ชื่อแบรนด์: สบู่พฤกษานกแก้ว
สัญชาติ: ไทย
ปีที่ก่อตั้ง: 1947

ถ้าเป็นคนไทย ใครๆ ก็ต้องรู้จักสบู่พฤกษานกแก้ว สบู่หอมแบบไทยแท้ๆ 100% ที่เป็นขวัญใจคนรุ่นพ่อแม่ และปู่ย่าตายาย

แต่ถ้าหากถามคนรุ่นใหม่ คนที่โตมากับสบู่เหลว น้ำหอมนับร้อย นับล้านแบบ คนที่มีไลฟ์สไตล์เข้ากับยุคดิจิทัล สนใจสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา เขาก็คงมองว่าสบู่พฤกษานกแก้วที่ห่อด้วยกระดาษแบบที่ใช้ในยุคแรกนั้นเป็นของตกยุค

ความรู้สึกแปลกๆ กับรูปลักษณ์ออริจินัลดั้งเดิม กลิ่นหอมที่เดาไม่ออก เพราะไม่เหมือนแบรนด์สบู่หอมก้อนไหน ผสมกับความรู้สึกคุ้นเคยลึกๆ ในความทรงจำ ก่อให้เกิดความไม่แน่ใจว่าจะชอบหรือไม่ชอบดี

ไม่เป็นไรนะ เราจะค่อยๆ เล่าให้คุณฟัง

ในยุคสมัยที่ใครๆ ก็ลุกขึ้นมารีแบรนด์ เปลี่ยนตัวตน ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยตามยุคตามกระแส เราก็ยังคงเห็นสบู่ก้อนหอมสูตรดั้งเดิมก้อนนี้ห่ออย่างประณีตด้วยกระดาษหน้าตาคุ้นชินและส่งกลิ่นหอมฉุย ซึ่งเป็นอัตลักษณ์และตัวตนที่ชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้

และเพราะรู้ถึงจุดเด่นของตัวเอง สบู่พฤกษานกแก้วจึงเลือกที่จะปฏิบัติการกู้ภาพลักษณ์เก่าแก่ให้เป็นความเก๋าที่มีอัตลักษณ์ เก๋ไก๋สไตล์ไทยๆ มากกว่าจะเปลี่ยนตัวตนที่มี มาดูกันว่า วิธีการคิดนอกกรอบที่ไฉไลและร่วมสมัยของสบู่พฤกษานกแก้วในยุคนี้เป็นอย่างไร

สบู่พฤกษานกแก้ว

สบู่พฤกษานกแก้ว กับห้องปรุงกลิ่นแห่งความลับ

ก่อนอื่นขอพาคุณย้อนกลับไปในวันหนึ่งของปี 2490

ยุคนั้นคนไทยยังมีวิถีชีวิตแสนเรียบง่าย อาบน้ำตามแม่น้ำลำคลองแบบไม่ใช้สบู่ มีบ้างเป็นส่วนน้อยที่ใช้สบู่กรด หรือสบู่ก้อนห่อกระดาษหนังสือพิมพ์โตๆ อาบน้ำรวมกับเอาไว้ใช้ล้างสารพัดสิ่งไปจนถึงซักผ้า

จนกระทั่งนักธุรกิจชาวสวิส มิสเตอร์วอลเตอร์ เลโอ ไมเยอร์ ประธานกรรมการของห้างเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ แอนด์โก ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งยุคนั้น ที่โด่งดังมีชื่อเสียงเรื่องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เห็นโอกาสทางธุรกิจของสบู่หอม จึงก่อตั้งโรงงานผลิตสบู่เล็กๆ เริ่มต้นด้วยการผลิตสบู่หอม ที่ผลิตด้วยมือทุกก้อน ใช้น้ำหอมนำเข้าจากฝรั่งเศสกับส่วนผสมจากธรรมชาติ เกิดเป็นสูตรลับระดับตำนานอันเลื่องลือ และส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณซอยรูเบีย ตำแหน่งที่ตั้งแรกของโรงงาน

สบู่พฤกษานกแก้ว

ความน่ารักก็คือ ชาวบ้านในย่านนั้นจะชอบมารวมตัว มุงดูกันแน่นขนัด ในทุกครั้งที่มีการทำสบู่
ที่มาของชื่อ อัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ต่างๆ ของสบู่พฤกษานกแก้ว มาจากงานอดิเรกที่ชอบเดินป่าของมิสเตอร์วอลเตอร์ ซึ่งครั้งหนึ่งออกเดินสำรวจป่าและประทับใจความสวยงามของนกแก้วไทย จึงตั้งใจออกแบบกลิ่นของสบู่ให้ออกมาหอมกลิ่นธรรมชาติของพฤกษาและดอกไม้ป่านานาพันธุ์

ยากจะคาดเดาว่ากลิ่นหอมสดชื่นอันสุดแสนจะเป็นเอกลักษณ์นี้ ใกล้เคียงกับดอกไม้ชนิดใดในความทรงจำของเราบ้าง

และจนถึงทุกวันนี้ กลิ่นหอมในตำนานของสบู่พฤกษานกแก้วก้อนสีเขียวนั้นก็ยังคงเป็นปริศนาธรรมสำหรับเราทุกคน

กลิ่นหอมรอมริบ

ความจริงเพียงหนึ่งเดียวของกลิ่นสบู่ที่เราพอเปิดเผยได้ก็คือ จะมีแค่เพียงผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นที่ทราบสูตรลับนี้ โดยจะมีห้องลับที่ใช้ปรุงความหอม ซึ่งจะไม่เปิดเผยสูตรลับนี้แก่ใคร และทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่
วัตถุดิบตั้งต้นยังคงเป็นไปตามสูตรดั้งเดิม

น้ำหอมนำเข้าจากต่างประเทศ ผสมกับกลิ่นสกัดจากดอกไม้และสมุนไพรไทยนานาชนิด ในขณะที่วิธีการปรุงหัวน้ำหอมจนได้กลิ่นพิเศษนี้เป็นความลับที่แม้กระทั้ง Supplier เองก็ไม่มีทางรู้

สบู่นกแก้ว

จะว่าไปแล้ว สูตรลับเรื่องกลิ่นของสบู่พฤกษานกแก้วก็ไม่ต่างจากสูตรลับรสชาติและความอร่อยของน้ำอัดลมชื่อดังระดับโลกที่ใครๆ ก็ลอกเลียนแบบรสชาติและกลิ่นไม่ได้ เพราะแม้จะมีแบรนด์ต่างชาติหลายแบรนด์พยายามแกะสูตรลับนี้ แต่ก็ยังคงไม่มีใครสามารถทำสำเร็จ

ความหอมของสบู่พฤกษานกแก้วจึงยังคงความอมตะ และเป็นไทยแท้ 100% ให้เราได้ชื่นใจมาจนถึงทุกวันนี้

 

กลุ่มก้อนทางการบ้านการเมือง

เคยได้ยินใครสักคนบอกไว้ ว่าต่อให้อาบน้ำอยู่ริมคลองแล้วทำสบู่พฤกษานกแก้วตกลงไปหลายวัน พอเก็บขึ้นมาจากน้ำ สบู่ก็ยังคงรูปก้อนดังเดิม

คุณงามความดีเรื่องก้อนสบู่ที่แข็ง เนื้อสบู่แน่น ไม่เละง่าย ใช้ไปแล้วก้อนไม่แตกไม่หักนั้น มาจากสูตรการผสมวัตุดิบทำสบู่คุณภาพสูง และเทคนิคการผลิตเฉพาะตัวที่ไม่เปิดเผยเช่นกัน

สำคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์ในการรักษาคุณภาพสบู่แบบเดียวกับที่ตอนที่เป็นสบู่หอมชั้นดีตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน

น้อยคนจะรู้ว่า สบู่พฤกษานกแก้วการออกแบบมาเพื่อให้ใช้ได้กับน้ำทุกประเภท

ความไม่กล้วน้ำกระด้าง และการใช้ได้กับทุกสภาพน้ำ ทุกพื้นที่ในประเทศไทยนี้ ทำให้ฟองที่เกิดขึ้นสามารถชำระล้างทุกสิ่งสกปรกอย่างง่ายดาย อาบน้ำครั้งใดก็สะอาดหอมกลิ่นพฤกษา ชื่นใจและหอมติดผิว

ไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไมคนไทยจึงเป็นชนชาติที่อาบน้ำบ่อยที่สุดในโลก

สบู่นกแก้ว

สบู่นกแก้ว

หอมสดชื่น…ติด (ตลาด) ทนนาน

เช่นเดียวกับทุกธุรกิจในอดีต สบู่พฤกษานกแก้วสร้างการจดจำผ่านโฆษณาในวิทยุ โปสเตอร์ และสิ่งพิมพ์ ก่อนจะเริ่มมีโฆษณาโทรทัศน์ ซึ่งใช้นักแสดงหรือคนดังแห่งยุคสมัยมาเป็นพรีเซนเตอร์เล่าคุณประโยชน์และสร้างการจำจด ด้วยการชูประเด็นเรื่องความหอม สะอาด สดชื่น  

ก่อนจะเพิ่มประเภทของสินค้า หลังจากขายสบู่ก้อนเดียว สีเดียว กลิ่นเดียว มาตลอด 50 ปี

เราจึงได้กลิ่นและเห็นห่อสบู่พฤกษานกแก้วสีอื่นๆ บนชั้นสินค้า รวมทั้งหมด 8 สี เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความชอบหลากหลายมากขึ้น

คนรุ่นใหม่ที่อาจจะแค่คุ้นชื่อ แต่ไม่เคยได้ลอง เราเชื่อเหลือเกินว่าถ้าได้เปิดใจลองสัมผัสกลิ่นความหอมของสบู่พฤกษานกแก้ว จะต้องมีสักกลิ่นใน 8 กลิ่นนี้ที่คุณชื่นชอบแน่ๆ

สบู่พฤกษานกแก้ว สบู่นกแก้ว

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป แบรนด์ก็ไม่ปฏิเสธที่จะออกสินค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่างครีมอาบน้ำหรือสบู่เหลว เพราะตอบโจทย์การใช้งานในยุคนี้มากกว่า แต่ก็ยังคงอัตลักษณ์ของความเป็นต้นตำรับสบู่ความงามของไทย และยืนหยัดที่จะมอบประสบการณ์การอาบน้ำหอมสดชื่นติดทนนาน

การยืนหยัดในอัตลักษณ์และรักษาสิ่งที่เชื่อมั่นถือเป็นการคงคุณค่าแก่นแท้ของแบรนด์อย่างยั่งยืน แบบเดียวกับที่แบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกอย่าง La Mer, Sisley, SK-II รักษาคุณค่าในผลิตภัณฑ์ระดับตำนานของตัวเอง
จะว่าไป สบู่พฤกษานกแก้วก้อนสีเขียวก็ไม่ต่างจาก Jo Malone แบรนด์น้ำหอมชื่อดังของอังกฤษที่ต่อให้ออกแบบกลิ่นธรรมชาตินับร้อยนับพัน แฟนๆ ก็ยังคงจะจดจำกลิ่นหอมหลักได้มากกว่า

และด้วยคุณลักษณะพิเศษทั้งหมดนี้ สบู่พฤกษานกแก้วจึงยังเป็นสบู่ก้อนยอดนิยมอันดับหนึ่งของเมืองไทย ด้วยยอดขายมากกว่า 40 ล้านก้อนต่อปี

ใครที่เคยคิดว่า ยุคนี้ไม่มีใครใช้สบู่พฤกษานกแก้วคงต้องมองสบู่ก้อนหอมสีเขียวนี้เสียใหม่ เพราะสบู่พฤกษานกแก้วไม่ได้ขายดีแต่ที่บ้านเรา

ภูมิใจทุกครั้งที่รู้ว่าแบรนด์สัญชาติไทยแบรนด์นี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่สนใจในอัตลักษณ์พิเศษ ทั้งกลิ่นพฤกษาที่หาจากไหนในโลกไม่ได้ และงานออกแบบบนกระดาษห่อสบู่ ดังจะเห็นในร้านค้าคัดสรรของเก๋ๆ ทั่วโลก ในหลายๆ ประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา

หนึ่งในแบรนด์ไทยๆ จากไม่กี่แบรนด์ที่ยืดหยัดในตัวตนและอัตลักษณ์ ข้ามผ่านกาลเวลาและสถานที่ จนไปไกลและไกลได้อีกขนาดนี้

สบู่พฤกษานกแก้ว

เรียกพี่ได้มั้ย

ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังเข้าใจว่าสบู่พฤกษานกแก้วเป็นของหลงยุค หรือเป็นของที่ไม่มีใครใช้แล้ว

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาแบรนด์ห่างหายจากการสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปบ้าง

คำถามก็คือ แล้วแบรนด์ออริจินัลอย่างสบู่พฤกษานกแก้วผู้เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำและมีความจริงใจมอบสินค้าดีมีคุณค่า มีวิธีการสื่อสารและต่อติดกับเด็กรุ่นใหม่ ผู้เติบโตในยุคที่มีสบู่และน้ำหอมให้เลือกมากมาย จนรู้สึกว่ากลิ่นหอมเย็นแนวพฤกษาที่มีเอกลักษณ์แบบไทยจ๋าเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากับพวกเขานี้อย่างไร

รีแบรนด์ เมกโอเวอร์ อาจจะเป็นคำแรกๆ ที่ทุกคนคิดถึง

แต่ไม่ใช่กับสบู่พฤกษานกแก้ว

สบู่นกแก้ว

หอมออริจินัล

ในยุคที่ใครๆ ก็รีแบรนด์ ลบและเปลี่ยนภาพจำให้ทันสมัยกับยุค 4.0 จนลืมตัวตนที่มีมาหมดสิ้น

เราตั้งคำถามถึงความท้าทายในการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ โดยที่เลือกจะไม่รีแบรนด์ตามสมัยนิยม จนเมื่อได้พบกับคำตอบในงานล่าสุดของสบู่พฤกษานกแก้ว

สบู่พฤกษานกแก้วเลือกที่จะแตกต่างอย่างที่เป็นมา และสร้างความรู้สึกภูมิใจในความเป็นนกแก้วที่อยู่คู่คนไทยมานานรุ่นสู่รุ่น  

บทเรียนจากนกแก้วบอกเราว่า สิ่งสำคัญก็คือ ใครเป็นคนให้ค่าว่าการห่อสบู่ด้วยกระดาษนั้นเชยหรือไม่เชย และอะไรคือเหตุผลที่เราต้องทำตามที่สิ่งที่ใครเขาเชื่อกัน เพราะถ้ามองให้ดี ความขลังนี้ไม่ต่างจากการเลือกดื่มน้ำอัดลมในขวดแก้วหรือขวดพลาสติก ล้วนเป็นอรรถรสจากประสบการณ์ที่ผู้บริโภคเลือกได้เอง

เหมือนที่เราเห็นสบู่ความงามชั้นสูงของยุโรปหลายแบรนด์ก็ยังคงห่อด้วยกระดาษ ขายในร้านหรูหราด้วยราคาที่สูงลิบ

คงเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมกับสบู่พฤกษานกแก้วเท่าไหร่

ถ้าพวกเราคนรุ่นใหม่ตั้งคำถามว่า ‘ใครจะใช้’ หรือ ‘ใครยังใช้’ สบู่แบรนด์นี้อยู่ เพราะยังมีคนไม่น้อยที่ยังใช้และภูมิใจในสิ่งที่เลือกแล้วนี้

ถ้าเปรียบเป็นคน ก็คงเป็นคนที่มีสไตล์และเป็นตัวของตัวเอง เพราะไม่ว่าโลกจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างไร สบู่พฤกษานกแก้วก็ยังคงยืนยันว่า ฉันจะยังเป็นสบู่หอมพฤกษาที่ห่อด้วยกระดาษ

ถ้าเป็นสบู่หอมไม่จริงกลิ่นก็คงหายไปหมด เราคิดในใจขณะยกสบู่พฤกษานกแก้วก้อนสีเขียวขึ้นมาสัมผัสกลิ่น พิสูจน์มนต์อำนาจความหอมอมตะ ครั้งแล้วครั้งเล่า

สบู่พฤกษานกแก้ว

ขอให้เหมือนเดิม

ถ้าสบู่พฤกษานกแก้วเปลี่ยนหน้าตาจากห่อกระดาษไปใส่กล่องสวยๆ หรือแม้แต่เปลี่ยนรูปนกแก้วออกเราจะมีความรู้สึกต่อสิ่งนี้อย่างไร

คำตอบของคนในจำนวนร้อยทั้งร้อยทั้งใกล้ตัวและไกลตัว เห็นตรงกันว่าอย่างไรก็คงไม่ชิน

และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ขอให้มีรูปนกแก้วบนโลโก้ บนสินค้า เพราะเป็นเครื่องการันตีคุณภาพและความเชื่อใจที่มีต่อกัน

สิ่งที่แบรนด์สบู่พฤกษานกแก้วเลือกทำ จึงไม่ใช่การ Repackaging หรือการรื้อภาพ แต่เป็นการนำเสนอแก่นสารและความรู้สึกในแบบที่เราเรียกว่าการทำ Art Marketing

นกแก้ว

ศิลปะการตลาด

นอกจากเรื่อง Rebranding ในโลกธุรกิจสร้างสรรค์มีสิ่งที่เรียกว่า Co-branding

ดังที่เราจะเห็นการทำ Co-branding ของแบรนด์ระดับโลก อย่างแบรนด์น้ำดื่ม Evian กับศิลปินต่างๆ หรือล่าสุด การร่วมกันระหว่างแบรนด์เก่าแก่อย่าง LOUIS VUITTON กับ Jeff Koons ศิลปินป๊อปอาร์ตชื่อดัง ออกมาเป็นคอลเลกชันที่ชื่อว่า Masters ที่จับผลงานศิลปะของศิลปินชั้นครูมาอยู่บนกระเป๋าแบรนด์หรู โดยไม่ทิ้งตัวตนของแบรนด์และศิลปินแต่อย่างไร

เพราะการสื่อสารด้วยศิลปะเป็นเรื่องที่ไม่ต้องการคำอธิบาย เป็นภาษาสากลที่สื่อสารออกไปในวงกว้างได้มากกว่า

เพียงแค่เห็นก็สามารถถ่ายทอดความรู้สึก เรื่องราวกินใจได้ครบถ้วน

Art Marketing ของสบู่พฤกษานกแก้วเกิดจากการมอบโจทย์ให้ศิลปินเป็นคนบอกเล่าเรื่องราวตัวตนของพฤกษานกแก้วในรูปแบบงานศิลป์ โดยขอให้คงตัวตน คุณค่าของแบรนด์ และให้ความงามของศิลปะเป็นตัวเชื่อมการบอกเล่าเรื่องราวสู่คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจในงานศิลป์

ซึ่งถ้าคุณเป็นแฟน The Cloud คุณคงกำลังคิดถึงศิลปินคนเดียวกัน

เก๋ไก๋ ไฉไล สไตล์พฤกษานกแก้ว นักรบ มูลมานัส นักรบ มูลมานัส

ใช่แล้ว สบู่พฤกษานกแก้วเลือก นักรบ มูลมานัส ศิลปินคอลลาจดาวรุ่งที่มีสายตาเข้มข้นทั้งอัตลักษณ์แบบไทยๆ และความเก๋ไก๋ที่ร่วมสมัยแบบสากล

ภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า ‘เก๋ไก๋ ไฉไล สไตล์พฤกษานกแก้ว’ นี้ ประกอบด้วยงานศิลปะที่มีกลิ่นอายไทยๆ จากการตีโจทย์ความเป็นไทยผ่านเอกลักษณ์ของสบู่ทั้ง 8 สี 8 กลิ่น โดยสบู่พฤกษานกแก้วจะใช้ผลงานของนักรบสื่อสารไปยังคนรุ่นใหม่ผ่านทางกิจกรรมเยอะแยะมากมายของแบรนด์ ทั้งทางโซเชียลมีเดีย และการออกของพรีเมียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

เก๋ไก๋ ไฉไล สไตล์พฤกษานกแก้ว เก๋ไก๋ ไฉไล สไตล์พฤกษานกแก้ว

นกแก้ว นักรบ

เป็นความลงตัวระหว่างแบรนด์กับศิลปินที่ทั้งน่าอิจฉาและจับตามอง

ศิลปะบางแขนงเข้าถึงยากมาก แต่งานของนักรบเข้าใจและเข้าถึงง่าย เทคนิคการทำงานศิลปะและแนวทางที่นำเสนอ ภาพตัด-ปะ-จัดวาง จับของหลายสิ่งที่แตกต่างกันน้อยเรียงไปมาก และเก่าเรียงมาใหม่ รวมถึงเสน่ห์และสไตล์ไทยที่เป็นเอกลักษณ์ยากจะเลียนแบบ

แบรนด์สบู่พฤกษานกแก้วก็เช่นกัน เพราะเป็นสินค้าที่เข้าถึงไม่ยาก จริงใจและตรงๆ ไม่ซับซ้อนและลึกซึ้งจนเกินไป

นกแก้ว นกแก้ว นกแก้ว

เป็นวิธีคิดนอกกรอบที่ตอบโจทย์การรักษาและบอกเล่าคุณค่าของแบรนด์ ผ่านงานศิลปะที่เปลี่ยนความเป็นไทยให้ดูตื่นตาตื่นใจ และการให้ศิลปินเป็นตัวกลางเชื่อมต่อแบรนด์และคนรุ่นใหม่เข้าหากัน

จนถึงตอนนี้ รู้ตัวอีกทีเราก็มายืนอยู่หน้าชั้นวางสินค้า เลือกๆ ดมๆ ชื่นใจและตื่นเต้นไปกับกลิ่นไทยๆ ก่อนตัดสินใจเลือกหยิบห่อกระดาษสีน้ำเงินกลับบ้าน

คิดเผื่อไปไกลว่า นอกจากไว้อาบน้ำ น่าจะลองเอาไปใส่ตู้เสื้อผ้า ไว้ในรถแม่ และใช้อีกก้อนทำอะไรดี แต่ที่แน่ๆ เราติดใจในความหอมสไตล์นกแก้วซะแล้วสิ

Parrot Natural

Writer

นภษร ศรีวิลาศ

นภษร ศรีวิลาศ

บรรณาธิการธุรกิจ The Cloud 4.0 แม่บ้านและฝ่ายจัดซื้อจัดหานิตยสารประจำร้านก้อนหินกระดาษกรรไกร ผู้ใช้เวลาก่อนร้านเปิดไปลงเรียนตัดเสื้อ สานฝันแฟชั่นดีไซเนอร์ในวัย 33 ปัจจุบันเป็นแม่ค้าที่ทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อบังหน้า ซึ่งอนาคตอยากเป็นแม่ค่ะ

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล