ไดอารี่ของบริดเจ็ท โจนส์, คำสารภาพของสาวนักช้อป, คิทเช่น, ริง คำสาปมรณะ และ คินดะอิจิ ยอดนักสืบ
ด้านบนนี้คือ ตัวอย่างผลงานแปลของ Bliss Publishing สำนักพิมพ์ที่แม้จะปิดตัวไปเมื่อหลายปีก่อน แต่เราเชื่อว่า นักอ่านหลายคนยังจดจำช่วงเวลาที่มีร่วมกับผลงานสำนักพิมพ์นี้ได้ดี
ลัดดาวัลย์ รัตนดิลกชัย หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบอกเราว่า Bliss Publishing ซึ่งเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2542 มีปรัชญาการทำหนังสือคือ สร้างงานแปลที่อ่านสนุก ทันโลก และเป็นเพื่อนคุยของผู้หญิงทำงาน
เมื่อบวกกับบุคลิกคนทำที่ชอบกระโดดลงไปเล่นในสนามใหม่ เดินทางที่ยังไม่เคยมีใครเดิน งานแปลที่สำนักพิมพ์นี้เลือก จึงทั้งมีเอกลักษณ์และเป็นสิ่งใหม่สำหรับโลกหนังสือไทย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตลาดนิยายแปลสมัยใหม่ (Contemporary Fiction) ทั้งจากตะวันตก (อังกฤษกับอเมริกา) และตะวันออก (ญี่ปุ่น) รวมถึงเป็นคนริเริ่มหนังสือแนวไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ทั้งแบบรวมบทความและฮาวทู
‘ครั้งแรก’ คือหนึ่งในคำที่ลัดดาวัลย์ใช้บ่อยที่สุดเมื่อย้อนเล่าเรื่องสิ่งที่สร้างมากับมือ
มาทำความรู้จัก Bliss Publishing กันอีกสักรอบ ผ่านหนังสือ 10 เล่มที่ทั้งฮอตฮิตจนกลายเป็นหนังสือในดวงใจใครหลายคน และเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางใหม่ให้วงการหนังสือบ้านเรา
01
ฮาวทูที่ช่วยให้สาวไทยหัดแต่งหน้าได้เอง
แต่งหน้าสวยด้วยตัวเอง
ผู้เขียน : ชรภาส โอภาสพันธ์
สำนักพิมพ์อิมเมจ
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2543
ลัดดาวัลย์เล่าว่า หน่ออ่อนของ Bliss Publishing เริ่มต้นใต้ร่มเงาของนิตยสารและสำนักพิมพ์อิมเมจ ก่อนที่ภายหลังเมื่ออิมเมจอยากเน้นทำหนังสือภาพ Bliss Publishing จึงแยกมากลายเป็นสำนักพิมพ์เต็มตัว
หนังสือเล่มแรกที่ยังพิมพ์ในนามสำนักพิมพ์อิมเมจคือ แต่งหน้าสวยด้วยตัวเอง มีคาแรกเตอร์แบบบลิสที่อยากเป็น คือเป็นเพื่อนกับผู้หญิงวัยทำงาน ที่มาของหนังสือเล่มนี้คือ ลัดดาวัลย์ทำนิตยสารฉบับพิเศษเกี่ยวกับ Beauty ให้อิมเมจ จึงรู้อินไซต์จากลูกค้าโฆษณาว่า ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามที่ขายดีที่สุดคือ สินค้าเกี่ยวกับการแต่งหน้า พูดอีกอย่างคือ สาวไทยต้องการให้หน้าสวยเป๊ะเป็นอันดับแรก ขณะที่ตลาดหนังสือไทยในตอนนั้นไม่มีฮาวทูสอนแต่งหน้าสำหรับสาวไทยโดยเฉพาะ จึงเกิดเป็นหนังสือสอนแต่งหน้าแบบทำตามเองได้ทีละขั้นตอน
แล้วก็ยังเป็นหนังสือเล่มแรกที่มีการ Tie-in สินค้า โดยใช้สินค้าทุกอย่างจากแบรนด์ Estee Lauder ทำให้หนังสือที่พิมพ์ 4 สีทั้งเล่มวางขายในราคาย่อมเยาได้ และได้กำไรตั้งแต่เริ่มขาย เพราะค่าสปอนเซอร์ครอบคลุมต้นทุนหมดแล้ว
หลังเปิดตัววางแผงเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน หนังสือเล่มนี้ได้ผลตอบรับดีมาก เวอร์ชันพิมพ์ครั้งแรกจำนวน 3,000 เล่มนั้นขายหมดใน 1 เดือน ครั้งต่อมายอดพิมพ์จึงโดดไปเป็น 10,000 เล่ม จนจบที่ยอดขายรวมทั้งหมดถึง 30,000 เล่ม
02
นิยายที่นางเอกมีงานทำ มีผู้ชายให้เลือก และถูกนักวิจารณ์ไทยฟันเละ
ไดอารี่ของบริดเจ็ท โจนส์
ผู้เขียน : เฮเลน ฟีลดิง
ผู้แปล : พลอย จริยะเวช
แบรนด์ : BLISS
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2544
หนึ่งในแบรนด์ย่อยของ Bliss Publishing คือ Bliss ซึ่งเป็นงานแปลตะวันตกสมัยใหม่ โดยมี ไดอารี่ของบริดเจ็ท โจนส์ ที่ขายดีจนพิมพ์ไปถึง 26 ครั้ง สะท้อนความเป็น Bliss ได้ดีมาก
งานแปลเล่มนี้เป็น Chick Literature เล่มแรก และเป็นนิยายสมัยใหม่เล่มแรกของวงการหนังสือไทย รวมถึงเป็นเล่มแรกที่พูดถึงชีวิตและมุมมองของผู้หญิงสมัยใหม่ ผ่านชีวิต บริทเจ็ท โจนส์ สาวในช่วงวัย 30 ปีที่สนใจเรื่องการงาน ห่วงเรื่องน้ำหนัก มีปัญหาความรัก ผลของการทำหนังสือแปลที่เล่าเรื่องชีวิตผู้หญิงยุคใหม่ซึ่งมีอาชีพและเลือกผู้ชายได้ คือถูกนักวิจารณ์ไทยยุคนั้นฟันเละ
“จำได้ว่าถูกนักวิจารณ์หนังสือด่ายับเยินออกรายการวิทยุว่า สร้างค่านิยมผิดๆ ให้ผู้หญิง งงไปเลย” ลัดดาวัลย์ย้อนเล่าปนหัวเราะ “หนังสือเล่มนี้สะท้อนว่าชีวิตสังคมผู้หญิงสมัยใหม่เคลื่อนไปแล้ว”
นอกจากนั้น ไดอารี่ของบริดเจ็ท โจนส์ ยังเป็นครั้งแรกที่บรรณาธิการเลือกนักแปลจากคาแรกเตอร์ที่ตรงกับตัวละคร นั่นคือเหตุผลที่ พลอย จริยะเวช คอลัมนิสต์เปรี้ยวเก๋ผู้มีหลายอย่างคล้ายบริดเจ็ท โจนส์ ได้แปลหนังสือเป็นครั้งแรกในชีวิต
แล้วหนังสือเล่มนี้ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ระบบ Reader หรือนักอ่านมาช่วยตรวจงานแปล โดยสำนักพิมพ์จะหาผู้ที่เข้าใจภาษาไทย และเรียนจบจากประเทศต้นกำเนิดหนังสือ มาร่วมอ่านต้นฉบับเพื่อความถูกต้องสมบูรณ์
Bliss Publishing มองหนังสือของสำนักพิมพ์แบบองค์รวม คือต้นฉบับ รูปเล่ม จนถึงช่องทางการขายต้องไปด้วยกัน และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ก่อนหนังสือเล่มนี้ลืมตาดูโลก สำนักพิมพ์จึงไปสังเกตพฤติกรรมนักอ่านและหนังสือคู่แข่งที่ร้านหนังสือ จนบรีฟคนทำปกที่ชื่อ ปราบดา หยุ่น ว่า ขอให้วาดปกของหนังสือด้วยลายเส้นง่ายๆ และพิมพ์ 2 สี เพื่อให้โปร่งเบา โดดเด่นออกมาจากหนังสือคู่แข่งที่ส่วนใหญ่มีดีไซน์ด้วยสีเข้มคลาสสิก คาแรกเตอร์ปกแบบนี้ยังใช้กับเล่มอื่นๆ ด้วย จนกลายมาเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) สำนักพิมพ์
03
ตัวเปิดตลาดนิยายเอเชียสมัยใหม่ในไทย
คิทเช่น
ผู้เขียน : บานานา โยชิโมโต
ผู้แปล : เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย
แบรนด์ : JBOOK
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2544
คิทเช่น เป็นหนังสือภายใต้แบรนด์ย่อย JBOOK พิมพ์งานแปลเอเชียสมัยใหม่ เรื่องนี้ถือเป็นผู้เปิดตลาดนิยายเอเชียสมัยใหม่และญี่ปุ่นสมัยใหม่ในเมืองไทย
นิยายสั้นที่ขายดีไปทั่วโลกเล่มนี้พูดถึงการก้าวข้ามผ่านความสูญเสียของ มิคาเกะ ซะกูไร หญิงสาวในสังคมญี่ปุ่นสมัยใหม่ แม้วิธีเล่าจะมีความเป็นศิลปะสูงกว่าความบันเทิง เช่น มีฉากที่นางเอกนั่งอยู่ข้างตู้เย็นแล้วมีเสียงตู้เย็นดังไป 1 หน้าเต็มๆ จนมีคนกลัวว่าจะขายได้หรือเปล่า แต่นักอ่านไทยก็เปิดรับงานแนวใหม่ได้ดี ขณะที่กลิ่นอายความเป็นเอเชียก็ช่วยให้คนอ่านจูนติดได้ไม่ยากนัก
อีกจุดสำคัญคือ คิทเช่นนับเป็นผู้ที่พานักเขียนดังอย่าง โยชิโมโต บานานา (Yoshimoto Banana) มาให้คนไทยรู้จัก จนหลายคนสมัครเป็นแฟนคลับตัวยง และทำให้มีหนังสือที่แปลจากนิยายของนักเขียนคนนี้ตามมาอีกเป็นขบวน อาทิเช่น เรื่อง หลับ และ ลาก่อนท์ซึกุมิ
04
นิยายที่ไม่มีนางเอกสมบูรณ์แบบ มีแต่นักช้อปหนี้ท่วมหัว
คำสารภาพของสาวนักช้อป (The Secret Dreamworld of a Shopaholic)
ผู้เขียน : โซฟี คินเซลลา
ผู้แปล : พลอย จริยะเวช
แบรนด์ : Bliss
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2548
เป็นอีกครั้งที่ Bliss Publishing เลือกงานต่างจากขนบ นั่นคือนิยายที่มีนางเอกแบบ Anti-heroine เราจึงได้เจอ รีเบคคา บลูมวูด นักข่าวสายการเงินที่ตัวจริงเสพติดการช้อปปิ้งจนเป็นหนี้สินพะรุงพะรัง แถมยิ่งเครียดก็ยิ่งช้อปไม่เลิก แต่ขณะเดียวกัน ลัดดาวัลย์ชี้ว่า ความบกพร่องของตัวละครเอกที่เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา คือสิ่งเราต่างเชื่อมโยงได้ดี
นอกจากความแอนตี้นางเอกตามแบบแผน ปกหนังสือของเซ็ตสาวนักช้อปยังมีการเปลี่ยนสไตล์ กลายเป็นแนวการ์ตูนผสมผสานกับความ Abstract คล้ายภาพวาดแนวกราฟิกของญี่ปุ่น โดยมีภาพวาดนางเอกที่คนทำเรียกกันว่า ‘น้องหัวกลม’ เป็นตัวเอก เมื่อไหร่ที่ช้อปปิ้งเยอะ รัศมีบนหัวน้องก็จะใหญ่ขึ้นตามลำดับ
05
นิยายสยองขวัญที่เกิดขึ้นได้ใกล้บ้านคุณ
ริง คำสาปมรณะ
ผู้เขียน : ซุสุกิ โคจิ
ผู้แปล : น้ำทิพย์ เมธเศรษฐ
แบรนด์ : JBOOK
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2545
อีกหนึ่งผลงานสำคัญของ JBOOK ที่มีเนื้อหาว่าด้วย วิดีโอเทปอาถรรพ์ที่ใครดูแล้วต้องตายใน 1 สัปดาห์ และการดิ้นรนให้รอดพ้นจากคำสาปของวิดีโอม้วนนั้นของอาคาซาว่า นักข่าวหนุ่มตัวเอกของเรื่อง
การมาถึงของ ริง คำสาปมรณะ เป็นการเปิดตลาดนิยายแปลแนวลึกลับสยองขวัญในไทย จากเดิมที่มีแต่แนว Pure Horror ซึ่ง เหม เวชกร เป็นผู้ครองตลาด และแนว Mystery ที่มี สรจักร ศิริบริรักษ์ ปักธงอยู่
นอกจากนั้น ริง คำสาปมรณะ ยังสะท้อนคีย์เวิร์ดสำคัญของ JBOOK นั่นคือคำว่า Ground หรือความติดดินที่คนทำเรียกกันเองว่า ‘ฆาตกรรมข้างบ้าน’ อย่างในเรื่องก็ไม่ได้มีหน่วยงานเอฟบีไอเข้ามาสืบอะไรซับซ้อน แต่เป็นเรื่องเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง (ผีในเรื่องนั่นเอง) ที่ถูกรังแกจนตาย และการตามหาว่าทำไมเขาถึงตาย ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่คนอ่านเชื่อมโยงกับตัวเองได้ไม่ยาก
แล้ว ริง คำสาปมรณะ ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานระหว่างสำนักพิมพ์ไทยกับสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นโดยตรง แม้ว่าจะมีเอเยนต์ แต่ลัดดาวัลย์ต้องไปพบและโน้มน้าวสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นเอง หลังได้ลิขสิทธิ์ของ ริง คำสาปมรณะ ซึ่งยิ่งใหญ่มากในแดนอาทิตย์อุทัยมาครอง พอร์ตดีเยี่ยมนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ JBOOK ทำงานกับสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นแบบผ่านฉลุยเสมอ
อีกจุดที่น่าเล่าถึงคือ ริง คำสาปมรณะ เป็นหนังสือที่ทำให้ Bliss Publishing มีผู้จัดจำหน่ายรายที่ 2 ขณะที่สำนักพิมพ์อื่นมักมีผู้จัดจำหน่ายรายเดียว เพราะ Bliss Publishing มองว่าคนอ่าน JBOOK อยู่ในเมืองเป็นหลัก ริง คำสาปมรณะ และหนังสือ JBOOK หลังจากนั้นจึงถูกจัดจำหน่ายโดยซีเอ็ด ซึ่งมีหน้าร้านของตัวเองอยู่ในเมืองแทนมติชน ผู้จัดจำหน่ายรายแรกซึ่งมีสายส่งแข็งแรงไปทั่วประเทศ
06
ต้นกำเนิด Light Novel สาขาเมืองไทย
ยมทูตสีขาว (Ballad of a Shinigami)
ผู้เขียน : ฮาเซงาวะ เคสุเกะ
ผู้แปล : สุพัตรา ผดุงปรีชาไชย
แบรนด์ : JBOOK
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2548
นิยายแฟนตาซีเกี่ยวกับยมทูตสาวโมโมะซึ่งชอบช่วยเหลือมนุษย์นี้ ถือเป็นงานแนว Light Novel เล่มแรกของไทย โดยหนังสือประเภทนี้ มีที่มาจาก Web Novel ของญี่ปุ่นซึ่งอ่านกันจากในมือถือ
ยมทูตสีขาว มีความ Light ในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่เนื้อหาจนถึงรูปเล่มกะทัดรัดเท่าฝ่ามือ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีใครทำ และนอกจากตัวหนังสือจะแปลกใหม่ สำนักพิมพ์ยังตัดสินใจทดลองทำงานด้วยวิธีใหม่ให้เข้ากับมันด้วย นั่นคือเปลี่ยนทีมทำงานทั้งหมดเป็น ‘กองทัพเด็ก’ คือตั้งแต่กองบรรณาธิการจนถึงกราฟิกล้วนอายุไม่เกิน 25 ปี แล้วให้นักแปลรุ่นโตเปลี่ยนเป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องใหม่แทน
ขณะที่ในส่วนการตลาด ก็วางแผนให้หนังสือแนวนี้ออกมาทีเดียวหลายเล่ม เนื่องจากไซส์ของมันเล็กจิ๋วไม่เหมือนเพื่อน จึงต้องมีหลายเล่มไปวางยึดพื้นที่ชั้นหนังสือไว้ นอกจากนั้น เพื่อให้หนังสือไปถึงกลุ่มผู้อ่านเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น การวางขายจริงเน้นร้านหนังสือที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยและโรงเรียนก่อน รวมถึงการเจรจากับร้านขายการ์ตูนทั้งหมดใกล้สถานศึกษาด้วย
07
นิยายสืบสวนซ่อนเงื่อนก็ตลกได้นะ
มิเกะเนะโกะ โฮล์มส์ แมวสามสียอดนักสืบ ตอน สังหารโหดอาจารย์
ผู้เขียน : อาคากะวา จิโร
ผู้แปล : สมเกียรติ เชวงกิจวาณิช
แบรนด์ : JBOOK
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2546
นิยายที่เป็นตัวเปิดตลาดงานแนว Comedy Mystery หรือนิยายลึกลับที่สอดแทรกอารมณ์ขัน เนื้อเรื่องพูดถึงนายตำรวจหนุ่มซึ่งสืบคดีโดยมีเจ้าแมวสามสีชื่อเหมือนตัวละครนักสืบดังว่า โฮล์มส์ เป็นผู้ช่วย แม้คดีจะลึกลับแต่ก็มีความตลกและความเป็นการ์ตูนปนอยู่ให้นอนอ่านไปเรื่อยๆ ได้อย่างสบายใจ
08
นิยายเรื่องยาวแบบซีรีส์
คินดะอิจิยอดนักสืบ ตอนที่ 1 ฆาตกรรมในตระกูลอินุงามิ
ผู้เขียน : โยโคมิโซะ เซชิ
ผู้แปล : เสาวณีย์ นวรัตน์จำรูญ
แบรนด์ : JBOOK
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2547
นิยายสืบสวนซ่อนเงื่อนที่มีตัวเอกคือ นักสืบคินดะอิจิ โคสุเกะ เรื่องนี้ ทำให้นักอ่านไทยได้สนุกกับการอ่านเรื่องยาวแบบเป็นซีรีส์ เนื่องจากต้นฉบับนั้นยาวเหยียดมากกว่า 40 เล่ม โดยลัดดาวัลย์เล่าว่า เหตุผลที่ทำให้มั่นใจว่างานยาวขนาดนี้จะไปรอดคือการทดลองอ่าน 2 บทแรกของหนังสือแล้วสนุกมาก ปกติ Bliss Publishing มักจะตัดสินงานด้วยวิธีนี้ เพราะเชื่อว่าถ้า 2 บทแรกยังเอาคนอ่านไม่อยู่ บทที่เหลือก็ไม่น่าไหว
และถ้าถามว่าแฟนคลับตามกันจนครบมั้ย ก็บอกได้เลยว่ามีคนตามเก็บจนครบถ้วน ไม่ต่างจากเราที่ไล่ดูซีรีส์เน็ตฟลิกซ์จนตาแฉะในปัจจุบัน เป็นการพิสูจน์ว่าตลาดนี้มีอยู่ ไปรอดได้จริงตามที่สำนักพิมพ์คาดไว้
09
นิยายสืบสวนซ่อนเงื่อนสำหรับวัยรุ่น
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ (Pretty Little Liars)
ผู้เขียน : ซารา เชปเพิร์ด
ผู้แปล : จิตราพร โนโตดะ
แบรนด์ : BLISS
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2550
นิยายแปลที่ทำให้งานแนว Teen Romantic Mystery เป็นที่รู้จักในเมืองไทย เรื่องย่อคือมีกลุ่มเพื่อนสาววัยมัธยมที่อยู่ๆ มีเพื่อนคนหนึ่งหายตัวไป แต่วันหนึ่งกลับมีข้อความจากผู้ส่งที่ใช้ชื่อคล้ายเพื่อนคนนั้นส่งมารังควาญคนที่เหลือจนนำไปสู่การค้นหาความจริง นับเป็นเรื่องที่ลัดดาวัลย์บอกว่าต้นฉบับสนุกมากจนต้องหยิบมาแปล และอีกหลายปีต่อมา เรื่องนี้ก็กลายเป็นซีรีส์ดังมากของอเมริกา
10
หนังสือท่องเที่ยวเน้นมุมมองแปลกใหม่
Aqua Paradise
ผู้เขียน : พลอย จริยะเวช
สำนักพิมพ์ : TALENT 1
พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2555
หลังจาก Bliss Publishing โบกมือลานักอ่าน ลัดดาวัลย์ได้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ Talent 1 ที่ยังคงมีกลิ่นอายงานสนุก แปลกใหม่ และทันโลกมาสร้างความสุขให้นักอ่านต่ออีกช่วงหนึ่ง ตัวอย่างผลงานน่าสนใจของสำนักพิมพ์นี้คือซีรีส์หนังสือท่องเที่ยวโดย พลอย จริยะเวช
ซีรีส์นี้นับเป็นครั้งแรกที่งานแนวท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์จัดหมวดตามความชอบของคน (และเต็มไปด้วยที่แปลกใหม่ซึ่งคนยังไม่ค่อยไปกัน) เช่น เล่ม Aqua Paradise ก็ว่ากันด้วยเมืองติดน้ำล้วนๆ ตั้งแต่เวนิส นอร์เวย์ จนถึงมัลดีฟส์ แถมยังเขียนแบบเน้นเล่าจากมุมมองนักเขียนมากกว่าข้อมูลล้วน ลัดดาวัลย์พยายามสร้างวัฒนธรรมการอ่าน มุมมอง และทัศนคติ แม้แต่ในเรื่องเบาๆ อย่างไลฟ์สไตล์ นอกจากนั้น ตัวเล่มหนังสือยังเน้นการออกแบบเป็นหลัก มากกว่าภาพถ่ายสถานที่ด้วย
และทั้งหมดนี้คือ 10 หนังสือที่สะท้อนความเป็น Bliss Publishing ซึ่งสนุกกับการลงมือสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่มาประดับวงการหนังสือไทยอยู่เสมอ
ลัดดาวัลย์บอกเราว่าเมื่อมองย้อนกลับไป เธอคิดถึงสำนักพิมพ์นี้ในฐานะผู้ทำหน้าที่สำคัญ 3 อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ช่วยให้หนังสือเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตคน ด้วยการเน้นทำหนังสือที่สร้างความบันเทิงอ่านง่ายมากกว่าเป็นวรรณกรรมเข้มข้น
อย่างที่สองคือ เป็นตัวอย่างการทำงานแบบมองทั้งภาพใหญ่ ตั้งแต่เนื้อหา ปก จนถึงวิธีขายต้องไปด้วยกัน พูดอีกอย่างคือบรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์เป็นเหมือนโปรดิวเซอร์คุมภาพรวม ทำทั้งครีเอทีฟและการตลาดจนลุล่วงทั้งกระบวนการ
สุดท้ายคือ ทำหน้าที่บอกทุกคนว่าสำนักพิมพ์ไม่จำเป็นต้องไซส์ใหญ่ ขอแค่มีเอกลักษณ์และทำแบบธุรกิจจริงจัง มองให้ครบทั้งระบบ มันก็จะไปรอดได้
“เราพูดตั้งแต่ปีแรกว่าถ้าอยู่ไม่รอด เลิก อย่าทำ เพราะมันจะกลายเป็นความขมขื่น ซึ่งเราไม่ชอบ คนทำขมขื่นจะไปทำหนังสือสนุกได้ยังไง” ลัดดาวัลย์บอกเรา
การเดินทางของ Bliss Publishing จึงนับเป็นความเสี่ยงที่คิดมาดีแล้ว และนั่นทำให้ทุกก้าวแรกที่เดินไปล้วนน่าจดจำ
ทั้งสำหรับตัวคนทำ และสำหรับนักอ่านที่ได้พบสิ่งใหม่ผ่านหนังสือเหล่านี้