“สวัสดีบิวกิ้น เป็นไงบ้าง”

“สบายดีครับผม” เสียงชายวัยรุ่นจากอีกฝั่งของโปรแกรม Zoom ตอบกลับมาพร้อมสีหน้าที่สดใส 

ช่วงนี้ไม่ว่าใครก็ทำงานออนไลน์จากที่บ้าน แม้แต่การสัมภาษณ์ครั้งนี้ก็ด้วย (จริงๆ ผู้อ่านก็อ่านออนไลน์ด้วยนี่นา)

เรานัดกับ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล เช้าตรู่ในวันทำงาน ชวนพูดคุยเกี่ยวกับชีวิต บิวกิ้น ในช่วงนี้ เนื่องจากเขากำลังมีผลงานใหม่ 

billkin เด็กชายที่เคยเดินไปขอแม่ร้องเพลง ในวันที่ตั้งใจเป็นศิลปินให้คนชอบจากผลงาน

ทุกคนรู้ แฟนคลับยิ่งรู้ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 จะฉายวันที่ 27 พฤษภาคม มั่นใจว่าแฟนๆ หลายคนกำลังตั้งตารอคอยซีรีส์เรื่องนี้อย่างใจจด กระแสดีตั้งแต่วันเปิดตัวภาพโปสเตอร์ ชาวเน็ตก็แชร์ว่อนไทม์ไลน์   

ตั้งแต่เข้าวงการมา บิวกิ้นคือเด็กหนุ่มที่มีพลังเหลือล้น สดใส เขาทำงานที่ตัวเองรักทั้งการด้านแสดงและร้องเพลงอย่างสุดความสามารถ เติบโตผ่านการทำงานที่มากฝีมือขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  

อีกด้านหนึ่ง เขาคือนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปี 3 จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ที่กำลังจะเรียนจบในเทอมหน้า บิวกิ้นใช้เวลาเพียง 3 ปีครึ่งสำหรับจบการศึกษาจากรั้วธรรมศาสตร์ ช่วงนี้เขาเลยต้องเรียนออนไลน์วนไป พร้อมโปรโมตซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 ไปด้วย

เรารู้จักบิวกิ้นครั้งแรกจากบทหมอเต่า ซีรีส์ รักฉุดใจนายฉุกเฉิน My Ambulance นักศึกษาแพทย์ Extern สุดขี้เล่น ด้วยบทส่งให้คนดูรักตัวละครหมอเต่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง ยิ่งซีนหมอเต่าเสียชีวิต บิวกิ้นก็แสดงได้บีบหัวใจคนดูสุดๆ เรียกได้ว่าร้องไห้กันเต็มทวิตเตอร์เลยทีเดียว และทุกคนยังได้รับรู้ว่าเขาร้องเพลงเพราะมากจากซีรีส์เรื่องนี้ (มีใครในที่นี้หลงรักซีนที่เขาร้องเพลง หนาวนี้ เหมือนกันบ้างไหม เราคือเพื่อนกัน!)

หนึ่งปีถัดมา บิวกิ้นมีผลงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึง แปลรักฉันด้วยใจเธอ เขารับบทเป็นเต๋ ตัวเอกหลักของเรื่อง และร้องเพลงประกอบเช่นเคย

“สนุกกับชีวิต ทำตามแพสชัน เรียนรู้ไปตลอด และสำคัญที่สุด คือเราต้องสุขกับทุกอย่าง” นี่คือประโยคอธิบายตัวตนของศิลปิน-นักแสดง ในช่วงเวลานี้ได้เป็นอย่างดี

ขอให้ทุกคนอ่านบทสนทนาออนไลน์ด้านล่างนี้อย่างมีความสุข ขอกระซิบอีกนิดว่า ภาพประกอบในบทสัมภาษณ์นี้ เราส่งกล้องฟิล์ม 2 ม้วน ไปให้เขาถ่ายตัวเอง แต่ก็ถ่าย… (ไม่บอกดีกว่า)

และหากใครจะเปิดเพลย์ลิสต์ของบิวกิ้นคลอไปด้วยก็ไม่ว่ากัน

บิวกิ้น เด็กชายที่เคยเดินไปขอแม่ร้องเพลง ในวันที่ตั้งใจเป็นศิลปินให้คนชอบจากผลงาน
01

