“อยู่ในห้างฯ ฝั่งเซ็นทรัลนะ” อาจเป็นประโยคที่ใครหลายคนเคยพูดเมื่อไปเยือนห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล
โดยปกติแล้วเซ็นทรัลสาขาอื่น ๆ จะแบ่งเป็นโซนศูนย์การค้าซึ่งประกอบไปด้วยร้านค้าบูทีกที่มีช็อปเป็นของตัวเอง กับโซนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลที่เป็น Open Store รวมสินค้าจากหลากหลายแบรนด์ไว้ด้วยกัน
แต่ ‘ห้างเซ็นทรัลชิดลม’ นั้นแตกต่างออกไป เพราะพื้นที่ 60,000 ตารางเมตรกับความสูง 7 ชั้นเป็นโซนห้างสรรพสินค้าทั้งหมด
นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 1974 จนถึงวันนี้ ห้างเซ็นทรัลชิดลมก็มีอายุครบ 50 ปีพอดี ถือเป็นห้างสรรพสินค้า Flagship Store ของกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของย่านเพลินจิต และเป็นแหล่งช้อปปิ้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
หลังยืนหยัดอยู่ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดของวงการค้าปลีกมาถึงครึ่งศตวรรษ ในที่สุดห้างเซ็นทรัลชิดลมก็ได้โอกาสแปลงโฉมครั้งใหญ่ จัดเต็มทั้งภายในและภายนอก พร้อมยกระดับสู่ห้างสรรพสินค้าลักชัวรีเต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งจะมีงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ปลายปีนี้
ระหว่างรออย่างใจจดจ่อ The Cloud มีโอกาสไปพูดคุยกับ โอ๊ด-ณัฐธีรา บุญศรี ทายาทตระกูลจิราธิวัฒน์รุ่นที่ 3 และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัลรีเทล ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ นำทัพขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มยกระดับห้างเซ็นทรัลชิดลมในครั้งนี้ โดยเธอจะพาไปส่องทั้งโซนไฮไลต์ที่น่าสนใจ บอกเล่าการเปลี่ยนแปลงจากอดีตถึงปัจจุบัน และเป้าหมายที่อยากจะเป็น The Store of Bangkok

สีสันเฉพาะตัวที่เซ็นทรัลชิดลม
ห้างเซ็นทรัลชิดลมคืออันดับ 1 ของเครือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โดยมีคอนเซปต์เป็น One Stop Shopping ที่นี่จะรวบรวมสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าแม่และเด็ก ร้านอาหารต่าง ๆ มาไว้ในที่เดียวกัน ทำให้ลูกค้ามาที่เดียวแล้วได้ประสบการณ์ที่ครบ
คุณโอ๊ดทำโปรเจกต์รีโนเวตใหม่นี้ร่วมกับน้อง ๆ อย่าง คุณธาพิดา นรพัลลภ, คุณบรม พิจารณ์จิตร, คุณรวิศรา จิราธิวัฒน์, คุณวรลักษณัย พิจารณ์จิตร และทีมงานห้างเซ็นทรัล ทางทีมนำดีไซน์ของ Facade ห้างเซ็นทรัลชิดลมในยุคแรกมาเป็น Inspiration สำหรับ Facade โฉมใหม่ของห้างเซ็นทรัลชิดลม
ส่วนการตกแต่งภายในเป็น Concept ‘Garden of Rose’ ที่ใช้สี Central Chidlom Rose Pink ซึ่งเป็นสีพิเศษโดยเฉพาะของห้างเซ็นทรัลชิดลมเท่านั้น ให้ความรู้สึกสดใหม่ มีเอเนอร์จี ดูครีเอทีฟ แต่ก็ยังรู้สึกอบอุ่น พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนภายนอกอาคารใหม่หมด โดยร่วมมือกับทีมงานสถาปนิกชั้นนำของไทยและที่ปรึกษาด้านดีไซน์ระดับโลกซึ่งเคยทำงานร่วมกับเซ็นทรัลกรุ๊ปในห้างโซนยุโรปมาร่วมทีมด้วย


“ด้านนอกอาคารของห้างเซ็นทรัลชิดลมจะเป็นสีขาวเหมือนต้นฉบับ แต่เปลี่ยนวัสดุเป็นกระจกสีขาวขุ่น ซึ่งจะเรืองแสงในตอนกลางคืน และเปลี่ยนสีในช่วงเทศกาลได้ เช่น คริสต์มาสเป็นสีเขียว-แดง หรือทำกราฟิกได้ แต่บางช่วงของตึกก็จะเป็นกระจกใส เพราะอยากให้แสงธรรมชาติเข้ามาในร้าน จะทำให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่น” คุณโอ๊ดเล่าถึงดีไซน์ที่เปลี่ยนไป พร้อมทั้งเสริมว่ามีการออกแบบเปลือกอาคาร (Facade) ให้ทันสมัยมากขึ้นด้วยสไตล์โมเดิร์น แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของอาคารเดิม ด้วยการใช้เส้นแนวตั้งและโทนสีชมพูกุหลาบ เปิดช่องแสงของอาคารด้านหน้า เพื่อเพิ่มชีวิตชีวาให้งานสถาปัตยกรรม
นอกจากการปรับปรุงภายนอกอาคารแล้ว ภายในก็เล่นใหญ่ไม่แพ้กัน เน้นมอบบรรยากาศหรูหราและผ่อนคลาย ปรับปรุงโทนสีให้กลายเป็นดินแดนชมพูกุหลาบทั้งผนังและกระเบื้องทางเดิน พร้อมเพิ่มความโปร่งด้วยการมองเห็นพื้นที่ห้างทั้งแนวราบและแนวตั้ง
Luxury Department Store
หลังจากเครือเซ็นทรัลได้เข้าซื้อกิจการ Luxury Department Store ในยุโรป เช่น ห้าง Selfridges ที่ลอนดอน (Store of London) หรือห้าง Rinascente ที่อิตาลี (Store of Milan) ทางคุณโอ๊ดอยากยกระดับห้างเซ็นทรัลชิดลมให้เป็น Luxury Department Store จึงนำไปสู่การปรับปรุงและยกระดับเป็น Store of Bangkok ซึ่งจะมีความพิเศษอยู่ 4 อย่าง ได้แก่ การเป็น Store of Design, Store of Curated Destinations, Store of Service Excellence และ Store of Community
“Store of Curated Destinations เป็นเรื่องสำคัญมาก เราอยากให้ห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นศูนย์รวมของสินค้าที่เราคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เช่น มี World of Beauty หรือแผนก Beauty Galerie ที่เราปรับปรุงให้พื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตรของชั้น G เป็นโซนความงามที่ครบครันทั้งเครื่องสำอาง สกินแคร์ และน้ำหอม แบ่งเป็นแบรนด์ระดับท็อป แบรนด์ออร์แกนิก และแบรนด์นิช (Niche)

“World of Luxury หรือ Luxe Galerie ก็จะขนแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง เช่น Louis Vuitton, Gucci, Prada, Celine, Loewe, Dolce & Gabbana มาไว้ในชั้น 1 และพิเศษสุด ๆ คือการทำ Shoes Avenue เป็นการนำเอารองเท้าจากแบรนด์ระดับโลก และ Exclusive Luxury Brand อย่าง Giuseppe Zanotti, Mach & Mach, René Caovilla, The Attico มารวมตัวกัน ถือเป็นครั้งแรกในไทยเลย”


คุณโอ๊ดเล่าถึงที่มาว่าพฤติกรรมของลูกค้าผู้หญิงในการเลือกรองเท้านั้น ส่วนใหญ่อยากจะลองหลาย ๆ แบบ ถ้าต้องเข้าออกช็อปก็อาจจะจำความรู้สึกในการใส่ไม่ได้แล้ว การรวมรองเท้ามาไว้ในที่เดียวให้พวกเธอได้ลองสวมใส่ หรือเปรียบเทียบความแตกต่างได้ทันที คุณโอ๊ดเชื่อว่าการทำโซนนี้จะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดี ซึ่งโมเดลธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในโซนยุโรป
ทั้งนี้ในชั้น 1 ยังมีส่วนของ The Bar ให้ลูกค้ามาดื่มมาดริงก์ระหว่างการลองรองเท้าได้ด้วย โดยมีเมนูแนะนำ คือค็อกเทล Pink Mimosa ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ทานง่าย เหมาะกับทุกเพศ (แต่ไม่ทุกวัยนะจ๊ะ ต้องอายุถึง 20 ปีก่อนถึงจะดื่มได้)

ส่วนชั้นที่ 2 คุณโอ๊ดตั้งใจให้เป็น World of Youth เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเจนฯ Y และ Z โดยการนำเอาสตรีตแบรนด์ชื่อดัง และทำโซน Sneakers Boulevard รวมรองเท้าผ้าใบกว่า 800 คู่ ทั้งรุ่นออกใหม่ รุ่นพิเศษ และรุ่นหายากจากหลากหลายแบรนด์มาไว้ในชั้นเดียวกัน
“ชั้น 3 ก็จะเป็นโซน Contemporary Fashion มีเสื้อผ้าผู้หญิงและผู้ชาย ขณะที่ชั้น 4 จะเป็น Home Destination จุดแข็งของชั้นนี้คือเราจะมีแบรนด์ที่เป็น Premium และ Luxury Line ของแต่ละ Category ทั้งผ้าปูที่นอน ผ้าขนหนู ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วก็พวกจานชามสวย ๆ”


ขณะที่ชั้น 5 เป็นโซน Kids Destination มีแผนกเสื้อผ้าเด็ก ร้านหนังสือ เราอยากส่งเสริมให้เด็กรักการอ่าน ร้านตัดผม ไว้รองรับกลุ่มลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว อีกทั้งยังมี Work Work พื้นที่นั่งชิลล์ให้มาเรียนหรือทำงานได้แบบฟรี ๆ ด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจเริ่มงง แล้วร้านอาหารอยู่ที่ไหนกัน คุณโอ๊ดไม่รอช้าที่จะให้คำตอบในทันที
“ที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม เรามีการคัดสรรร้านอาหารเจ้าเด็ดเจ้าดังมารวมกันถึง 60 ร้าน โดยจะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 โซน Public Lane และ Public Market ที่เชื่อมไปเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 6 โซน Lofter รวมถึงแต่ละชั้นยังมีร้านอาหารหรือคาเฟ่ด้วย รับรองว่าอร่อยทุกร้านค่ะ”


ยกระดับด้วยผู้ช่วยส่วนบุคคล
สำหรับกลุ่มลูกค้าของห้างเซ็นทรัลชิดลม คุณโอ๊ดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อตั้งแต่ระดับกลางถึงสูง, กลุ่มเจนฯ Y ถึง Z ที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ อยากมาหาสินค้าที่ Exclusive สำหรับเขา และกลุ่มนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ต้องการสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ เพราะห้างเซ็นทรัลชิดลมมีขนาดไม่ใหญ่มาก ทุกแบรนด์ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ทำให้ช้อปปิ้งได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย
CENFINITY คือโปรแกรมสำหรับลูกค้าคนพิเศษของห้างเซ็นทรัล โดยแบ่งเป็นกลุ่ม Gold ที่มียอดใช้จ่าย 6 แสนบาทต่อปี กลุ่ม Platinum ที่มียอดใช้จ่าย 3 ล้านบาทต่อปี และกลุ่ม Diamond ที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษ
นอกไปจากห้องรับรองของลูกค้าระดับ CENFINITY ที่ชั้น 6 แล้ว ที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมยังมีบริการ Personal Shopper Service ที่จะคอยช่วยเหลือ เข้าใจความต้องการ และพร้อมมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบเหนือระดับ
“เราจะมี Personal Shopper Lounge อยู่ที่ชั้น 1 ให้ลูกค้า CENFINITY ได้ลองชุด ลองรองเท้าในห้องส่วนตัว Personal Shopper ที่ดูแลลูกค้าแต่ละคนก็จะคอยช่วยเหลือเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น อยากได้ชุดนี้ก็ส่งรูปไป เขาจัดเตรียมให้ ส่งไปที่บ้านได้เลย หรือจะเป็นแผนกอื่น ๆ ก็ได้เหมือนกัน อย่างโอ๊ดใช้สกินแคร์แบรนด์เดิม ๆ พอใกล้หมด บางที Personal Shopper ก็ช่วยเตือน เรียกว่าเป็นบริการที่จะทำให้ลูกค้าสะดวกสบายอย่างถึงที่สุดค่ะ”


THE FIRST TIME IN FOREVER
หลังจากที่เปิดตัวห้างเซ็นทรัลชิดลมในฐานะห้างสรรพสินค้า One Stop Shopping แห่งแรกไปในปี 1974 นำไปสู่การสร้างสาขาอื่น ๆ อีกมากมายทั่วประเทศ และกำลังปรับปรุงเป็น First Luxury Department Store of Bangkok ครั้งแรกในประเทศไทย เราถามคุณโอ๊ดว่ามีแผนการจะทำอะไรเป็นครั้งแรกที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมอีกไหม
“หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงสร้างเซ็นทรัลเวิลด์ ห้างเซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ไว้ใกล้กันจัง แต่จริง ๆ แล้วแต่ละที่จะมีคอนเซปต์ที่ต่างกัน บรรยากาศก็ไม่เหมือนกัน ที่เซ็นทรัลเวิลด์เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่มี Flagship ของแบรนด์ต่าง ๆ อยู่ ส่วนเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เป็น Luxury Shopping Mall ขณะที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม เป็น Luxury Department Store
“เราอยากให้ห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นแหล่งรวมแบรนด์ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาครั้งแรกในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์แฟชั่น เครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือน้ำหอม สินค้า Exclusive วางขายเฉพาะห้างเซ็นทรัลชิดลม และอยากทำอีเวนต์ที่ไม่เคยจัดที่ไหนมาก่อนด้วยค่ะ” คุณโอ๊ดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม
