ช่วงนี้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศเริ่มกลับมาแล้ว หลายคนเตรียมเก็บกระเป๋าไปเที่ยวอิตาลี ก็อยากพูดถึงอิตาลีบ้าง เพราะหลายคนเขียนมาถามหลังไมค์ว่า จะไปไหน ยังไงดี แต่ก็ได้เห็นพ้องต้องกันกับ บ.ก. แล้วว่าจะไม่ทำให้เป็นคอลัมน์นำเที่ยว ถ้าอย่างนั้น จะมาพูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไหน ๆ ไปแล้ว หากมีโอกาสก็ลองดูแล้วกัน จะได้คุ้มค่าเดินทางและวันลาของเรา ขอเป็นเมืองใหญ่ 4 เมือง แบบทัวร์อิตาลี 101 เลยนะ
โรม
ถ้าคุณไปโรมเป็นครั้งแรก จะมีอยู่ 2 จุดที่คุณควรไปหรือทัวร์มักจะพาคุณไป กระหย่อมแรกคือ จากบันไดสเปนไปสู่น้ำพุเทรวี ถ้าคุณเดินเอง แนะนำให้เริ่มจากจัตุรัสโปโปโล (Piazza del Popolo) แล้วไปจบที่โคลอสเซียม (Colosseo) ถ้าแค่นี้คือฟรี แต่ถ้าเข้าไปดูข้างในก็เสียค่าตั๋ว (โปรดจองก่อน) หรือถ้าสนใจและมีเวลา ก็เข้าโรมันฟอรัมหรือซากเมืองโรมโบราณที่อยู่ติด ๆ กัน อันนี้ก็เสียค่าเข้าเช่นกัน
ส่วนอีกจุดที่ต้องไปคือวาติกัน โดยส่วนใหญ่ที่เห็น ถ้าไปทัวร์ เขามักจะให้ลงถ่ายรูป แล้วก็ขับรถต่อไปเที่ยวเมืองอื่น แต่ถ้าคุณสนใจมาก ควรหาทัวร์ที่บอกว่าจะใช้เวลาอยู่ที่นี่นาน หรือไม่ก็ไปเอง ทั้งนี้เพราะการเข้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์นั้น ใช้เวลาในการต่อแถวพอสมควรทีเดียว เมื่อเข้าไปแล้วให้อิ่มเอมกับความอลังการของมหาวิหาร ชมรูปสลักปิแยต๊ะ (Pietà) ของมิเคลันเจโล และงานศิลปะอื่น ๆ หากขึ้นยอดโดมไหวควรขึ้น เพราะแก่ไปกว่านี้จะขึ้นไม่ไหวแล้ว ทิวทัศน์จากด้านบนควรค่าแก่การเอี้ยวเอวปีนขึ้นไปเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนถ้าหวังว่าเข้าไปแล้วจะเจอภาพวาดบนเพดานในวัดน้อยซีสตีน (Sistine Chapel) ขอบอกว่า ผิดประตูแล้ว ถ้าอยากดู ต้องไปพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Musei Vaticani) ซึ่งต้องจองตั๋วออนไลน์นะ
สิ่งหนึ่งที่ต้องขออนุญาตเตือนผู้จะไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์วาติกันหรือพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่โตมาก ๆ ก็คือ ต้องรู้จักตัวเองดีพอ บางคนอาจเดินไม่เก่ง เมื่อยง่าย บางคนอยากดูเฉพาะบางภาพ คุณควรจะต้องทำการบ้านไปก่อนนิดหนึ่งว่าอยากไปดูอะไร อาจจะสัก 5 – 10 จุด แล้วพยายามเดินไปให้ถึง หาไม่แล้วคุณอาจจะหมดแรง มิหนำซ้ำอาจจะถูกกระแสคลื่นมวลชนซัดไปในห้องที่เราไม่ได้คิดจะดูก็เป็นได้
อย่ากลัวคนนินทาหมาดูถูกว่าเราไม่มีรสนิยม ก็เลยต้องฝืนใจยืนชมอมยิ้มไปทุกสิ่งอัน บางคนมัวแต่ดูห้องพรมแผนที่ประเทศอิตาลีแต่โบราณ ปรากฏ อ้าว เมื่อย เส้นยึด อะไรต่ออะไรเลยอดดูหมด
แต่ถ้าเป็นคนชอบดูจริง ๆ ก็ควรจัดเวลาไปกับที่นี่ ‘อย่างน้อย’ 1 วันไปเลย