รู้งี้ฟังตั้งนานแล้ว

ขออนุญาตจิ้นเพลงล่าสุดหน่อย ‘รู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว’ ร้องคู่กับพีพี (กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) ด้วย

เพลงนี้เป็นซิงเกิลแรกจากซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 ครับ ผมกับพีพีได้เข้าไปแชร์มุมมองหลายอย่างเลย จริงๆ มันมาจากคอนเซปต์ของซีรีส์ ยึดมาจากเขาต้องการเพลงประมาณไหน สิ่งที่เราเข้าไปแชร์คือส่วนรายละเอียดของเพลง พวกคำต่างๆ เสน่ห์มันคือ การถูกหยิบไปเป็นเนื้อร้องหรือทำนองของเพลง

เหมือนได้ช่วยแต่งเลย แล้วไปแชร์อะไรบ้าง

อย่างพีพี เขาแชร์มุมมองของคนธรรมดาที่ห่วงกันทุกเวลา อย่างของผมเป็นมุมมองว่า เรามีเธอคอยเป็นเซฟโซนนะ กลายเป็นประโยคที่ร้องว่า ‘Never be alone มีเธอคอยเป็น Safe Zone เหนื่อยแค่ไหนก็หายแค่มีคนหนึ่งให้ซบไหล่’ ท่อนนี้เป็นคำที่ออกมาจากอินเนอร์ของตัวเอง รู้สึกว่าเวลาเราอยู่กับคนที่สบายใจหรืออยู่กับแฟน เหมือนได้อยู่ในเซฟโซน 

บิวกิ้น เด็กชายที่เคยเดินไปขอแม่ร้องเพลง ในวันที่ตั้งใจเป็นศิลปินให้คนชอบจากผลงาน
บิวกิ้น เด็กชายที่เคยเดินไปขอแม่ร้องเพลง ในวันที่ตั้งใจเป็นศิลปินให้คนชอบจากผลงาน

ตัวบิวกิ้นมีส่วนกับเพลงนี้เยอะเหมือนกันนะ

ได้มีส่วนร่วมเยอะสุดเท่าที่ทำเพลงมาเลย เพราะว่าเราได้เห็นการเติบโตของเพลงตั้งแต่ดราฟต์แรก จริงๆ ไม่ได้ตัดสินอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็ช่วยคอมเมนต์ เหมือนเข้ามาฝึก มาศึกษางานมากกว่า

มีเต้นด้วย ไม่ค่อยเห็น

เป็นเพลงแรกที่เต้น เพราะปกติจะร้องเพลงช้า ท่าเต้นน่ารักเลย ซึ่งผมว่ามันไม่ง่าย ประหม่ามาก มันแบบเขินไปหมด (ยิ้ม)

แล้วปกติชอบร้องเพลงช้า ยืนร้องนิ่งๆ หรือชอบเพลงแบบเต้นๆ

โดยธรรมชาติผมชอบร้องเพลงช้าครับ ชอบร้องเพลงที่ไม่มี Movement เยอะ แบบยืนนิ่งๆ (หัวเราะ) ความชอบของเราต่อการร้องเพลงคือการใช้เสียง ค่อยๆ เรียนรู้เทคนิกการร้องไปทีละอย่าง เรียนรู้ช่องเสียง Head Tone, Chest Tone, Mix Voice หรือว่าการทำ Vibrato เรียนรู้เรื่อง Dynamic เพลง เราชอบเรียนรู้จากเทคนิค การร้องเพลงช้ามันทำให้ได้ฝึกเทคนิคพวกนี้ พอเรียนรู้แล้วก็เท่ากับเราเข้าใจการร้องเพลงมากขึ้น

จริงๆ มันยังมีเรื่องของอารมณ์ การสื่อสารความหมายอีกนะ อย่างเพลง รู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว เราได้ลองทำ ได้เรียนรู้วิธีการร้องเพลงอีกแนวบ้าง มันก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง เดี๋ยวนี้เริ่มฝึกมี Movement บ้าง เต้นเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็สนุกดี

แต่ท่าเต้นน่ารักดีนะ ไม่ได้หลุดจากความเป็นบิวกิ้นขนาดนั้น แล้วก็ลงตัวกับความเป็นบิวกิ้นและพีพีด้วย 

ใช่ๆ จริงๆ อันนี้ผมว่ามันเป็นการเติบโตของผมเลย เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ได้เห็นจริงๆ ว่าเรามีพัฒนาการในการทำเพลงยังไง เพราะเราไม่เคยมีเพลงที่มันเป็นจังหวะ Medium อย่างนี้ หรือเพลงแบบแนวน่ารักๆ ขนาดนี้ หลังปล่อยเพลงไปคนฟังชอบ เราเองก็ดีใจครับ 

ตอนถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ มีเรื่องการสื่อสารความหมายต่างๆ สื่อสารอารมณ์อีกแบบ มีการ Blogging แล้วก็มีเซ็ตฉากของซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 ด้วย แตกต่างไปจากเพลงช้าที่เคยร้อง ส่วนใหญ่เน้นแอคติ้ง แล้วเราร้องไลน์ซิงก์เพื่อสื่อความหมาย 

“สนุกกับชีวิต ทำตามแพสชัน เรียนรู้ไปตลอด และสำคัญที่สุด คือเราต้องสุขกับทุกอย่าง” บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล
02

เด็กชายที่เดินไปบอกแม่ว่าขอร้องเพลงอีก

ค้นพบความสามารถด้านการร้องเพลงของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่

ตอนเด็กๆ ช่วงซัมเมอร์ อยู่บ้านไม่มีอะไรทำ หม่าม้าก็ส่งไปเรียนเต้น ไปเรียนคอมพิวเตอร์ ไปเรียนภาษาอังกฤษ ไปเรียนร้องเพลง ไปเรียนภาษาจีน เหมือนเขาพยามให้เราไปลองเรียนรู้สกิลล์หลายๆ อย่าง แต่ที่ผมชอบคือร้องเพลง ชอบมากเวลาได้วอร์มเสียงหรือได้ร้องเพลงในคลาส เราเดินไปบอกหม่าม้าว่าเราอยากเรียนร้องเพลงอีก ตอนนี้เราเริ่มลุกขึ้นมาสร้างตัวตนด้านการร้องเพลง หาเรื่องราวมาเล่าเอง เหมือนเราเป็นผู้กำกับเองแล้วเหมือนกัน

ที่ผ่านมาได้ทำเพลงกับหลายคนทั้ง TangBadVoice, โอม Cocktail, อะตอม ชนกันต์, เอก Season Five ฯลฯ นอกจากร้อง แล้วยังช่วยทำอย่างอื่นด้วยไหม

เริ่มจาก You are my everything เพลงนี้ไม่ได้มีส่วนร่วมกับพาร์ทโปรดักชันนะ เราก็ฟังเดโม่ เรารับผิดชอบแค่ส่วนของเราคือเราดีไซน์ร้อง ตีความหมายเพลงว่าท่อนไหนมันสื่อถึงความหมายอะไร 

เพลงที่สองคือ กอดในใจ เริ่มได้แชร์ไอเดีย แชร์ประสบการณ์ของเราที่ตรงกับคอนเซปต์เพลง แต่ยังใช้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เรายัง Shape ไอเดียไม่ค่อยคม

ต่อมาเป็นพวกเพลงประกอบ แปลรักฉันด้วยใจเธอ มันมีอินเนอร์เรื่องเล่าชัดเจนอยู่แล้ว เรามีโอกาสไปลองทำงานกับพี่ๆ โปรดิวเซอร์กับหลายคน ทั้งพี่โอม Cocktail, พี่อะตอม, พี่เอก Season Five, พี่แอ้ม ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เจ๋งมาก เพราะเหมือนได้ทำงานกับผู้กำกับแต่ละคนเลย เขามีวิธีการเล่าเรื่องหรือมีรสนิยมส่วนตัวที่ต่างกันหมดเลย

