ถ้าใครยังพอจำวิชาสังคมสมัยประถมได้บ้างก็จะทราบว่าโปรตุเกสเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะจ้าวสมุทรและชาติตะวันตกชาติแรกที่มาติดต่อกับสยาม Belém (เบอ-เล็ง) เป็นหนึ่งในย่านการค้าริมน้ำที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของโปรตุเกส และเป็นตัวแทนความรุ่งเรืองของยุคแห่งการสำรวจและค้นพบในอดีต
Belém เป็นชื่อภาษาโปรตุเกสของเบธเลเฮม (Bethleham) อิงมาจากพระคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นเมืองที่ประสูติของพระเยซูเจ้า ถึงตอนนี้ย่าน Belém ทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลวงลิสบอน (Lisbon) อาจไม่ได้มีบทบาทด้านการเมืองการปกครองเหมือนแต่ก่อน หากยังอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวของการค้นพบและร่องรอยการบรรจบของวัฒนธรรมต่างทวีปที่ได้ประสบพบกันเป็นครั้งแรก ร่องรอยการเดินทางของโปรตุเกสฝังอยู่ตามที่ต่างๆ เช่น รูปปั้นแรด สัตว์ในทวีปเอเชียและแอฟริกาที่สลักอยู่บนโบราณสถานอายุหลายร้อยปีของโปรตุเกส หรือครัวทุกบ้านมีอบเชยเป็นของสามัญประจำบ้านและอยู่ในเมนูขนมเกือบทุกอย่าง เรียกได้ว่าอบเชยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ทั้งที่โปรตุเกสปลูกอบเชยไม่ได้
Belém เต็มไปด้วยเรื่องราว แค่นั่งมองแม่น้ำ Tejo หรือ Tagus River ไหลออกไปมหาสมุทรแอตแลนติก ก็จินตนาการไม่หมดแล้วว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน นักล่าฝันกี่คนกันออกเดินทางจากท่านี้ไป และนำเรื่องราวประหลาดพิสดารกลับมาเล่าต่อ พร้อมทรัพย์สมบัติและเครื่องเทศมูลค่ามหาศาล แต่บ้างก็ไม่มีโอกาสกลับมาอีกเลย
Belém อยู่ใกล้ใจกลางความเจริญของเมืองหลวงมาก เดินทางสะดวก ดังนั้นแนะนำว่าไม่ควรพลาด จุดไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือ Mosteiro dos Jeronimos (Jeronimos Monastery) พระอารามแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างร่วม 100 ปี และเสร็จสิ้นในศตวรรษที่ 17 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบรรดาเชื้อพระวงศ์ และยังมีความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับเหล่านักเดินเรือในยุคแห่งการสำรวจและค้นพบ พวกเขามาสวดภาวนาในคืนก่อนออกเดินทางที่นี่ รวมถึงเป็นที่ที่เหล่าแม่บ้านมาภาวนาขอให้สามีกลับมาอย่างปลอดภัย
พอหมดยุคความรุ่งเรืองทางทะเล ที่นี่ก็เปลี่ยนการใช้งานมามากมายหลายรูปแบบ แม้กระทั่งเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ปัจจุบันเป็นจุดเด็ดที่ห้ามพลาดเด็ดขาดของย่าน Belém เรื่องความงดงามอลังการไม่ต้องพูดถึง เหมือนหลุดไปในโลกแฟนตาซีที่ไหนสักแห่ง และถ้าเดินๆ อยู่เจอโลงมีป้ายจารึก ก็ไม่ต้องสงสัยว่าคืออะไร สุสานของคนสำคัญหลายท่านอยู่ที่นี่ รวมถึงวัชกู ดา กามา ( Vasco da Gama) นักเดินเรือสำรวจชาวโปรตุเกสผู้ค้นพบเส้นทางการเดินเรือจากยุโรปสู่อินเดีย สถาปัตยกรรมที่ชาญฉลาดของที่นี่ ทำให้ Mosteiro dos Jeronimos เป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างไม่กี่อย่างของลิสบอนที่รอดจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ราว 8.5 – 9 ริกเตอร์ ใน ค.ศ. 1755
บางส่วนของพระอารามเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ Navy Museum เล่าหลากหลายแง่มุมการเดินเรือของโปรตุเกส มีแผนที่โลกซึ่งเขียนจากข้อมูลจากการเดินเรือสมัยนั้น โดยไม่พึ่งดาวเทียมสักนิดด้วย เห็นแล้วรู้สึกทึ่งเพราะใกล้เคียงกับแผนที่โลกฉบับปัจจุบันไม่น้อย เป็นหลักฐานว่าโปรตุเกสได้สำรวจมาแล้วเกือบทั่วโลกจริงๆ เป็นหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่เราประทับใจมากที่สุด สำหรับคนที่ปกติไม่นิยมพิพิธภัณฑ์อย่างเราเลย
อีกสิ่งที่เห็นเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำ Teju คือ The Discoveries Monument อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงยุคแห่งการสำรวจและค้นพบ คนที่อยู่หน้าสุดคือเจ้าชายเฮนรี่ ราชนาวิก (Henry the Navigator) ขนาบข้างด้วยบุคคลสำคัญอื่นๆ ของโปรตุเกสอีกข้างละ 16 คน (รวมเป็น 33 คน) คนที่เราคุ้นๆ กันหน่อยจากวิชาสังคมก็มี เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน (Fernão de Magalhães) ผู้เดินทางรอบโลก กับวัชกู ดา กามา ข้างในอนุสาวรีย์เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ด้วยนะ ถ้าขึ้นไปบนสุดแล้วมองลงมาก็จะพบกับความอลังการของภาพโมเสกแผนที่โลกบนพื้นหินด้านล่าง
เดินตามแม่น้ำ Teju ลงไปอีกสักครึ่งสถานีรถไฟ จะพบกับ Torre de Belém (Belém Tower) ป้อมปราการที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ช่วงยุคแห่งการสำรวจและค้นพบ เพื่อป้องกันข้าศึกที่ปากแม่น้ำ ต่อมาได้ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษด้วย เดิมทีปราการนี้ตั้งอยู่กลางน้ำ แต่เพราะแม่น้ำ Teju เปลี่ยนทิศการไหลหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ใน ค.ศ. 1755 ทำให้ตอนนี้ปราการย้ายมาตั้งอยู่ริมฝั่งแทน ที่นี่แหละที่มีรูปปั้นแรดชวนฉงนว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใครมีโอกาสได้ไปลองไปหาดูนะ อยู่ในตำแหน่งที่คาดไม่ถึงพอสมควร
ส่วนใครสนใจพิพิธภัณฑ์ ย่านนี้มีให้เลือกเข้าชมหลายที่มาก และยังมี Cultural Centre of Belém (CCB) ซึ่งเป็นศูนย์แสดงนิทรรศการแบบหมุนเวียนด้วย ส่วนใหญ่นำเสนองานศิลป์ที่มีแง่มุมที่น่าสนใจสลับกันไป สมัยที่เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนก็เคยไปเดินเล่นหลายครั้งเพราะเข้าชมฟรี
Belém เป็นมีอะไรให้ชมเยอะ เหมาะสมกับ One Day Trip มากๆ ริมแม่น้ำ Teju เป็นเหมือนสวนสาธารณะของคนเมือง มีทั้งคนมาวิ่ง ปั่นจักรยาน ตกปลา และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆ ถ้ามองจากฝั่ง Belém ยังเห็นสะพาน Ponte 25 de Abril สีแดงสดตัดกับสีฟ้าของแม่น้ำและท้องฟ้า สะพานนี้เป็นตัวแทนการปฏิวัติสู่ประชาธิปไตยของโปรตุเกสในวันที่ 25 เมษายน และเยื้องกันคือ Santuário de Cristo Rei อนุสาวรีย์พระเยซูซึ่งเป็นตัวแทนการขอบคุณต่อพระเจ้าที่ทำให้โปรตุเกสรอดพ้นจากผลกระทบของสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยต้นแบบที่คุ้นๆ กันก็มาจากอนุสาวรีย์ของบราซิล แปลกดีที่แค่ย่านเดียวก็เห็นประวัติศาสตร์สำคัญของโปรตุเกสตั้งหลายอย่าง
ถ้ามองหาอาหารเที่ยงที่น่าสนใจ เราอยากแนะนำร้านท้องถิ่นชื่อ Pão Pão Quejo Quejo ซึ่งมีคำแปลน่ารักว่า ปัง ปัง ชีส ชีส เป็นร้านอาหารออกแนว Take Away คล้ายๆ กับ Subway แต่เป็นเวอร์ชันอาหารโปรตุเกส ให้เยอะมาก ราคาไม่แพง และอร่อย เป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนโปรตุเกสพอสมควร
อีกอย่างที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือร้านทาร์ตไข่ Pastéis de Belém ที่อยู่ใกล้ๆ พระอาราม Joernimos ร้านนี้เขาเด็ดจริงทั้งด้านความเก่าแก่และรสชาติระดับตำนาน โดยเฉพาะถ้าสั่งมาก็กินใหม่ๆ ร้อนๆ ทันที ทานคู่กับกาแฟถ้วยเล็กเข้มข้นสไตล์โปรตุเกส โกโก้ร้อน หรือชาเปลือกเลม่อน ก็อร่อยทั้งนั้น ลองโรยผงน้ำตาลกับอบเชยช่วยเพิ่มรสชาตินะ โปรตุเกสนี่แหละต้นตำหรับอันเก่าแก่ของทาร์ตไข่ เมนูนี้พัฒนาโดยนักบวชของพระอาราม Joernimos ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ก่อนที่จะแพร่อิทธิพลไปมาเก๊ากับฮ่องกง ถ้าร้านแน่นมากก็ Take Away ไปกินที่สวนหรือขยันเดินหน่อยก็ไปริมแม่น้ำ
โปรตุเกสมีขนมที่ใช้ไข่กับน้ำตาลเยอะมาก ขนมหลายอย่างคือหน้าตาบ่งชัดถึงญาติของพวกมันที่แตกลูกหลานมากมายที่เมืองไทยเลย สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือคำว่าชากับกาแฟในภาษาของเขา เหมือนกับคำว่าชากับกาแฟของเราเป๊ะ! แม้เวลาจะผ่านไปนานและเราอยู่ห่างกันมาก แต่ก็ยังเหลือร่องรอยวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกก็ยังอยู่ในบ้านเมืองของเขาและเรา
Write on The Cloud
Travelogue
ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