ถ้านี่เป็นบทหนัง สิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้คือภาค 2

เกือบ 5 ปีก่อน แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล วัย 20 ปี สมาชิก GOT7 เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ทะยานขึ้นประดับทำเนียบดารา เขาให้สัมภาษณ์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนออกไปพบปะแฟนคลับไทยจำนวนมหาศาล ภาพและเสียงแฟน ๆ กู่ร้องอึงอลยังคงติดหูติดตา 

ตัดภาพมาปัจจุบัน เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยความเงียบ ขณะที่เราต่อสายโทรข้ามคาบสมุทรไปหาซูเปอร์สตาร์เกาหลีในบ่ายวันหนึ่ง 

แม้ไม่ได้พูดคุยกันต่อหน้า สิ่งที่เราได้ทดแทนมาคือเวลาอันแสนมีค่า กว่าจะได้บทสนทนา 45 นาทีที่คุณกำลังจะได้อ่าน เรื่องนี้ใช้เวลาบ่ม 5 ปี ผ่านวิกฤตโรคระบาดที่ยาวนาน ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างการย้ายค่าย และออกผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยว กว่าดาวดวงนี้จะโคจรกลับมาที่ก้อนเมฆอีกครั้ง 

แบมแบม GOT7 ที่อยากใช้ชีวิตเป็นมนุษย์แบมแบมให้มากขึ้นเป็นอย่างไร เรื่องราวชีวิต การงาน ความผิดพลาด การต่อสู้ บ้าน ความฝัน และก้าวต่อไปของชีวิตเด็กหนุ่มที่เติบโตสู่วัยผู้ใหญ่เข้มข้นขนาดไหน 

เล่าแบบสั้นมาก ๆ บอกได้ว่า ‘โตขึ้นมากเลยนะ’ 

ส่วนฉบับยาว ๆ ไปฟังจากปากกันต์พิมุกต์ ศิลปินเจ้าของอัลบั้ม B, Friend of UNICEF ที่ขับเคลื่อนเรื่องเด็ก, Brand Ambassador ของทีมบาสเกตบอล Golden State Warriors และจ่าฝูงของมวลแมว ให้เขาเล่าด้วยตัวเองดีกว่า 

จับเข่าคุยกับ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ถึงบ้าน ชีวิต ความฝัน และบทบาทศิลปินเดี่ยว

Fast forward and imagine

เราเคยคุยกันในปี 2017 ตอนนั้นแบมแบมย้อมผมแดง 

โห นานมากแล้ว ตอนนั้นน่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมกลับไทยคนเดียวครับ ตอนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แต่ยังไม่แก่ (หัวเราะ) เอาเป็นว่ายังเรียกได้ว่าวัยรุ่นอยู่ครับ

วันนั้นแบมแบมเคยบอกว่า ความฝันของผมก็คือการเป็นแรงบันดาลใจด้านการทำงานให้คน 5 ปีถัดมา ความฝันนี้ยังเหมือนเดิมไหม

ครับผม เป็นส่วนหนึ่งมาตลอดครับ ผมว่ามันก็เป็นจริงขึ้นมาในระดับหนึ่ง แฟนคลับหลายคนเข้ามาแชร์ หลายคนเรียนจบด้วยเกรดที่เขาอยากได้ เด็กที่จบมัธยมแล้วได้เข้ามหาวิทยาลัยที่อยากเข้า และคนที่เรียนมหาลัยอยู่ ตอนนี้ซื้อบ้านให้คุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว เขามาบอกผมว่าขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจให้นะ

แบมแบมวันนั้น กับแบมแบมวันนี้ มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด

ตัวผมก็เปลี่ยนหลายอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดหรือว่าการทำงาน การคบคนรอบข้างก็เปลี่ยนไปครับ เมื่อก่อนด้วยความที่ยังเป็นเด็ก เป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ ดูคนไม่ค่อยออกว่าคนที่เข้ามาเป็นเพื่อนเขาจริงใจ หรืออยากได้แค่ผลประโยชน์จากเรา แต่ว่าพอใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ แล้วได้เจอหลาย ๆ คน หลาย ๆ ประเทศ ก็เหมือนจะเริ่มดูออกบ้างแล้ว เพราะสภาพแวดล้อมรอบตัวผมก็เปลี่ยนไปด้วยครับ

