ช่วงนี้ตลาดต้นไม้ทั้งหลายดูจะคึกคักเป็นพิเศษ นั่นก็แปลว่ามีคนมากมายกำลังหาซื้อต้นไม้ไปปลูก สำหรับคนที่กำลังคิดว่าจะหาต้นไม้มาปลูกบ้าง แต่ไม่รู้ว่าควรไปซื้อที่ไหน เราขอแนะนำตลาดต้นไม้กลางเมืองอย่างตลาดต้นไม้ที่อยู่ในตลาดนัดจตุจักร ซึ่งอยู่กลางเมือง เดินทางง่าย และเปิดถึงดึกดื่น
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ตลาดต้นไม้ในย่านต่างๆ เช่น บางบัวทอง ร้านค้าส่วนใหญ่ไปรับจากผู้ผลิตมาขายอีกทอด แต่ที่จตุจักรร้านค้าส่วนใหญ่เป็นร้านที่ผู้ผลิตตัวจริงจากทั่วประเทศมาขายเอง บางรายก็เป็นผู้ผลิตที่ไม่มีหน้าร้าน ผลิตแล้วเอามาปล่อยที่จตุจักรเท่านั้น ที่นี่จึงเป็นตลาดต้นไม้ที่มีต้นไม้หลากหลายที่สุด และเต็มไปด้วยต้นไม้หายาก ทั้งไม้เพาะพันธุ์ใหม่และไม้พันธุ์เก่าที่ห่างหายไปจากวงการ
สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักตลาดต้นไม้แห่งนี้มาก่อน และคนที่เคยไปเดินมาบ้าง แต่งงว่าต้องไปเดินวันไหนและกี่โมงกันแน่ เพราะเปิดหลายวันทั้งกลางวันกลางคืน
เรามี 19 คำแนะนำในการเดินตลาดต้นไม้จตุจักรมาฝาก
แล้วคุณจะสนุกกับการเดินซื้อต้นไม้ในตลาดแห่งนี้
1. หัวค่ำวันอังคารคือเวลาทองของนักซื้อต้นไม้ทั่วไป
ประตูของตลาดต้นไม้เปิดให้พ่อค้าแม่ขายขนต้นไม้เข้ามาตั้งแต่เที่ยงวันอังคาร ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นร้านค้าทั้งหลายก็เริ่มลงของครบจัดร้านเสร็จ แล้วก็ขายไปเรื่อยๆ จนถึง 5 ทุ่ม ถ้าเป็นร้านของพ่อค้าแม่ค้าชาวกรุงเทพฯ คืนวันอังคารสักสองสามทุ่มก็จะปิดร้านกลับบ้าน แต่ถ้ามาจากต่างจังหวัด เขาก็จะกางมุ้งนอนกันที่แผง เลยเปิดขายถึง 5 ทุ่ม ส่วนวันพุธกับพฤหัสบดีก็เปิดขายตั้งแต่ 8 โมงถึง 5 โมงเย็น ช่วงเวลาทองของคนซื้อต้นไม้ทั่วไปก็คือช่วงหัวค่ำของคืนวันอังคาร เพราะมีต้นไม้ให้เลือกเต็มร้านและเดินดูต้นไม้ได้แบบไม่ร้อน
2. นักสะสมต้องไปตั้งแต่เย็นวันอังคาร
เนื่องจากผู้ผลิตต้นไม้แต่ละรายอาจจะมีต้นไม้ต้นเด็ดโดยเฉพาะพันธุ์หายากทั้งหลายมาขายแค่ไม่กี่ต้นเท่านั้น เหล่านักสะสมทั้งหลายจึงต้องแย่งชิงกันด้วยความเร็ว แต่ถ้าถามว่าต้องมากี่โมง อันนี้ตอบยาก เพราะแต่ละร้านมาถึงตลาดไม่พร้อมกัน เนื่องจากเขาเดินทางมาจากทั่วประเทศ ถ้ารักร้านไหนก็ต้องไปสืบเวลามาถึงของร้านนั้นๆ ไว้ จะได้เป็นลูกค้ารายแรกๆ ที่ได้เลือกต้นไม้ก่อน
3. ถ้าอยากซื้อไม้ใหญ่ในราคาเบาๆ ต้องไปเย็นวันพฤหัสบดี
