที่ทอดสายมองไปที่ก้อนเมฆอย่างมีหวัง

ต่าบลึ๊

ก้อนเมฆ

Writer & Photographer

Avatar

โอชิ จ่อวาลู

นักการภารโรงที่ Lazy man College ผู้กำลังหัดเขียนเล่าเรื่อง