2 ปีที่ผ่านมาหลังจากผมย้ายค่ายนี่ก็รู้สึกตัวเองเติบโตขึ้นในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะการทำงาน การจัดการชีวิตส่วนตัว การจัดการเวลา เพราะช่วงโควิดนี่มีเรื่องกักตัวด้วย ชีวิตการทำงานก็เปลี่ยนไปหมดเลยครับ พอมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น ก็พยายามใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองครับ

ใช้เวลาอย่างไรให้คุ้มค่า

ช่วงโควิดปีแรกนี่ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากพักผ่อนหรือนอนอยู่บ้านเจ็ดแปดเดือน ผมก็เลยเริ่มตื่นเช้ามาออกกำลังกาย จากที่ไม่เคยออกกำลัง เวลารู้สึกดาวน์ ๆ ก็ออกกำลังกาย แล้วก็ทำสิ่งใหม่ ๆ ที่แบบผมไม่เคยทำมาก่อนครับ เช่น แต่งเพลงเองที่บ้านแทนที่จะไปสตูดิโอ แล้วก็มีงานอดิเรกใหม่ ๆ จากที่เป็นคนไม่เล่นเลโก้ ก็ซื้อมาเล่นบ้าง คือเวลาที่อยู่เฉย ๆ นาน ๆ ผมยังอยากให้สมองผมได้ใช้งานหน่อยอะครับ เอามาต่อบ้างอะไรบ้างก็ช่วยเรื่องสมาธิ 

แบมแบมผ่านช่วงเวลาโรคระบาดมาได้ยังไงบ้าง

การมีโควิดทำให้รู้สึกว่าไม่ว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหน ฐานะไหน ประเทศไหน อะไรก็ตาม เราเจอปัญหาเดียวกันคือเจอคนไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน ทุกคนต้องอยู่บ้าน ใครเป็นโควิดก็ต้องกักตัวเหมือน ๆ กัน มันเตือนใจเราว่าทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน 

ผลกระทบที่ผมเจอจริง ๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน อย่างคอนเสิร์ตที่สนามราชมังคลาฯ ที่ต้องยกเลิกไป เสียดายมากครับ แล้วงานหลาย ๆ ตัวก็โดนยกเลิกไป ตอนแรกก็ไม่ชินครับ เวลาทำงานโชว์ออนไลน์แล้วไม่มีคนดูจริง ๆ อยู่ด้วย แต่ว่าพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพราะว่าเราทำอะไรมากไม่ได้ 

สิ่งที่อยากทำที่สุดหลังจบช่วงโควิดคืออะไร

อยากกลับมาเล่นคอนเสิร์ตแบบมีคนดูครับ แล้วก็อยากไป World Tour อีกรอบ เพราะผมยังได้กลับไทย เจอแฟนคลับไทย แต่ว่าแฟนคลับต่างประเทศไม่ได้เจอผมมานาน แล้วก็อยากจัดคอนเสิร์ตที่เกาหลีด้วยครับ เพราะว่าผมไม่ได้โชว์แบบมีคนดูที่เกาหลีมานานพอสมควร คอนเสิร์ตน่าจะเป็นสิ่งที่คิดถึงมากที่สุด

ความฝันของแบมแบมคือการเป็นศิลปินเกาหลี ซึ่งเป็นจริงตั้งแต่อายุยังน้อยมาก แล้วความฝันบทต่อไปของกันต์พิมุกต์คืออะไร

เอาจริง ๆ ก็ยังอยู่ในด้านนี้นะครับ อยากให้ทุกคนยอมรับในความสามารถของผมหรือตัวผมในการเป็นศิลปิน เป็นฝันสูงสุดในตอนนี้ที่กำลังพยายามทำให้เป็นจริงอยู่ครับ 

ความท้าทายของแบมแบมตอนนี้คืออะไร

การสร้างตัวตนหรือสไตล์ดนตรีที่เป็นของผมเองโดยเฉพาะ ผมต้องเป็นผู้นำให้กับคนที่ทำงานรอบข้างผม ทั้งบริษัท ทีมงาน แดนเซอร์ หรือคนที่ฟังเพลง หลังจากที่ย้ายค่ายมาแล้วผมก็เริ่มทำงานคนเดียว ถ้าเกิดผมผิดพลาดคือพลาดเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะมีเมมเบอร์มากลบหรือบังความผิดพลาดของผมให้ ผมเลยต้องพยายามทำทุกอย่างให้ออกมาเพอร์เฟกต์ที่สุด ต้องนำทุกคนให้ทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพครับ

แล้วถ้าผิดพลาดขึ้นมา ปล่อยวางยังไง

ถ้าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดแล้วแก้ได้ ผมก็พยายามแก้ทันที พยายามไม่เลื่อนปัญหาไปแก้พรุ่งนี้ แต่ถ้าผมผิดพลาดบนเวที ซึ่งเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาแก้ไม่ได้ ผมก็ถือว่าเป็นบทเรียนไปครับ ไม่อยากไปคิดมาก พยายามใหม่รอบหน้าให้เราไม่พลาดดีกว่า

ที่เคยบอกว่าอยากให้คนเห็นตัวตนที่แท้จริงมากขึ้น ตอนนี้คิดว่าทำได้แล้วหรือยัง

ทำได้แล้วนะครับ เพราะว่าเดี๋ยวนี้เวลาผมไปออกรายการหรือสัมภาษณ์อะไร ก็พูดสิ่งที่อยู่ในหัวผมตรง ๆ เลย ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ซึ่งหลาย ๆ คนเขาก็รู้สึกได้นะครับว่า เออ จริงใจดีนะ ไม่ได้พยายามพูดอ้อม ๆ หรือเฟก คนที่เห็นเขาก็ชอบความเป็นตัวของตัวเองของผมแบบนี้

ต้องมีเปลี่ยนโหมดไหม อยู่บ้านเราเป็นคนแบบหนึ่ง อาจจะสบาย ๆ พอไปขึ้นคอนเสิร์ต ไปเจอแฟนคลับ ต้องมีโหมดศิลปินทำงานรึเปล่า

ไม่นะครับ มันเป็นนิสัยผมมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่อยากให้คนรอบข้างเขายิ้ม หัวเราะ มีความสุข เวลาผมเจอเพื่อน ๆ ก็อยากให้สนุกเวลาอยู่รอบตัวผม เวลาเจอแฟนคลับผมก็พยายามเอนเตอร์เทนเขาบนเวที เพราะเขาอยากสนุกและมีความสุข แต่เวลาอยู่บ้านคนเดียวไม่ต้องเอนเตอร์เทนใคร ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย คุยโทรศัพท์กับคุณแม่บ้าง แล้วก็พูดกับน้องแมวบ้าง

การมีน้องแมวอยู่ด้วยช่วยเติมพลังให้ชีวิตไหม

ช่วยครับผม ช่วยมาก ๆ เลย แล้วก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมโตขึ้นเยอะเลย หลังจากที่เลี้ยงมา รู้สึกว่าตัวเองมีความรับผิดชอบมากขึ้น จากที่ทำงาน ไม่สนใจสุขภาพเลย ทำเพลงแล้วกลับบ้านประมาณตี 2 ตี 3 ผมก็ต้องจัดเวลาการทำงานให้ดีขึ้น เพราะต้องรีบกลับมาให้อาหารน้องแมว ซึ่งพอกลับบ้านเร็ว ผมก็ได้พักเร็ว ได้นอนเร็วขึ้น สุขภาพผมก็ดีขึ้น

งั้นแบมแบมพูดได้เต็มปากไหมว่าเราคือทาสแมว

ผมว่าแมวเป็นทาสผมมากกว่า (หัวเราะ) คือน้อง ๆ เขาไม่ได้มีนิสัยหยิ่ง แบบฉันเป็นเจ้าชายนะ น้องแมวส่วนใหญ่ก็จะอ้อน เวลาผมไปไหนเขาก็จะเดินตามผม มีแค่วันที่ผมให้อาหารช้าหน่อย เขาก็จะมาเรียกครับ 

งั้นสรุปว่าเป็นคนติดแมวหรือแมวติดคน 

แมวติดคน ผมเป็นจ่าฝูงครับ

จับเข่าคุยกับ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ถึงบ้าน ชีวิต ความฝัน และบทบาทศิลปินเดี่ยว
จับเข่าคุยกับ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ถึงบ้าน ชีวิต ความฝัน และบทบาทศิลปินเดี่ยว

Shining like a star, ’cause you know you are

ถ้า Video Call Fansign กับใครก็ได้บนโลกนี้ อยากคุยกับใคร เรื่องอะไร

(หัวเราะ) ผมอยากคุยกับ อีลอน มัสก์ อยากถามว่าจะไปดาวอังคารได้เมื่อไหร่ นั่นคือฝันที่สูงสุดในชีวิตผมเลยครับ ถ้าเกิดผมหมดอายุขัยแล้ว อยากไปอยู่ดาวอังคาร

แสดงว่าชอบอวกาศ

ใช่ครับ ผมชอบเรื่องลึกลับ ชอบพวก UFO, Area 51 อะไรแบบนี้มานานแล้ว

ใครคือคนที่ให้โอกาสความฝันของแบมแบมมาเสมอ คนที่รู้สึกอยากจะขอบคุณมากที่สุด 

มีหลายคนนะครับที่ผลักดันผมมาอยู่ตรงนี้ ส่วนใหญ่มาก ๆ ในชีวิตของผมก็ครอบครัว พ่อแม่สนับสนุนความฝันนี้ของผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาไม่เคยคิดว่าความฝันอยากเป็นศิลปินเกาหลีมันไกลไปหรือว่าไร้สาระ พวกเขาผลักดันมาตลอด ต่อมาก็เป็นเมมเบอร์ GOT7 เราผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน เจอเรื่องดีบ้างไม่ดีบ้าง มากสุดเราก็ทะเลาะกัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังเป็นครอบครัวที่สองของผม ที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้ วันนี้เราก็ยังไม่ได้แยกวงกัน ถึงแม้เราจะย้ายค่าย อยู่กันคนละบริษัท 

ส่วนที่สามคือทั้งสองค่าย ทั้ง JYP Entertainment ที่ยอมรับผมและให้โอกาสผมได้เดบิวต์ และตอนนี้ก็ต้องขอบคุณบริษัทใหม่ ABYSS Company ที่ซัพพอร์ตเต็มที่ พยายามทำให้ผมได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดีสุด ได้เจอกับคนดี ๆ แล้วก็ได้ทำงานกับคนเก่ง ๆ ครับ แล้วก็ขอบคุณพี่วุธ 4NOLOGUE (อนุวัฒน์ วิเชียรณรัตน์) ที่เปิดโลกของวงการบันเทิงไทย เขาสอนผมมาเยอะมาก นอกจากการทำงานแล้วยังสอนแนวคิดอะไรต่าง ๆ เยอะมากเลย

พอเริ่มมาทำงานในสองประเทศ อะไรคือความแตกต่างที่วงการไทยไม่เหมือนเกาหลี

จริง ๆ ก็ไม่ถึงขั้นแตกต่างกันขนาดนั้น น่าจะเป็นสไตล์การทำงานเฉย ๆ ครับ ผมอยู่เกาหลีมานาน ช่วงแรก ๆ ที่ได้กลับมาทำงานที่ไทย ผมไม่รู้ว่าระบบของเมืองไทยเป็นยังไง คนชอบฟังชอบดูอะไรกันก็ไม่ค่อยรู้ ตอนแรก ๆ ที่ได้ทำงานกับ 4NOLOGUE ได้เจอพี่วุธ ประธานบริษัทของ 4NOLOGUE เขาเป็นพี่ชายที่ดีมาก ๆ เลยนะครับ สอนผมเรื่องการทำงาน แนวคิด การเป็นอยู่ แล้วก็สอนวิธีใช้ตังค์ด้วยครับ (หัวเราะ) เงินที่ผมได้มันเป็นก้อนใหญ่สำหรับวัยเท่านี้ เขาก็พยายามเตือนว่าอย่าใช้มั่วซั่วหรือใช้ฟุ่มเฟือย 

