ในวันที่คุณอายุครบ 60 ปี คุณจะเลือกฉลองแซยิดด้วยอะไร
วันที่ 5 กรกฎาคมปีนี้ เป็นวันที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ทั้งนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันลงมติเป็นเอกฉันท์ร่วมกันแล้วว่า เราจะฉลองวาระสำคัญนี้ด้วยการแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นว่า จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของบุคคลเพียงหนึ่งเดียวขยับขยายไปสู่พลังของคนจำนวนมากที่พร้อมจะทุ่มเททั้งพลังกาย พลังใจ และพลังความคิด เพื่อช่วยให้สังคมไทยรู้จัก เข้าใจ และร่วมกันลดความเสี่ยงของการเกิดโรคพาร์กินสันให้มากที่สุด
“พาร์กินสันเป็นโรคที่ใคร ๆ ก็บอกว่ารู้จัก แต่ไม่แน่ใจว่ามากน้อยแค่ไหน คนส่วนมากมักคิดว่าโรคนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนแก่ และมีเพียงอาการสั่นเท่านั้น แต่องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า พาร์กินสันกำลังเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับคนอายุน้อยลงเรื่อย ๆ เพียงแค่ 40 ปีก็เป็นได้แล้ว และยังมีอาการอื่น ๆ ที่รุนแรงมากกว่าสั่น” ผศ.ดร.ม.ล.วิฏราธร จิรประวัติ หรือ ครูกี้ ของชาวนิเทศฯ จุฬาฯ เอ่ย ครูกี้เองก็เป็นนิสิตเก่ารุ่น 18

“เมื่อ พ.ศ. 2560 ครูได้รับการติดต่อจาก คุณรัชนีวรรณ เปล่งศรี ประธานชมรมเพื่อนพาร์กินสัน ในขณะนั้นผ่านทางรุ่นน้องคนหนึ่งว่าชมรมฯ ต้องการรณรงค์ให้คนในสังคมไทยมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพาร์กินสันมากขึ้น เราได้รับความกรุณาจาก ศ.นพ.รุ่งโรจน์ พิทยศิริ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาเป็นผู้ให้ความรู้และช่วยสร้างความกระจ่างเกี่ยวกับโรคนี้ เพื่อให้ทีมงานนำข้อมูลไปพัฒนาเป็นแคมเปญการสื่อสารสร้างการรับรู้ต่อไป”
ล่าสุดเมื่อ พ.ศ. 2567 ทีมงานชาวนิเทศฯ จุฬาฯ ของครูกี้ก็ได้รับการติดต่อจากทางชมรมฯ และคุณหมออีกครั้ง เพื่อให้เข้าไปสร้างการรับรู้ให้กับ ‘แอปพลิเคชัน Check PD’ ซึ่งเป็นแอปฯ ที่จะตรวจหาความเสี่ยงของโรคพาร์กินสัน และเมื่อทีมงานได้ไปลองใช้แอปฯ ก็เกิดไอเดียอยากจะช่วยพัฒนาให้ใช้งานง่ายและน่าใช้ยิ่งขึ้น แล้วยังต่อยอดด้วยการสร้างสรรค์แคมเปญการสื่อสารเพื่อชักชวนให้คนมาโหลดกันเยอะ ๆ แล้วนำไปลองตรวจสอบหาสัญญาณโรคพาร์กินสันด้วยตนเอง ในกรณีที่พบว่าอยู่ในภาวะเสี่ยง ก็จะได้เข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่อาการจะลุกลามและรุนแรงมากขึ้น
ใครต่อใครหลายคนพากันเปรียบเปรยชาวนิเทศศาสตร์ว่าเป็นเหมือนเป็ดที่อาจจะฝึกฝนทักษะต่าง ๆ มามากมาย แต่จะใช้ทักษะเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์อย่างจริงจังมากน้อยขนาดไหน
ในเมื่อหมอคือ ‘ผู้รักษาโรค’ เป็ดนิเทศฯ อย่างพวกเราก็พร้อมจะใช้ทักษะการสื่อสารในทุก ๆ ด้าน เพื่อ ‘รักษาความไม่รู้’ และเราจะลงมือทำไปด้วยกันพร้อม ๆ กับคุณหมออย่างสุดความสามารถ
สายใยนิเทศฯ สายใยสังคม สู่ ‘กฐินพาร์กินสัน’
“ตอนครูเป็นนายกสมาคมนิสิตเก่าฯ พวกเรามีแนวคิดว่า นิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันมีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเชื่อมโยงทุก ๆ คนเข้าหากันได้ ก็จะเกิดพลังมหาศาลที่พร้อมจะสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม”
ในที่สุดโอกาสนั้นก็มาถึงพร้อม ๆ กับโจทย์ที่ได้รับจากประธานชมรมเพื่อนพาร์กินสัน
“อย่างแรกเลย งานนี้ไม่มีงบประมาณสำหรับการผลิตวิดีโอคลิปหรือผลิตชิ้นงานโฆษณาใด ๆ เลย จะจ้างดาราหรือพรีเซนเตอร์ก็ไม่มี งบประมาณลงสื่อทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ก็ไม่มี ทุกอย่างมาจากความสามารถส่วนบุคคลและจิตศรัทธาล้วน ๆ โครงการพาร์กินสันก็เลยมีชื่อเล่นว่า ‘กฐินพาร์กินสัน’ และครูคิดว่าคำนี้ช่วยอธิบายให้เห็นภาพได้ชัดเจนที่สุด” ครูกี้ให้สัมภาษณ์พร้อมรอยยิ้ม ส่วนลูกศิษย์ที่ร่วมวงสนทนาก็พากันฮากันครืน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผู้ที่ได้รับ ‘ซองกฐิน’ จากครูกี้

“ครูเป็นครูมากว่า 20 ปี ลูกศิษย์ทุกคนผ่านมือครูหมด ครูรู้ดีว่าใครเก่งเรื่องอะไร จะช่วยครูเรื่องไหน สำหรับโครงการพาร์กินสัน เรามีทั้งแคมเปญแรกที่สร้างการรับรู้ และแคมเปญ 2 ที่ปรับโฉมแอปพลิเคชัน พร้อมชวนให้คนมาโหลดแอปฯ ครูคิดว่าครูแจกซองกฐินพาร์กินสันโดยการชวนนักเรียนมาทำงานด้วยกันไม่ต่ำกว่า 30 คน”
แคมเปญแรก
สร้างการรับรู้
“กฐินซองแรกมาที่บี๋ค่ะ” บี๋-ปรารถนา จริยวิลาศกุล นิเทศศาสตร์ รุ่น 26 ชูมือขึ้นรัว ๆ
หน้าที่ของบี๋คือตีโจทย์ให้แตก เพื่อส่งต่อบรีฟที่ดีที่สุดให้ทีมครีเอทีฟและผู้กำกับนำไปผลิตวิดีโอคลิปและงานสร้างสรรค์อื่น ๆ ซึ่งประเด็นสำคัญที่เธอต้องเร่งจัดการคือการปกป้องผู้ป่วยพาร์กินสันจากความเข้าใจผิด โดยบี๋ได้สรุปกับคุณหมอเพื่อกลั่นเป็นประเด็นการสื่อสารที่กระชับและตรงประเด็นว่า อาการของผู้ป่วยพาร์กินสันสังเกตได้จาก 3 ประการ นั่นคือ ‘3S’ ได้แก่ Shake (สั่น) Slow (ช้า) และ Stiff (แข็งเกร็ง)

“อาการเหล่านี้อาจสร้างความรำคาญกับคนทั่ว ๆ ไป และอาจทำให้กลายเป็นคนใจร้ายโดยไม่ตั้งใจ เพราะไปปฏิบัติตัวไม่ดีกับผู้ป่วยพาร์กินสัน คุณหมอเล่าให้ฟังว่าผู้ป่วยหลายคนเลือกที่จะเก็บตัวอยู่กับบ้าน ไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตตามปกติในสังคมก็ด้วยเหตุนี้ และเรายังต้องการบอกสังคมให้ตระหนักว่าคนเป็นพาร์กินสันมีเยอะ มีโอกาสพบได้ทั่วไป หรือแม้แต่คนใกล้ตัวคุณก็อาจเป็นโรคนี้อยู่ก็ได้”

จากนั้น หม่าม-โรจน์ จารุสาร รุ่น 32 ครีเอทีฟ และ เอส-คมกฤษ ตรีวิมล รุ่น 29 ผู้กำกับ รับไม้ต่อจากบี๋โดยร่วมกันสร้างสรรค์ออกมาเป็นคลิปความยาว 90 วินาที ชื่อว่า เข้าใจพาร์กินสัน ใช้ผู้แสดงที่เป็นผู้ป่วยจริงเพื่อถ่ายทอดภาพจริงที่เกิดขึ้นกับพวกเขาโดยได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย ทั้งนี้เพราะทุกคนเชื่อว่าการนำเสนอความจริงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“โลกของคนที่มีอาการพาร์กินสัน ก็คือโลกใบเดียวกับคนทั่วไป ถ้าเราอยู่กันด้วยความเข้าใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”…
Posted by Parkinson Chula Fanpage on Wednesday 28 March 2018
นอกจากคลิปวิดี โอตัวหลักแล้วทีมงานได้จัดทำวิดีโอเบื้องหลังความยาว 6 นาทีเพิ่มเติมให้อีก โดยมี ไก่-ณฐพล บุญประกอบ รุ่น 41 เป็นผู้กำกับ และมี แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ รุ่น 34 ร่วมถ่ายทอดเรื่องราว
การเป็นนักแสดงจำเป็นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งทางจิตใจและ “ร่างกาย” มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนธรรมดา…
Posted by Parkinson Chula Fanpage on Tuesday 3 April 2018
เมื่อได้งานครีเอทีฟหลักของแคมเปญมาแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการ ‘ตีฟู’ เพื่อขยายการรับรู้ออกไปให้กว้างที่สุด งานนี้ อิม-จินตกาญ ศรีชลวัฒนา รุ่น 33 ช่วยสรุปให้เห็นภาพว่า
“การสื่อสารทุกวันนี้มีหลายรูปแบบ วิดีโอคลิปอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เราต้อง ‘โกย’ วัตถุดิบต่าง ๆ มาใช้ให้เหมาะสม ทั้งถ่ายคลิปเต็ม ตัดคลิปสั้น ทำเบื้องหลังกึ่งสารคดี ทำ Short Film ทำ Meme ทำภาพนิ่ง เพื่อใช้ให้ครบวงจรทั้งสื่อออนไลน์ ออฟไลน์ และสื่อในระบบการขนส่งสาธารณะ”

“เราเปิดแคมเปญด้วยภาพสั่นค่ะ เหมือนกับว่าถ้าคนเป็นพาร์กินสันแล้วจะถ่ายรูปออกมาอย่างไร ภาพสั่นเหล่านี้ช่วยหยุดคนให้สนใจ ตอนนั้นครูกี้ติดต่อ พี่ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ รุ่น 29 แห่ง TADA Entertainment และ พี่ต๊ะ รุ่น 18 จาก Exact เพื่อขอให้ดาราทั้งหมดช่วยกันลงภาพสั่นพร้อมกันในอินสตาแกรมตอน 6 โมงเย็นในวันแรกที่เราเผยแพร่คลิป โดยติด #เข้าใจพาร์กินสัน และ #อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข”
“สำหรับสื่ออื่น ๆ เราขอความกรุณาจาก บริษัท ออมนิคอม มีเดีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด หรือ OMG ให้ช่วยปล่อยคลิปลงสื่อที่มีอยู่ในมือ รวมทั้งจัดแถลงข่าวและทำประชาสัมพันธ์ให้ด้วย รวมทั้งขอความร่วมมือจากพันธมิตรสื่อ อาทิ True Vision, Thai PBS, กันตนา, VGI, Q-Ads, Plan B ให้ร่วมรณรงค์ไปด้วยกันกับเรา ซึ่งก็ได้รับความกรุณาจากทุกที่ ทั้งหมดนี้ขอย้ำว่าไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มาจากการติดต่อขอความร่วมมือล้วน ๆ” อิมกับครูกี้ช่วยกันเล่าด้วยความซาบซึ้งใจ
สำหรับผลของแคมเปญในเชิงสถิตินั้นเป็นไปได้เกินคาดหวัง แต่ผลตอบรับที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นสุขมากที่สุด คือข้อความที่ครูกี้ได้รับจากประธานชมรมเพื่อนพาร์กินสันที่ส่งมาหาครูโดยตรง เพื่อถ่ายทอดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคพาร์กินสันรายหนึ่ง ความว่า
ตามปกติพี่จะไปซอยผมร้านผู้ชายที่มีช่างส่วนมากเป็นเด็กวัยรุ่น เมื่อก่อนช่างที่เป็นวัยรุ่นจะมองพี่ สายตาของพวกเขาจะรำคาญพี่นิด ๆ แต่เมื่อวันจันทร์ พี่ตัดสินใจไปตัดผมร้านเก่า ปรากฏว่าคราวนี้เข้าไปในร้าน เจอพวกช่างวัยรุ่น สายตาที่เขามองพี่เปลี่ยนไป เป็นสายตาที่มีความเห็นอกเห็นใจ สายตาของพวกเขาอ่อนโยนลงมากเลย จนทำให้พี่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แม่ค้าที่ขายน้ำหน้าร้านถามว่าพี่เป็นโรคพาร์กินสันใช่ไหม พี่ตอบว่าใช่ เขาก็ยิ้ม ๆ พี่เองก็ยิ้ม ๆ
#เข้าใจพาร์กินสัน และ #อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ได้เป็นเพียงแฮชแท็กอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นความจริงแล้ว
แคมเปญ 2
มาโหลดแอปฯ Check PD กัน
“ผ่านมาประมาณ 6 ปี จากแคมเปญแรก ช่วงเดือนเมษายนปีก่อน ก็ได้รับโทรศัพท์จากชมรมเพื่อนพาร์กินสันอีกครั้ง บอกว่าโรงพยาบาลจุฬาฯ อยากทำงานเชิงรุก คราวก่อนสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคพาร์กินสันแต่คราวนี้อยากเชิญชวนให้มาร่วมป้องกัน ด้วยแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อให้ตรวจสอบความเสี่ยงได้ด้วยตัวเอง ประโยคที่ว่า สายใยนิเทศฯ สายใยสังคม ซึ่งเรายึดมั่นเสมอ ทำให้พี่ตอบรับงานนี้ทันที” เกียรติ-วีระเกียรติ เอื้อประเสริฐวณิช รุ่น 24 นายกสมาคมนิสิตเก่านิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เล่าให้ฟัง
“และกฐินซองแรกก็มาที่บี๋เช่นกันค่ะ” ว่าแล้วบี๋ก็ชูมือขึ้นอีกครั้ง ทุกคนฮาครืน
“คือเรื่องกลยุทธ์มันเป็นใครไปไม่ได้เลย ต้องบี๋เท่านั้น พี่เลยชวนบี๋ไปรับบรีฟด้วยกันตั้งแต่วันแรก และที่น่าตื่นเต้นก็คือคุณหมอบอกว่าโรคพาร์กินสันมีวิธีป้องกันได้ถ้ารู้ตัวเร็ว” เกียรติเล่าต่อ

“บี๋ขอเรียกว่าโจทย์ครั้งนี้เป็นบรีฟทองคำค่ะ คือมีค่ามาก ๆ เรากำลังจะช่วยลดจำนวนคนเป็นพาร์กินสันในสังคมไทย แน่นอนว่าการทำงานระดับนี้ต้องมีครูกี้มาช่วย” คราวนี้บี๋แบ่งซองกฐินพาร์กินสันกลับไปทางครูกี้บ้าง
แต่ก่อนจะทำการสื่อสาร ทีมงานต้องมั่นใจก่อนว่าแอปพลิเคชันพร้อมจะใช้งานหรือยัง เมื่อทีมครูกี้เข้าไปทดลอง ก็พบว่ายังปรับให้ประชาชนทั่วไปใช้งานได้ง่ายมากขึ้น หากพัฒนาเรื่อง User Experience (UX) และ User Interface (UI)
“ครูชวนแซนด์มาช่วยเรื่องประสบการณ์ในการใช้แอปพลิเคชัน” ครูกี้เกริ่นก่อนส่งต่อให้ แซนด์-ธรรมรงค์ เสริมฤทธิรงค์ รุ่น 47 เล่าต่อ
“ผมไปลองเล่นแอปพลิเคชัน Check PD กับครู ซึ่งมีขั้นตอนทดสอบต่าง ๆ หลายขั้น เช่น ให้ลองเดินไปมาเพื่อทดสอบการทรงตัว และมีชุดคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมและการรับรู้ต่าง ๆ คล้าย ๆ การเล่นเกม แต่ความที่เราเรียนทางการสื่อสารมา ก็พบว่ายังพัฒนาให้แอปพลิเคชันนี้ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นไปอีกได้ ซึ่งต้องอาศัยการจัดการเรื่อง UX และ UI”

