กินกาแฟจนแน่นิ่ง เพื่อวิ่งตามหาแสงเหนือ

ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เกิดจากความที่ได้ยินมาว่าแสงเหนือจะหมดลง ทำให้มองไม่เห็นอีก (ตอนแรกก็งงว่าหายไปไหน) ได้ความมาคร่าวๆ ว่ามันมีแหละ แต่เห็นยากขึ้น เหมือนเป็นรอบในระยะ 10 ปีมั้งครับ ไม่แน่ใจ ผมเลยตัดสินใจอย่างรุนแรงและเกรี้ยวกราดว่าจะไป

ผม แฟน และเหยื่ออีก 2 ท่าน รวม 4 คน เช่ารถล่าแสงเหนือ (ในใจคิดว่าคุ้มแล้ว) เริ่มต้นก็หาข้อมูลวางแผน ต่างๆ นานาจนได้ข้อมูลทุกอย่างพร้อมเตรียมยื่นสมัครวีซ่า ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และที่ขาดไม่ได้ครับ… ร้านกาแฟ

นอกเหนือจากร้านกาแฟ บาร์และร้านอาหารก็มีดีเยอะ สภาพอากาศช่วงที่ผมไปนั้นถือว่าฟ้าอึมครึมเป็นหลัก แสงอาทิตย์โผล่มาแวบๆ แล้วก็จากไป แม้ภาพบรรยากาศจะหม่นๆ เล็กน้อย แต่นั่นไม่ทำให้ผมเลิกตามหาแสงเหนือเลย

ผมมาเห็นแสงเหนือในคืนวันที่ 4 ของการเดินทาง ซึ่งผมใช้แอพพลิเคชันและเว็บไซต์เพื่อช่วยในการตามหา Aurora forecasts – Icelandic Meteorological office เป็นเว็บไซต์สำหรับดูเรื่องความหนาแน่นของก้อนเมฆ หากมีสี เขียว ถึงแม้จะมีแสงเหนือเราก็มองไม่เห็น ต้องดูพื้นที่ที่เป็นสีขาวซึ่งหมายความว่าแถวนั้นฟ้าโปร่ง มีโอกาสเห็นสูงกว่าแอพของ iPhone AURORAPRO ใช้สำหรับเช็กค่า KP1-9 (ค่าความแรงของแสงเหนือ) ถ้ามันขึ้นว่า 0 – 1 ก็กลับบ้านนอนครับ ถ้าขึ้น 2 จะต้องลองถ่ายด้วยกล้องจึงจะเห็น ถ้ามันมีนะครับ หาก 5 ขึ้นไปจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่มันจะไม่ได้เขียวเหมือนรูปที่เราเห็นกันนะครับ

สุดท้าย เช็กกล้องและเตรียมตัวเดินทาง เพราะตอนกลางคืนอาจต้องขึ้นเขาหรือออกนอกเมือง ซึ่งปัญหาคือ ไม่มีไฟถนนครับ ใช่ครับ ไม่มีไฟ เท่านั้นไม่พอ ถนนมี 2 เลนเท่านั้น คือไปและกลับ และข้างทางไม่เหมือนบ้านเรานะครับ อย่าประมาท ที่นี่ไม่มีฟุตปาธหรือขอบทาง ประเทศนี้ข้างทางคือไปได้ครับ …ไปโลกหน้ากันเลย เพราะมันลงขอบหน้าผาเลยครับ

ระหว่างเที่ยวที่นี่เวลาขับรถต้องมีสติด้วยนะครับ จนเป็นที่มาของการกินกาแฟจนตาค้างเพื่อล่าแสงเหนือ …เกี่ยวกันไหม ดูเป็นคนละเรื่องเดียวกัน 555

ด้วยความที่ผมและทีมตัดสินใจออกนอกเมืองไปก่อน แล้วค่อยเข้าเรคยาวิก (Reykjavik) ทีหลัง ทำให้ผมไม่มี โอกาสได้ทานกาแฟเท่าไหร่ในช่วงแรก จน 2 วันสุดท้ายถึงได้เข้ามาที่เรคยาวิก โอเค เรามาเข้าร้านกาแฟกันดีกว่า…

ต้องบอกว่าร้านกาแฟที่นี่นั้นถือว่าเกินคาดครับ ไม่คิดว่าจะมี Specialty หรือกาแฟทางเลือก ที่เรียกว่าเยอะประมาณหนึ่งสำหรับประเทศที่ชื่อว่า ไอซ์แลนด์ 

ร้านแรกคือร้านที่เราตัดสินใจไปและห้ามพลาดไม่ว่าจะเหตุผลใดๆ 555

 

01

Reykjavik Roasters

ด้วยความที่ร้านนี้ขึ้นชื่อมานาน ผมเลยตื่นเช้าและตั้งใจไปมากๆ เมื่อไปถึงผมพุ่งตรงไปที่ Counter Bar และสั่ง กาแฟดริปโดยไม่ลังเล พร้อมถามคำถามว่า มีเมล็ดของอะไรบ้างครับ แต่คำตอบที่ทำให้ผมน้ำตาไหลคือ กาต้มน้ำสำหรับทำ Filter หรือ Drip พัง ตอนนี้เลยทำให้ไม่ได้ เจ็บปวดรวดร้าวกับคำตอบที่ได้มาก ทำไงได้ เลยต้องทำใจและตอบกลับไปว่า It’s ok. May I have hot Cappuccino?

กาแฟที่ใช้ในร้านนี้ทางร้านเป็นคนคั่วเอง ส่วนบรรยากาศร้านมีความชิลล์มาก บรรยากาศง่ายๆ สบายๆ มีมุมนั่งดื่มกาแฟหลากหลาย มีอยู่มุมหนึ่งผมชอบมาก นั่งข้างๆ เครื่องเล่นแผ่นเสียง ชิลล์แน่นอน ที่สำคัญคือ ร้านนี้มีเมล็ดขายด้วยนะครับ

02

Te & Kaffi Micro Roast

ตอนที่ผมไปร้านนี้ผมไม่ทราบว่าเขามีสาขา แค่เห็นว่ามีฟิลเตอร์ผมก็โดนดูดเข้าไปไม่รู้ตัว มีเครื่องคั่ว และสามารถเลือกเมล็ดแล้วคั่วนำกลับได้ กาแฟของร้านนี้มีฟิลเตอร์ให้เลือกเยอะครับ AeroPress, HARIO, V60, Siphon, Chemex ถือว่าใช้ได้ครับ ตัวเลือกเยอะมาก แน่นอนว่าผมสั่ง V60 โดยไม่ต้องกังขา …Enjoy the moment

 

03

Stofan Kaffihus

ร้านนี้ต้องบอกว่าแค่ทางเข้าก็ชวนให้เราเข้าไปแล้ว ไม่ต้องคิดมาก ด้วยความที่เป็นร้านอาหารด้วย การจะมานั่งทำฟิลเตอร์คงไม่ทันกิน เลยต้องสั่งเป็น Espressso Shot เพื่อเพิ่มพลัง ร้านนี้มีที่นั่งสุดสบายและกว้างขวางพอตัวครับ มีมุมให้เลือกนั่งเยอะมาก แนะนำมุมริมหน้าต่างเพื่อถ่ายรูปเผลอจิบกาแฟ สวยๆ กันไป
ป.ล. มี Happy Hours สำหรับคนชอบดื่มด้วยนะ

 

04

Kaffi Félagið

ร้านนี้ปิดเร็วมากกกกกกก ถ้าจำไม่ผิดปิด 6 โมงเย็น ผมไปถึงห้าโมงห้าสิบเขาก็เคลียร์ร้านเกือบเสร็จแล้ว

…วืดด รีบพุ่งตัวเข้าไปในร้าน พนักงานบอกว่าร้านปิดแล้ว ผมเลยยืนงง เห็นลุงท่านหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านคุยกับพนักงานสักครู่หนึ่งก็หันมาถามว่า จะดื่มอะไรดี แล้วพนักงานก็เดินออกจากร้านไป ดูแววแล้วน่าจะเก็บอย่างอื่นหมดแล้ว ผมเลยขอดื่มแค่ Espresso Shot เท่านั้น ความตั้งใจของลุงท่านนี้ส่งมาถึงเลยครับ เขาพยายามตั้งใจทำดีที่สุดแม้ว่าจะอยากกลับบ้าน ประทับใจในช็อตมากครับ ถ้ามีโอกาสกลับไปจะขอให้ลุงท่านนั้นรีดช็อตให้ผมอีกแน่นอน

ป.ล. ร้านเล็กมาก แต่ขอบอกว่าของแน่นมากเช่นกัน

05

Kaffibrennslan

เป็นร้านที่ขอบอกว่าหน้าร้านธรรมดามาก แต่พอเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกว่า Simple but… เคาน์เตอร์เรียบง่าย แต่สวยงามด้วยการเพนต์ มาถึงร้านนี้ผมยอมแล้วครับ ดื่มไม่ไหว แต่เห็นหลายๆ คนสั่งคาปูชิโน ลาเต้ และวาฟเฟิล ซะส่วนใหญ่

Baejarins Beztu

เป็น Kiosk ริมถนนที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะไส้กรอกอร่อยมาก

 

Sandholt Bakery

ร้านเก่าแก่ที่ขนมปังอร่อยมาก กาแฟถือว่าดีครับ เคาน์เตอร์สวยงาม

 

Braud&Co

ตอนแรกไม่คิดจะเข้าร้านนี้เลยเพราะกราฟฟิตี้และภาพวาดที่เยอะมากจนไม่แน่ใจ แต่พอได้เข้าไปแล้วพบกับห้องทำขนมปัง ห้องนวดแป้ง และที่สำคัญคือ ขนมปังที่อร่อยมากถึงขนาดต้องซื้อกลับโรงแรมกินเพิ่ม คุณจะไม่อยากพลาดร้านนี้เลย

 

Geiri Smart Restaurant

ร้านนี้ดีไซน์สวยมาก เป็นร้านอาหารที่ดูดี บาร์ก็เท่มาก

 

Sumac Grill + Drinks

เป็นร้านอาหารอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจ ควรจองไปล่วงหน้าครับ ผมจองไม่ทันแต่ได้แอบเข้าไปดูในร้าน เป็นร้าน อาหารที่หลายคนแนะนำ ถ้ามีโอกาสกลับไปจะไปทานแน่นอน

 

Grillid

เป็นร้านแรกๆ ที่ทำเป็น Fine Dining ของเรคยาวิก ประทับใจมากครับ ร้านดูคลาสสิก อาหารดีมาก ถึงแม้จะยังไม่ได้ดาวมิชลิน แต่ก็คุ้มค่าสมควรลอง ผมไปทานแล้วประทับใจมากครับ

 

ด้วยเขตภูมิอากาศของไอซ์แลนด์ที่เป็นเขตหนาว คนส่วนใหญ่จึงเน้นการดื่มกาแฟร้อนเป็นหลักเพื่อความสดชื่นและความอบอุ่น กาแฟเย็นเห็นได้น้อยครับ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ บาริสต้า

เหล่าโรสเตอร์ที่นี่เริ่มคั่วกาแฟเองมากขึ้น ระหว่างที่ผมไปได้ยินมาว่ากำลังจะมีร้านกาแฟเปิดเพิ่มอีกหลายที่ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเข้าเมล็ดและเพิ่มรูปแบบการดื่มให้กับเรคยาวิกและไอซ์แลนด์

ร้านกาแฟ ขนมปัง อาหาร เรียกได้ว่าประทับใจมาก เพราะผมไม่คาดคิดว่าเมืองที่หนาวและมีภูมิประเทศแปลกแบบนี้จะสามารถทำได้ดีมาก และที่สำคัญ ดีไซน์ของประเทศนี้ไม่ธรรมดานะครับ ถ้าหากมีโอกาสต้องลองสักครั้งจริงๆ

สุดท้าย ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ควรเดินทางไป 2 ครั้ง หน้าหนาว 1 ครั้ง หน้าร้อน 1 ครั้ง แล้วคุณจะได้พบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ณ ประเทศเดิมครับ