อ้อ ความลับที่ไม่ลับอย่างหนึ่งคือ ถ้าคุณไปพิพิธภัณฑ์วาติกันและมีไกด์ คุณจะลัดเข้าไปในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ได้เลย ไม่ต้องออกมา (เดินอีกไกล) แล้วต่อแถวใหม่
อีกเรื่องที่คุณควรจะทราบไว้คือ อย่าไปหาพระ (บรมมหา) ราชวังในกรุงโรม คุณอาจจะเห็นคำว่า Palazzo ซึ่งความหมายหนึ่งก็คือวัง แต่คนอิตาเลียนเรียกตึกใหญ่ ๆ อาคารหลังโต ๆ ว่า Palazzo ทั้งสิ้น กษัตริย์ไม่เคยอยู่โรม อยากดูพระราชวังให้ไปดูที่ตูริน นโปลี หรือฟลอเรนซ์ เป็นอาทิ ประมุขของโรมและพื้นที่แถบนี้มาหลายศตวรรษคือ สันตะปาปา นั่นคือเหตุผลที่หันไปทางไหนไกด์ก็จะอธิบายว่าสร้างโดยโป๊ปนั้น คาร์ดินาลนี้ ฯลฯ ส่วนชื่อที่คุณจะคุ้นหูตลอดรายการคือประติมากรแบร์นีนี (Gian Lorenzo Bernini, 1598 – 1680)
อยู่โรม ระวังข้าวของให้มาก ๆ และถ้าเบื่อโรมแล้ว เมืองใกล้ ๆ ที่น่าไปคือ Tivoli
ฟลอเรนซ์
ไม่มีความภูมิใจใด ๆ ของชาวฟลอเรนซ์มากกว่าการเป็นอู่กำเนิดของยุคเรอเนสซองส์ จึงมิควรที่จะก้มหน้าก้มตาหาศิลปะโรมันหรือบาโรคให้คนฟลอเรนซ์เจ็บใจ หากแต่อิ่มเอมกับศิลปะและความเจริญในช่วงศตวรรษที่ 15 – 16 ให้เต็มที่
เส้นทางบังคับก็น่าจะเป็นวิหารใหญ่กลางเมือง (Duomo) ซึ่งด้านนอกสวยกว่าด้านใน เดินต่อไปยังจัตุรัสซิญญอเรีย (Piazza della Signoria) แล้วไปจบเส้นทางเดินที่สะพาน ‘ปนเต แวคคิโย’ (Ponte Vecchio) อันเป็นย่านขายทอง
หากมีเงินและเวลา คุณควรจะจองตั๋วไปพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี (Uffizi) หากอินก็ชมไปทั้งวัน หากไม่อิน ชมผลงานชิ้นเด็ด ๆ ของ Botticelli อย่างเจาะลึก ดูให้อิ่มแล้วออกมาเดินตลาด ชมร้านเล็กร้านน้อย คนเราเอ็นจอยของไม่เหมือนกัน อย่าฝืน คุณอาจเกิดพุทธิปัญญาพวยพุ่งที่แผงขายกระเป๋าหนังของแขกชาวบังคลาเทศกลางตลาดซัน ลอเรนโซ (San Lorenzo) ก็เป็นได้
หนังสือนำเที่ยวหรือไกด์ของคุณ จะพร่ำพูดแต่ชื่อตัวละครเอกของฟลอเรนซ์คือตระกูลเมดิชี ซึ่งเขยิบตัวเองจากการเป็นนายธนาคารไปสู่เจ้าผู้ครองนครและสร้างเครือข่ายอิทธิพลทั่วยุโรป ส่งไปเป็นสันตะปาปาก็ยังมี
จุดสำคัญที่พลาดไม่ได้คือ จัตุรัสใหญ่ Piazzale Michelangelo ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำอาร์โน พอไปถึงแล้วจะเกิดเดจาวูขึ้นมาทันที เพราะภาพฟลอเรนซ์ที่เราเห็นมาตลอดชีวิตล้วนถ่ายมาจากมุมนี้นี่เอง ซึ่งถ้ากำลังวังชายังดี จะเดินเลาะแม่น้ำมาขึ้นก็ยังได้
หากอยากดูรูปสลักเดวิดตัวจริง ต้องจองตั๋วไป แต่ขอเตือนว่า ต้องอยากดูเดวิดจริง ๆ นะ
เมื่อคิดว่าพอกับฟลอเรนซ์แล้ว ควรนั่งรถเที่ยวแคว้นทัสกานี จะขับเอง จะจ้าง หรือจะซื้อทัวร์อะไรก็เถอะ (ควักยาออกมาป้ายจนหมดกระปุก)
เวนิส
ความภูมิใจของคนเวนิสไม่ใช่เรื่องที่เมืองเราไม่มีถนน แต่เป็นเรื่องที่ว่า เวนิสเคยรุ่งเรืองอย่างมาก เป็นมหานครริมทะเลที่ยิ่งใหญ่มานับพันปี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 – 18
