The Cloud X สารคดีสัญชาติไทย
ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงวัน แต่รอบตัวของเรานั้นมืดสนิท สายตามองเห็นได้แต่จุดที่แสงไฟส่องกระทบ ด้านล่างคือความลึก มืดสนิทขนาดที่แสงไฟฉายก็ถูกดูดกลืนหายไปจนหมด
“ยังไม่มีใครรู้ว่าระบบถ้ำใต้นั้นสิ้นสุดที่ไหน” คุณคล้าว นักดำน้ำเทคนิคัลที่พ่วงดีกรีเป็นครูสอนดำถ้ำเพียงไม่กี่คนในเมืองไทย เล่าถึง ‘สองห้อง’ ให้เราฟังด้วยดวงตาลุกวาว “ข้างใต้นั้นมืดสนิท เราลอยตัวอยู่กลางน้ำ ด้านล่างใต้ตัวเราคือหลุมลึก ความลึกลงไปเป็นร้อยเมตร มันให้ความรู้สึกคล้ายกับการลอยอยู่ในห้วงอวกาศ”

ตัวหนังสือทาสีสดใสวางเรียงเป็นชื่อ ‘ทะเลสองห้อง’ ตามสไตล์สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องแวะชม ช่างแตกต่างกับสิ่งที่อยู่ซ่อนข้างใต้นั้นอย่างห่างไกล ไกลจนถ้าใช้คำว่า ‘คนละโลก’ ก็คงไม่ผิดนัก
จุดท่องเที่ยวที่ดูเหมือนเป็นจุดชมวิวสระน้ำสีเขียวใส มีถ้ำและเส้นทางน้ำใต้ดินที่กว้างใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยซ่อนอยู่ด้านล่าง โพรงถ้ำใต้น้ำวางตัวอยู่ใต้ถนนและอาคารบ้านเรือนในชุมชนแถวนั้น กว้างใหญ่กว่าพื้นที่ปากทะเลสาบที่เห็นจากด้านบน

การสำรวจล่าสุดนักดำน้ำลงไปได้ถึงระดับความลึกเกือบ 200 เมตร โดยกินระยะทางยาวจากปากถ้ำเป็นกิโล แต่เส้นทางยังต่อเนื่องลาดลงลึกไปอีก และยังไม่มีทีท่าว่าจะพบจุดสิ้นสุดของโพรงถ้ำ
ถ้าหากถ้ำนี้เป็นถ้ำแห้งอยู่ในภูเขาสูง การสำรวจเส้นทางภายในทั้งหมดคงทำเสร็จได้ในเวลาไม่กี่ปี แต่ถ้ำใต้น้ำอย่างสองห้องนี้ ผ่านมาเกิน 10 ปีแล้ว ยังไม่มีใครหาจุดสิ้นสุดของมันเจอ ระยะทางที่เข้าไปหากมีความลึกทางแนวดิ่งเพิ่มขึ้นเพียง 10 เมตร นั่นคือเวลารวมของการดำน้ำสำรวจที่ยาวนานขึ้นหลายชั่วโมง

ร่างกายของมนุษย์เรานั้นสร้างขึ้นมาให้อยู่บนบก เมื่อเราลงไปหายใจอยู่ใต้แรงกดของน้ำเป็นเวลานาน ไนโตรเจนที่ปนอยู่ในอากาศจะละลายเข้าไปในร่างกาย แทรกซึมไปตามเส้นเลือดและกล้ามเนื้อ ถ้าหากเราจะกลับขึ้นมาจากใต้น้ำที่มีแรงกดนั้น เราต้องค่อยๆ ปรับระดับให้ไนโตรเจนละลายออกไป การเปลี่ยนความกดดันโดยเร็วจะทำให้ก๊าซที่อิ่มตัวในร่างกายเรากลายเป็นฟองอากาศ และก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บที่อาจอันตรายถึงชีวิตได้
การใช้เวลาที่ความลึก 30 เมตรเพียงครึ่งชั่วโมง จะต้องใช้เวลาตลอดทั้งไดฟ์รวมกันเกือบ 2 ชั่วโมง

ผนังถ้ำด้านหน้าที่เห็นอยู่แตกต่างกับผนังถ้ำบกที่คุ้นเคยเล็กน้อย ไม่มีร่องรอยของหินงอกหินย้อยให้เห็น บ่งบอกถึงอดีตของถ้ำที่ไม่เคยเป็นถ้ำแห้งมาก่อน ที่นี่เป็นถ้ำแบบหลุมยุบ น้ำที่ท่วมขึ้นมากัดเซาะส่วนที่อ่อนนุ่มกว่าไปเรื่อยๆ เหลือแต่โครงสร้างหินแข็งทิ้งเอาไว้

เราเตะขาว่ายตามแนวเส้นเชือกสีแดงที่พาดเลียบผนัง ไปเรื่อยอย่างช้าๆ เหมือนฮันเซลกับเกรเทลที่ทิ้งก้อนกรวดและขนมปังไว้เพื่อให้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เชือกเส้นนี้คือเส้นอ้างอิงของเส้นทาง เป็นเส้นชะตาชีวิตของนักดำถ้ำ
นักดำน้ำสำรวจจะเป็นคนวางเส้นเชือก เมื่อเข้าไปสู่พื้นที่ใหม่ก็จะเข้าไปพร้อมกับเชือก เชือกทุกเส้นจะมีลูกศรผูกล็อกไว้เป็นระยะๆ หัวลูกศรจะชี้ไปสู่ทางออก เส้นทางที่จะพากลับบ้านเสมอ

ถ้ำใต้น้ำที่มีความลึกเกินธรรมดาแบบนี้ อุบัติเหตุหรือสิ่งที่คาดไม่ถึงพร้อมจะเกิดขึ้นตลอดเวลา มีนักดำถ้ำหลายคนที่ว่ายตามเชือกลงไป แล้วไม่ได้กลับขึ้นมา
“กุญแจรถอยู่ในกระเป๋าข้างซ้ายของผม ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณเอาผมขึ้นมาไม่ได้ทั้งตัว อย่างน้อยก็ขอให้หยิบกุญแจรถมาให้ได้ คุณจะได้กลับบ้านได้” คุณคล้าวพูดติดตลกก่อนลงน้ำ เราหัวเราะเบาๆ รู้ดีว่านั่นไม่ใช่มุกตลก มันคือความจริงที่ต้องพูดถึงและหลบเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นไดฟ์ง่ายหรือสั้นแค่ไหนก็ตาม โอกาสที่ใครสักคนจะไม่ได้กลับมาเกิดขึ้นได้เสมอ
มือของเรากำกล้องและไฟฉายแน่น แน่นกว่าปกติที่เราเคยทำ ความมืดด้านล่างทำให้เราระวังเพิ่มขึ้น ถ้าหากมีอะไรหลุดมือตกลงไป คงเป็นการยากที่จะได้คืนมา ในความมืด หัวใจเต้นเร็วขึ้น แต่ทุกอย่างกลับช้าลง

เรารู้สึกได้ถึงกระแสน้ำเย็นที่พัดมาเป็นวูบๆ มันคล้ายกับสายลมเบาที่พัดมาอย่างไม่รู้ทิศทาง เดี๋ยวก็มาจากทางซ้าย แล้วจางหายไป อีกเดี๋ยวก็มาจากด้านหน้า ความต่างของอุณหภูมิทำให้การมองเห็นของเราต่ำลง ภาพด้านหน้าเบลอไหววูบเหมือนเวลามองผ่านไอแดด หัวใจกำลังเต้นแรงขึ้นอีกด้วยความกลัวผสมปนกับความตื่นเต้น
“หายใจช้าๆ คิดแล้วทำไปทีละอย่าง” เสียงพูดกับตัวเองก้องขึ้นมาในหัว สายตากวาดไปที่เชือกสีแดงที่เป็นเส้นบอกระดับความลึก 30 เมตร เสียงในหัวของเราสั่งการต่อ มองเชือก-ดูเวลา-ถ่ายภาพ เหมือนร่างกายของเราเป็นหุ่นยนต์ที่กำลังถูกป้อนคำสั่งให้ทำไปทีละกิจกรรม หยิบกล้องขึ้นมา-สลับจอไปที่วิวไฟน์เดอร์-ดู Speed Shutter-ปรับ ISO-ปรับโฟกัส-กดชัตเตอร์

น่าแปลกที่คำสอนทางธรรมที่ให้พิจารณาสติในทุกขณะจิต ซึ่งเราไม่เคยทำได้ดีนักในชีวิตประจำวัน กลับเกิดขึ้นมาอย่างง่ายดายจนน่าประหลาดในสถานที่ประหลาดแห่งนี้
ไดฟ์คอมพิวเตอร์ที่ข้อมือแสดงค่าว่าเราอยู่ที่นี่มาเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว เวลาของเราหมดลงแล้ว การเดินทางกลับสู่ผิวน้ำต้องใช้เวลายาวนานยิ่งกว่าเวลาที่ลงมา พวกเราหันหลังกลับ เตะขาว่ายไปตามทิศที่ลูกศรชี้ เพื่อกลับสู่แสงสว่างอันอบอุ่นด้านบน

“ผมอยากรู้ว่าเส้นทางถ้ำใต้น้ำนี้เชื่อมต่อไปที่ไหน” คุณคล้าวกล่าว “หวังว่าจะมีใครสักคนจะตอบคำถามนี้ได้ ภายในช่วงชีวิตของพวกเรา
