เกาะรูปทรงประหลาดลอยเด่นอยู่เหนือน้ำ คลื่นหัวขาวซัดสาดชายหาดที่ทอดตัวยาวขนานไปกับสัณฐานเกาะ สายลมแห่งทะเลจีนใต้ซึ่งในอดีตเคยพยุงเรือสำเภาและสำปั้นให้ล่องทะยานสู่จุดหมาย ยังคงกระโชกแรงไม่มีเปลี่ยน แต่บัดนี้ทำได้เพียงมอบความชุ่มชื้นแก่ผิวกายนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากเกาะใหญ่มาเสาะหาความสงบ เมื่อเรือพาหนะบรรทุกคนโดยมากในยุคนี้เปลี่ยนเป็นเรือเฟอร์รี่ลำโตที่อาศัยเครื่องยนต์และน้ำมันในการขับเคลื่อนแทนที่ลม

ตึกโรงแรมใหญ่น้อยกองเกลื่อนอยู่ในคลองสายตา ทันทีที่เรือเฟอร์รี่แล่นลำมาจอดเทียบท่า ป้ายบอกทางทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษบ่งชัดว่าที่นี่คือ ‘เกาะเฉิ่งเจ๊า’ (Cheung Chau Island) เกาะเล็ก ๆ ที่เป็นดั่งแหล่งพักผ่อนวันหยุดของชาวฮ่องกง

เมื่อไรก็ตามที่พูดถึง ‘ฮ่องกง’ มหานครแห่งเศรษฐกิจและการเงินโลกที่เคยเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษนานถึง 156 ปี เราคนไทยมักเผลอเติมคำว่า เกาะ ไว้หน้าชื่อเสมอ ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิดว่าฮ่องกงเป็นแค่เกาะเดียวอยู่โดดเดี่ยวกลางทะเล ทั้งที่จริงแล้ว ดินแดนที่ปัจจุบันถูกเรียกว่าฮ่องกงนั้นมีทั้งส่วนที่เป็นเกาะใหญ่ที่ชื่อฮ่องกง ส่วนคาบสมุทรเกาลูนที่มีพื้นดินติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ รวมไปถึงเกาะทั้งเล็กและใหญ่รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 263 เกาะ

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลบนเกาะเล็ก ๆ ในฮ่องกง ก่อซาลาเปาเป็นภูเขาให้คนแข่งกันปีน
ภาพ : Expedia

เกาะเฉิ่งเจ๊าซึ่งมีเนื้อที่แค่ 2.46 ตารางกิโลเมตร ก็เป็นหนึ่งในบรรดาเกาะดังกล่าว ด้วยระยะทางเพียง 6.2 ไมล์จากเกาะฮ่องกงอันเป็นเกาะใหญ่และศูนย์กลางความเจริญ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คนในเมืองใหญ่เลือกมาดื่มด่ำความสงบกับกิจกรรมคลายเครียดสารพัด ทั้งเล่นน้ำทะเล แล่นวินด์เซิร์ฟ นอนอาบแดด เดินขึ้นเขา เข้าป่า หรือลุยถ้ำ บนเกาะที่ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติอย่างเฉิ่งเจ๊า

ตลอดทั้งปี วันและเดือนบนเกาะเฉิ่งเจ๊าจะเคลื่อนคล้อยไปอย่างสงบเงียบ คนต่างถิ่นที่มาเที่ยวคงมีเพียงนักเดินทางสายนิยมธรรมชาติที่แวะเวียนกันมาเยี่ยมชมเกาะที่มีรูปร่างเหมือนดัมเบลยกน้ำหนัก จนได้รับฉายาว่า ‘เกาะดัมเบล’ (啞鈴島)

ทว่าทุกฤดูร้อน ราวเดือน 4 ตามปฏิทินจีน ความสงบของเกาะเฉิ่งเจ๊าจะถูกแทนที่ด้วยมวลชนนับหมื่น ๆ คนที่พากันมาร่วมบรรยากาศในเทศกาลท้องถิ่นที่ต่างชาติขนานนามว่า Cheung Chau Bun Festival หรือ ‘เทศกาลภูเขาซาลาเปาเฉิ่งเจ๊า’ อันลือชา

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลบนเกาะเล็ก ๆ ในฮ่องกง ก่อซาลาเปาเป็นภูเขาให้คนแข่งกันปีน
ภาพ : Discover Hong Kong

ย้อนเวลาไปในสมัยศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จักรวรรดิอังกฤษจะเข้ามาล่าอาณานิคมในดินแดนนี้ ฮ่องกงและหมู่เกาะรายรอบยังเป็นเพียงพื้นที่ทุรกันดารของมณฑลกวางตุ้ง แม้แต่ทางการจีนก็ยังไม่รู้จักหรือใส่ใจในการมีอยู่ของเกาะแก่งละแวกนี้ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะเหล่านี้มีน้อยจนแทบนับนิ้วได้ด้วยมือเดียว พวกเขาหาเลี้ยงชีพโดยการทำประมง หากุ้งหอยปูปลากินยังชีพไปตามอัตภาพ

ประชากรที่มีเพียงหยิบมือของเฉิ่งเจ๊าประกอบด้วยคนหลายกลุ่มภาษา ทั้งชาวจีนฮากกา (แคะ) จีนกวางตุ้ง จีนแต้จิ๋ว ตลอดจนชนกลุ่มน้อยชาวเรือที่ภาษาจีนกวางตุ้งเรียกว่า ต่านก๊า (Tanka People) ผู้เป็นที่มาของชื่อ ‘เรือตังเก’ ในภาษาไทย

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลบนเกาะเล็ก ๆ ในฮ่องกง ก่อซาลาเปาเป็นภูเขาให้คนแข่งกันปีน
ชาวต่านก๊า ชนกลุ่มน้อยในฮ่องกง ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ตังแก ก่อนเพี้ยนมาเป็น ตังเก ในภาษาไทย
ภาพ : Otosection

ไม่ว่าคนบนเกาะนี้จะพูดภาษาใด ปัญหาใหญ่หลวงที่พวกเขาทุกคนต้องประสบเหมือน ๆ กันคือการแพร่ระบาดของโรคร้าย และการรุกรานของเหล่าโจรสลัดที่ซ่องสุมกำลังอยู่แถบทะเลจีนใต้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหานี้ ชาวบ้านบางพวกจึงจัดพิธีกรรมบวงสรวง ขอพรจากเทพเจ้าปั๊กไตให้คุ้มครองสวัสดิภาพของพวกเขาเป็นประจำทุกปี ในที่สุดโรคภัยและโจรสลัดก็ค่อย ๆ ทยอยหายไป ไม่มาแผ้วพานพวกเขาในที่สุด

เทพเจ้าปั๊กไต (Pak Tai) ที่ชาวบ้านนับถือ เป็นเทพประจำทิศเหนือตามคติของลัทธิเต๋า ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทิศแห่งความตายและอายุขัย คนไทยเชื้อสายจีนเองก็บูชาเทพเจ้าองค์นี้ โดยนิยมเรียกตามภาษาจีนแต้จิ๋วว่า ‘เหี่ยงเทียงเสี่ยงตี่’ หรือ ‘ตั่วเหล่าเอี๊ย’ เป็นองค์เดียวกับเทพประธานในศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า กรุงเทพมหานคร (ชื่อเรียกศาลเจ้าพ่อเสือมาจากเทพเสือในศาล ที่จริงต้องเรียกศาลตั่วเหล่าเอี๊ย)

ในฮ่องกง เทพเจ้าองค์นี้ก็ได้รับความเคารพมาก ดังจะเห็นได้ว่าในฮ่องกงมีศาลเจ้าชื่อ Pak Tai Temple อยู่หลายแห่ง รูปเคารพเทพเจ้าองค์ใดที่ทรงเครื่องอย่างจักรพรรดิ ประทับเหยียบงูและเต่าไว้ใต้พระบาท องค์นั้นก็คือตั่วเหล่าเอี๊ยที่ในฮ่องกงเรียกว่า ปั๊กไต

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลบนเกาะเล็ก ๆ ในฮ่องกง ก่อซาลาเปาเป็นภูเขาให้คนแข่งกันปีน
ศาลเจ้าปั๊กไตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในฮ่องกง คือศาลบนเกาะเฉิ่งเจ๊านี้เอง
ภาพ : Holidify
เทพเจ้าปั๊กไต, Cheung Chau Bun Festival เทศกาลบนเกาะเล็ก ๆ ในฮ่องกง ก่อซาลาเปาเป็นภูเขาให้คนแข่งกันปีน
เทพเจ้าปั๊กไต
ภาพ : Zolima City Magazine

ยุคแรก พิธีบวงสรวงบูชาเทพเจ้าปั๊กไตดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ชาวบ้านเพียงแต่มารวมตัวกันสร้างปะรำพิธีและแท่นบูชาชั่วคราว ประดิษฐานรูปเคารพองค์ปั๊กไต สวดมนต์ขับไล่โรคภัยไข้เจ็บ แต่แล้วในสมัยหนึ่งที่ชาวบ้านบนเกาะเฉิ่งเจ๊ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พวกเขาจึงสร้างศาลเจ้าปั๊กไตหลังใหญ่ขึ้นเป็นวิหารถาวร และบูชาองค์ท่านในฐานะเทพเจ้าผู้คุ้มครองชุมชน

นอกจากเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ชนชาติจีนยังมีความเชื่อเรื่องผีสางวิญญาณร้ายในธรรมชาติ เมื่อใดที่บรรดาผีสางเหล่านี้เกิดความหิวโหยก็อาจอาละวาด สร้างโทษที่เลวร้ายแก่คนเป็นได้ แต่หากไหว้ดีพลีถูก ผีก็จะพึงพอใจ ไม่ทำอันตราย กล่าวได้ว่าทั้งเทพทั้งผีต่างก็สร้างคุณและโทษได้เหมือน ๆ กัน

เพื่อเป็นการปัดเป่าโรคร้ายและเหนี่ยวนำโชคลาภเข้าตัว ชาวบ้านบางคนเลยอบซาลาเปาร้อน ๆ ก้อนสีขาวนุ่ม เรียกว่า ‘เผ่งโอ๊นป๊าว’ (平安包) หรือ Ping On Bun แปลว่า ซาลาเปาสันติสุข มาถวายเทพเจ้าหรือเป็นเครื่องเซ่นแด่ผีสาง ก่อนนำมากินเสริมสิริมงคลแก่ตนเอง

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลบนเกาะเล็ก ๆ ในฮ่องกง ก่อซาลาเปาเป็นภูเขาให้คนแข่งกันปีน
ซาลาเปาสันติสุข นิยมพิมพ์ลายคำว่า สันติสุข (平安)
ภาพ : Pinkoi

ด้วยจำนวนซาลาเปาที่มีมากมายมหาศาล ทำให้เกิดการนำซาลาเปามากองบนภาชนะคล้ายภูเขาสูง หนักข้อเข้าก็นำซาลาเปาสันติสุขมากองสูงเป็นภูเขาเลากาจริง ๆ

ถึงแม้ในกาลต่อมาปัญหาเรื่องโรคระบาดและโจรสลัดจะหมดสิ้นไปแล้ว หากผู้คนบนเกาะเฉิ่งเจ๊าก็เชื่อเสมอว่าเป็นเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ของทวยเทพที่ช่วยปกปักรักษาเกาะของพวกเขาให้แคล้วคลาดจากเรื่องร้าย ๆ ทั้งมวลมาได้ จึงจัดเทศกาลบวงสรวงบูชาเทพเจ้าและภูตผีสืบมาตลอดทุกปี

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลบนเกาะเล็ก ๆ ในฮ่องกง ก่อซาลาเปาเป็นภูเขาให้คนแข่งกันปีน
ภาพ : Explore Parts Unknown

ปัจจุบันนี้ เทศกาลภูเขาซาลาเปาเกาะเฉิ่งเจ๊าถือเอาวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 4 ในปฏิทินจีนเป็นวันจัดงาน โดยวันนั้นถือเป็นวันประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามความเชื่อของพุทธศาสนาแบบจีน และเป็นวันหยุดราชการในฮ่องกงที่ประชาชนคนทั่วไปจะสละเวลาเดินทางมาร่วมงานได้

การเฉลิมฉลองจะกินเวลาทั้งหมด 4 วัน แต่วันที่สำคัญที่สุดและเป็นจุดขายประจำเทศกาลนี้ คือวันที่ 3 ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันตรงของเทศกาลนี้

ในช่วง 2 วันแรกจนถึงครึ่งเช้าวันที่ 3 ชาวเกาะเฉิ่งเจ๊าจะทำการถือศีลกินเจโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อล้างท้องตระเตรียมกายใจให้สะอาดผ่องใส ตลอด 2 – 3 วันนี้ นอกจากร้านขายอาหารทะเลสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ไม่กี่ร้าน ทั่วทั้งเกาะจะมีแต่อาหารเจ ปราศจากเนื้อสัตว์ ผลผลิตจากการเบียดเบียนสัตว์ปนเปื้อน แม้แต่ร้านแมคโดนัลด์บนเกาะก็ยังงดเว้นการขายอาหารที่มีเนื้อสัตว์ประกอบ และเป็นโอกาสพิเศษในรอบปีที่จะนำเมนูประจำเทศกาลออกขาย คือเบอร์เกอร์เจ ใส่ไส้ถั่ว เห็ด แคร์รอต และผักอื่น ๆ

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลบนเกาะเล็ก ๆ ในฮ่องกง ก่อซาลาเปาเป็นภูเขาให้คนแข่งกันปีน
ภาพ : Explore Parts Unknown

บรรยากาศที่เคยเงียบเหงาของเกาะเฉิ่งเจ๊าจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยถนนหนทางจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของงานฉลอง สิ่งที่ดึงดูดสายตาได้ดีนักคือซุ้มประดับที่สร้างด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ก่อโครงไม้ไผ่ แปะกระดาษสี เขียนอักษรจีนและตกแต่งเป็นลวดลายอันวิจิตร ประดับประดาธงหลากสี สวยงาม ส่วนมากเป็นที่ตั้งกองซาลาเปาบวงสรวง บางแห่งก็เป็นที่ประดิษฐานหุ่นเทพเจ้าทำจากกระดาษที่จะนำไปเผาไฟเมื่อเสร็จสิ้นเทศกาล

เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : Roam The Earth Travel Blog
เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : Remote Lands

อักษรจีนที่พบได้ตามซุ้มนี้คือ 太平清醮 อ่านด้วยสำเนียงกวางตุ้งซึ่งเป็นภาษาหลักของฮ่องกงได้ว่า ‘ทายเผ่งเช้งฉี่ว’ หรือย่อว่า ‘ต๋าฉี่ว (打醮)’ เฉย ๆ เป็นชื่อพิธีกรรมการขอพรจากเทพเจ้าในลัทธิเต๋าให้ปัดเป่าโรคระบาดออกไป มีนักพรตในลัทธิเต๋าเป็นผู้ประกอบพิธี ชาวจีนทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวันนิยมทำพิธีต๋าฉี่วในช่วงต้นฤดูร้อน เนื่องจากฤดูร้อนในเมืองจีนมีโรคภัยไข้เจ็บมาก

ส่วนวันที่ทุกคนรอคอยมากที่สุด คือวันที่ 3 ของช่วงเทศกาล ซึ่งเต็มไปด้วยงานฉลองที่น่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ช่วงสายจรดกลางคืน เริ่มต้นด้วยขบวนแห่เจ้า

เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : Discover Hong Kong
เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : Discover Hong Kong

ราวบ่าย 2 โมง ศาลเจ้าต่าง ๆ บนเกาะจะอัญเชิญเทวรูปเทพเจ้าประจำศาลออกแห่แหนไปรอบเกาะ เพื่อโปรดสานุศิษย์พร้อมกับไล่สิ่งชั่วร้ายทั้งมวล นอกจากเทพเจ้าปั๊กไตที่อัญเชิญมาจากศาลใหญ่ของท่านแล้ว ในขบวนยังมีเทพเจ้าองค์อื่นหรือมาจากศาลเจ้าอื่นอีกหลายองค์ อาทิ เทพีทิ้นเห่า (Tin Hau) หรือเจ้าแม่ราชินีแห่งสวรรค์ผู้อารักขานักเดินเรือ กวู๊นยั้ม (Kwun Yam) พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตาที่คนไทยรู้จักในชื่อ ‘เจ้าแม่กวนอิม’ ในขบวนจะมีเชิดสิงโต แห่มังกร สร้างสีสันไปตลอดทาง