“ครูเลยเรียกเกตน์มาช่วย ตอนแรกจะให้เกตน์ช่วยเรื่องงานกราฟิกดีไซน์ต่าง ๆ เพราะเกตน์เป็นนักเรียนที่เก่งเรื่องออกแบบ แต่พอโจทย์เปลี่ยนมาเป็นเรื่องการพัฒนา UX กับ UI แล้วครูมารู้จากเกตน์ในตอนหลังว่า เกตน์ผันตัวมาจัดการเรื่อง UX กับ UI ให้กับแอปฯ ต่าง ๆ มากมาย ครูรู้สึกว่าโชคดีมาก ๆ ที่ได้มืออาชีพมาช่วยโดยไม่ตั้งใจ” ครูกี้เล่าอย่างดีใจ
“กลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการให้โหลดแอปฯ คือคนอายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มมีความเสี่ยงต่อพาร์กินสัน การใช้งานจึงต้องง่ายมาก ๆ งานที่เกตน์ทำมี 2 ส่วน คือทำ User Journey ให้ผู้ใช้แอปฯ มี UX หรือประสบการณ์การใช้แอปฯ ให้ง่ายที่สุด เราต้องวางระบบเรื่องขั้นตอนว่าจะให้เขาทำอะไรก่อนหลัง และทำ UI ออกแบบหน้าตาแอปฯ ให้น่าใช้มากที่สุด ไม่ว่าจะเลือกฟอนต์ที่ทุกคนอ่านออกได้ง่าย สีเห็นชัดเจน ขนาดปุ่มที่ใหญ่เพียงพอ กดง่าย มีเสียงอ่านให้ฟังในกรณีที่อ่านไม่ถนัด มีการเว้นที่ว่างบ้าง เพื่อช่วยให้การนำเสนอข้อมูลชัดเจนและง่าย”


“กระบวนการทดสอบผ่านแอปฯ ตัวนี้ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เราจะทำอย่างไรที่จะดึงให้เขาอยู่ตลอดการทดสอบตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อจะทราบผลได้ว่ามีความเสียงต่อโรคพาร์กินสันหรือไม่” เกตน์-เกตน์วิศุทธิ์ สุขพิศาล รุ่น 42 สรุปให้ฟัง

การพัฒนา UX และ UI ทำขนานไปกับการทดลองกับผู้ใช้จริง ค่อย ๆ ปรับปรุงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับการออกแบบโลโก้ให้กับแอปพลิเคชัน Check PD
“ชื่อแอปพลิเคชัน Check PD นั้น มีการออกแบบให้ดูง่ายและเป็นมิตร มีลายเส้นสั่น ๆ เพื่อสื่อถึงพาร์กินสัน” เกตน์เล่าต่อ

ดูเหมือนว่ากระบวนการต่าง ๆ ฟังยุ่งยากซับซ้อน แต่ความเป็นจริงแล้วเธอใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง 10 วันเท่านั้น เรียกว่าใส่เกียร์ลุยจนได้แอปพลิเคชันที่มั่นใจแล้วว่าจะตอบโจทย์ทุกข้อ
เมื่อแอปพลิเคชันพร้อม คราวนี้ก็กลับมาที่เรื่องของกลยุทธ์การสื่อสารอีกครั้ง
“ช่วงที่เราทำแอปฯ เสร็จ และพร้อมจะเชิญชวนคนให้โหลดนั้น เป็นช่วงที่มิจฉาชีพออนไลน์กำลังระบาดหนักมาก โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้คนไว้ใจจนยอมโหลด และบี๋ก็ชวนหลินมาร่วมด้วย” บี๋อธิบายถึงสถานการณ์โจรออนไลน์ระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น พร้อมเปิดตัวผู้ช่วยคนสำคัญ นั่นคือ หลิน-ภรภัทร ศิลปการธนกิจ รุ่น 42

“เรื่องความมั่นใจว่าสื่อสารไปแล้วแอปฯ นี้ต้องไว้ใจได้ ดูไม่เป็นมิจฉาชีพ เป็นโจทย์สำคัญที่มาถึงทีมจังก้าค่ะ จังก้าเป็นบริษัทที่ทำหนังและซีรีส์ที่ก่อตั้งโดยพี่ ๆ นิเทศฯ จุฬาฯ และกฐินพาร์กินสันก็มาถึงเราตั้งแต่หนังเรื่องแรกแล้วค่ะ”
“พอมาครั้งนี้เราคิดวิธีแก้ปัญหาโดยการใช้พรีเซนเตอร์ระดับดาราที่คนรู้จักและคุ้นเคยเพื่อสร้างความมั่นใจ เท่านั้นยังไม่พอ เรื่องสำคัญอีกอย่างคือเราต้องทำให้คนอยากโหลด ไม่รู้สึกว่ายุ่งยากและวุ่นวายเกินไป ทีมงานเลือกทำเป็นเพลงแรป (Rap) ประกอบท่าเต้นสนุก ๆ ย้ำชื่อแอปฯ Check PD หลาย ๆ ครั้งให้คนจำได้ ซึ่งการแต่งเพลง ออกแบบท่าเต้น และเสียงร้องแรปนั้นก็เป็นผลงานของพี่ ๆ น้อง ๆ นิเทศฯ และเพื่อน ๆ ร่วมซองกฐินกับพวกเราค่ะ” หลินเล่าอย่างสนุกสนานไปพร้อมกับบี๋

“น้ำตาล รุ่น 35 มาเป็นครีเอทีฟ ช่วยคิดงานร่วมกับจังก้าที่นำโดย ปูนเล็ก รุ่น 34 และ เอส รุ่น 29 ผู้กำกับคนเก่งที่ขนทีมจังก้ามาทั้งบริษัท ทั้งผลิตและกำกับ และเราได้ JustUp ของ จัสติน รุ่น 45 และ อัพ-ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง รุ่น 49 มาช่วยแสดง และคิดท่าเต้นโดย เฟิส รุ่น 45 และยังเสริมทีมด้วยรุ่นใหม่ฝีมือดี นำโดย DOP คือ ธีร์ รุ่น 55 เราผลิตทั้งหนังโฆษณา ทำ Key Visual ทำคลิปอธิบายวิธีการใช้งาน (Tutorial Clip) รวมทั้งสปอตวิทยุด้วยค่ะ ทั้งหมดทำกันเอง โดยคนกันเองทั้งนั้นเลยค่ะ” บี๋เสริมให้เห็นภาพกฐินมากขึ้นไปอีก
“อย่างแรปนี่อัพขอลงเสียงเอง และได้ จั้ม รุ่น 46 มาช่วยอัดกันทีละประโยคเลยค่ะ ตั้งใจกันมาก ๆ ในวันถ่ายทำ เราชวนรุ่นพี่รุ่นน้องให้มาร่วมด้วยช่วยเต้นกันในฉาก ชวนทีมคุณหมอจากโรงพยาบาลจุฬาฯ มาเต้นด้วย มาฝึกกันวันนั้นแล้วก็ถ่ายทำกันเลย โลเคชันก็ได้รับอนุเคราะห์จากรุ่นพี่รุ่นน้องเช่นกัน”
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย วิดีโอคลิปนี้ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนมกราคม โดยมีพรีเซนเตอร์ดาราติดเรต ‘อา’ มาร่วมแจม
พรีเซนเตอร์ติดเรต ‘อา’
“มันจะเป็นใครไปไม่ได้หรอกค่ะ มันต้องดาราติดเรตอย่างอาเท่านั้นค่ะ” อาตุ่ย หรือ ตุ๊ยตุ่ย-พุทธชาติ พงศ์สุชาติ รุ่น 30 กล่าวอย่างมั่นใจ โดยพี่ ๆ น้อง ๆ นิเทศฯ พยักหน้าสนับสนุนกันเต็มที่
“กลุ่มเป้าหมายคือคนอายุ 40 ปีขึ้นไปนี่คะ มันก็ต้องเป็นอาเท่านั้นแหละค่า” หลินแซวรุ่นพี่ด้วยความรัก
อาตุ่ยเป็นอีกคนที่ได้รับการเชิญชวนแบบไม่รู้ตัวว่าต้องมาทำอะไร แต่พอคนชวนเป็นพี่ ๆ น้อง ๆ นิเทศฯ เธอบอกว่า “รับหมดค่ะ ไม่ว่าจะอีเหละเขละขละกะโหลกกะลาบ้าบออะไรก็จะมา” ตอนนั้นเธอเองก็ยังไม่รู้ว่ามีเวลาว่างด้วยหรือเปล่า
“แต่พอรู้ว่าเรากำลังช่วยให้คนมีโอกาสเป็นพาร์กินสันลดลง เราจะทำให้หมอจะเหนื่อยน้อยลง เราจะทำให้คนป่วยน้อยลง สิ่งนั้นทำให้อาปลาบปลื้มใจมาก ๆ” คำตอบสั้น ๆ แต่จริงใจของอาตุ่ยทำให้ผู้ฟังน้ำตาซึม

“ที่สำคัญ คราวนี้อาเป็นพรีเซนเตอร์หลักนะยะ แอฟ ทักษอร น่ะถอยไป เพราะเธอเป็นฝา เอามาแปะแค่ตอนปิดท้ายคลิปเท่านั้นย่ะ แล้วตอนที่พี่เอส ผู้กำกับบอกว่า ถ้าอาตุ่ยไม่สะดวก อาจต้องหาคนอื่นแทน อาตอบไลน์ไปเลยว่า ‘สะดวก’ (เสียงเข้ม) ตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่ให้อามาช่วยนะ อาจะไปกรี๊ด เข้าใจไหมว่าอาจะไปกรี๊ด” ประโยคต่อมาของเธอเรียกเสียงหัวเราะจากพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวนิเทศฯ ทุกคน ราวกับได้กลับไปเฮฮาอยู่ใต้ถุนคณะอีกครั้ง อาตุ่ยเองก็ได้ทีแซวรุ่นน้องสุดซี้อย่างแอฟด้วยความรัก
นอกจากคลิปโปรโมตหลักแล้ว ยังมีคลิปอธิบายวิธีการใช้งานเพื่อทำให้คนเห็นภาพและเข้าใจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งงานสร้างสรรค์ต่าง ๆ สำหรับสื่ออื่น ๆ ครบทุกมิติ
“ทั้งหมดเป็นงานฟรีที่ทุกคนแย่งกันทำ ต่อให้วุ่นแสนวุ่นขนาดไหนพอบอกว่าจะมาแล้วก็ต้องมาให้ได้ เพราะเรารู้ดีว่าเรากำลังทำอะไรและทำเพื่อใคร” นี่คือบทสรุปจากทุกคน

เมื่อพร้อมแล้วก็ลุย
“แคมเปญนี้แตกต่างจากแคมเปญแรก เพราะมีขั้นตอนเยอะกว่า ไม่ได้เพียงแค่สร้างการรับรู้ แต่เราต้องการให้คนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด ตั้งแต่ไว้ใจและยอมโหลดแอปฯ ทดลองทำแบบทดสอบตามขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรนอกจากนั้นเราต้องตามไปวิเคราะห์ว่าผู้ใช้ลองใช้แอปฯ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ติดขัดปัญหาตรงไหน ยังมีอะไรที่ต้องนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกหรือไม่ เพื่อพัฒนา UX และ UI ของแอปฯ ให้ดีขึ้น” อิมเล่าให้ฟัง
เมื่อกระบวนการซับซ้อนมากกว่าแคมเปญแรก การสื่อสารจึงต้องวางแผนอย่างรัดกุม เป็นขั้นเป็นตอนเช่นกัน
“เรามีวิดีโอคลิปเปิดแคมเปญ มีวิดีโอคลิปแนะนำวิธีใช้แอปฯ มีกระบวนการประชาสัมพันธ์โดยการให้ข่าวสาร ตั้งแต่การแถลงข่าว พาคุณหมอพบสื่อมวลชน จัดทำบทความเพื่อให้ความรู้เผยแพร่ในช่องทางสื่อต่าง ๆ ซึ่งก็ได้ครูกี้ช่วยชักชวนรุ่นพี่รุ่นน้องต่าง ๆ มาร่วมกันในครั้งนี้ เช่น พี่จู-วราภรณ์ กุลสวัสดิ์ภักดี รุ่น 14 CEO แห่ง Integrated Communication ก็มาช่วยเรื่องประชาสัมพันธ์ ออม-เกศคณี สุยะนันทน์ รุ่น 33 เพื่อนรุ่นเดียวกับอิมก็มาจัดงานแถลงข่าวให้หลาย ๆ สื่อช่วยกันเผยแพร่คลิป ทางช่อง 7 HD ยังให้นักแสดงในสังกัดมาพูดชักชวนให้คนโหลดแอปฯ กันเยอะ ๆ ขอบคุณทุกสื่อเลยค่ะ”


“นอกจากนี้แอปพลิเคชัน Check PD ยังจะช่วยให้ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ได้ลองนำไปใช้กับประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดห่างไกล เพื่อทำให้คนในพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงการตรวจความเสี่ยงโรคพาร์กินสัน” อิมเล่าถึงขอบข่ายการทำงานที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงได้รับความร่วมมือจากพี่ ๆ น้อง ๆ นิเทศศาสตร์เป็นอย่างดี
แล้วมีใครรับหน้าที่ประสานงานที่ดูเหมือนจะวุ่นวายอยู่ไม่ใช่น้อยเช่นนี้
“มดเองค่ะ” มด-วิรินยา ปึงศิริเจริญ รุ่น 37 ยกมือ
“มดมีหน้าที่จับเป็ดใส่เล้า คือประสานงานสิบทิศให้ทุกคนทำงานร่วมกันให้ราบรื่นที่สุด พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนก็คิวทองกันทั้งนั้น (หัวเราะ) แต่ก็พยายามหาวันเวลามาประชุมร่วมกัน เพื่อให้งานเดินต่อไปตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ มีหลายครั้งที่ต้องประชุมออนไลน์จากที่ไกล ๆ ในเวลาดึก ๆ ดื่น ๆ แต่ทุกคนก็สละเวลามาทำร่วมกัน”

ในวันนี้โครงการพาร์กินสันยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับทีมงานยังคงติดตามประเมินผลการใช้งานแอปพลิเคชัน Check PD จากทีมแพทย์และอาสาสมัครชมรมเพื่อนพาร์กินสันอยู่เสมอ ด้วยความหวังว่าจะเป็นทางออกในการลดความเสี่ยงของโรคร้ายโรคนี้ให้ลดลงได้ในสังคมไทย
“แม้วันนี้เราอาจยังสรุปไม่ได้ครบทุกทางว่าผลของมันเป็นอย่างไร แต่พวกเราก็ใจฟูกันไปแล้ว” อิมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ครูเกษียณแล้ว เห็นนักเรียนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานครูก็ดีใจ และดีใจขึ้นไปอีกที่สายสัมพันธ์ระหว่างครูนักเรียนยังไม่จบ สายใยนี้ยังสืบสานมาจนทุกวันนี้ ครูเกษียณกับนักเรียนที่จบไปแล้วได้มาทำสิ่งดี ๆ ร่วมกัน คือความสุขที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม” ครูกี้กล่าวปิดท้าย
เชื่อว่าสังคมนี้จะมีจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคพาร์กินสันลดลงไปเรื่อย ๆ ด้วยแอปพลิเคชัน Check PD ที่สำคัญก็คือ เรากำลังจะช่วยกันสร้างสังคมที่น่าอยู่มากขึ้นสำหรับ ‘ทุกคน’ อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่กีดกันให้บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งต้องแอบซ่อนอยู่มุมมืดเพียงลำพังอีกต่อไป

ข้อมูลล่าสุด
ก่อนจบบทความนี้ ผมขอรายงานผลสัมฤทธิ์เบื้องต้นของโครงการดังนี้ครับ
- อัตราความแม่นยำในการตรวจพบสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังเป็นโรคพาร์กินสัน โดยใช้แอปพลิเคชัน Check PD มีสูงถึง 93.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งใกล้เคียงกับการตรวจด้วยบุคคลากรทางการแพทย์ในสถานพยาบาล
- ยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Check PD มี 17,058 คน โดยมี 6,924 คน นำแอปพลิเคชันไปลองทดสอบหาสัญญาณโรคพาร์กินสันกับตนเอง โดยทำตามทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบครบทุกกระบวนการ