BODUM® (อ่านว่า โบดัม) คือแบรนด์อุปกรณ์ทำกาแฟจากเดนมาร์ก ที่โด่งดังเรื่องการทำกาแฟให้ง่ายและอร่อย

บอกแค่ชื่อ คอกาแฟชาวไทยอาจจะไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่าเป็นเครื่องชงกาแฟสุญญากาศและเฟรนช์เพรส (French Press) ที่อยู่ในร้านกาแฟพรีเมียมหลายๆ ร้านที่เห็นแล้วมั่นใจได้เลยว่ากาแฟแก้วตรงหน้ารสชาติอร่อยเป็นพิเศษ คุณคงจะพอนึกออก

โบดัมเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าไม่เยอะเมื่อเทียบกับระยะเวลากว่า 75 ปี เพราะเขาคัดสรรมาแล้วว่าอุปกรณ์เพียงเท่านี้ก็สร้างสรรกาแฟที่ดีให้แก่คุณได้

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

“อะไรก็ได้ ที่ทำให้การชงกาแฟนั้นง่ายและอร่อย” Bodum Thailand Team จากไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ เล่าวิธีคิดที่ชาวโบดัมเชื่อและส่งต่อกันมา

คิดแค่นี้เลย 

เริ่มจากผู้ก่อตั้งค้นพบวิธีการชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟสุญญากาศที่ทำให้อร่อยไม่เหมือนใคร จึงนำเครื่องเข้ามาขายเพราะประทับใจในรสชาติ ก่อนออกแบบเครื่องชงและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้

ผลลัพธ์ของวิธีคิดแบบนี้คือเครื่องกาแฟแบบเฟรนช์เพรสชื่อ Chambord ที่ขายได้ 100 ล้านชิ้นทั่วโลก ไม่ใช่แค่หน้าตาสวยสมเป็นชาวสแกนดิเนเวีย แต่เพราะตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิต

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

ถ้าคุณตกหลุมรักงานออกแบบของชาวสแกนดิเนเวียและสงสัยว่าอะไรคือแก่นของความคิดที่ซ่อนอยู่ ลองฟังเรื่องราวเบื้องหลังทั้ง 15 ข้อของโบดัมพร้อมกัน 

บดกาแฟรอไว้ได้เลย หลังจบบทความนี้วิถีการชงกาแฟของคุณจะเปลี่ยนไป

1

จากธุรกิจนำเข้าเครื่องแก้วจากต่างประเทศมาขายในเดนมาร์ก เห็นโอกาสขายเครื่องทำกาแฟในช่วงสงคราม

โบดัมเริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจนำเข้าเครื่องแก้วจากต่างประเทศของ Peter Bodum 

ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ใน ค.ศ. 1944

ยุคนั้นผู้คนนิยมดื่มกาแฟด้วยวิธีการต้มในหม้ออีนาเมล (Enamel) แล้วกรองผ่านผ้า จนกระทั่งปีเตอร์ได้รู้จักวิธีการชงกาแฟด้วยเครื่องสุญญากาศ (Vacuum Pot / Syphon Brewer) ที่ทำให้รสชาติกาแฟเสถียรกว่าการต้มด้วยหม้ออีนาเมล ความประทับใจในรสชาติเป็นแรงบันดาลใจให้เขานำเครื่องต้มกาแฟเข้ามาขาย เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการสุนทรีย์จากกาแฟ แม้จะเพิ่งผ่านช่วงสงครามมาไม่นาน

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

2

พบรสชาติของกาแฟที่อยากให้คนได้ดื่มจากหม้อต้มสุญญากาศ

ด้วยกระบวนการทำกาแฟที่แตกต่างกันตามวัฒนธรรมในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นการต้ม กรอง ดริปกาแฟ กระบวนการที่แตกต่างกันให้รสชาติที่แตกต่างออกไป มีปัจจัยมากมายส่งผลต่อการชงกาแฟแต่ละครั้ง ซึ่งการต้มด้วยเครื่องชงกาแฟสุญญากาศจะทำให้รสชาติเสถียร แปลว่า ไม่ว่าใครชง ก็จะได้รสชาติเหมือนเดิม เมื่อค้นพบกาแฟที่อร่อย ไม่ขมไปหรืออ่อนไป ก็ยิ่งทำให้ปีเตอร์อยากคิดค้นและพัฒนาหม้อต้มและอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟ โดยเครื่องชงกาแฟสุญญากาศตัวแรกภายใต้ชื่อ BODUM® คือ MOCCA ช่วงต้นทศวรรษที่ 1950

3

เปิดตัวในเวทีโลกด้วยเครื่องชงกาแฟสุญญากาศ SANTOS

ด้วยการออกแบบที่ไม่เหมือนใครและความตั้งใจที่จะก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าในตลาดเครื่องชงกาแฟ ทำให้โบดัมเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลาย หลังจากเปิดตัวเครื่องชงกาแฟสุญญากาศรุ่น SANTOS ใน ค.ศ. 1958 โบดัมก็กลายเป็นแบรนด์สำคัญที่สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้วงการตลอด 75 ปี

4

ระดมทีมวิศวกรและนักออกแบบ จนได้เป็น PEBO เครื่องชงกาแฟสุญญากาศอันเป็นตำนานของ BODUM®

เมื่อเครื่องชงกาแฟในยุคนั้นราคาแพงเกินไป ผู้ก่อตั้งแบรนด์ซึ่งอยากให้คนเข้าถึงกาแฟรสชาติที่ดี จึงเริ่มออกแบบเครื่องชงกาแฟคุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้ จึงเกิดเป็น PEBO เครื่องชงสุญญากาศ ซึ่งชื่อของ PEBO มาจากคำแรกของชื่อและนามสกุลของ Peter Bodum

วิธีใช้เริ่มจากต้มน้ำกับแก๊ส เมื่อความร้อนได้ที่จะเกิดความดันไอน้ำ ดันน้ำเดือดด้านล่างขึ้นไปเจอกับกาแฟด้านบน จากนั้นกลั่นตัวเป็นน้ำแล้วทิ้งกากกาแฟไว้ด้านบน 

5

จุดเปลี่ยนของโบดัมคือเฟรนช์เพรส

เมื่อ PEBO ได้รับความนิยม ครอบครัวโบดัมก็เริ่มเสาะหาต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวกับกาแฟ จนเจอเฟรนช์เพรส จะบอกว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของแบรนด์ก็คงจะไม่ผิดนัก 

เฟรนช์เพรส คือชื่อเรียกกลางๆ ของการชงกาแฟแบบกด ซึ่งเริ่มต้นขึ้นที่ฝรั่งเศส ก่อนแพร่หลายในยุโรปจากการคิดค้นเครื่องชงที่มีอุปกรณ์กรองกากกาแฟด้วยการกดของ Mayer และ Delforge ชาวฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ. 1852

ต่อมา Paolini Ugo นักประดิษฐ์เครื่องแยกกากจากน้ำมะเขือเทศชาวอิตาลี คิดต่อยอดเครื่องชงกาแฟโดยเพิ่มขดลวดสปริงรอบตัวลดปริมาณผงกาแฟระหว่างกรอง ก่อนมอบสิทธิการจดสิทธิบัตรให้แก่ Attilio Calimani และ Giulio Moneta ใน ค.ศ. 1928 เพื่อผลิตขายในอิตาลี โดยมีรูปร่างเป็นหม้อต้มโลหะขนาดใหญ่ บ้างเป็นหม้อเซรามิก 

ต่อมามีผู้นำวิธีการต้มกาแฟแบบกดไปพัฒนาเป็นอุปกรณ์ชงที่หลากหลายขึ้น ทั้งตัวกรองและวัสดุที่ใช้ หนึ่งในนั้นคือ Faliero Bondanini นักออกแบบชาวสวิตเซอร์แลนด์ผู้คิดค้นเครื่อง Chambord เครื่องต้มกาแฟอันโด่งดังของ Bodum

6

ใช้การออกแบบแก้ปัญหาการชงกาแฟ

สิ่งที่ทำให้เครื่องชงแบบเฟรนช์เพรสของโบดัมเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง คือการออกแบบที่แก้ปัญหาการชงกาแฟให้ใครๆ ก็ชงกาแฟแก้วโปรดของตัวเองได้ ตั้งแต่การออกแบบตัวกรองที่ทำจากสเตนเลสสตีล นวัตกรรมการออกแบบขดลวดที่ทำให้แยกกากกาแฟจากน้ำได้ดียิ่งขึ้น การออกแบบบีกเกอร์ที่เหมาะสม ไปจนถึงการออกแบบให้ชิ้นส่วนทุกชิ้นถอดล้างทำความสะอาดได้ ทั้งหมดสะท้อนออกมาผ่านรูปทรงที่สวยงาม ไม่เสียชื่อดินแดนงานออกแบบอย่างสแกนดิเนเวีย

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

7

โบดัมเชื่อว่าการทำกาแฟที่ดีไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เยอะ

จอร์เกน โบดัม (Jørgen Bodum) ซีอีโอคนปัจจุบันเน้นย้ำเสมอว่า เมล็ดกาแฟดีๆ แก้วบีกเกอร์ และน้ำต้มสุก คือสิ่งจำเป็นในการทำกาแฟชั้นดีให้คนทั้งโลก

จอร์เกน โบดัม (Jørgen Bodum) ซีอีโอคนปัจจุบัน

ตลอด 75 ปีที่ผ่านมา นอกจากเครื่องชงกาแฟวิธีการต่างๆ โบดัมยังมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำและดื่มกาแฟ ซึ่งทั้งหมดออกแบบภายใต้โจทย์ที่เรียบง่าย พวกเขาไม่ต้องการทำกาแฟที่ซับซ้อนอีกต่อไป หากเทียบกับเจ้าอื่นในตลาด สินค้าของโบดัมอาจจะไม่ได้มีหลากหลายประเภท แต่มีเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ โบดัมมีเครื่องบดเมล็ดกาแฟที่ปรับระดับการบดได้ เพราะอยากให้ลูกค้าสนุกกับการลองหารสชาติที่ชอบ เครื่องชงกาแฟวิธีต่างๆ แก้วกาแฟพกพาและแก้วกาแฟพกพาที่ทำเฟรนช์เพรสได้

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

8

นับจนถึงวันนี้ โบดัมขาย Chambord ได้แล้วกว่า 100 ล้านชิ้นทั่วโลก

เหตุผลที่ Chambord เป็นอุปกรณ์ชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรสที่ขายดีที่สุด เพราะชงง่าย ไม่มีขั้นตอนซับซ้อน และไม่ใช้อุปกรณ์เยอะ นอกจากนี้ วิธีการแบบเฟรนช์เพรสยังดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้ดีที่สุดด้วย และล่าสุดมีบทความจาก Business Insider ที่ยกให้ Chambord เป็นเครื่องชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรสที่ดีที่สุด

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ
15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

9

โบดัมตั้งใจจะเป็นอุปกรณ์ชงกาแฟที่สร้างความสุขให้ลูกค้า

เริ่มจากเลือกเมล็ดกาแฟที่ชอบ บดกาแฟในระดับความละเอียดที่ต้องการ ต้มน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 93 องศาเซลเซียส เติมน้ำในเครื่องชงแบบเฟรนช์เพรส คนให้เข้ากัน ตักโฟมที่ลอยบนผิวน้ำออก แล้วปิดฝาทิ้งไว้ 4 นาที จากนั้นจับด้ามให้มั่น แล้วกดแท่นกั้นกาแฟลงเบาๆ เพื่อหยุดกระบวนการสกัด จนได้กาแฟร้อนพร้อมดื่มภายในเวลาไม่กี่นาที นอกจากจะทำเป็นเครื่องดื่มร้อนแล้ว เฟรนช์เพรสของโบดัมยังทำกาแฟสกัดเย็นได้ด้วย

10

ถ้ากาแฟทำเองที่บ้านได้ง่ายและอร่อยดี แต่ทำไมคนไทยจึงยังไม่ค่อยนิยม

วัฒนธรรมการตื่นเช้ามาต้มกาแฟร้อน เพิ่มความอุ่นในร่างกายของประเทศเมืองหนาว สวนทางกับบ้านเราที่นิยมกาแฟเย็นดับร้อนในชั่วโมงเร่งรีบ แต่เมื่อความรู้เกี่ยวกับกาแฟเริ่มแพร่หลายในวงกว้าง มีผู้คนสนใจแหล่งที่มาของเมล็ด กระบวนการเก็บและคั่ว ไปจนถึงวิธีการดื่มที่แตกต่าง การชงกาแฟด้วยเครื่องเฟรนช์เพรสจึงกลายเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการเสาะหารสชาติกาแฟของตัวเอง

สำหรับเรื่องรสชาติ คนเอเชียจะเคยชินกับเนื้อสัมผัสของกาแฟแบบน้ำใส ไม่มีฝุ่นผงมาเจือปน ซึ่งเกิดจากการใช้กระดาษกรอง ขณะที่คนยุโรปมีความเชื่อว่ารสชาติกาแฟที่ดีอยู่ที่น้ำมันจากกากกาแฟ ซึ่งไม่ผ่านการดูดซับของกระดาษกรอง โบดัมจึงไม่ได้มาเพื่อเปลี่ยนความเข้าใจที่มีต่อรสนิยมการดื่มกาแฟ แต่นำเสนอทางเลือกของการดื่มกาแฟที่ง่ายและรสชาติดีไม่แพ้กัน

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

11

Make Taste, Not Waste โบดัมอยากให้ทุกคนได้ดื่มกาแฟที่ดีโดยไม่สร้างขยะ

หลังจากประสบความสำเร็จ โบดัมก็ไม่หยุดพัฒนาทั้งเครื่องชงกาแฟเฟรนช์เพรสดีไซน์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการทำ การดื่มกาแฟและชา ภายใต้หลักการออกแบบของโบดัม คือการใช้งานจากสินค้าของโบดัมต้องไม่สร้างขยะเพิ่ม เช่นการชงกาแฟด้วยเครื่องเฟรนช์เพรสของโบดัมจะไม่มีกระบวนการไหนที่มีกระดาษเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาออกแบบให้ทุกอย่างถอดล้างทำความสะอาดได้ทุกชิ้น เป็นหลักการที่ชาวโบดัมยึดถือมาตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจ 

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

12

หน่วยออกแบบ PI-Design ในสวิตเซอร์แลนด์

เพราะเชื่อว่าการออกแบบที่ดีต้องมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสม โบดัมจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบเป็นพิเศษ โดยจัดตั้งหน่วยออกแบบภายใต้ชื่อ PI-Design ขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาตั้งแต่ ค.ศ. 1980 ประกอบด้วยนักออกแบบ วิศวกร กราฟิกดีไซเนอร์ และสถาปนิก ที่รับผิดชอบการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของโบดัมให้มีคุณภาพและใช้งานได้จริง

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

13

แก้วโบโรซิลิเกตแบบเดียวกับที่ใช้ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์

นอกจากมีชื่อเรื่องเครื่องทำกาแฟที่แสนสะดวก โบดัมยังเป็นที่ยอมรับเรื่องคุณภาพ ราคาเข้าถึงได้และใช้ได้นาน เช่น ตัวแก้วทำจากแก้วโบโรซิลิเกตแบบเดียวกับแก้วบีกเกอร์ที่ใช้ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์จึงมีความคงทนสูง หรือตัวกรองที่ทำจากสเตนเลสสตีลทั้งหมด

15 เรื่องเบื้องหลัง BODUM แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

14

ตลาดคนรักกาแฟในประเทศไทยรู้จักโบดัมจากแก้ว Double-wall Glasses

แก้ว Double-wall หรือแก้วรักษาอุณหภูมิ ความพิเศษนอกจากจะเป็นแก้วที่ผลิตด้วยมือทุกใบแล้ว ความลับอยู่ที่ปุ่มซิลิโคนตรงก้นแก้วที่ทำหน้าที่เป็นจุดระบายอากาศ และปรับความดันระหว่างแก้วทั้งสองชั้น ทำให้แก้วถ่ายเทและปรับอุณหภูมิ ลดการควบแน่นของอากาศรอบๆ แก้ว ทำให้เก็บรักษาความร้อนและเย็นของเครื่องดื่มได้ดีขึ้น 

15 เรื่องเบื้องหลังโบดัมแบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ
15 เรื่องเบื้องหลังโบดัมแบรนด์อุปกรณ์กาแฟจากเดนมาร์กที่ไม่อยากให้ลูกค้าสร้างขยะ

15

สิ่งที่ทำให้โบดัมอยู่ยาวนานมากว่า 75 ปี คือประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ความเชื่อมั่นของลูกค้า คุณภาพของสินค้า งานออกแบบ และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

ความจริงใจและความเรียบง่ายในการนำเสนอสิ่งที่ดีต่อผู้คนและโลก

Writer

นภษร ศรีวิลาศ

นภษร ศรีวิลาศ

บรรณาธิการธุรกิจ The Cloud 4.0 แม่บ้านและฝ่ายจัดซื้อจัดหานิตยสารประจำร้านก้อนหินกระดาษกรรไกร ผู้ใช้เวลาก่อนร้านเปิดไปลงเรียนตัดเสื้อ สานฝันแฟชั่นดีไซเนอร์ในวัย 33 ปัจจุบันเป็นแม่ค้าที่ทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อบังหน้า ซึ่งอนาคตอยากเป็นแม่ค่ะ

Photographer

Avatar

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อยๆ