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไปเวนิสหลายคนก็ไม่รู้เรื่องนี้ ถึงรู้ก็อาจจะตบมือยินดีด้วย แล้วก็ถ่ายรูปอาคารบ้านเรือนริมคลอง Canal Grande อย่างเอาเป็นเอาตายต่อไป
เมื่อคุณไปเวนิส นอกเหนือล่องเรือไปจัตุรัสซันมาร์โก (Piazza San Marco) อันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำแล้ว สิ่งแนะนำอื่น ๆ (ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม) คือ ชมมหาวิหาร (Basilica di San Marco) ชมวัง (Palazzo Ducale) และนั่งจิบกาแฟร้านฟลอเรียน (Florian) ร้านกาแฟแห่งแรกของโลก ถ้ามาตอนกลางคืนได้จะวิเศษมาก
หากคุณเลือกได้ คุณควรอยู่กับเวนิส 2 วันเต็ม ๆ เป็นอย่างน้อย วันแรกคือการเที่ยวตามขนบ ลูกศรบอกให้ไปทางไหนก็ไปทางนั้น แต่วันที่สองควรมีแผนที่ดี ๆ อยู่กับมือ แล้วปล่อยตัวปล่อยใจเดินตามซอกเล็กซอยน้อย กลืนไปกับคนเวนิส ที่บอกว่าควรมีแผนที่ดี ๆ อยู่กับตัว เพราะหากคุณถามทางคนอิตาเลียนโดยทั่วไป มีแนวโน้มที่จะบอกทางคุณด้วยความกระตือรือร้น… แม้ว่าจะไม่รู้ทางก็ตาม
เกาะมูราโน (Murano) ดังทางเครื่องเป่าแก้ว ส่วนเกาะบูราโน (Burano) ดังทางผ้าลูกไม้ นั่งเรือผิดเกาะ ชีวิตเปลี่ยนทันที
หากชมเครื่องแก้วแล้วจะไม่เอา ให้บอกไปตรง ๆ ว่าไม่มีเงิน ยังไม่ถูกใจ หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเหนียมอายบ่ายเบี่ยงว่า “ไม่รู้จะเอากลับยังไง” เรื่องจะยาวทันที เพราะเขาจะบอกทันทีว่า นั่นเป็นเรื่องของเขา เพราะเขาขนส่งกลับให้ได้จริง ๆ พ่อค้าปากจัดหน่อย อาจจะบอกว่า คุณคิดว่าเขาทำเครื่องแก้วมาขายคนข้างบ้านหรือ เพราะฉะนั้น อย่าหน้าบาง การบอกว่าไม่มีเงินช่วยทำให้คนที่ไม่รักคุณจริงถอยห่างออกไปจากชีวิตคุณได้เป็นอย่างดี
มิลาน
ไปมิลานต้องหาทงคัตสึ (Cotoletta) หรือข้าวริซอตโต (Risotto) กินให้จงได้ เพราะนี่คืออาหารประจำถิ่นของเขา ขอบอกเสียก่อน ก่อนลืม
คนไปมิลานมักจะตะลึงลานอยู่กับมหาวิหาร (Duomo) กลางเมือง (ซึ่งสามารถขึ้นชมบนหลังคาได้นะ แต่ถ้าเดินไม่เก่งก็อย่าเลย) แล้วก็ขยับมาย่านช้อปปิ้ง (Galleria di Vittorio Emanuele II) ที่อยู่ข้าง ๆ
หมดจากนี้ บางคนก็จะยืนตาปริบ ๆ แล้ว ไม่รู้จะดูอะไร จะดู The Last Supper ก็จองคิวดูไม่ทัน (คิวยาวมากแม้แต่ในออนไลน์) จะดูสนามซันซีโร (San Siro) ก็ไม่ใช่แฟนบอล แล้วจะทำยังไงดี มีเวลาเหลือ
ขอแนะนำให้ขึ้นรถ Hop on Hop off มิลานที่ดูไม่มีอะไร จะมีอะไรขึ้นมาทันที รถแล่นทะลุทะลวงไปตามถนนทั้งในเมืองนอกเมือง มีหูฟังคำบรรยายซึ่งเลือกภาษาได้ ฉันซึ่งเคยสบประมาทมิลานเอาไว้มาก กระทั่งตอนซื้อตั๋วรถ ยังกะว่าจะนั่งหลับฆ่าเวลาไป ที่ไหนได้ นั่งรถไปตบปากตัวเองไปจนสุดทาง
เอาเท่านี้ก่อน ขอย้ำว่า เขียนไปมิใช่เพื่อเชียร์ให้คนไปเที่ยวอิตาลีกันเยอะ ๆ แต่อยากให้ เมื่อไปแล้ว ใช้เวลาวันหยุดและเงินทองของเราให้คุ้มเท่านั้นเอง
บวน วิยัจโจ ! (Buon viaggio!)