มีเพื่อนเคยถามว่า “ป่าห้วยขาแข้งใหญ่แค่ไหน”

ผมตอบว่า “คิดว่ากรุงเทพมหานครมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ไหม”

เพื่อนพยักหน้า

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มีพื้นที่มากกว่า 1,800,000 ไร่ ใหญ่กว่ากรุงเทพมหานครเกือบ 2 เท่า

มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่น้อยกว่า 159 ชนิด นกไม่น้อยกว่า 428 ชนิด โดยเฉพาะป่าแห่งนี้ เป็นพื้นที่บริเวณเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีสัตว์ในวงศ์วัว อาศัยอยู่ถึง 3 ชนิด คือ วัวแดง กระทิง และควายป่า

วัวแดง สัตว์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าวัวบ้าน ลำตัวสีน้ำตาลสวยงามมาก บนผืนโลกนี้มีเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในเมืองไทย สถานภาพปัจจุบันของวัวแดง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ไอยูซีเอ็น (IUCN) จัดให้อยู่ในประเภทใกล้สูญพันธุ์ (EN) เคยอาศัยอยู่ตามป่าทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันลดจำนวนลงมากจากป่าถูกทำลายและการไล่ล่าของมนุษย์

ไปดูวัวแดง ในช่วงเวลาที่ผืนป่าห้วยขาแข้งมีจำนวนสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไปดูวัวแดง ในช่วงเวลาที่ผืนป่าห้วยขาแข้งมีจำนวนสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แต่ที่ป่าห้วยขาแข้ง กลายเป็นพื้นที่วัวแดงอาศัยมากที่สุด คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 300 ตัว กระจายอยู่ในป่า

ต้นเดือนพฤษภาคที่ผ่านมา ผมกลับไปป่าห้วยขาแข้งอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับสายฝนที่โปรยกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ช่วงหัวค่ำคืนนั้นในป่า แมลงเม่าที่ได้ฝนแรกพากันบินขึ้นมาจากพื้นดินเป็นล้าน ๆ ตัว เคลื่อนตัวไปที่ใด แมลงเม่าบินว่อนเต็มไปหมด ไม่ต้องเปิดไฟฉาย ใช้ความสว่างล่อแมลงเม่า สัตว์ปีกตัวน้อยก็บินตามมาเกาะตัวเรา ต้องรอเวลาสักพักให้พวกมันสลัดปีก หล่นลงกับพื้นดินเหมือนเดิมก่อน

สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ ข่มตานอนให้หลับเร็วที่สุดในความมืดมิด ขณะที่อากาศเย็นเริ่มปกคลุมในป่า

หลายปีที่ผ่านมา มีข่าวว่าปริมาณสัตว์ป่าหลายชนิดในป่าห้วยขาแข้ง เพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตในมรดกโลกแห่งนี้ เป็นตัวชี้วัดถึงการทำงานหนัก ความตั้งใจของเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่ายตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา

ผู้เขียนเดินทางเข้าโป่งแต่เช้า เพื่อรอพิสูจน์ปรากฏการณ์จริง ๆ ระหว่างเดินคนเดียว เจ้าหน้าที่บอกให้ระวังช้างป่าแถวนั้นให้ดี อาจมาทักทายโดยไม่รู้ตัว ตามทางจึงเห็นมูลช้างสด ๆ แสดงว่าช้างเพิ่งเดินจากไปไม่นาน

โป่งเป็นแหล่งเกลือโซเดียมและแคลเซียมที่จำเป็นแก่สัตว์ป่าทุกชนิด โดยเฉพาะสัตว์กินพืช

เรามาซุ่มโป่งแห่งหนึ่ง ในอดีตโป่งคือสวรรค์สำหรับนายพรานที่จะมาดักยิงสัตว์ แต่ในปัจจุบัน โป่งคือสถานที่ดีที่สุดสำหรับการมาซุ่มดูพฤติกรรมของสัตว์ หากโชคดีอาจจะเห็นละครชีวิตของสัตว์นานาชนิด กวางหรือวัวแดงมากินโป่ง เสือมาซุ่มกินกวาง ต่อมาอีแร้งมากินซากสัตว์ที่โป่ง

ไปดูวัวแดง ในช่วงเวลาที่ผืนป่าห้วยขาแข้งมีจำนวนสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โป่งแห่งนี้ มีทุ่งหญ้าขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า มีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่าน ด้านหลังเป็นป่าผืนใหญ่ พอเหลือบไปทางซ้าย วัวแดง 4 – 5 ตัวกำลังเล็มหญ้าอย่างสบายใจ ลูกวัวแดงนอนเล่นริมน้ำ

ยิ่งเงียบ เสียงลำธารน้ำไหลดังชัดเจน แม้จะอยู่ห่างไป ผู้เขียนเข้าป่าเห็นวัวแดงมาหลายรอบ แต่ครั้งนี้น่าจะใกล้ที่สุด ห่างกันไม่กี่สิบเมตร วัวแดงเป็นวัวป่าชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bos javanicus รูปร่างคล้ายวัวบ้าน สูงประมาณ 155 – 165 เซนติเมตร และมีน้ำหนักราว 600 – 800 กิโลกรัม

เรามองผ่านเลนส์กล้อง เห็นวงก้นขาวชัดเจน เช่นเดียวกับขาทั้ง 4 ข้างมีสีขาวตั้งแต่หัวเข่าจนถึงกีบเท้า ราวกับใส่ถุงเท้าสีขาวชัดเจน ก่อนที่วัวแดงทั้งหมดจะค่อย ๆ เดินหายลับเข้าไปในชายป่าด้านหลัง เมื่อแดดเริ่มร้อนขึ้น

พวกเขาคงมานอนแถวนี้ตั้งแต่ช่วงสาย ๆ แบบแผนการนอนพักผ่อนของวัวแดงไม่ธรรมดา บางตัวเดินหากิน บางตัวนอนพัก สลับกันระวังภัย ตัวที่ออกหากินก็กระจายออกไปรอบ ๆ ถ้าลมพัดมาจากทิศใด วัวตัวนั้นก็จะสัมผัสได้ หากมีกลิ่นแปลกปลอม ก็จะร้องเตือนภัยกัน แม้กระทั่งเวลานอนพัก หูจะสะบัดไปมาเพื่อไล่แมลงและคอยฟังเสียง ดังนั้นโอกาสตามวัวแดงไม่ง่ายเลย

ต้นยางใหญ่ตรงหน้า นกแซงแซวหางบ่วงสีดำ บินมาหาเหยื่อ ก่อนจะไปป้อนลูกน้อยบนรังนกที่อยู่เหนือกิ่งใหญ่ขึ้นไป แต่สักพักมีเสียงนกร้อง เมื่อเหยี่ยวขาวบินลงมาเกาะกิ่งไม้ใกล้ ๆ และเมื่อเหยี่ยวบินโฉบมาใกล้รังนกแซงแซวที่หมายจะคาบลูกน้อยไปกิน พ่อแม่นกแซงแซวก็บินออกมาปะทะไล่ศัตรูออกไปทันที

ไปดูวัวแดง ในช่วงเวลาที่ผืนป่าห้วยขาแข้งมีจำนวนสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไปดูวัวแดง ในช่วงเวลาที่ผืนป่าห้วยขาแข้งมีจำนวนสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ครึ่งวันผ่านไป ความเงียบปกคลุม เราได้ยินเสียงมากมายของธรรมชาติ เสียงนกหลายชนิด ใบไม้สีกันตามแรงลม เสียงกิ่งไม้หัก เสียงสัตว์ไกล ๆ เสียงแมลงนานาชนิดที่บินมาตอมเหงื่อของเรา และเสียงวิ่งไล่ของสัตว์ตัวหนึ่งตรงลำธาร พอมันวิ่งตัดหน้าเราไป จึงรู้ว่าคือนากเล็บสั้น

ช่วงบ่ายแดดร้อน ๆ ไม่ปรากฏสัตว์ลงกินน้ำเลย ส่วนใหญ่คงนอนพักผ่อนตามร่มไม้ จนกระทั่งแดดคล้อยลงเรื่อย ๆ นกยูงไทย 5 – 6 ตัวค่อย ๆ เดินย่องออกมาจากชายป่า เดินหากินไปเรื่อย ๆ ทางซ้ายมือของเรา

แต่แล้วมีเสียงดังกึกก้องมาด้านขวาไกล ๆ พอหันไปมอง ฝูงวัวแดงฝูงใหญ่นับได้ 36 ตัวโผล่ออกมาเล่นน้ำ เป็นวัวแดงฝูงใหญ่ที่สุดที่เห็นมาในชีวิตเลย มีทั้งพ่อแม่ ลูกเล็ก แต่ที่โดดเด่นคือวัวแดงตัวผู้ขนาดใหญ่ สีน้ำตาลแดงเข้มจนเกือบเป็นสีดำ เป็นวัวแดงโตเต็มที่ ขนาดใหญ่เกือบเท่ากระทิง ยืนคุมเชิงฝูงวัวแดงอยู่ห่าง ๆ ท่วงท่าสง่างาม ชาวบ้านเรียกวัวแดงนี้ว่า ‘วัวบา’

สักพักวัวแดงก็เงยหน้าและจ้องมาทางเรา แต่โชคดีลมยังไม่เปลี่ยนทิศ มันจึงก้มลงกินหญ้าอ่อนที่เพิ่งแตกใบอ่อนในทุ่งหญ้า เราเห็นเขาวัวแดงสง่างาม เขาสีดำปลายแหลมตีวงกางโค้งเป็นวงกว้าง บางตัวหันหลังให้ เราจึงเห็น ‘ก้นขาว’ ลักษณะเด่นของวัวแดง คือบริเวณก้นมีขนสีขาวเกือบครึ่งสะโพก เป็นรูปคล้ายใบโพ

วัวแดงเป็นสัตว์สังคมอยู่รวมกันเป็นฝูง มีสมาชิกประมาณ 15 – 1 6 ตัว ตามปกติจะมีตัวผู้ตัวเดียว นอกนั้นเป็นตัวเมียและลูกวัวตัวน้อย ตัวเมียแก่สุดเป็นตัวนำฝูง คอยนำโยกย้ายถิ่นหรือหลบหนีศัตรู ส่วนตัวผู้ตัวโตหรือวัวบาเป็นจ่าฝูง คอยเดินตามฝูงห่าง ๆ หรือเดินตามหลัง เพราะจ่าฝูงจะระวังภัยอยู่ด้านหลัง และคอยไล่ตัวผู้ตัวอื่น ไม่ให้แอบเข้ามาผสมพันธุ์ตัวเมียในฝูง แต่ฝูงนี้มีมากจริง ๆ เกือบ 40 ตัว

วัวแดงคือ 1 ใน 7 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของห้วยขาแข้ง ซึ่งถูกขนานนามว่า Big 7 อันได้แก่ เสือโคร่ง เสือดาว/เสือดำ วัวแดง สมเสร็จ ควายป่า กระทิง และช้างป่า

เข้าป่าห้วยขาแข้งหน้าฝน ซุ่มโป่งรอดูวัวแดง หนึ่งใน Big 7 แบบริงไซด์ห่างไปไม่กี่สิบเมตร

วัวแดงตัวผู้มีน้ำหนัก 800 – 900 กิโลกรัม ตัวเมียมีน้ำหนัก 400 – 600 กิโลกรัม จึงกินใบไม้ใบหญ้าเยอะมาก แต่ละวันกินมากถึง 10 – 20 กิโลกรัม และการที่วัวแดงกินพืชมาก ๆ ก็เป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศ คือช่วยถางหญ้าและพืชชั้นล่างไม่ให้ทึบเกินไป เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้หลายชนิดในป่า

มีเสียงดัง “ฟืด ๆ” ลมเปลี่ยนทิศ วัวแดงสูดกลิ่นในอากาศ มันมีสัญชาตญาณระวังภัยสูงมาก แต่เมื่อไม่มีอะไรผิดสังเกต จึงก้มหน้ากินหญ้า เล่นน้ำต่อไป

สักพักเราเห็นหมูป่าพาลูกสิบกว่าตัว วิ่งข้ามน้ำมากินอาหารใกล้กับฝูงวัวแดง และกวาง 3 ตัวก็ค่อย ๆ เดินมากินหญ้าในพื้นที่เดียวกัน ดูเหมือนสัตว์เหล่านี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ ยกเว้นเมื่อมันได้กลิ่นผู้ล่า โดยเฉพาะเสือโคร่งที่เป็นผู้ล่าอันดับหนึ่งบนห่วงโซ่อาหาร

ศัตรูสำคัญของวัวแดงคือเสือโคร่ง เวลาล่าเหยื่อ มันจะกระโดดตบและกัดคอหอยวัวแดงจนเหยื่อขาดใจตาย แล้วจะเลือกกินเครื่องในก่อน กัดท้อง ลากไส้และกระเพาะออกมากิน เพื่อไม่ให้ซากเน่าเร็ว แล้วค่อย ๆ ลากเอาไปซ่อนในป่ารกทึบ ค่อย ๆ กินเนื้อส่วนขา สะโพก อก หัว กินหมดทั้งตัวเหลือแต่กระดูก แถวนี้มีลูกวัวแดงหลายตัวที่ถูกเสือกิน

เข้าป่าห้วยขาแข้งหน้าฝน ซุ่มโป่งรอดูวัวแดง หนึ่งใน Big 7 แบบริงไซด์ห่างไปไม่กี่สิบเมตร

เสือโคร่งคือผู้ล่า คือศัตรูตัวฉกาจของวัวแดง ด้วยขนาดความใหญ่โตของวัวแดง หากเสือโคร่งล้มวัวแดงได้ แสดงว่าเสือโคร่งมีความแข็งแรงมาก อันเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของเสือโคร่งด้วย

ดังนั้น การมีวัวแดงชุกชุม จึงเท่ากับความสำเร็จในการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่ง

จากการสำรวจวิจัยเสือโคร่งในป่าตะวันตกบริเวณนี้ ระยะเวลา 10 ปี พบว่าประชากรเสือโคร่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 42 ตัว เป็น 79 ตัว ถือว่าเป็นแหล่งสำคัญของโลกที่มีการอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่ในธรรมชาติจนประชากรเสือเพิ่มขึ้น

ระบบนิเวศในธรรมชาติมีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อน เริ่มตั้งแต่พืชได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์ดวงหนึ่งในจักรวาลชื่อดวงอาทิตย์ พืชเปลี่ยนแปลงพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์ เป็นพลังงานในรูปสารอาหารเก็บไว้ แล้วถ่ายทอดไปยังสัตว์กินพืชที่มากิน จากนั้นพลังงานจากสัตว์กินพืชก็จะถูกถ่ายทอดไปยังสัตว์กินเนื้อ พอสัตว์เหล่านี้ตายไปก็ถูกย่อยสลายเป็นปุ๋ย ทำให้พลังงานมีการหมุนเวียน ช่วยให้ระบบนิเวศป่าดำรงอยู่ได้

เคยมีการบันทึกภาพซากวัวแดงที่เสือโคร่งกินไม่หมด พบว่าอาคันตุกะที่มากินซากสัตว์ นอกจากเสือโคร่งแล้ว ยังมีหมีควาย หมาจิ้งจอก อ้น เม่น ไก่ป่า และชะมด รวมถึงหนอน แมลง แบคทีเรีย ได้ช่วยกันย่อยสลายซากวัวแดงหนักครึ่งตันจนหมดสิ้น

สิ่งมีชีวิตกำเนิดมาจากผืนดิน สุดท้ายก็กลับสู่ผืนดินเช่นเดิม

Writer & Photographer

Avatar

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

นามปากกา วันชัย ตัน นักเขียนสารคดี นักวิจารณ์สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมก่อตั้งและบรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี อดีตรองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งประเทศไทย (THAIPBS) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ PPTVHD36 มีผลงานเขียนตีพิมพ์เป็นหนังสือ 28 เล่ม เป็นนักเดินทางตัวยง จากความเชื่อที่ว่า การใช้ชีวิตให้มีความสุขควรประกอบด้วยสามสิ่ง คือ ทำงานที่ใจรัก ช่วยเหลือคนรอบข้าง และเดินทางท่องเที่ยว