อย่างที่บอกว่า ผู้ผลิตเขาขนต้นไม้มาขายจากทั่วประเทศ ถ้าขายไม่ได้ก็ต้องใส่รถขนกลับ ถ้าเป็นต้นไม้เล็กๆ การขนกลับไม่ใช่ปัญหาอะไร สัปดาห์หน้าก็ขนกลับมาขายใหม่ แต่ถ้าเป็นต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีต้นทุนในการขนย้ายสูง ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีก่อนเก็บของกลับบางร้านก็ตัดสินใจลดกระหน่ำ เอาค่าขนต้นไม้กลับมาเป็นส่วนลดให้ลูกค้า แต่ถึงช่วงนั้นจะมีโปรแรง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหลือต้นไม้สวยๆ ให้เรา เพราะต้นไม้ดีๆ มักจะถูกซื้อไปตั้งแต่วันอังคารและพุธแล้ว การจะได้ต้นไม้ดีในราคาประหยัดจึงต้องอาศัยจังหวะและโชคอยู่พอสมควร
4. ถ้าอยากเดินเลือกต้นไม้ไม่ควรไปวันพฤหัสบดี
จตุจักรเป็นตลาดที่พ่อค้าแม่ขายมาจากทั่วประเทศ ลูกค้าก็เช่นกัน เนื่องจากที่นี่มีต้นไม้หลากหลายครบทุกแนว จึงมีร้านต้นไม้ทั่วไทยเดินทางมาเหมาต้นไม้ในราคาขายส่งเพื่อเอากลับไปขายที่ร้านของตัวเอง และร้านต้นไม้ในจตุจักรหลายร้านก็มาออกร้านเพื่อขายส่งเป็นหลัก กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในวันพุธ ดังนั้น เมื่อเย็นวันพุธร้านค้าเหล่านี้จึงทยอยกลับ ทำให้วันพฤหัสบดีเหลือร้านขายต้นไม้ไม่ถึงครึ่ง และในบรรดาร้านที่ยังเปิดอยู่ ต้นไม้ก็ร่อยหรอไปเยอะ การเดินซื้อต้นไม้ในวันพฤหัสบดีจึงมีต้นไม้ให้เลือกค่อนข้างน้อย
5. ถ้ามา MRT ลงสถานีกำแพงเพชร
การเดินทางไปตลาดต้นไม้จตุจักรที่สะดวกที่สุดคือไปด้วยรถไฟฟ้า MRT ลงที่สถานีกำแพงเพชร (ไม่ใช่สถานีสวนจตุจักร) จะโผล่ขึ้นมากลางตลาดเลย ถ้ามา BTS ก็ลงสถานีหมอชิต แล้วเดินมาเข้าตลาดที่ประตู 2 หรือ 3
6. จอดรถที่อาคารมิกซ์ จตุจักร เดินใกล้สุด
อันที่จริงในตลาดนัดจตุจักรก็มีที่จอดรถเล็กน้อยบริเวณใกล้ๆ ประตู 1 แต่สำหรับคนที่ไม่อยากลุ้น อยากมีที่จอดแบบแน่ๆ แนะนำให้จอดในอาคารมิกซ์ จตุจักร เดินออกจากอาคารมาก็ถึงตลาดต้นไม้เลย
7. ทำความรู้จักโซนขายต้นไม้ไว้ก่อน
การเดินดูต้นไม้นั้นง่ายมาก เพราะเดินเป็นวงกลมบนถนนรอบตลาดนัดจตุจักร
ประตู 1 คือฝั่งถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้าม DD Mall
ประตู 2 คือฝั่งถนนกำแพงเพชร 3 ตรงข้ามสวนจตุจักร
ประตู 3 คือฝั่งถนนพหลโยธิน
ในตลาดต้นไม้แบ่งได้เป็น 4 โซนใหญ่ๆ โซนที่ 1 ขายอุปกรณ์แต่งสวน เริ่มตั้งแต่สถานี MRT ผ่านประตู 1 ยาวมาถึงประตู 2
โซนที่ 2 ขายต้นไม้ใหญ่ อยู่ระหว่างประตู 2 กับ ประตู 3
โซนที่ 3 ขายไม้ดอกไม้ประดับ แคคตัส ไม้อวบน้ำ อยู่ระหว่างประตู 3 กับสถานี MRT
และโซนที่ 4 ขายต้นไม้รูปทรงสวยงาม อยู่ตั้งแต่สถานี MRT ถึงประตู 1
8. ถ้ามีเวลา เดินดูสักรอบก่อนตัดสินใจซื้อ
ร้านขายต้นไม้ในจตุจักรมีหลายประเภท บางร้านปลูกเองแล้วขนมาขาย แต่บางร้านก็ใช้วิธีซื้อจากร้านที่ขายอยู่ในจตุจักร แล้วเอามาบวกราคาขายในร้านตัวเอง ซึ่งบางทีได้กำไรเท่าตัว เผลอๆ กำไรดีกว่าการปลูกเองด้วยซ้ำ นั่นก็หมายความว่า ต้นไม้ชนิดเดียวกันที่ผลิตจากฟาร์มเดียวกัน อาจวางขายในหลายร้านและมีราคาต่างกันมาก ดังนั้น ถ้ามีเวลา ลองเดินวนดูและเปรียบเทียบราคาก่อนสักรอบ แล้วค่อยตัดสินใจซื้อ จะได้ไม่ต้องมาเจ็บใจภายหลัง