สมมติว่าให้เลือกเพลงที่ตัวเองร้องเป็นชีวิตตอนนี้ จะเลือกเพลงอะไร

อืม น่าจะเพลง คิดไม่ออก เพราะตอนนี้ผมคิดไม่ออกว่าเป็นเพลงไหน (หัวเราะ) คือจริงๆ ผมทัชกับหลายเพลง ชอบฟังเพลงตามอารมณ์ 

เพลงนี้ทำกับพี่ตั้ง TangBadVoice เราสนิทกันเพราะเขาเป็นทีมงานเรื่อง แปลรักฉันด้วยใจเธอ เป็นคนกำกับเอ็มวีเพลง กีดกัน เป็นคนน่ารักครับ นิสัยดี เหมือนเป็นเพื่อนกันทั้งที่อายุห่างกันเกือบสิบปีเลย คนนี้เก่งรอบด้านมาก ช่วงต้นปีเขามาชวน ก็ตกลงเลย ผมว่าพี่ตั้งเขาเก่ง วิธีการเล่าเรื่องหรือประเด็นที่ชอบหยิบมาเล่า คำในท่อนแรปมันคาแรกเตอร์จัดเลยอะ ไม่มีใครทำแบบนี้

“สนุกกับชีวิต ทำตามแพสชัน เรียนรู้ไปตลอด และสำคัญที่สุด คือเราต้องสุขกับทุกอย่าง” บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล

แล้วเราชอบเพลงแนวไหน 

จริงๆ ชอบฟังแจ๊สครับ

เฮ้ย จริงป่ะ เหมือนกัน

บางคนจะบอกว่าแจ๊สแก่ แต่ผมรู้สึกว่าการฟังดนตรีแจ๊สมันบำบัดผม ผมชอบไปอยู่ใน Jazz Bar นั่งร้าน Saxophone ไปอยู่ Brown Sugar งี้ ชอบมาก

มีอีกที่หนึ่ง Buddha & Pals ตรงนางเลิ้ง ดีเลย 

หรอๆ ใช่ที่พี่ต่อ (ธนภพ ลีรัตนขจร) เล่นเอ็มวีเพลงใหม่ของ POTATO ปะ

ใช่ๆ เราว่าบิวกิ้นน่าจะชอบร้านนี้, ทำไมถึงบอกว่าฟังแจ๊สเป็นการบำบัด

ผมชอบดนตรีที่มันมีความเป็นมนุษย์ ชอบฟังเพลงเก่าๆ เวลาเราฟังเสียงแซกโซโฟนหรือเสียงเปียโนที่มาจากเครื่องเปียโนจริงๆ แล้วมันผ่อนคลาย เราสัมผัสได้ถึง Vibe ที่ดี เห็นภาพของคนที่มีความสุขกับการเล่นเครื่องดนตรี

“สนุกกับชีวิต ทำตามแพสชัน เรียนรู้ไปตลอด และสำคัญที่สุด คือเราต้องสุขกับทุกอย่าง” บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล
“สนุกกับชีวิต ทำตามแพสชัน เรียนรู้ไปตลอด และสำคัญที่สุด คือเราต้องสุขกับทุกอย่าง” บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล
03

จาก ‘I Told Sunset About You’ ถึง ‘I Promised You The Moon’

เล่าถึงซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 หน่อย เข้มข้นขึ้นใช่ไหม

เข้มข้นขึ้นไหมหรอ ผมว่าปัญหามันโตขึ้นมากกว่า มันเป็นเรื่องเล่าคนละเรื่องไปเลย พาร์ตแรกมันเริ่มจากการที่เป็นเพื่อนสนิทกันตอนเด็กแล้วมีปัญหากัน แล้วก็กลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่ จนสุดท้ายมันกลับมาคบกัน แต่ว่าไทม์ไลน์ของ พาร์ตสองเรื่องราวต่างออกไป เป็นพาร์ตหลังจากการเป็นแฟนกันแล้ว พอเต๋กับโอ้เอ๋วจบ ม.ปลาย เข้ามหาวิทยาลัย มาใช้ชีวิตเองในกรุงเทพฯ ปัญหาที่มันเกิดขึ้นคนละแบบเลย ชวนให้ติดตามกว่าเดิม ส่วนใหญ่ถ่ายที่กรุงเทพฯ มีแฉลบไปภูเก็ตนิดเดียว

แล้วตัวละครเต๋กับตัวบิวกิ้นเอง จริงๆ มีความเหมือนหรือต่างกันไหม

ต่างกันเยอะเหมือนกันครับ ช่วงเขียนบท พี่บอส (นฤเบศ กูโน) ผู้กำกับ เขาก็ชวนมาแชร์ประสบการณ์วัยเรียนด้วย แชร์เรื่องทัศนคติ เลยมีบางส่วนที่เป็นข้อมูลของเราเหมือนกัน ผสมกับบางส่วนที่เขียนเพิ่มขึ้นให้เป็นตัวละครที่เขาอยากได้ ส่วนของพีพีก็มีคุยและแชร์เหมือนกัน อะไรดีๆ ก็สมมติว่าเป็นผม อะไรไม่ดีก็คิดซะว่าเขาเขียนขึ้นมาก็แล้วกันนะ (หัวเราะ)

ผมว่าเต๋เป็นคนที่ตั้งใจ เป็นคนซีเรียส เวลาทำอะไรมีเป้าหมายชัดเจนว่าเราเป็นใคร เราอยากได้อะไร แล้วต้องทำยังไง วางแผนในชีวิตทุกอย่าง เลยเป็นตัวละครที่มีกลิ่นของความอยากเอาชนะอยู่ในนั้นโดยธรรมชาติ แต่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี  แค่ชอบบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ในขณะเดียวกันเต๋ก็เป็นคนที่แคร์คนรอบตัว แคร์โอ้เอ๋วและแคร์คนในครอบครัว เหมือนเต๋จะทำเป็นฟึดฟัด แต่ลึกๆ แคร์ความรู้สึกทุกคนอยู่ ผมว่าคล้ายกับตัวผมตรงนี้ มีความตั้งใจ เอาจริงกับชีวิต และอ่อนไหวต่อความรู้สึกของตัวเองและคนรอบข้าง

แปลรักฉันฯ พาร์ตแรกฉากอ่อนไหวเยอะเหมือนกัน ตอนร้องไห้แสดงอารมณ์ โคตรบีบหัวใจคนดูเลย

ใช่ครับ ผมว่าเรื่อง แปลรักฉันฯ เป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างมีความเป็นคนสูง อารมณ์ความรู้สึกซับซ้อน โชคดีที่มีหลายๆ ส่วนใกล้กับตัวผมด้วย ตอนแสดงเลยรู้สึกว่าสะใจมากเลย

สะใจยังไง

ทุกครั้งที่เราได้อ่านบท รู้สึกว่า โอ้โห ท้าทายอะ อยากเล่น อยากทำ อยากเวิร์กช็อปแล้ว ผมจะมีเกณฑ์ของตัวเองอยู่ว่าต้องเล่นได้ประมาณไหน พอถ่ายทำจริง เราจะสังเกตดูอาการพี่บอส ผู้กำกับ ถ้าเขารู้สึกว่าเราเล่นได้ถูกต้อง สีหน้าจะออกเลย เราก็จะรู้ว่าเล่นได้แล้ว ในใจเราจะรู้สึก Yes! ไปเว้ย ไปต่อเว้ย! มันเหมือนมิสชันที่เราต้องเก็บไปเรื่อยๆ มันมากตอนถ่าย เรารู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร เราเห็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำมันน่าสนุกแค่ไหน เราเลยเตรียมตัวให้ดีที่สุด แล้วพอผมทำมันได้ ผมรู้สึกฟินนะ

“สนุกกับชีวิต ทำตามแพสชัน เรียนรู้ไปตลอด และสำคัญที่สุด คือเราต้องสุขกับทุกอย่าง” บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล
04

ชายหนุ่มวัย 21 ปี กับความเชื่อว่าการแสดงมาจากจิตวิญญาณ

ด้วยชีวิต ด้วยวัย บางบทที่ดูไกลตัว บิวกิ้นตีความหรือมีวิธีการยังไง ถึงถ่ายทอดออกมาได้

ผมว่ามันคือการเอาตัวเองเข้าไปเป็นตัวละคร หมายถึง ถ้าเกิดบทมันไกลตัวเรา หรือว่ามันเป็นอะไรที่เราไม่เคยเจอ ไม่เคยมีประสบการณ์นั้นในชีวิต เราต้องเข้าใจตัวละคร ต้องลองไปรู้สึกกับมันจริงๆ ทั้งจากการอ่านบท การจูนกับผู้กำกับ หรือว่าการทำเวิร์กช็อป ผมว่ามันไม่มีทางเลยที่จะเล่นออกมาให้มันจริง หรือให้มันตรงอินเนอร์ ถ้าเกิดว่าเราไม่เข้าใจ 

ถ้าเล่าให้ชัด ตอนเล่น รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ซีนที่ผมกำลังจะตาย เป็นตัวอย่างชัดมาก เพราะผมไม่เคยตาย หรือมีประสบการณ์ใกล้ความตายมาก่อน เราเล่นแล้วเราต้องเชื่อ ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในเงื่อนไขของตัวละคร การแสดงมันก็คือเรื่องไม่จริงแหละ แต่พอเราเป็นนักแสดงแล้ว สำหรับเราเรื่องนั้นมันจริงครับ เราต้องทำให้เรื่องมันจริงให้ได้ ถึงจะเป็นการแสดงที่มาจากจิตวิญญาณ

มีบทบาทไหนอีกไหมที่อยากลองเล่น

อีกเยอะเลย พาร์ตการแสดงของตัวผมเองยังค่อนข้างผ่านมาน้อย ถ้าเป็นนักแสดงหลักก็เพิ่งสองสามเรื่องเอง ที่อยากทำ เช่น แนวเขย่าขวัญ (Thriller) กับแนวตลก (Comedy) แต่ก็ต้องดูอีกนะว่าอินกับมันรึเปล่า เรารู้สึกว่าพอมีแพสชันกับมันแล้ว จะทำมันออกมาได้ดี ไม่ได้กำหนดขนาดนั้นว่าอยากทำอะไร อะไรที่ไม่เคยทำผมว่าท้าทายหมด อะไรที่เคยทำแล้ว ผมก็รู้สึกว่าถ้าวนกลับมาใหม่ มันก็ท้าทายตรงที่จะทำยังไงให้เห็นพัฒนาการในการทำงาน งานเพลงก็เหมือนกัน

การแสดงมีความหมายกับตัวคุณยังไง

การแสดงมันคือความสุขครับ พูดจริงๆ เลยนะ อาชีพนักแสดงมันไม่ใช่แค่สิ่งที่เราทำเพื่อหาเงิน แต่ทำเพราะมันสร้างความสุขให้กับชีวิตจริงๆ ทุกวันนี้ผมแทบจะไม่มี Hobby อะไรทำเลย เพราะว่าการได้ทำงานตรงนี้มันเติมเต็มผมไปแล้ว 

ผมไม่ได้มีเป้าหมายทางด้านงานแสดงนะครับว่าต้องประสบความสำเร็จแค่ไหน หรือว่าปีหนึ่งเราจะต้องมีผลงานกี่เรื่อง ผมรู้สึกว่า ณ โมเมนต์นั้นเรามีความสุขกับงานก็พอแล้ว แล้วเราก็ทำให้ได้ดีจากแพสชันของเรานี่แหละ ผมเชื่อว่าถ้าเราอินกับมัน ยังไงก็ต้องออกมาดีแน่นอน แล้วเราจะเต็มที่กับมันไปโดยธรรมชาติเอง 

แต่ประเด็นคือ แพสชันมันสร้างกันไม่ได้ง่ายๆ เป็นปัจจัยในการเลือกงานเหมือนกันนะ มีหลายๆ งานที่เข้ามาแล้วผมไม่ได้เลือกทำ เพราะเราไม่ได้อินกับงานชิ้นนั้น ทำแล้วมันอาจยังไม่เหมาะกับเรา