แต่จุดที่ชาวต่างชาติให้ความสนอกสนใจมากที่สุดในขบวนแห่เจ้าก็คือ ‘เด็กลอยได้’ ส่วนใหญ่เป็นเด็กท้องถิ่นตัวเล็ก ๆ อายุราว 3 – 8 ขวบ แต่ละคนจะยืนเด่นอยู่บนแท่นเสาสูงที่ผู้ใหญ่ในขบวนเดินประคองไว้ ด้วยรูปทรงของแท่นที่ดูบางเฉียบ ทำให้เด็ก ๆ แต่ละคนดูเหมือนกำลังลอยอยู่จริง

เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : Business Wire
เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : South China Morning Post

เด็กลอยได้พวกนี้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ต่างกันไป มีทั้งพวกที่แต่งชุดจีนโบราณ บ้างแต่งกายเลียนแบบเทพเจ้าจีน เช่น โป๊ยเซียน กระทั่งชุดเลียนแบบตัวการ์ตูน ดารา นักร้อง และนักการเมืองชื่อดังก็มีให้เห็นบ่อยในขบวนแห่ของที่นี่ (น่าคิดว่าถ้าอยู่เมืองไทย เด็ก ๆ จะแต่งตัวเป็นใครกันบ้าง)

พอขบวนแห่กลับเข้าศาลเจ้าในช่วงเย็น กิจกรรมต่าง ๆ จะหยุดพักไปจวบจนมืดค่ำ หัวใจทุกดวงของผู้คนที่หลั่งไหลมาร่วมงานจะมุ่งตรงไปยังสนามฟุตบอลและลานอเนกประสงค์หน้าศาลเจ้าปั๊กไต ซึ่งที่นั่นมีซาลาเปาสันติสุขกองมหึมาอยู่ด้วยกัน 3 กองใหญ่

เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : Adobe Stock

สิ่งนี้คนท้องถิ่นเรียกว่า ‘ป๊าวซ้าน’ (包山) แปลว่า ภูเขาซาลาเปา สร้างขึ้นจากโครงไม้ไผ่ สานต่อกันเป็นทรงสูงสอบ แต่ถ้าใครมาหลังช่วงเตรียมงานย่อมอดเห็นโครงไม้ไผ่ด้านใน เพราะพื้นผิวทุกตารางนิ้วของประติมากรรมนี้ถูกปกคลุมไปด้วยซาลาเปาสันติสุขนับหมื่นลูก ดูคล้ายหอคอยสีขาวที่ตั้งตระหง่าน 3 หอท่ามกลางซุ้มประดับหลากสีสัน และธงเทศกาลที่ปลิวไสว

ภูเขาซาลาเปาแต่ละลูกมีความสูงถึง 45 ฟุต เทียบได้กับตึก 4 – 5 ชั้น ใช้ซาลาเปามากถึง 9,000 ลูกต่อภูเขา 1 ลูก โดยสิ่งที่ชาวเกาะเฉิ่งเจ๊าจะทำกับกองภูเขาเหล่านี้ไม่ใช่ ‘กิน’ แต่เป็น ‘ปีน’ 

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : The Beat Asia

เชื่อกันว่าธรรมเนียมนี้มีที่มาจากถิ่นฮกเกี้ยนและแต้จิ๋ว บรรพบุรุษของชาวเกาะเฉิ่งเจ๊าบางตระกูล ซึ่งในภูมิลำเนาเดิมของพวกเขามีประเพณีการแย่งชิงอาหารเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นกับตัวผู้ฉกฉวยของไหว้เหล่านั้นมาได้

ผู้เข้าแข่งขันในเกมวัดใจนี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายแข็งแรงปราดเปรียว มีผู้หญิงเข้าร่วมเป็นส่วนน้อย แต่ละคนจะติดหมายเลขประจำตัวไว้ที่หลัง ผูกถุงผ้าไว้ที่เอว สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือแข่งกันปีนกองภูเขาซาลาเปาขึ้นไปให้ไวที่สุด พร้อมทั้งเก็บซาลาเปาใส่ถุงส่วนตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีถ้วยและคำประกาศเกียรติคุณเป็นรางวัลเดิมพัน

อุบัติเหตุภูเขาซาลาเปาถล่มในปี 1978, Cheung Chau Bun Festival เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
อุบัติเหตุภูเขาซาลาเปาถล่มในปี 1978
ภาพ : South China Morning Post

สมัยก่อน ภูเขาที่สร้างจากโครงไม้ไผ่ทั้ง 3 เคยถูกใช้ปีนจริง และปฏิบัติสืบต่อกันมานานปี จนกระทั่งปี 1978 เกิดอุบัติเหตุภูเขาซาลาเปาโค่นล้มลง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 100 คน หลังจากนั้นการแข่งขันปีนภูเขาซาลาเปาจึงถูกสั่งห้ามไปนานกว่า 20 ปี ก่อนจะกลับมาแข่งใหม่อีกครั้งเมื่อคนบนเกาะเรียกร้องให้กลับมาจัดใหม่ โดยเทศบาลเกาะเฉิ่งเจ๊าเป็นผู้จัดสร้างภูเขาซาลาเปาโครงเหล็กที่ทนทานมากขึ้น พร้อมทั้งจำกัดนักกีฬาให้เหลือเพียง 12 คนต่อการปีน 1 ครั้ง

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : Info.gov.hk

แต่ละปีประเมินกันว่ามีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศแห่มาร่วมเทศกาลภูเขาซาลาเปามากกว่า 40,000 คน ร้านขายซาลาเปาเจ้าดังได้รับออร์เดอร์สินค้ามากกว่า 10,000 ลูก สร้างเงินสะพัดและรายได้มหาศาลแก่ชาวเกาะเฉิ่งเจ๊าอย่างที่ไม่มีเทศกาลอื่นใดเทียมเท่า

Cheung Chau Bun Festival เทศกาลเฉพาะถิ่นของเกาะเฉิ่งเจ๊า ที่นำพาคนเป็นหมื่นมาเยือนทุกปีเพราะมีพาเหรดเด็กลอยได้-กีฬาแข่งปีนภูเขาซาลาเปา
ภาพ : Explore Parts Unknown

หลังจากการแข่งปีนภูเขาซาลาเปาเสร็จสิ้นลง กิจกรรมที่เหลือมีเพียงการไหว้เจ้า เผากระดาษ เทวรูปเหล่าเทพเจ้าที่แห่ออกมาจากศาลเจ้าจะได้รับการอัญเชิญกลับไปประดิษฐานในศาลเจ้าดังเดิม ส่วนซาลาเปาบนภูเขาจำลองจะถูกปลดลงมาแจกจ่ายแก่ชาวชุมชนโดยทั่วกัน

ล่วงเลยจากวันที่ 4 ของเทศกาลนี้ไป ก็ถึงเวลาที่เกาะเฉิ่งเจ๊าซึ่งคึกคักตลอด 4 วันที่ผ่านมา จะคืนสู่ความสงบเสงี่ยมในอ้อมกอดของคลื่นลมอีกครั้ง รอให้เดือน 4 ของปีหน้ามาถึง ภูเขาซาลาเปากองยักษ์จึงจะนำพาผู้คนเรือนหมื่นหวนกลับมา

ข้อมูลอ้างอิง
  • www.cheung-chau.com/bun-festival
  • explorepartsunknown.com/hong-kong
  • thebeat.asia/hong-kong/nomads/explore
  • www.hongkongfoodietours.com/cheung-chau-bun-festival
  • hongkongcheapo.com/events/cheung-chau-bun-festival
  • www.lcsd.gov.hk/en/bun/index.html
  • https://thehkhub.com/cheung-chau-bun-festival/

Writer

พัทธดนย์ กิจชัยนุกูล

พัทธดนย์ กิจชัยนุกูล

ชอบอ่านเขียนตั้งแต่จำความได้ สนใจวิชาสังคมศึกษาตั้งแต่จบอนุบาล ใฝ่รู้ประวัติศาสตร์ตั้งแต่อยู่ประถม หัดแต่งนวนิยายตั้งแต่เรียนมัธยม เขียนงานสารพัดด้วยนามปากกา “แพทริก เหล่า” ตั้งแต่เข้ามหา’ลัย