9. เปรียบเทียบต้นไม้จากขนาดกระถาง
เวลาเราเปรียบเทียบราคาของสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต เราอาจเทียบราคากับปริมาณหรือน้ำหนัก แต่กับการซื้อต้นไม้ สิ่งที่เราใช้เป็นฐานในการเทียบคือขนาดของกระถางว่า ต้นไม้ต้นนั้นอยู่ในกระถางขนาดกี่นิ้ว ถ้าต้นไม้อยู่ในกระถางใหญ่กว่า หมายความว่ามันเป็นต้นที่ใหญ่กว่า ราคาย่อมแพงกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูทรงพุ่มประกอบด้วย เพราะบางทีกระถางขนาดเท่ากัน แต่ความสมบูรณ์ของต้นไม้ก็อาจไม่เท่ากัน
10. ถ้ากลัวสีต้นไม้เพี้ยนให้มาช่วงที่มีแสงธรรมชาติ
ตลาดต้นไม้ในช่วงคืนวันอังคารยุคนี้สว่างขึ้นเยอะมาก เมื่อเทียบกับยุคก่อนที่ต้องพกไฟฉายมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นคนที่อยากได้ต้นไม้ไปใช้งานแบบต้องมีสีสันไม่ผิดเพี้ยน ขอแนะนำว่าควรมาเดินดูในช่วงที่มีแสงธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเย็นวันอังคารหรือวันพุธ ไม่อย่างนั้นเราพอเราตื่นมาในเช้าวันพุธอาจงงว่าทำไมสีต้นไม้จริงมันไม่เหมือนที่เราเห็นที่ร้านเมื่อคืน
11. อย่าลืมถามข้อมูลต้นไม้จากเจ้าของร้าน
ถ้าอยากให้ต้นไม้ที่ซื้อไปดูดีเหมือนอยู่ที่ร้าน อย่าลืมถามวิธีดูแลจากเจ้าของร้านด้วยว่า ต้นนี้ต้องการแสงแบบไหน น้ำแบบไหน รวมไปถึงชื่อต้นไม้ด้วย เนื่องจากคนขายส่วนใหญ่เป็นคนปลูกเอง คำแนะนำที่เราได้จึงค่อนข้างมั่นใจได้ว่าถูกต้องแม่นยำ (ใครสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษต้องอ่าน 10 วิธีดูแลต้นไม้ในร่มให้อยู่รอดและสวยเหมือนตอนซื้อจากร้านสำหรับนักปลูกมือใหม่)
12. ถ้าซื้อไม้ดอก ให้ซื้อต้นที่มีดอกตูมเยอะๆ
เวลาซื้อต้นไม้ที่มีดอกเพื่อเอากลับไปปลูกที่บ้าน อย่าเลือกซื้อต้นที่ดอกบานสะพรั่งเต็มต้น เพราะพอเอากลับไปปลูกที่บ้านไม่กี่วันดอกก็จะโรยหมด เราควรเลือกต้นที่มีดอกตูมเยอะๆ จะได้ทยอยบานต่อที่บ้าน แต่อย่างไรก็ดี ต้นไม้ที่ดอกสะพรั่งเต็มต้นที่สุด บางร้านก็ไม่ค่อยอยากขาย เพราะจะใช้เป็นตัวอย่างให้ลูกค้าดู แล้วขายต้นที่ยังไม่มีดอกแทน
13. ถือต้นไม้ไม่ไหวก็ไว้ที่ร้านก่อน
คนที่ตั้งใจมาซื้อต้นไม้จำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องเดินหิ้วถุงต้นไม้ไปรอบสวน หลังจากจ่ายเงินแล้วคุณฝากต้นไม้ไว้ที่ร้านได้ หลังจากเดินเสร็จค่อยขับรถมาวนเก็บต้นไม้จากร้านต่างๆ แต่ต้องจำหรือจดให้ครบนะว่าซื้อต้นไหนจากร้านไหนมาบ้าง
14. จำร้านจากป้ายชื่อโครงการที่อยู่หลังร้าน