บิวกิ้น เด็กชายที่เคยเดินไปขอแม่ร้องเพลง ในวันที่ตั้งใจเป็นศิลปินให้คนชอบจากผลงาน
billkin เด็กชายที่เคยเดินไปขอแม่ร้องเพลง ในวันที่ตั้งใจเป็นศิลปินให้คนชอบจากผลงาน

คิดว่าตัวเองโชคดีไหม

ใช่ ผมก็ว่าผมโชคดีนะ พอเราอยากทำอะไรก็มีคนให้โอกาสเรา มีคนให้เราได้ลองความฝันนั้น ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ ทั้งด้านการแสดงและด้านเพลง ส่วนหนึ่งเพราะเราเอาจริงเอาจัง ตั้งใจ และมีความสุขกับมันด้วย

สมมติว่าวันนี้บิวกิ้นเป็นคนธรรมดาที่ยังไม่มีใครรู้จัก คิดว่าตัวตนเราจริงๆ อยากมีชื่อเสียงไหม 

เราไม่ได้มองจากชื่อเสียงมาก่อนเลย เวลาทำอะไร เราอยากทำมันให้ดี แล้วชื่อเสียงคือสิ่งที่ตามมาจากคนที่เห็นว่าเราทำสิ่งนั้นแล้ว เขาเห็นคุณค่ามัน แล้วมองเราเป็นเหมือนแม่พิมพ์

เราอยากทำสิ่งที่เรารัก จนทำให้คนเห็นได้และชื่นชอบสิ่งที่เราทำก่อนที่จะมาชอบตัวเรา แบบนี้มันเจ๋งกว่า

เท่าที่คุยกันมา เราว่าคุณเป็นคนรักการเรียนรู้และลงมือทำนะ

ผมชอบ สมมติว่าต้องอยู่บ้านโดยไม่มีอะไรทำสักสองวัน จะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีแก่นสารเลย อยู่ไม่ได้ ว่างๆ เราต้องหาอะไรเรียนรู้เข้าไปเรื่อยๆ ให้มีความรู้รอบตัว แต่ช่วงนี้ยุ่งๆ ก็รู้สึกว่าใช้ชีวิตคุ้มค่าดี มันดีนะ ได้สนุกกับชีวิต มีโอกาสได้ลองทำสิ่งที่เราสนุก และทำให้รู้สึกว่าได้ใช้เวลาที่ผ่านมาจนคุ้ม

ขอ 3 คำ ให้อธิบายชีวิตบิวกิ้นในตอนนี้

สามคำใช่ไหมครับ (นิ่งคิด) ผมว่า ความสุข หมายถึงสิ่งสำคัญในชีวิตผม คือเราต้องสุขกับทุกอย่าง แล้วคำที่สองก็คือ วนกลับมาที่ความสุขอีกนั่นแหละ ผมให้คำว่า ความสุขครับ คำเดียวเลย ‘ความสุข ความสุข และความสุข’

แล้วถ้าให้ขอบคุณสักอย่างในชีวิตตอนนี้ล่ะ อยากขอบคุณอะไร

ขอบคุณอะไรสักอย่างหรอ ขอบคุณคนที่ร่วมเดินทางมากับเราทุกคนครับ (ยิ้ม) จริงๆ ที่เรามาถึงตรงนี้ ที่เราสำเร็จได้ ไม่ได้มีเราคนเดียว มีหลายๆ ทีมที่คอยซัพพอร์ตมาตลอด ขอบคุณคนเบื้องหลังที่เสียสละให้เราได้ประสบความสำเร็จไปกับงานของเขาด้วย 

ผมขอบคุณที่ทุกคนให้โอกาสและเชื่อว่าเราทำได้ แล้วก็เติมเต็มแพสชันหรือความสุขของเรา ขอให้เครดิตคนเบื้องหลังทุกคนครับผม 

ขอบคุณบิวกิ้นมาก วันนี้ดีใจที่ได้คุยกัน

ยินดีมาก ไว้คุยกันอีก (ยิ้ม)

ภาพ : บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล

Writer

Avatar

นิภัทรา นาคสิงห์

ตื่นเช้า ดื่มอเมริกาโน เลี้ยงปลากัด นัดเจอเพื่อนบ่อย แถมยังชอบวง ADOY กับ Catfish and the bottlemen สนุกดี