4 กุมภาพันธ์ 2022
2 K

หากใครคุ้นเคยกับวงการนาฬิกา ต้องเคยได้ยินชื่อของ Blancpain นาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ระดับท็อปที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแน่ ๆ

และหากใครคุ้นเคยกับวงการอาหาร Fine Dining ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของ Sühring ร้านอาหารของเชฟฝาแฝดชาวเยอรมันที่ได้รับมิชลิน 2 ดาว 4 ปีซ้อนเช่นเดียวกัน

อาจสงสัยว่าทั้งสองแบรนด์นี้มีความเกี่ยวข้องและมาจับมือสร้างโปรเจกต์ร่วมกันได้ยังไง

เรากำลังจะเล่าให้คุณฟัง

นวัตกรรมคือประเพณีของเรา

Blancpain นับเป็นแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1735 หรือกว่า 286 ปีแล้ว หนึ่งในเหตุผลหลักที่แบรนด์สามารถอยู่มาได้เป็นเวลานาน คือการให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ มีการปรับตัวและสรรหานวัตกรรมใหม่ ๆ มาตลอด

ด้วยปรัชญาหลักที่ว่า Innovation is our tradition หรือนวัตกรรมคือประเพณีของเรา ทำให้นาฬิกาที่เป็นผลงานของแบรนด์นี้มักพิเศษด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่แปลกใหม่และน่าสนใจอยู่เสมอ อย่างเช่นนาฬิกาดำน้ำแบบร่วมสมัยเรือนแรกของโลกที่ต่อมากลายเป็นต้นแบบของนาฬาดำน้ำในยุคปัจจุบัน หรือนาฬิกาที่มีกลไกบอกปฏิทินจีนโบราณได้เป็นเรือนแรกของโลก เป็นต้น

ขณะเดียวกัน Blancpain ก็คงไว้ซึ่งคุณค่าของนาฬิกาแบบดั้งเดิมเอาไว้ ในโลกปัจจุบันที่นาฬิกามีหลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งใส่ถ่านหรือแม้กระทั่งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ว่าที่นี่ยังเลือกผลิตนาฬิกาตามศาสตร์ดั้งเดิมที่เป็นระบบกลไกเท่านั้น ซึ่งจะเป็นงานศิลปะที่อยู่ไปได้ตลอดกาล เพราะนาฬิการะบบกลไกจะไม่มีวันหยุดเดิน ถ้ายังได้รับการขึ้นลาน และบำรุงรักษาอยู่ตลอด

ศิลปะในการดำรงชีวิต

คนที่อยู่ในวงการนาฬิกาเท่านั้นที่จะรู้ว่า Blancpain มีความพิเศษยังไง เพราะเป็นนาฬิกาของคนที่ชื่นชมในตัวแบรนด์จริง ๆ โดยรู้ดีว่าตัวเองกำลังใส่อะไรอยู่ ว่าง่าย ๆ คือไม่ได้ต้องการตะโกนบอกใคร 

แบรนด์เล่าให้ฟังว่า อย่างที่ไทยเองก็มีลูกค้าที่สั่งแกะสลักเป็นรูปวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารบนกลไกที่สามารถมองเห็นได้จากทางด้านหลังของตัวนาฬิกาเท่านั้น ซึ่งความพิเศษเฉพาะตัวแบบนี้ไม่มีใครรู้นอกจากคนใส่ที่ยอมจ่ายเพื่อให้ได้งานศิลปะชิ้นนี้มาอยู่บนข้อมือของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องโอ้อวดใด ๆ

ซึ่งอีกหนึ่งศิลปะที่ Blancpain เห็นความสำคัญและพยายามนำมาเชื่อมโยงเข้ากับนาฬิกา ก็คือ Gastronomy หรือศิลป์ทางอาหาร 

เบื้องหลังมื้ออาหารพิเศษที่ Süring ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน 286 ปีของนาฬิกา Blancpain

ในภาษาฝรั่งเศสจะมีคำว่า Haute Horlogerie หรือการผลิตนาฬิกาชั้นสูง เหมือนกับคำว่า Haute Cuisine ที่แปลว่าการครัวชั้นสูงอยู่ จึงเป็นจุดร่วมที่ทำให้เห็นได้ว่า เชฟกับช่างทำนาฬิกาเป็นอาชีพที่มีความแตกต่างที่เหมือนกัน คือต้องใช้แรงบันดาลใจ ความหลงใหล ความทุ่มเทใส่ใจในรายละเอียด ความรู้ ความเชี่ยวชาญเพื่อทำให้ผลงานออกมาดีที่สุด

สายสัมพันธ์ฉันมิตรในวงการอาหาร

เรื่องราวเริ่มต้นในช่วงปี 1986 เมื่อ Blancpain ได้มอบนาฬิกาที่แกะสลักเป็นพิเศษให้กับเชฟ Frédy Girardet หนึ่งในเชฟที่เก่งและมีชื่อเสียงที่สุดในโลกเพื่อเฉลิมฉลองในวาระที่เขาได้รับรางวัล World’s Best Chef และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความผูกพันในวงการอาหารครั้งแรกของ Blancpain

เบื้องหลังมื้ออาหารพิเศษที่ Süring ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน 286 ปีของนาฬิกา Blancpain

ต่อมา เชฟ Frédy Girardet เชฟ Paul Bocuse และเชฟ Joël Robuchon ได้รับรางวัล Chefs of the Century จาก Gault & Millau Guide แบรนด์จึงมอบนาฬิกาที่แกะสลักเฉพาะให้กับเชฟทั้งสามท่าน ตั้งแต่นั้นมา Blancpain เลยสานสัมพันธ์กับเชฟตั้งแต่รุ่นเก่ารุ่นใหม่ กลายมาเป็นกลุ่มเพื่อนทางด้านอาหารที่มีดาวมิชลินรวมกันแล้วมากกว่าร้อยดวง

สำหรับ Friend of the Brand ของ Blancpain ไม่ได้มีการกำหนดว่าต้องทำอะไรร่วมกัน หรือต้องมีระยะเวลาตายตัว แต่อยู่กันด้วยความเชื่อร่วมกันมากกว่า ต่างจากแบรนด์อื่นซึ่งจะมีการเซ็นสัญญาว่าต้องมาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตัวอย่างเช่นเชฟ Joël Robuchon เป็น Lifetime Friend of the Brand ที่ตัวเชฟเองบอกว่าถ้ามีการเซ็นสัญญาก็เป็นการทำธุรกิจ เป็น Partnership ไม่ใช่ Friendship ทำให้ Blancpain ร่วมงานแบบไม่มีการเซ็นสัญญาไปตลอดจน Mr.Robuchon เสียชีวิต

การร่วมมือกับมิชลินไกด์

Blancpain เป็นพันธมิตรกับทางมิชลินไกด์เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าแบรนด์มีเจตนารมณ์ที่จะช่วยสนับสนุนเพื่อร่วมมือกันโปรโมตความยอดเยี่ยม ความเป็นหนึ่ง และความมีแพสชันของคนในวงการอาหารจริง ๆ โดยมีรางวัลพิเศษมอบให้เชฟที่อุทิศตัวให้กับวงการไม่ว่าจะเป็นรางวัล Young Chef Award ที่มอบให้กับเชฟรุ่นใหม่ที่มีฝีมือโดดเด่น ซึ่งรางวัลนี้มีมอบในประเทศไทยด้วย หรือรางวัล Mentor Chef Award คือเชฟที่ดูแลปลูกฝัง ช่วยสร้างเชฟรุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งทั้งสองรางวัลก็สะท้อนความเป็น Blancpain ในการสร้างสรรค์ และส่งต่อนวัตกรรมของเชฟทั้งหลายอีกด้วย

ทำไมต้องเป็น Sühring

เมื่อมาถึงการคัดเลือก Friend of the Brand เราสงสัยว่าใช้ปัจจัยอะไรบ้างในการตัดสินใจว่าใครควรมารับหน้าที่นี้ 

สิ่งที่แบรนด์คำนึงถึงมากไปกว่าฝีมือทางด้านอาหารที่เชฟมืออาชีพระดับ Fine Dining ทุกคนต้องมี คือความเชื่อที่ถ่ายทอดออกมาสู่ผลงานต้องไปในทิศทางเดียวกันกับปรัชญาของแบรนด์ด้วย

Sühring เป็นร้านที่ได้มิชลิน 2 ดาวเพียงไม่กี่ร้านในประเทศไทยมาถึง 4 ปีซ้อน แนวทางในการทำงานของเชฟ Thomas และเชฟ Mathias Sühring เองก็คล้ายกับแบรนด์ ในแง่ของการนำความโมเดิร์นมาเสริมให้อาหารเยอรมันสนุกขึ้นโดยไม่ได้ละทิ้งรากเดิมที่มี 

เหมือนกับที่ Blancpain เอาความดั้งเดิมมาผสมผสานนวัตกรรมจนลงตัว รวมไปถึงบรรยากาศร้านที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับเวลาเดินเข้าไปในร้าน Blancpain มีความถ่อมตัว ผ่อนคลาย จากการตกแต่งร้านด้วยไม้ในโทนอุ่น ไม่ได้โฉบเฉี่ยวหวือหวา ทำให้ได้ความรู้สึกต้อนรับอย่างอบอุ่นมากกว่า

เบื้องหลังมื้ออาหารพิเศษที่ Süring ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน 286 ปีของนาฬิกา Blancpain

คอร์สเมนูพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Blancpain

เพื่อฉลองมิตรภาพอันดีระหว่าง Blancpain และ Süring เชฟ Thomas และเชฟ Mathias ได้สร้างสรรค์เมนูอาหารสุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิด ‘Innovation is our tradition’ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยึดถือ ทางแบรนด์ปล่อยให้เชฟฝาแฝดได้คิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่โดยไม่กำหนดกรอบ เพราะเคารพเชฟในฐานะศิลปินที่น่าชื่นชมในความยอดเยี่ยม ไปจนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความตั้งใจ

เบื้องหลังมื้ออาหารพิเศษที่ Süring ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน 286 ปีของนาฬิกา Blancpain

เชฟเล่าให้เราฟังว่าเลือกใช้วัตถุดิบที่ไม่เพียงหายาก แต่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการปรุง บางอย่างต้องรอให้ถึงฤดูของมันเท่านั้นถึงจะนำมาทำอาหารให้อร่อยได้ เทสติ้งเมนูนี้จึงมาในรูปแบบของเทสติ้งเมนู 6 คอร์สที่เต็มอิ่มไปด้วยรสชาติหลากหลาย เน้นการคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดและเทคนิคการปรุงอาหารระดับโลกให้ออกมาดีที่สุด

เบื้องหลังมื้ออาหารพิเศษที่ Süring ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน 286 ปีของนาฬิกา Blancpain
เบื้องหลังมื้ออาหารพิเศษที่ Süring ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน 286 ปีของนาฬิกา Blancpain

หนึ่งในเมนูเด่นคือ Aki “Ossetra Imperial” Caviar ซึ่งในคอร์สพิเศษนี้ ได้รังสรรค์ปูจักรพรรดิหรือ King Crab เสิร์ฟพร้อมกับไข่ปลาคาเวียร์ เพิ่มรสชาติด้วยสาหร่ายทะเลและควินัว มีเมนคอร์สที่สองเชฟภูมิใจนำเสนออย่าง Atlantic Turbot & Blue Lobster นำเนื้อกุ้งมังกรสีฟ้าลวกจนได้ที่ เสิร์ฟพร้อมกับปลา Turbot จากมหาสมุทรแอตแลนติก เข้ากันได้ดีกับหอยตลับรมควันและซอสไวน์ขาวที่มีความหอมของเนยและน้ำมันจากใบกระวาน ตบท้ายด้วยไอศกรีมที่มีถั่วเฮเซลนัทเป็นดาวเด่น เสิร์ฟคู่กับเฮเซลนัทพราลีนซึ่งมีส่วนผสมของดาร์กช็อกโกแลตถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มเท็กซ์เจอร์และความสดชื่นด้วยเนื้อแอปริคอต และเติมความหอมหวานด้วยซอสเบอร์บอนวานิลลา

*รายการเมนูอาหารทั้งหมด อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความพร้อมและความเหมาะสม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเมนูพิเศษได้ที่

Blancpain : +66 2 610 0235

Sühring : +66 2 107 2777

คอร์สเมนูพิเศษจาก Blancpain และ Sühring จะมีให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็นในราคา 7,500 บาท++ ตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ – 13 มีนาคม 2565 โดยในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทางร้านจะเสิร์ฟเพียงเทสติ้งเมนูดังกล่าวเท่านั้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรัก พร้อมด้วยของขวัญสุดพิเศษจาก Blancpain และ Sühring มอบให้กับผู้ที่มาทานอาหารมื้อพิเศษเพื่อเป็นการขอบคุณ

Website : www.restaurantsuhringmenu.com/blancpain/

YouTube : www.youtube.com/watch?v=ywsA59UYQ0w 

Writer

Avatar

ณิชากร เอื้อสุนทรวัฒนา

อดีตนักเรียนโฆษณาที่มาเอาดีทางด้านอาหาร แต่หลงใหลการสัมภาษณ์และงานเขียน