เนื่องจากร้านต้นไม้เกือบทั้งหมดไม่มีป้ายชื่อร้าน เลขร้านก็ไม่มี ถ้าอยากกลับไปร้านเดิมให้ได้ มีหลักในการจำง่ายๆ แค่ให้มองเลยร้านขายต้นไม้ไปยังด้านหลัง ซึ่งเป็นร้านขายของในตลาดนัดจตุจักร ตรงนั้นมีเลขบอกพิกัดไว้แบบละเอียดยิบ จดตัวเลขนั้นไปใช้ได้เลย
15. อย่าขับรถวนดูต้นไม้
การเดินตลาดต้นไม้ในจตุจักรนั้นคนเดินถนนและรถยนต์ต้องใช้ถนนร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย การจอดรถกีดขวางการจราจรเพื่อขนต้นไม้เป็นสิ่งที่คนเดินถนนและคนขับรถคนอื่นรับได้ แต่สิ่งที่ถือว่าเสียมารยาทมาก และทำให้รถติดแบบรับไม่ได้ก็คือ การขับรถช้าๆ ชะลอดูต้นไม้ในร้านสองข้างทาง แล้วเปิดกระจกถามราคาพ่อค้าไปตลอดทาง แนะนำว่าถ้าจะดูต้นไม้ก็หาที่จอดรถแล้วลงมาเดินดูจะดีที่สุด
16. เย็นวันอังคารอย่าขับรถจากประตู 2 ไปประตู 3
ช่วงระหว่างประตู 2 ถึงประตู 3 เป็นโซนไม้ใหญ่ ช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมงถึง 6 โมงเย็นวันอังคารเป็นเวลาที่ร้านค้าในโซนนั้นขนต้นไม้มาลงที่ร้าน เนื่องจากเป็นต้นไม้ใหญ่จึงใช้เวลานาน การจราจรช่วงนั้นจึงหนักหน่วงมาก ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็อย่าขับรถผ่านเข้าไปเลย
17. ไม่ต้องมีรถก็ขนต้นไม้ใหญ่กลับได้
ถ้าเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มาก หรือซื้อต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก ร้านค้ามักจะมีบริการจัดส่งและปลูกให้ แต่ถ้าเราซื้อต้นไม้สูงสัก 2 – 3 เมตร ซึ่งเกินกว่าจะใส่รถเรากลับได้ และเล็กเกินกว่าร้านจะมีบริการขนส่ง ทางร้านก็จะแนะนำบริการรถกระบะที่รับขนส่งต้นไม้ให้ ถ้าเราซื้อต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ ยังไงทางร้านก็จะช่วยเหลือจนเราขนมันกลับบ้านได้แน่นอน
18. ขนต้นไม้ใส่แท็กซี่ก็ไม่ยาก
สำหรับคนที่ไม่ได้ขับรถไป คุณก็ยังใช้วิธีซื้อต้นไม้แล้วฝากไว้ตามร้านได้ พอซื้อเสร็จก็ใช้บริการรถเข็น ราคาประมาณ 50 บาท พนักงานจะเข็นรถเข็นเดินตามคุณไปเก็บต้นไม้ได้รอบสวน แล้วพามาส่งขึ้นแท็กซี่ ซึ่งพนักงานเหล่านี้มีทักษะขั้นเทพในการใส่ต้นไม้ขนาดใหญ่เข้าไปในแท็กซี่ ถ้าอยากใช้บริการพนักงานเหล่านี้ก็รอให้เขาเข็นรถผ่านมา ไม่อย่างนั้นก็บอกให้ร้านค้าโทรตามให้ก็ได้
19. ตลาดต้นไม้จตุจักรมาได้ทุกสัปดาห์
ร้านค้าในจตุจักรมีความหลากหลายสูงมาก ในแต่ละสัปดาห์แต่ละร้านก็จะมีต้นไม้ที่แตกต่างกันมาขาย สำหรับคนที่อยากได้ต้นไม้แปลกๆ จึงมาเดินหาได้ทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ แต่ละสัปดาห์ก็ยังมีต้นไม้ประจำฤดูกาลหรือช่วงนั้นๆ มาขายด้วย ที่นี่จึงมีสีสันแตกต่างกันไปทุกสัปดาห์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจมาซื้อต้นไม้ อย่างน้อยได้มาเดินดูดอกไม้สวยๆ ก็มีความสุขแล้ว