เจอคนดี ๆ หลายคนเหมือนกัน

ใช่ครับ หลายคนอยู่กับผมแล้วก็จริงใจกับผมมาตลอดเจ็ดแปดปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้หวังเรื่องตัวเลขอะไรจากผม แต่อยากให้ผมมีความสุขกับการทำงาน อยากให้ผลงานออกมาดี แล้วก็ให้ผมสุขภาพแข็งแรง มีความสุข เขาหวังในสิ่งที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยจะให้ผม… คนพวกนี้เขาจะบอกผมอีกแบบหนึ่งว่า เหนื่อยก็พักบ้าง ถ้าเกิดทำงานหนักไปไม่ไหวก็บอกค่ายให้แคนเซิลงานบ้างก็ได้นะ งานไม่ใช่ทุกอย่าง 

ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองเมื่อไหร่ว่างานไม่ใช่ทุกอย่าง 

ตอนที่รู้สึกจริง ๆ เลยก็น่าจะตอนโควิดครั้งแรก พอไม่มีงาน ผมอยู่บ้านแล้วไม่มีอะไรจริง ๆ มีแต่แมว เจอครอบครัวก็ไม่ได้ เจอเพื่อนก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ผมเลยคิดได้ว่าถ้าเกิดเราดูแลตัวเองให้ดีมาเรื่อย ๆ เราคงมีอะไรทำมากกว่านี้ เพราะว่าในหัวมันคิดแต่งาน พองานหายก็ทำอะไรไม่ได้เลยครับ

ตอนนี้เริ่มแบ่งชีวิตไปสนใจอะไรบ้าง 

เยอะนะครับ ถึงจะเหนื่อย ผมก็จะหาเวลากินข้าวกับคนที่ทำงานร่วมกับผม เจอคนทำเพลงนอกเวลา ไม่คุยเรื่องงานแต่คุยเรื่องส่วนตัวกันบ้าง ซ้อมเสร็จก็ชวนพี่ ๆ แดนเซอร์ว่ากินข้าวกันไหมครับ พยายามใช้ชีวิตนอกจากการเป็นแบมแบม GOT7 เป็นชีวิตมนุษย์แบมแบมให้มากขึ้นครับผม

ดีจังเลย รู้สึกว่าแบมแบมโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย

ไม่หรอกครับ (หัวเราะ)

สมมติว่าเด็กชายแบมแบมไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตของเรน คิดว่าความฝันของแบมแบมคนนั้นจะเป็นยังไง แล้วตอนนี้แบมแบมคนนั้นทำอะไรอยู่

ก่อนที่ผมจะมีความฝันเป็นนักร้อง ผมชอบพวกอินทีเรียดีไซน์มาก ๆ ชอบแต่งบ้านครับ ถ้าผมไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตในวันนั้นจริง ๆ ตอนนี้คงทำงานด้านอินทีเรีย ไม่ก็ Video Editor หรือไม่อาจทำงานในสวนสัตว์ก็ได้นะครับ ผมชอบสัตว์มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว 

พอพูดเรื่องอินทีเรียก็เลยอยากรู้ว่าบ้านที่อยู่ตอนนี้ แบมแบมตกแต่งเองด้วยหรือเปล่า

(เสียงภูมิใจ) ตกแต่งเองหมดเลยครับ ไม่ซื้อเฟอร์นิเจอร์แบรนด์สักอันเลย ยกเว้นครัว อันนั้นมันช่วยไม่ได้ แต่อย่างอื่นผมวาดรูปบ้าง เอา Reference ที่อื่นมาบ้าง ถ้าสั่งทำมันจะได้ไม่เหมือนใคร แล้วก็ได้อย่างที่ผมอยากได้ด้วย

สไตล์บ้านที่ชอบเป็นแบบไหน

ผมชอบอะไรเหลี่ยม ๆ ครับ ไม่ชอบอะไรที่มันกลม ๆ ชอบบ้านที่โล่ง เรียบร้อย แต่ว่าดูเต็ม เวลาเข้าบ้านแล้วไม่รู้สึกว่า เฮ้ย ของเยอะแยะไปหมด คือโล่งแต่มีของทั้งหมดที่ต้องใช้ โซฟา ทีวี อะไรก็ครบ แล้วก็ต้อง Cozy ภาษาไทยเรียกว่าอะไรนะครับ

อบอุ่น

ใช่ครับ อบอุ่นแต่ว่ามีความเป็นโมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์ข้าวของในบ้านผมถือว่าอยู่ไปชั่วชีวิต ต้องใส่ใจทำออกมาดี ๆ พรมก็ไปเลือกเนื้อผ้าเอง เลือกขนาดเอง โซฟาก็เลือกเนื้อผ้ากับดีไซน์เอง โต๊ะผมก็เลือกสีเอง

เฟอร์นิเจอร์หนึ่งอย่างในบ้านที่แบมแบมออกแบบเอง แล้วภูมิใจที่สุดคืออะไร

โต๊ะที่ตั้งทีวีครับ ห้องนั่งเล่นผมมีโซฟา มี Coffee Table อยู่ตรงกลาง แล้วก็มีโต๊ะตั้งทีวี ผมออกแบบแบบ Full Option เลือกไม้สีดำเอง เลือกขนาดเอง มีทีวี มีฟิกเกอร์ ข้างหลังมีลำโพง ด้านซ้ายเป็นตู้เก็บไวน์ นอกจากนั้นก็มีเก๊ะใส่ของเปิดปิด ตรงกลางเป็นเครื่องพ่นไอน้ำ ที่ทำให้อากาศไม่แห้งตอนหน้าหนาว ซึ่งเปลี่ยนสีไอน้ำได้ เป็นทรง Fireplace สวยครับ ทุกอย่างอยู่ในตู้เดียว เซฟพื้นที่ 

พิถีพิถันมาก ไม่ใช่ทุกคนที่ทำขนาดนี้ การมีบ้านสวยเป็นหนึ่งในความฝันด้วยหรือเปล่า 

ใช่ครับผม 

No hesitation, just motivation

การเป็น Friend of UNICEF ทำให้ได้ค้นพบอะไรใหม่ ๆ บ้าง 

อย่างแรกเลยผมได้เรียนรู้สังคมของเด็ก ๆ ไม่ใช่แค่เด็กไทยแต่ว่าทั่วโลก ผมทำงานด้านที่ห่างไกลกับตรงโน้นมาก ๆ บางทีผมก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสจริง ๆ พอรู้แล้วคนละโลกกันเลย 

สิ่งที่ผมอยากทำมาก ๆ คือลงพื้นที่ ผมสนใจโปรเจกต์ความรุนแรงกับเด็ก ข่าวมันออกมาเกือบทุกวันจนหลายคนเริ่มชิน ไม่ค่อยสนใจตรงนี้เท่าไหร่ ผมว่าถ้าอยากให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพจริง ๆ เราต้องไม่ใช้ความรุนแรงกับเด็กนะ อีกเรื่องคือความฝันของเด็กหลาย ๆ คน เราควรสนับสนุนความฝันของเด็ก ไม่ใช่ไปสั่งเขาทำโน่นทำนี่ ให้เขาเคลื่อนไหวตามที่เขาอยากเป็น หลาย ๆ แคมเปญที่ผมได้ทำจะเกี่ยวกับวัยรุ่น การได้ทำตามความฝัน และการยุติความรุนแรงต่อเด็ก 

สนทนากับ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล เรื่องราวชีวิต การงาน บ้าน ความฝัน และก้าวต่อไปของชีวิตที่เติบโตสู่วัยผู้ใหญ่

คิดว่าเด็ก ๆ เยาวชนไทยควรได้สิทธิและโอกาสอะไรเพื่อให้ที่ความฝันเป็นจริง

อย่างแรกเลยเรื่องพื้นฐานที่เด็กทุกคนควรได้รับเหมือนกัน เช่น อาหารที่ดี การดูแลเอาใจใส่ การศึกษาที่มีคุณภาพ สภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เขาพร้อมจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เขาถึงจะทำสิ่งอื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องมานั่งห่วงสภาพแวดล้อมของเขาหรืออะไรครับ

อัปเดตผลงานล่าสุดให้ฟังหน่อยได้ไหม

อัลบั้มล่าสุดที่ออกมาชื่อ ‘B’ มี 6 เพลงครับ แล้วก็ได้เป็น Global Brand Ambassador ของ NBA ทีม Golden State Warriors อันนี้ใหม่แล้วก็ท้าทายมากครับ ผมรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็พยายามทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด ในอนาคตเดี๋ยวจะมีอะไรดี ๆ ออกมาเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับงานนี้ด้วย อยากให้ทุกคนติดตามดูครับ ไม่อยากสปอยล์

งั้นพอเล่าให้ฟังได้ไหม ว่าความประทับใจต่อโลกของกีฬาคืออะไร

อย่าง NBA ผมเป็นคนชอบดูบาสมาตลอดเลยครับ แทบจะไม่ดูกีฬาอื่นเลย เตะบอลผมก็ไม่ชอบ ตีแบด ตีเทนนิสก็ไม่ค่อย กอล์ฟก็ไม่เคยลอง ตอนเด็ก ๆ ที่ย้ายมาอยู่เกาหลี ทางค่ายอยากให้ผมสูง เลยส่งผมไปเรียนบาสเกตบอล ตอนนั้นเป็นตอนแรกที่เข้าถึงบาสแล้วก็เริ่มชอบบาสครับ และผมก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีโอกาสแบบนี้เข้ามา ซึ่งทีมที่ผมได้เป็น Brand Ambassador เขาเป็นทีมที่มีเรื่องราวเยอะ แล้วก็เก่งมาก ๆ 

วันก่อนเห็นข่าวที่แบมแบมพูดว่าอยากให้สนับสนุนคนไทย ไม่ดูถูกกัน แบมแบมช่วยขยายความให้ได้ไหมว่าหมายความว่าอะไร

หลาย ๆ คนเขาถามผมว่าน้องแบมไปเจออะไรมา เจอคอมเมนต์ที่ไม่ดีหรือเปล่า ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมชิน แล้วก็ไม่แคร์ด้วยครับ ที่ผมพิมพ์ไปไม่ได้เกี่ยวกับผมอย่างเดียวนะ มันเกี่ยวกับคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวผมหลายคน แล้วเขายังโดนคนไทยกันเองดูถูก 

ต่างประเทศเขายอมรับเรื่องการทำงานของศิลปินไทย รวมถึงตัวผมด้วย เรื่องดีไซเนอร์ เสื้อผ้านี่เขาก็ยอมรับแบบดีมาก ๆ ล่าสุดที่ผมปล่อยเพลงกับ พี่กอล์ฟ F.Hero กับ YOUNGOHM ไป ต่างประเทศเขาชอบเพลงนี้มาก ๆ บางคนตกใจว่าคนไทยทำเพลงดีขนาดนี้เลยเหรอ แต่คนไทยกันเองในคอมเมนต์เขาก็ยังดูถูกคนโน้น ดูถูกคนนี้ ผมเห็นมาหลายรอบแล้ว คนรอบตัวผมก็บ่นว่าไม่กล้าลงกัน ผมก็อึดอัดแทนครับ สิ่งที่ผมลงไปมันไม่ได้แค่ด้าน Entertainment อย่างเดียว แต่คนที่เคยไปทำงานต่างประเทศแล้วกลับมาไทย เขาน่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้ว่าเป็นยังไง ผมก็เลยอยากลองมาบอกแทนหลาย ๆ คนครับ 

สนทนากับ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล เรื่องราวชีวิต การงาน บ้าน ความฝัน และก้าวต่อไปของชีวิตที่เติบโตสู่วัยผู้ใหญ่

ภาพ : ABYSS Company

Writer

ภัทรียา พัวพงศกร

ภัทรียา พัวพงศกร

บรรณาธิการ นักเขียน ที่สนใจตึกเก่า เสื้อผ้า งานคราฟต์ กลิ่น และละครเวที พอๆ กับการเดินทาง